로그인“ได้ค่ะ” คุณหนูผู้ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง แต่ก็ไม่เคยกลัวสิ่งใดยกเว้นพ่อกับแม่ ขานรับอย่างกระตือรือร้นแล้วเดินไปหยิบสมุดจดออร์เดอร์พุ่งไปยังโต๊ะลูกค้าที่ยกมือเรียกพอดี
พีรพัฒน์นั่งตรวจบัญชีของร้านอยู่สักพัก ใกล้เสร็จเขาเงยหน้าและมองผ่านกระจกก็แทบจะลุกพรวดเมื่อเห็นพนักงานใหม่วิ่งไปโต๊ะนั้นทีโต๊ะนี้ทีเพื่อรับออร์เดอร์ ลูกค้าเยอะแบบนี้เป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือลูกค้าผู้ชายทั้งหลายที่มองคนรับออร์เดอร์ด้วยสายตาหวานฉ่ำ น้ำลายแทบหก จนเจ้าของร้านต้องรีบลุกออกจากห้อง
เจด้าที่กำลังจะไปรับออร์เดอร์โต๊ะใหม่ถูกพีรพัฒน์จับแขนลากเข้าไปในห้องกระจก อรอุมาเห็นฉากเด็ดเต็มสองตาก็ได้แต่ยกมือปิดปาก ก่อนสั่งให้พนักงานคนอื่นไปรับออร์เดอร์แทน ใช่ว่าเธอจะจำหญิงสาว ในคืนนั้นไม่ได้หรอกนะ แต่ในเมื่อเจ้านายไม่พูด เธอก็ต้องทำไม่รู้ไม่เห็น
สมภารกินไก่วัดคืนนั้นเกิดหิวอีกรอบแล้วสินะ
เจด้ายืนตาแป๋วพร้อมถามชายที่จู่ ๆ ก็ฉุดเธอเข้ามาในห้อง “เจ้านายมีอะไรให้เจนทำหรือคะ”
คนหงุดหงิดเดินไปมา สองมือล้วงกระเป๋าเหมือนอยากถามแต่ ไม่กล้า แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว
“ทำไมเธอถึงปฏิเสธฉัน”
ปฏิเสธเรื่องอะไร เจด้าพยายามนึกก็นึกไม่ออก
“เจ้านายหมายถึงอะไรคะ”
“ก็เรื่องที่ฉันเสนอให้เธอมาเป็น...”
อ้อ ที่แท้เรื่องนั้นเอง เจด้าตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
“แล้วจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ”
เป็นคำตอบที่กวนประสาทเขายิ่งกว่าเดิม พีรพัฒน์ย่างเท้าเข้าไปใกล้หญิงสาว เธอหันมองแผ่นหลังที่ชิดประตู ไม่มีทางหนี
“หรือเธอมีเสี่ยเลี้ยงอยู่แล้ว”
“เสี่ยไหน เสี่ยนี่หมายความว่ายังไง” คนมาจากเมืองนอกถาม เธอไม่ได้ตั้งใจจะกวน แต่ไม่รู้ความหมายจริง ๆ
ทว่านั่นกลับทำให้คนฟังยิ่งโมโห “เมื่อคืนฉันเห็นนะว่ามีรถหรูมาจอดที่หอพัก แถมมีหอมแก้มกันด้วย”
“อ้อ เจ้านายหมายถึงลุงลูคัสหรือคะ”
คำว่าลุงทำให้คนที่อายุใกล้ลุงใจชื้นขึ้นมา “สรุปเขาเป็นลุงของเธอ?”
เจด้าพยักหน้า ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง “เจ้านายมีธุระอะไรอีกไหมคะ ถ้าไม่มี เจนจะได้ไปทำงานต่อ เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าเจนอู้”
หญิงสาวว่าพลางทำท่าจะเดินออกไป แต่ชายหนุ่มเอามือดันประตูไว้ร้องห้าม
“เดี๋ยว!!”
อะไรอีกล่ะเนี่ย วันนี้ดูเขาแปลก ๆ ชอบกล
“เธอไปทำงานในครัวดีกว่า”
“หา!! แต่เจนทำอาหารไม่เป็น”
พีรพัฒน์ทำท่าครุ่นคิด “งั้นไปล้างจาน”
“หา! อะไรนะ!!!” เจด้าร้องเสียงหลง เธอทำอะไรผิดเนี่ย ทำไมถึงถูกลงโทษแบบนี้
ล้างจานจนมือเปื่อย กว่าจะหมดก็เกือบเที่ยงคืน ใจอยากกลับถึงหอพักเร็ว ๆ เพื่อนอนเอาแรง พรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้าไปเรียนอีก ถึงตอนนี้เจด้าเริ่มสำนึกแล้วว่าเงินแต่ละบาทไม่ได้มาง่าย ๆ
ถ้าโทร.ไปขอโทษแม่บอกว่าสำนึกผิดแล้ว แม่จะให้อภัยและรับเธอกลับบ้านเลยไหมนะ
เจด้าเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพนักงาน เมื่อเดินออกมาก็เห็นรถเจ้านายจอดรออยู่หน้าร้าน กระจกถูกลดลงพร้อมเสียงเข้มที่ดังลอยมา
“ขึ้นรถ!!”
ทำไมรู้สึกคุ้น ๆ นิสัยแบบนี้นัก เธอนึกได้แล้ว ที่บ้านมีอยู่สองคน หนึ่งคือพ่อ อีกคนคือมาร์กัส น้องชาย ส่วนมาร์คัสแม้จะได้นิสัยจากพ่อ แต่ก็ไม่เคยออกคำสั่งกับเธอแบบนี้
สุดท้ายเจด้าจำต้องขึ้นรถ ก็ดีเหมือนกัน ไม่มีแรงจะเดินแล้ว ทว่าด้วยความเคยชิน เธอจึงเปิดประตูหลังแล้วขึ้นไปนั่ง คนที่อยู่ด้านหน้า หันมามอง
“เฮ้ มานั่งหน้าสิ ฉันไม่ใช่คนขับรถของเธอนะ”
อ้อ ลืมไป เจด้านึกได้จึงเปลี่ยนไปนั่งเบาะหน้าแทน ภาพทั้งหมดอยู่ในสายตาของอรอุมาที่รีบปิดประตูถอยกลับเข้าไปร้าน ทำเหมือนว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ สิ่งที่เธอทำก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
“พี่อร ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ” กฤติกรหรือนายเกมส์สะกิดหลังของอรอุมาจนเธอสะดุ้ง ก่อนจะรีบมายืนขวางทาง
“นายทำงานเสร็จหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“แน่ใจนะ”
“โธ่..พี่อร ผมง่วงจะแย่แล้ว ปล่อยให้ผมไปนอนเถอะ” กฤติกรผลักอีกฝ่ายเบา ๆ แล้วเปิดประตูเดินออกจากร้าน อรอุมาพ่นลมออกจากปาก โล่งใจที่รถของเจ้านายขับออกไปแล้ว
“เจ้านายจะไปไหนคะ” เจด้าถามเมื่อรถขับผ่านหอพักของเธอไป
พีรพัฒน์ที่ใจลอยหันมามองคนถาม “อยู่กับฉันสักพักเถอะ ฉันไม่อยากอยู่เดียว” เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเรียกหญิงสาวขึ้นรถ
เจด้านึกถึงเรื่องที่อีกฝ่ายเพิ่งเสียน้องชายไป รู้สึกเห็นใจจึงพยักหน้า ปล่อยให้เขาขับขึ้นทางด่วน จุดหมายปลายทางจะเป็นที่ไหนเธอก็ ไม่แน่ใจ ประกอบกับความเหนื่อยล้าจากการเรียนและทำงานทำให้เธอเผลอหลับ
คนขับมองป้ายที่จะมุ่งหน้าไปทางสายใต้พลางเหลือบดูคนข้าง ๆ หรือว่าจะพาเธอหนีลงเกาะไปด้วยเลยดีไหมนะ ไหน ๆ เขาก็ละสายตาจากเธอไปไม่ได้
ครั้นนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายยังเป็นนักศึกษา เขาก็หยุดความคิด เมื่อลงจากทางด่วนก็จอดรถที่ข้างทาง อันที่จริงเขาแค่ต้องการอยู่กับเธออีกสักหน่อย
เสียงวิทยุบรรเลงเพลงรัก เขาเหลือบมองเธอ ทว่าเสียงโทรศัพท์ ดังขึ้นปลุกเขาจากภวังค์ พีรพัฒน์เปิดอ่านข้อความ
“ฉันเจอภาพผู้หญิงสองคนที่แกตามหาแล้ว ดูเหมือนจะถ่ายไว้ได้คนหนึ่ง ไม่ได้ถูกลบออก”
คนที่ส่งมาคือนักสืบที่เขาให้ตามเรื่องนี้ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำงานได้รวดเร็ว เขาไม่รอช้า รีบเปิดดูภาพผู้หญิงในมือถือ
พีรพัฒน์กดซูมเข้าออกหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจ ก่อนหันไปมองคนที่นอนหลับอยู่ข้าง ๆ ความรู้สึกเขาตอนนี้แทบบ้า เธอนี่เองที่ทำให้พีรพล ต้องตาย!!
จากที่คิดเอ็นดูก็กลายเป็นความแค้น สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม สองมือจับพวงมาลัยแน่น ตัดสินใจขับมุ่งหน้าสู่ภูเก็ตทันที
“มีกะปิ หอมแดง พริกสด น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ ใส่กุ้งสดลงไปด้วยอร่อยเหาะเชียว”มือคนถือถ้วยน้ำชุบหยำนิ่งค้างอยู่นานก่อนวางลง เธอมองมือตัวเองที่เริ่มขึ้นผื่นสีแดง สีหน้าแววตาตะลึงของเด็กสาวทำให้คนแก่ตกใจ “หนูเจน เป็นอะไรลูก”“จะ..เจน” เสียงเจด้าเหมือนคนหอบ “เจนแพ้กุ้ง” จากนั้นเจ้าตัวก็ล้มลง คนงานที่เห็นต่างตกใจ ป้าเรียมรีบเข้ามาประคอง ปากร้องตะโกน ให้คนงานรีบไปตามนายหัว เพียงไม่ถึงสองนาทีทุกอย่างก็เหมือนระเบิดลงตอนที่พีรพัฒน์มาถึง สภาพของเจด้าเต็มไปด้วยผื่นแดง “ป้า เธอเป็นอะไร”สีหน้าป้าเรียมร้อนใจ รีบบอกประโยคสุดท้ายที่เจด้าพูด “หนูเจนบอกว่าแพ้กุ้งค่ะ”พุตพงศ์ที่มาด้วยรีบพูด “ถ้าเธอรู้ก็แสดงว่าเธอต้องมียาแก้แพ้ ติดตัว ไอ้พี” จบคำพีรพัฒน์อุ้มหญิงสาวกลับไปที่บ้าน วางเธอลงบนเตียง รีบค้นหายาในกระเป๋า เป็นอย่างที่พุตพงศ์พูดจริง ๆ เขาพบกล่องสีขาว เมื่อเปิดออกก็เห็นว่ามีหลอดยาสีขาวสองหลอด“ทำไงต่อ” พีรพัฒน์ถามอย่างร้อนใจ พุตพงศ์รีบหยิบขึ้นมาแล้วฉีดเข้าที่น่องของเจด้า น้ำยาในหลอดหมดแล้ว แต่คนตรงหน้าก็ยังไม่ฟื้นพีรพัฒน์ในตอนนี้ดูร้อนรนเป็นพิเศษ ชมนาถสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ดูสภาพในห้อง
เธอมองกุ้งทะเลตัวใหญ่ แต่ตัวเองแพ้กุ้งเลยวางไว้ก่อน หันไปมองปู หอย และปลา “ป้าเรียมว่าทำอะไรดีล่ะ เจนไม่ค่อยถนัดทำอาหาร ถนัดกินมากกว่า”ป้าเรียมส่ายหน้าอย่างเอ็นดู “นายหัวชอบกินแกงส้มปลาค่ะ เมื่อเช้าคนงานเพิ่งตัดยอดมะพร้าวมาได้ ป้าว่าจะเอามาทำแกงส้ม ปลากะพงยอดมะพร้าว”“เจนไม่ได้กินแกงส้มยอดมะพร้าวมานานแล้วเหมือนกัน”ป้าเรียมค่อนข้างแปลกใจที่หญิงสาวฟังภาษาใต้ออกทุกคำ จึงแกล้งถามกลับ “คุณหนูเคยอยู่ใต้มาก่อนไหมคะ”คนถูกหลอกถามเงยหน้ามองแล้วยิ้ม “เคยค่ะ”“เรื่องนี้นายหัวรู้ไหม”เจด้าเงยหน้าแล้วอมยิ้ม “เรื่องอะไรต้องบอกล่ะ ถ้าบอกไปเขาก็คงหาเรื่องแกล้งให้เจนหน้าแตกน้อยลงแน่”สรุปแล้วตอนนี้ไม่รู้ใครแกล้งใครกันแน่ ป้าเรียมหันมาตำเครื่องแกง เจด้าช่วยล้างหอยแครงก่อนเอาไปต้ม ถ้าได้กินกับน้ำจิ้มแซ่บ ๆ คงอร่อยน่าดูสองคนช่วยกันทำอาหารจนใกล้เสร็จก็ได้ยินเสียงดังจากหน้าบ้าน เจด้าชะโงกไปมองเห็นผู้ชายกับผู้หญิงยืนอยู่ ป้าเรียมวางมือจากทัพพีแล้วชะโงกมองตาม“คุณหลิวกับคุณหมอพุตนั่นเอง”“เขาเป็นใครหรือป้าเรียม”“คุณหลิวเป็นแฟนคุณพลค่ะ ส่วนคุณหมอพุตเป็นเพื่อนสนิทของนายหัว และเป็นหมอที่จะ
ใบหน้าคมเงยหน้ามองเธอ นิ่งเงียบสักพักก่อนพูดต่อ “เมื่อก่อนฉันไม่ใช่คนแบบนี้ แต่เพราะนานวันเข้าก็ฉันเบื่อ” จากนั้นเขาโน้มหน้าลงไปจูบเธอ “แต่พอเจอเธอในคืนนั้น มันก็เหมือนว่าเธอมาปลุกเสือที่จำศีล มานาน ดังนั้นแล้วต่อจากนี้เธอจะต้องรับผิดชอบ”เขาจะโยนให้เธอรับผิดชอบไม่ได้นะ เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เธอจะได้ตื่นขึ้นมาให้เขามีโอกาสทำอีกหรือเปล่า แค่คืนนี้เอวเธอก็จะหักอยู่แล้ว!!เจด้าที่ใกล้จะทนต่อไปไม่ไหวจึงยกมือผลักอกเขาออกไป พีรพัฒน์ที่ยังไม่เสร็จดีจับเธอลงนอนแล้วลุกขึ้น ปล่อยให้เธอได้พักหายใจ ทว่า ไม่ถึงนาทีก็กลับมาพร้อมเชือกไนล่อนสีเขียว“ไม่เอานะแบบนี้” เจด้าพยายามจะลุก แต่เขาที่ไวกว่าขึ้นคร่อมตัวเธออย่างรวดเร็ว จับข้อมือหญิงสาวขึ้นเหนือศีรษะแล้วมัดกับพนักแขนโซฟา“อย่าดิ้น มันจะยิ่งรัดแน่นขึ้น”“ปกตินายหัวชอบแบบนี้เหรอ”“ก็ไม่เชิง แต่คิดว่าคนดื้ออย่างเธอต้องโดนแบบนี้” ในเมื่อเขาทำอะไรเธอไม่ได้ การได้ทรมานเธอแบบนี้คงเป็นการดีที่สุด เขาลุกขึ้นมองผลงานตนเอง จากนั้นส่งท่อนเอ็นจ่อเข้าที่ปากของเธอ“อม” มันจะมากไปแล้วนะ เจด้าเริ่มได้สติก็ไม่คิดจะทำตาม แต่ยิ่งดื้อเขาก็ยิ่งต้องการ เมื่อเธอไ
“แต่ผมเสียวมาก” เสียงแหบพร่าบอกเธอ ขณะที่ท่อนเอ็นกดลึกและย้ำลงไปอีกรอบ ช่องทางเข้าตอดรัดท่อนเอ็นของเขายิ่งสร้างความพอใจ คราวนี้เขาเปลี่ยนมาใช้นิ้วแทรกลงไป“โอ๊ย พอแล้ว” เจด้าสะดุ้งร้องแต่ชายหนุ่มไม่สนใจ ยังใช้นิ้วโป้ง บดขยี้ติ่งเนื้อที่เด่นออกมา ยิ่งกดลงไป แทนที่เธอจะต่อต้าน กลับส่งเสียงครางเหมือนอยากบอกให้เขาเร่งมือขึ้นอีกสองมือเล็ก ๆ ปัดป่ายอยู่บนเตียงหมายจะหาที่ยึดเกาะ จนเมื่อเขาโน้มตัวเข้าไปใกล้ เธอก็ใช้ร่างกายของเขาเป็นที่ยึดเหนี่ยว ฝนยังคงตกลงมาไม่หยุด เสียงฟ้าร้องคราใด เล็บยาวเป็นต้องจิกลงบนเนื้อของเขาจนเป็นแผลทว่าชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกเจ็บ ในทางตรงข้าม มันยิ่งสร้างความพอใจให้เขา เพราะทุกครั้งที่เล็บจิกลงมา เขาจะยกเอวขึ้นแล้วอัดให้แรงกว่าเดิม เสียงเนื้อกระทบเนื้ออย่างต่อเนื่อง จนทำเอาเจด้าหอบหายใจถี่ เธอบอกให้เขาหยุด แต่เสียงสั่น ๆ ฟังแล้วเหมือนจะยิ่งทำให้เขาสอบสะโพกหนักขึ้นกว่าเดิมจนเธอสั่นสะท้านทั้งร่าง สมองว่างเปล่าราวกับลอยอยู่กลางทะเลยามที่คลื่นลมพัดเข้าฝั่งเหมือนมอบความสุขสมให้หญิงสาว หากแต่คลื่นลมแรงตรงหน้านี้ซัดเข้ามาไม่หยุดหย่อน จนเมื่อคลื่นสงบ เธอคิดว่าเขาคงหยุดแล
การกระทำเขาในคืนนั้นแตกต่างกับตอนนี้ราวเป็นคนละคน ในคืนนั้นที่เธอปฏิเสธ เธอเห็นแค่แววตาผิดหวัง แต่นับจากวันที่ชายหนุ่มพาตัวเธอมา เธอกลับเห็นแต่แววตาโกรธแค้น ไม่เข้าใจจริง ๆ เธอทำอะไรให้เขาโกรธขนาดนี้เสียงคลื่นลมด้านนอกทำให้เจด้าหันไปมอง เพียงไม่นานลมพายุได้ก่อตัวขึ้น “ตอนนี้เป็นช่วงมรสุม เดี๋ยวฝนตกเดี๋ยวแดดออก ไม่ค่อยแน่นอน”พีรพัฒน์รีบวิ่งไปปิดหน้าต่างประตูด้านนอก เขากลับมาที่ห้อง ก็เห็นเจด้าซุกตัวอยู่บนที่นอน ดึงผ้าห่มคลุมทั้งตัวจนเกือบมิดหัวทันใดนั้นมีเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยง ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาเคยชิน แต่เสียงกรีดร้องของคนบนเตียงต่างหากที่ทำให้เขาตกใจเจด้ายกมือปิดหูตัวเองก่อนเปลี่ยนเป็นหยิบหมอนขึ้นมาปิด เปรี้ยง!!! คราวนี้ดังกว่าเดิม เกิดมาเขาก็เพิ่งเคยเจอคนกลัวเสียงฟ้าร้องมากขนาดนี้พีรพัฒน์นั่งลงที่ขอบเตียง ดึงผ้าห่มของเธอออก เจด้ายังไม่กล้าลืมตา เขาดึงเธอมากอด สองมือของเจด้าโอบเอวเขาไว้แน่น ซบหน้าลงกับอกของเขา ตัวสั่นเป็นลูกนก“ไม่ต้องกลัวนะ ก็แค่ฟ้าร้อง” แต่ไม่ว่าจะปลอบเท่าไร เจด้าก็ไม่หยุดร้องไห้ ทั้งที่ผ่านมาเธอไม่กลัวอะไรเลย แต่กลับมากลัวเสียงฟ้าร้องเนี่ยนะเขาได้แต่คิดใ
“พูดจบหรือยัง เจด้าจะได้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก”“นี่เธอได้ฟังที่ฉันพูดบ้างหรือเปล่าเนี่ย”เจด้าพยักหน้า “ได้ยินค่ะ”“แล้ว...?”“No เจด้าไม่ชอบทำอะไรแบบนี้” เธอผลักเขาออก คิดจะลงจากโต๊ะที่โยกไปมาจนน่าเวียนหัวนี่ อันที่จริงผู้ชายตรงหน้าทำเธอเวียนหัวกว่าคลื่นทะเลเสียอีก พีรพัฒน์รีบจับมือเธอ ที่ผ่านมาเขาใช้ไม้อ่อนเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในคืนนั้น แต่ตอนนี้เธอแสนดื้อด้าน พูดยากพูดเย็น เขาจึงต้องใช้กำลังบังคับชายหนุ่มกดร่างของเจด้าลงกับโต๊ะ แต่หญิงสาวไม่ยอมใครง่าย ๆ ถ้าเธอไม่ยอมเสียอย่าง ไม่มีใครบังคับได้ หลังจากนั้นตัวกระชังจึงโยกเอนตามแรงต่อสู้ คนงานด้านนอกหันมามองอย่างสงสัยไม่ถึงห้านาทีก็มีเสียงดังตูม “เฮ้ย ฉิบหายแล้ว มีคนตกน้ำ”ภาสกรและลุงคมสันรีบไปเปิดประตู พบว่าคนที่ตกน้ำมีสองคน คนที่กำลังดำผุดดำว่ายคือพีรพัฒน์ส่วนอีกคนหายไป “คุณหนูหายไปไหนครับนายหัว”คนถูกถามไม่ตอบ รีบดำลงไปในทะเล จำได้ว่าเธอตกน้ำเพียง ไม่ถึงวินาที เขาก็กระโดดตามลงมา แต่กลับไม่เห็นร่างของเธอพีรพัฒน์ดำผุดดำว่ายสักพักก่อนโผล่ขึ้นมาบอกคนงาน “ให้คนไปดูรอบกระชังซิ เผื่อลอยไปติดตรงไหน”ลุงคมสันสั่งให้คนกระจายไป