กรี๊ด! ที่ไหนก็ไม่ได้ คนหน้ามึน คนเอาแต่ใจ ตัวไม่ใช่แฟนเค้านะ จะมาจูบเค้าเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้ พลอยไพลินกรีดร้องอยู่ในใจ เธอเป็นสาวมั่น ออกจะก๋ากั่นในสายตาคนอื่นด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงกลับกลายเป็นสาวน้อยไร้ความมั่นใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา พี่โยทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาทำให้เธอหงอ จนพ่อแม่พี่น้องหรือใครๆต่างก็คิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่เก่งทำให้เธอเชื่อฟังได้ ขนาดพี่ชายแท้ๆของเธอยังยอมให้เขาจัดการเธอได้ตามแต่เห็นสมควรเลย ทุกคนเชื่อใจเขาจนเธอหมั่นไส้ เธออยากจะเปิดโปงความจริงว่าเขาไม่ใช่พี่ชายที่แสนดี เขาเป็นพี่ชายที่คิดไม่ซื่อกับน้องสาวอย่างเธอต่างหาก
“พี่โยขยับไปนั่งดีๆสิคะ จะมานั่งเบียดเต็นทำไม” แม้ในใจจะเดือดปุดๆ แต่พลอยไพลินพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ พูดกับเขาดีๆ
“จุ๊บพี่ทีหนึ่งก่อน แล้วพี่จะยอมทำตามที่เต็นบอก”
“พี่โย!” พลอยไพลินถอนหายใจออกมาสุดแรง อยากจะเลื่อนมือขึ้นไปบีบคอเขานัก
วาโยเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง เขายิ้มกรุ้มกริ่ม รอคอยด้วยความมั่นใจว่า หญิงสาวไม่มีทางปฏิเสธข้อเสนอของเขาแน่นอน
พลอยไพลินถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าใกล้ แล้วจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากร้อนผ่าวของคนเอาแต่ใจหนึ่งที คนถูกจุ๊บยิ้มน้อยๆ ดวงตาคู่คมเป็นประกายวาววามมีความสุข ริมฝีปากนุ่มๆเหมือนยาชูกำลัง ทำให้เขาหายเหนื่อยล้าจากการงานได้เป็นอย่างดี
“เด็กดีของพี่” วาโยหอมแก้มเนียนเบาๆให้รางวัลเด็กดี ก่อนเขยิบห่างออกมาเพียงเล็กน้อย เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองคนที่ถูกเขามอบรางวัลให้อย่างอารมณ์ดี
“เอาเปรียบตลอดเลย” พลอยไพลินบ่นอุบ หญิงสาวทำปากยื่น ชำเลืองตามองพ่อเสือหนุ่มรูปหล่ออย่างไม่ไว้ใจ
กว่าคนที่ต้องการกำลังใจในการรับประทานอาหารจะอิ่มหมีพีมันสมอุรา คนที่ต้องนั่งเป็นกำลังใจให้ก็ถอนหายใจทิ้งไปหลายรอบ ไหนจะต้องคอยระวังมือไม้แสนซนของเขาอีก เดี๋ยวจับมือถือแขน เดี๋ยวแตะแก้มแตะหน้าผาก หนักเข้าก็โอบเอวเธอกอดไว้หลวมๆหน้าตาเฉย
“อยากไปเที่ยวไหนต่อไหม” พ่อบุญทุ่มถามอย่างใจป้ำ ขณะที่รอพนักงานมาเก็บค่าอาหารและเครื่องดื่ม พลอยไพลินส่ายหน้าเร็วๆแทนคำตอบ
“ดึกแล้ว เต็นอยากกลับบ้านค่ะ”
“เพิ่งสามทุ่มเองนะ ปกติกลับดึกกว่านี้ไม่ใช่เหรอ” คนรู้ทันถามดักคอ เขารู้ว่าหญิงสาวชอบพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ เธอกลับบ้านดึกประจำ แม้เขาไม่ได้ตามติดเธอทุกฝีก้าว แต่เขาก็ไม่เคยปล่อยให้เธอคลาดสายตา เขาสั่งการให้ทีมงานบอดี้การ์ดฝีมือดีในบริษัททีมหนึ่งทำหน้าที่ติดตามและดูแลเธออยู่ห่างๆมานานแล้ว
“เต็นเป็นเด็กดีแล้ว ไม่กลับดึกแล้วค่ะ” พลอยไพลินรีบแย้ง จะไม่ให้เธอเป็นเด็กดีได้อย่างไร ในเมื่อเขาชอบอ้างเอาเรื่องที่เธอกลับดึกมาเป็นข้อหาในการลงโทษเธออยู่ร่ำไป ครั้งล่าสุดที่เธอท้าทายคำสั่งเขาด้วยการออกไปย่ำราตรีจนล่วงเข้าวันใหม่ เขาก็ตามไปพาตัวเธอออกมาจากผับหรูท่ามกลางสายตาของเพื่อนฝูงหลายคน เขาพาเธอไปส่งที่บ้านก็จริง แต่กว่าเธอจะกลับถึงบ้านในคืนนั้น เธอก็ต้องโดนเขาจูบลงทัณฑ์จนแทบละลายคาอกกว้าง
“ไม่เลย เต็นยังเป็นเด็กดื้ออยู่เหมือนเดิม เต็นขัดคำสั่งพี่”
“มะ...ไม่ได้ขัดคำสั่งสักหน่อย” พลอยไพลินร้อนๆหนาวๆกับสายตาดุที่มองมา เมื่อกลางวันเธอมัวแต่งอนพี่ชายที่เขามอบหมายให้เธอทำงานที่ไม่อยากทำ จนลืมไปว่าพี่โยสั่งห้ามไม่ให้เธอไปไหนมาไหนสองต่อสองกับผู้ชายคนอื่น
“จริงเหรอ ไม่ได้ขัดคำสั่งพี่จริงเหรอครับ” วาโยถามย้ำ เขายิ้มน้อยๆ พลอยไพลินรู้ดีว่า นี่คือยิ้มร้ายของซาตาน เป็นยิ้มพึงพอใจที่จะได้ทำโทษเธออีกแล้ว
“กะ...ก็ไม่จริงค่ะ” เถียงไปก็เข้าเนื้อ พลอยไพลินจึงก้มหน้ายอมจำนน
หลังจากชำระค่าอาหารและเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว วาโยคว้าเอามือนุ่มมาจับไว้ไม่ยอมปล่อย เขาพาหญิงสาวเดินกลับไปยังรถ เปิดประตูให้เธอขึ้นไปนั่งเบาะผู้โดยสารข้างคนขับก่อน พลอยไพลินขืนตัวเล็กน้อย เธอรู้ดีว่าหากขึ้นไปนั่งบนรถแล้วจะเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวหันมามองสบตาเจ้าของรถด้วยสายตาเว้าวอน
“อย่าดื้อครับ” วาโยบอกเสียงนุ่มทุ้ม ขัดกับสายตาคมดุที่มองหญิงสาว
พลอยไพลินร้องไห้โฮอยู่ในใจ กระนั้นก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี เชื่อฟังเขาดีๆ โทษหนักอาจจะกลายเป็นเบาก็ได้ หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อประตูรถปิดลง รู้งี้ไม่โทรเรียกนายภาสกรอะไรนั่นให้มารับไปกินข้าวหรอก...ไม่น่าเลย
“เด็กดื้อต้องทำยังไง” วาโยเอ่ยถามเสียงราบเรียบ เมื่อเข้ามานั่งประจำที่คนขับ ปิดล็อกประตูและสตาร์ตรถเรียบร้อย
พลอยไพลินมองเขาด้วยดวงตาตื่น หญิงสาวเหลียวมองรอบกายอย่างหวาดหวั่น บริเวณลานจอดรถมีเพียงแสงสลัวประกอบกับกระจกติดฟิล์มกรองแสงเกือบทึบรอบคัน ให้ความรู้สึกเหมือนห้องพิพากษาเด็กดื้ออย่างไรอย่างนั้น
“เต็นยอมรับว่าขัดคำสั่งพี่โย เต็นสมควรได้รับการลงโทษ แต่ครั้งนี้ขอละเว้นไปก่อนได้ไหมคะ” พลอยไพลินอ้อนเสียงหวาน ทั้งที่หัวใจเต้นกระหน่ำระรัวแรงอยู่ในอก
“ไม่ได้หรอก เต็นดื้อมาก ขืนพี่ละเว้นโทษคราวนี้ เต็นอาจจะเหลิงจนลืมว่าพี่เคยสั่งไว้ว่ายังไง”
“พี่โย!” พลอยไพลินหน้างอง้ำ หญิงสาวนั่งกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจ อุตส่าห์ยอมอ่อนข้อให้แล้ว เขายังไม่ยอมลดราวาศอกให้ อะไรๆก็มีแต่จะจับจูบ คนบ้า!
“เร็วๆครับ อย่าเฉไฉ” วาโยโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาว เขาใช้นิ้วชี้แตะซ้ำๆที่ริมฝีปากตัวเอง สายตาคมวาววับในความมืดสลัว
พลอยไพลินถอนหายใจ หญิงสาวขยับตัวจงใจกระแทกกระทั้นไม่พอใจ ทว่าคนรอจูบหวานๆจากปากนุ่มๆกลับยิ้มกริ่ม
เมื่อได้รับการส่งสัญญาณว่าป๋าฟ้าหลับแล้ว เขาก็ค่อยย่องขึ้นบ้านแอบเข้าไปหาเธอ หรือบางคืนเธอก็แอบลงไปหาเขา กระต่ายน้อยรู้ว่าพ่อตาคงระแคะระคายเรื่องนี้อยู่ แต่ท่านก็ไม่ว่าอะไร เขาเองก็ตีเนียนทำเป็นไม่พูดถึงเรื่องนี้ เพราะหากมันจะทำให้เขาได้มาเจอเธอทุกครั้งที่มีเวลาว่างจากงานหนักรัดตัว โดยที่ไม่ถูกพ่อตาไล่ตะเพิดกลับไป จะให้เขาซุกหัวนอนตรงไหนเขาก็ยอมเมื่อเข้าไปอยู่ในห้องกับเมียตามลำพัง เขาก็คว้าร่างอวบอิ่มที่ยืนหันหลังให้มากอดไว้แนบอก กระต่ายน้อยวางมือลงบนหน้าท้องนูนป่องของภรรยา เขาลูบเบาๆ แล้วถอนหายใจอย่างเป็นสุข“ลูกดื้อไหม”หนูจ๋าหัวเราะคิกกับคำถามของเขา“ไม่ค่ะ ไม่ดื้อ”“อย่าดื้อให้มากนักนะตัวยุ่ง แม่ยิ่งตัวเล็กๆอยู่” กระต่ายน้อยบอกลูก ทั้งลูบมือไปทั่วหน้าท้องเมียรัก ดูเหมือนว่าตัวยุ่งของเขาจะรับรู้สิ่งที่เขาบอก หน้าท้องนูนใหญ่ของคุณแม่ขยับยุกยิกคล้ายๆกับว่าหนูน้อยในท้องกำลังประท้วงคนเป็นพ่อ ที่บังอาจกล่าวหาว่าดื้อด้วยการทั้งเตะทั้งถีบจนหน้าท้องของคนเป็นแม่บิดเบี้ยวหนูจ๋าเงยหน้าขึ้น หันกลับไปมองสบตา
กระต่ายน้อยฝังใบหน้ากับซอกคอหอมกรุ่น เขาเองก็แทบคลั่ง เมื่อน้องทั้งเอาใจ ทั้งออดอ้อนน่ารัก ชายหนุ่มขยับโยกหนักแน่นรัวเร็ว เร่งแรงผลักดัน เพื่อนำพาน้องและตัวเองไปยังปลายทางบทเพลงรัก เสียงครางแว่วหวานและเสียงครางทุ้มต่ำดังขึ้นต่อเนื่อง จังหวะสอดประสานเร่งเร็วขึ้นเรื่อยๆกระต่ายน้อยกอดรัดร่างนุ่มเต็มอ้อมแขน หนูจ๋าจิกท่อนแขนที่รัดรึงเธออยู่ไว้แน่น สองร่างโยกคลอนไปพร้อมกัน กระทั่งความหวามไหวโอบล้อมสองกาย ปลายทางความสุขสมอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือคว้า กระต่ายน้อยเร่งกระชั้นกายเข้าหา โถมถั่งกลางซอกสาว กระแทกความรู้สึกน้องให้แตกกระจาย หนูจ๋ากรีดร้องระงม ครวญครางเสียงสั่นพร่า ร่างสาวสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรง วาบหวามแปลบปลาบ ซาบซ่านจนแทบขาดใจหลังจากส่งน้องไปยังปลายทางสุขสมแล้ว กระต่ายน้อยเร่งผลักดันระรัวเร็ว ตัวตนแห่งชายโจนจ้วงเร่งเร้าไม่หยุดหย่อน กระทั่งถึงจุดสิ้นสุดความอดกลั้น กระต่ายน้อยฝังใบหน้าลงกับซอกคอน้อง เขาดูดเนื้อนุ่มบริเวณลำคอสุดแรง วงแขนแข็งแรงกอดร่างน้องแนบอก ฝากฝังความแข็งแกร่งสลักลึกแน่นิ่ง ก่อนพร่างพรมหยาดน้ำในซอกอุ่นนุ่มรัดรึง ให้เธอรีดเค้นจนเขาสำลักความสุขแสนอ
หนูจ๋าระบายลมหายใจออกแผ่วเบา หญิงสาวเลื่อนสองแขนลงกอดลำตัวเขาแนบกาย ก่อนเผยอฝีปากออก ยอมรับจูบจากเขา จูบที่เธอเองก็เฝ้ารอมาเนิ่นนาน จูบที่เธอเองก็โหยหามันไม่ต่างจากคนที่กำลังมอบจูบหวานๆให้เธออยู่เลยคนป่วยกำมะลอล่อหลอกน้องด้วยจูบแสนหวาน ขณะมือซุกซนปลดเปลื้องชุดนอนออกจากร่างสาวอย่างรีบเร่ง แล้วค่อยประคองน้องเอนกายลงนอนบนเตียงนุ่ม กระต่ายน้อยผู้อดอยากปากแห้งหิวโซมานานรีบผละออกไปยืนข้างเตียง เขาถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างว่องไว แถมสะบัดเท้าถีบส่งอย่างไม่ไยดีร่างสูงเซ็กซี่ปราศจากไขมัน กล้ามเนื้อทุกส่วนสัดสวยงามน่าลูบไล้ทำให้หนูจ๋ามองตาปรอย เธอรู้ดีว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่ง และเร้าใจแค่ไหน เพียงแค่มอง เธอก็น้ำลายสอ ซอกส่วนความเป็นหญิงบีบรัดเรียกร้องรุนแรง“พี่กระต่าย...” หนูจ๋าเอ่ยเรียกเขาเสียงแหบพร่าและอัดแน่นไปด้วยแรงอารมณ์ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เมื่อเขาทาบกายลงมาหา เธอกางแขนอ้ารับ และกกกอดเขาไว้เต็มวงแขนทันทีที่สองกายแนบสัมผัสกัน แม้จะอายอยู่เล็กน้อย แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธความต้องการอันรุนแรงที่ปะทุอยู่ภายในได้ เธอโทษฮอร์โมนการตั้งครรภ์แล้วกัน ที่มีส่วนทำให
“พี่ใส่ชุดครบแล้วทั้งท่อนบนท่อนล่างครับ ถ้าหนูจ๋าจะกรุณาคนป่วย ก็ช่วยเดินไปหยิบยาที่อยู่บนโต๊ะมาให้พี่กินหน่อยครับ”หนูจ๋าหันกลับไปมองคนบนเตียงช้าๆ เธอหลับตาข้างหนึ่งด้วยแต่พอเห็นว่าเขาสวมชุดครบอย่างที่ว่าจริงๆ เธอจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วสะบัดค้อนวงน้อยๆให้คนขี้แกล้งไปหนึ่งครั้ง ก่อนเดินไปหยิบยาที่โต๊ะพร้อมกับรินน้ำใส่แก้วมาให้เขาเพชรนิลรับยาจากน้องมากิน เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า เขาปวดเมื่อยไปทั้งตัว อาการปวดหัวก็ยังคงอยู่ แต่เพราะมีกำลังใจดี ก็เลยมีแรงฮึดสู้หนูจ๋านำแก้วน้ำไปเก็บ แล้วเดินกลับมาที่เตียง เมื่อเห็นพี่กระต่ายกำลังจะเตรียมตัวลงนอน เธอก็ รีบเดินเข้าไปช่วยประคองเขาให้เอนตัวลงนอนบนเตียง แล้วบริการดึงผ้าห่มมาคลุมให้“พี่กระต่ายนอนพักผ่อนนะคะ พรุ่งนี้หนูจะมาเยี่ยมอีก” หนูจ๋าว่าแล้วเตรียมหมุนตัวจะเดินออกจากบ้านหลังเล็กไป ทว่าข้อมือบางก็ถูกจับไว้เสียก่อน หญิงสาวหันกลับมามองคนที่นอนทำหน้าตาเศร้าสร้อยน่าสงสารบนเตียง“พี่จะรอหนูจ๋ามาเยี่ยมอีกนะครับ” กระต่ายน้อยบอกน้อง แล้วดึงมือน้องมาแนบแก้มที่ร้อนผ่าวเพราะฤทธิ์ไข้“อยากกอด อยากจูบ แต
“เอ่อ...พี่กระต่ายถอดเสื้อออกก่อนนะคะ ไม่งั้นมันเช็ดไม่สะดวกค่ะ” หนูจ๋าบอกเสียงเบา หลบตาเขินอาย เธอเป็นคนบอกเขาถอดเสื้อ แต่เธอก็ต้องกลายเป็นคนหน้าแดงเสียเอง หนูจ๋าก้มหน้ามองผ้าในมือ ขณะรอให้คนป่วยถอดเสื้อ“พี่ปวดเมื่อยไปทั้งตัวเลยครับ ไม่มีแรงยกแขนเลย หนูจ๋าช่วยถอดเสื้อให้พี่หน่อยได้ไหมครับ” พ่อคนได้ที อ้อนน้องเสียงอ่อนเสียงเบาน่าสงสารหนูจ๋าเงยหน้าสบตาเขา หญิงสาวทำปากยื่นบ่นอุบอิบ แต่ก็ยอมทำตามที่เขาขอร้อง“ก็ได้ค่ะ ยกแขนขึ้นสิคะ”กระต่ายน้อยยกแขนขึ้น อำนวยความสะดวกให้น้องถอดเสื้อยืดสีขาวด้วยความเต็มใจ เขาเป็นผู้ป่วยนิสียดี ให้ความร่วมมือกับน้องทุกอย่างหนูจ๋าก้มหน้าก้มตาเช็ดตัวให้เขาอย่างเบามือ ระหว่างเช็ดตัวให้เขาหนูจ๋าไม่กล้ามองสบตาด้วย แม้ยามถูกรุมเร้าไปด้วยพิษไข้ แต่สายตาคมปลาบของเขาก็ยังคงทำให้เธอเขินสะเทิ้นอายได้เหมือนเดิมหนูจ๋าเช็ดหน้าอก หลัง และแขนเรียบร้อย หญิงสาวจึงลุกขึ้นยืนถือกะละมังขึ้น เพื่อจะเอาไปเก็บในห้องน้ำ แต่คนป่วยก็รีบคว้าข้อมือเธอไว้ก่อน“หนูจ๋ายังเช็ดไม่เสร็จเลย” กระต่ายน้อยว่าแล้วหลุบตามองท่อนล่างของตน พยาบา
“คงไม่เป็นไรหรอก ดูท่าทางแล้วแข็งแรงอยู่ คงออกกำลังกายประจำ ดูๆไปก่อนถ้าพี่เขาไม่ไหวจริงๆค่อยบอกให้มานั่งพัก” เจ้าดินบอกให้น้องๆสบายใจ เพราะพอเจ้าไฟบอกว่าคุณแม่จะจัดการขั้นเด็ดขาด สีหน้าของน้องๆอีกสองคนก็เปลี่ยนไปทันที มีความหวาดกลัวฉาบฉายอยู่บนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด ก็อย่างที่รู้ๆกัน แม้คุณป๋าผู้สั่งการให้พวกเขานั่งเฝ้าพี่เขยทำงานจะเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่เหนือคุณป๋าก็ยังมีคุณแม่ที่คอยกำกับดูแล และเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านเพชรนิลต้องขุดดินตากแดดตลอดทั้งวัน ขนาดช่วงพักเที่ยงเขายังไม่ได้กลับบ้าน ป๋าฟ้าสั่งให้คนงานเอาข้าวกลางวันมาให้เขาและเหล่าสี่กุมารถึงท้ายไร่ ความหวังว่าจะเห็นหน้าเมียสักแป๊บหนึ่งเพื่อเป็นกำลังใจก่อนจะทำงานต่อภาคบ่ายเป็นอันต้องพับเก็บไปได้เลย จะบ่นมาก จะโวยวาย จะประท้วงก็ไม่กล้า เพราะกลัวว่าหากทำอะไรให้เป็นที่ไม่พอใจของพ่อตาแล้ว ท่านจะไล่เขากลับบ้าน แล้วยกเอาเหตุผลที่เขาทำงานได้ไม่ตลอดรอดฝั่งทั้งวันมาเป็นข้ออ้างได้ว่า งานแค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาดูแลลูกสาวท่านได้กระทั่งตะวันตกดิน เจ้าสี่กุมารขับซาเล้งพาเขากลับบ้าน เพชรนิลสู้อุตส่าห์รีบอาบน้ำเ