“หลับตาสิคะ” พลอยไพลินบอกเสียงสั่นน้อยๆ คนรอจูบหลับตาลงอย่างว่าง่าย วาโยยิ้มเต็มใบหน้า เมื่อร่างอรชรขยับเข้าแนบชิด สองแขนเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาไว้ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าดื่มด่ำกำซาบกับกลิ่นหอมจากกายสาวจนชุ่มปอด และเมื่อริมฝีปากนุ่มๆอุ่นๆแนบประกบ เขาก็เผยอปากรับอย่างเต็มใจเป็นที่สุด
“อื้อ!” พลอยไพลินประท้วงในลำคอ เพราะเพียงแค่เธอแตะแต้มริมฝีปากลงบนปากหยักได้รูป ก็ถูกเขาใช้มือแข็งแรงตรึงท้ายทอยไว้แน่น วงแขนอีกข้างเกี่ยวกระหวัดรวบเอวคอดเกี่ยวกอดเธอจนเกยขึ้นไปนั่งบนตักแกร่ง จูบของพี่โยเร่าร้อนราวจะแผดเผาเธอให้มอดไหม้ลงตรงนี้ จูบของเขาเรียกร้องเอาแต่ใจ หวามหวานซาบซ่านราวกับจะหลอมเธอให้ละลายคาอก กระนั้นคนที่ถูกทำโทษด้วยการจูบมานับครั้งไม่ถ้วนก็ยังจูบตอบอย่างเท่าเทียม เสียงครางระงมในลำคออีกฝ่ายทำให้หญิงสาวฮึกเหิม เขาไม่ได้ทำให้เธอหัวหมุนอยู่ฝ่ายเดียว เธอก็ทำให้เขาหัวหมุนได้เหมือนกัน
“กระเต็น!” วาโยถอนจูบออกอย่างแสนเสียดาย เขาดันบ่าบอบบางออก จ้องตาเธอในระยะใกล้ ชายหนุ่มหอบหายใจหนักหน่วง เขารู้ตัวเองดีว่าถ้าไม่หยุดตอนนี้ ทุกอย่างอาจเลยเถิดไปไกลสุดกู่ เขายังไม่อยากล่วงเกินน้องมากไปกว่านี้
“เก่งเกินไปแล้วนะ”
พลอยไพลินก้มหน้างุด เขินอายที่เผลอตอบสนองเขาไปอย่างร่านร้อน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกครั้งที่ถูกเขาจูบ เธอหลงลืมตัว ปล่อยกายปล่อยใจไปจนถึงจุดที่เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ บ่อยครั้งที่หากว่าเขาไม่หยุด เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะไปจบลงตรงไหน
“เต็นอยากกลับบ้านแล้ว” เสียงหวานเอ่ยเบาแผ่ว
“ครับ” วาโยตัดใจคลายวงแขนออกจากเอวคอด ชายหนุ่มช่วยพยุงร่างนุ่มหอมกรุ่นไปนั่งเบาะเดิม แล้วโน้มตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” พลอยไพลินกล่าวขอบคุณเสียงเบาหวิว ทว่าคนที่คาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอเรียบร้อยแล้ว กลับไม่มีท่าทีว่าจะขยับพาตัวเองไปนั่งดังเดิม เขายังคงโน้มตัวอยู่ใกล้เธอ แขนข้างหนึ่งพาดบนพนักพิงที่เธอนั่งอยู่ ใบหน้าอยู่ห่างกันเพียงแค่คืบ ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ใช้นิ้วเรียวในแบบผู้ชายเชยคางเล็กขึ้นมาให้เธอมองสบตากัน
“ทีหลังอย่าดื้อ” พลอยไพลินสบสายตาคู่คมดุ แล้วพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“...พี่หวง” วาโยย้ำชัดหนักแน่น หญิงสาวพยักหน้าอีกครั้ง รับรู้กับคำว่าหวงที่เขาบอก
วาโยขยับนั่งตัวตรง ค่อยๆบังคับพวงมาลัยรถเคลื่อนตัวออกถนน มุ่งหน้าสู่บ้านที่หญิงสาวร่ำร้องอยากกลับตั้งนานแล้ว ชายหนุ่มพยายามตัดใจไม่หันไปมองคนที่เอาแต่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ เพราะกลัวใจตัวเองเหลือเกิน กลัวจะอดใจไม่ไหว จนต้องจอดรถข้างทาง แล้วคว้าเธอเข้ามากอดมาจูบซ้ำอีกครั้ง
พลอยไพลินลอบถอนหายใจเบาๆ เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมให้เขาทำกับเธอถึงขนาดนี้ สถานะระหว่างเธอกับเขานั้นคลุมเครือนัก พี่โยไม่เคยบอกอะไรกับเธอมากไปกว่าการย้ำคำว่าหวง และการแสดงออกว่าหวงของเขาก็มักจะทำให้เธอเสียเปรียบอยู่ร่ำไป กระนั้นเธอก็ไม่เคยปริปากฟ้องใครว่าเธอถูกเขารังแกหรือเอาเปรียบ หากจะถามหาเหตุผลว่าเป็นเพราะอะไรนั้น เธอก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลย
“เมื่อคืนใครมาส่งอ่ะพี่เต็น” พลอยชมพูถามพี่สาวขณะที่ทุกคนในครอบครัวกำลังร่วมโต๊ะรับประทานอาหารมื้อเช้าของวันรุ่งขึ้น ซึ่งวันนี้เป็นวันหยุดพอดี สมาชิกในครอบครัวจึงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา คำถามของน้องสาวทำให้สายตาทุกคู่หันไปจับจ้องที่ลูกสาวคนรองของบ้านทันที
พลอยไพลินเงยหน้าขึ้นจากชามข้าวต้มตรงหน้า หญิงสาวยิ้มแจกจ่ายให้ทุกคนยกเว้นแม่กระติ๊บตัวดี น้องสาววัยยี่สิบสามปีผู้เปิดประเด็นร้อนบนโต๊ะอาหาร พลอยชมพูรีบก้มหน้าหลบทันทีที่ถูกพี่สาวมองด้วยสายตาดุ
“เมื่อคืนกลับดึกอีกแล้วเหรอเต็น” เสียงเข้มของพ่อเพชรทำให้พลอยไพลินยิ้มแหย
“ไม่ดึกค่ะ เต็นถึงบ้านตอนสี่ทุ่ม”
“ไม่ได้ขับรถกลับมาเองเหรอลูก” แม่กระแตถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แววตาและน้ำเสียงเป็นกังวล คนเป็นแม่คอยบอกคอยสอนอยู่เสมอว่า เป็นลูกผู้หญิงนั้นต้องระวังตัวให้มาก พลาดพลั้งมาแล้วอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต แต่ดูเหมือนลูกสาวจะไม่ใส่ใจคำสอนเอาเสียเลย
“เต็นจอดรถไว้ที่บริษัทค่ะ ให้เพื่อนไปรับพาไปกินข้าวแล้วก็ฟังเพลงนิดหน่อย”
“เพื่อนคนไหน” พี่กระต่ายน้อยซักไซ้ทันที เพื่อนบางคนของน้องสาวไม่น่าไว้ใจสำหรับพี่ชายอย่างเขา
“พี่กรค่ะ” แม่นกกระเต็นน้อยตอบพี่ชายเสียงอ่อย เพราะพี่ชายไม่ชอบให้เธอไปไหนมาไหนกับผู้ชายตอนกลางคืนเท่าไรนัก คราวนี้โดนเอ็ดหูชาแน่ๆ
“ไอ้กรมาส่งเหรอ” เพชรนิลรุกถามเสียงเข้ม พลอยไพลินยิ้มแจกจ่ายให้ทุกคนอีกครั้ง คุณปู่ประภาส กับคุณย่าแพรวพรรณนั่งเงียบ แต่ทั้งสองท่านมองหลานสาวด้วยสายตาตำหนิ พ่อเพชร แม่กระแตก็มองมาที่เธอ รวมทั้งยัยกระติ๊บน้องสาวตัวดีก็จ้องเธอตาแป๋ว ทุกคนรอคอยคำตอบจากปากเธอ
“พี่โยมาส่งค่ะ”
พอทุกคนรู้ว่าใครมาส่งเธอ ก็ไม่มีใครสนใจซักไซ้ไล่เลียงอะไรอีก ต่างคนต่างก้มลงจัดการอาหารมื้อเช้าตรงหน้า และเปลี่ยนไปพูดคุยเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเธอ เป็นครั้งแรกที่พลอยไพลินรู้สึกขอบคุณที่เขาเป็นคนมาส่งเธอที่บ้าน เพราะหากภาสกรเป็นคนมาส่งเธอ มีหวังเธอได้ถูกซักฟอกจนขาวสะอาดแน่ แต่นึกแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ คนบ้าอะไรมีแต่คนไว้ใจและผู้ใหญ่ก็เอ็นดู สักวันเถอะ เธอจะกระชากหน้ากากนักบุญเขาออก จะทำให้ทุกคนได้รู้ความจริงว่าเขาคือเสือร้ายปลอมตัวมา
เมื่อได้รับการส่งสัญญาณว่าป๋าฟ้าหลับแล้ว เขาก็ค่อยย่องขึ้นบ้านแอบเข้าไปหาเธอ หรือบางคืนเธอก็แอบลงไปหาเขา กระต่ายน้อยรู้ว่าพ่อตาคงระแคะระคายเรื่องนี้อยู่ แต่ท่านก็ไม่ว่าอะไร เขาเองก็ตีเนียนทำเป็นไม่พูดถึงเรื่องนี้ เพราะหากมันจะทำให้เขาได้มาเจอเธอทุกครั้งที่มีเวลาว่างจากงานหนักรัดตัว โดยที่ไม่ถูกพ่อตาไล่ตะเพิดกลับไป จะให้เขาซุกหัวนอนตรงไหนเขาก็ยอมเมื่อเข้าไปอยู่ในห้องกับเมียตามลำพัง เขาก็คว้าร่างอวบอิ่มที่ยืนหันหลังให้มากอดไว้แนบอก กระต่ายน้อยวางมือลงบนหน้าท้องนูนป่องของภรรยา เขาลูบเบาๆ แล้วถอนหายใจอย่างเป็นสุข“ลูกดื้อไหม”หนูจ๋าหัวเราะคิกกับคำถามของเขา“ไม่ค่ะ ไม่ดื้อ”“อย่าดื้อให้มากนักนะตัวยุ่ง แม่ยิ่งตัวเล็กๆอยู่” กระต่ายน้อยบอกลูก ทั้งลูบมือไปทั่วหน้าท้องเมียรัก ดูเหมือนว่าตัวยุ่งของเขาจะรับรู้สิ่งที่เขาบอก หน้าท้องนูนใหญ่ของคุณแม่ขยับยุกยิกคล้ายๆกับว่าหนูน้อยในท้องกำลังประท้วงคนเป็นพ่อ ที่บังอาจกล่าวหาว่าดื้อด้วยการทั้งเตะทั้งถีบจนหน้าท้องของคนเป็นแม่บิดเบี้ยวหนูจ๋าเงยหน้าขึ้น หันกลับไปมองสบตา
กระต่ายน้อยฝังใบหน้ากับซอกคอหอมกรุ่น เขาเองก็แทบคลั่ง เมื่อน้องทั้งเอาใจ ทั้งออดอ้อนน่ารัก ชายหนุ่มขยับโยกหนักแน่นรัวเร็ว เร่งแรงผลักดัน เพื่อนำพาน้องและตัวเองไปยังปลายทางบทเพลงรัก เสียงครางแว่วหวานและเสียงครางทุ้มต่ำดังขึ้นต่อเนื่อง จังหวะสอดประสานเร่งเร็วขึ้นเรื่อยๆกระต่ายน้อยกอดรัดร่างนุ่มเต็มอ้อมแขน หนูจ๋าจิกท่อนแขนที่รัดรึงเธออยู่ไว้แน่น สองร่างโยกคลอนไปพร้อมกัน กระทั่งความหวามไหวโอบล้อมสองกาย ปลายทางความสุขสมอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือคว้า กระต่ายน้อยเร่งกระชั้นกายเข้าหา โถมถั่งกลางซอกสาว กระแทกความรู้สึกน้องให้แตกกระจาย หนูจ๋ากรีดร้องระงม ครวญครางเสียงสั่นพร่า ร่างสาวสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรง วาบหวามแปลบปลาบ ซาบซ่านจนแทบขาดใจหลังจากส่งน้องไปยังปลายทางสุขสมแล้ว กระต่ายน้อยเร่งผลักดันระรัวเร็ว ตัวตนแห่งชายโจนจ้วงเร่งเร้าไม่หยุดหย่อน กระทั่งถึงจุดสิ้นสุดความอดกลั้น กระต่ายน้อยฝังใบหน้าลงกับซอกคอน้อง เขาดูดเนื้อนุ่มบริเวณลำคอสุดแรง วงแขนแข็งแรงกอดร่างน้องแนบอก ฝากฝังความแข็งแกร่งสลักลึกแน่นิ่ง ก่อนพร่างพรมหยาดน้ำในซอกอุ่นนุ่มรัดรึง ให้เธอรีดเค้นจนเขาสำลักความสุขแสนอ
หนูจ๋าระบายลมหายใจออกแผ่วเบา หญิงสาวเลื่อนสองแขนลงกอดลำตัวเขาแนบกาย ก่อนเผยอฝีปากออก ยอมรับจูบจากเขา จูบที่เธอเองก็เฝ้ารอมาเนิ่นนาน จูบที่เธอเองก็โหยหามันไม่ต่างจากคนที่กำลังมอบจูบหวานๆให้เธออยู่เลยคนป่วยกำมะลอล่อหลอกน้องด้วยจูบแสนหวาน ขณะมือซุกซนปลดเปลื้องชุดนอนออกจากร่างสาวอย่างรีบเร่ง แล้วค่อยประคองน้องเอนกายลงนอนบนเตียงนุ่ม กระต่ายน้อยผู้อดอยากปากแห้งหิวโซมานานรีบผละออกไปยืนข้างเตียง เขาถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างว่องไว แถมสะบัดเท้าถีบส่งอย่างไม่ไยดีร่างสูงเซ็กซี่ปราศจากไขมัน กล้ามเนื้อทุกส่วนสัดสวยงามน่าลูบไล้ทำให้หนูจ๋ามองตาปรอย เธอรู้ดีว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่ง และเร้าใจแค่ไหน เพียงแค่มอง เธอก็น้ำลายสอ ซอกส่วนความเป็นหญิงบีบรัดเรียกร้องรุนแรง“พี่กระต่าย...” หนูจ๋าเอ่ยเรียกเขาเสียงแหบพร่าและอัดแน่นไปด้วยแรงอารมณ์ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เมื่อเขาทาบกายลงมาหา เธอกางแขนอ้ารับ และกกกอดเขาไว้เต็มวงแขนทันทีที่สองกายแนบสัมผัสกัน แม้จะอายอยู่เล็กน้อย แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธความต้องการอันรุนแรงที่ปะทุอยู่ภายในได้ เธอโทษฮอร์โมนการตั้งครรภ์แล้วกัน ที่มีส่วนทำให
“พี่ใส่ชุดครบแล้วทั้งท่อนบนท่อนล่างครับ ถ้าหนูจ๋าจะกรุณาคนป่วย ก็ช่วยเดินไปหยิบยาที่อยู่บนโต๊ะมาให้พี่กินหน่อยครับ”หนูจ๋าหันกลับไปมองคนบนเตียงช้าๆ เธอหลับตาข้างหนึ่งด้วยแต่พอเห็นว่าเขาสวมชุดครบอย่างที่ว่าจริงๆ เธอจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วสะบัดค้อนวงน้อยๆให้คนขี้แกล้งไปหนึ่งครั้ง ก่อนเดินไปหยิบยาที่โต๊ะพร้อมกับรินน้ำใส่แก้วมาให้เขาเพชรนิลรับยาจากน้องมากิน เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า เขาปวดเมื่อยไปทั้งตัว อาการปวดหัวก็ยังคงอยู่ แต่เพราะมีกำลังใจดี ก็เลยมีแรงฮึดสู้หนูจ๋านำแก้วน้ำไปเก็บ แล้วเดินกลับมาที่เตียง เมื่อเห็นพี่กระต่ายกำลังจะเตรียมตัวลงนอน เธอก็ รีบเดินเข้าไปช่วยประคองเขาให้เอนตัวลงนอนบนเตียง แล้วบริการดึงผ้าห่มมาคลุมให้“พี่กระต่ายนอนพักผ่อนนะคะ พรุ่งนี้หนูจะมาเยี่ยมอีก” หนูจ๋าว่าแล้วเตรียมหมุนตัวจะเดินออกจากบ้านหลังเล็กไป ทว่าข้อมือบางก็ถูกจับไว้เสียก่อน หญิงสาวหันกลับมามองคนที่นอนทำหน้าตาเศร้าสร้อยน่าสงสารบนเตียง“พี่จะรอหนูจ๋ามาเยี่ยมอีกนะครับ” กระต่ายน้อยบอกน้อง แล้วดึงมือน้องมาแนบแก้มที่ร้อนผ่าวเพราะฤทธิ์ไข้“อยากกอด อยากจูบ แต
“เอ่อ...พี่กระต่ายถอดเสื้อออกก่อนนะคะ ไม่งั้นมันเช็ดไม่สะดวกค่ะ” หนูจ๋าบอกเสียงเบา หลบตาเขินอาย เธอเป็นคนบอกเขาถอดเสื้อ แต่เธอก็ต้องกลายเป็นคนหน้าแดงเสียเอง หนูจ๋าก้มหน้ามองผ้าในมือ ขณะรอให้คนป่วยถอดเสื้อ“พี่ปวดเมื่อยไปทั้งตัวเลยครับ ไม่มีแรงยกแขนเลย หนูจ๋าช่วยถอดเสื้อให้พี่หน่อยได้ไหมครับ” พ่อคนได้ที อ้อนน้องเสียงอ่อนเสียงเบาน่าสงสารหนูจ๋าเงยหน้าสบตาเขา หญิงสาวทำปากยื่นบ่นอุบอิบ แต่ก็ยอมทำตามที่เขาขอร้อง“ก็ได้ค่ะ ยกแขนขึ้นสิคะ”กระต่ายน้อยยกแขนขึ้น อำนวยความสะดวกให้น้องถอดเสื้อยืดสีขาวด้วยความเต็มใจ เขาเป็นผู้ป่วยนิสียดี ให้ความร่วมมือกับน้องทุกอย่างหนูจ๋าก้มหน้าก้มตาเช็ดตัวให้เขาอย่างเบามือ ระหว่างเช็ดตัวให้เขาหนูจ๋าไม่กล้ามองสบตาด้วย แม้ยามถูกรุมเร้าไปด้วยพิษไข้ แต่สายตาคมปลาบของเขาก็ยังคงทำให้เธอเขินสะเทิ้นอายได้เหมือนเดิมหนูจ๋าเช็ดหน้าอก หลัง และแขนเรียบร้อย หญิงสาวจึงลุกขึ้นยืนถือกะละมังขึ้น เพื่อจะเอาไปเก็บในห้องน้ำ แต่คนป่วยก็รีบคว้าข้อมือเธอไว้ก่อน“หนูจ๋ายังเช็ดไม่เสร็จเลย” กระต่ายน้อยว่าแล้วหลุบตามองท่อนล่างของตน พยาบา
“คงไม่เป็นไรหรอก ดูท่าทางแล้วแข็งแรงอยู่ คงออกกำลังกายประจำ ดูๆไปก่อนถ้าพี่เขาไม่ไหวจริงๆค่อยบอกให้มานั่งพัก” เจ้าดินบอกให้น้องๆสบายใจ เพราะพอเจ้าไฟบอกว่าคุณแม่จะจัดการขั้นเด็ดขาด สีหน้าของน้องๆอีกสองคนก็เปลี่ยนไปทันที มีความหวาดกลัวฉาบฉายอยู่บนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด ก็อย่างที่รู้ๆกัน แม้คุณป๋าผู้สั่งการให้พวกเขานั่งเฝ้าพี่เขยทำงานจะเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่เหนือคุณป๋าก็ยังมีคุณแม่ที่คอยกำกับดูแล และเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านเพชรนิลต้องขุดดินตากแดดตลอดทั้งวัน ขนาดช่วงพักเที่ยงเขายังไม่ได้กลับบ้าน ป๋าฟ้าสั่งให้คนงานเอาข้าวกลางวันมาให้เขาและเหล่าสี่กุมารถึงท้ายไร่ ความหวังว่าจะเห็นหน้าเมียสักแป๊บหนึ่งเพื่อเป็นกำลังใจก่อนจะทำงานต่อภาคบ่ายเป็นอันต้องพับเก็บไปได้เลย จะบ่นมาก จะโวยวาย จะประท้วงก็ไม่กล้า เพราะกลัวว่าหากทำอะไรให้เป็นที่ไม่พอใจของพ่อตาแล้ว ท่านจะไล่เขากลับบ้าน แล้วยกเอาเหตุผลที่เขาทำงานได้ไม่ตลอดรอดฝั่งทั้งวันมาเป็นข้ออ้างได้ว่า งานแค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาดูแลลูกสาวท่านได้กระทั่งตะวันตกดิน เจ้าสี่กุมารขับซาเล้งพาเขากลับบ้าน เพชรนิลสู้อุตส่าห์รีบอาบน้ำเ