“ต่ายให้ใครไปดูพลอยที่เมืองกาญจน์เหรอลูก” แม้จะวางมือจากการงาน ส่งมอบอำนาจและหน้าที่ให้ลูกชายคนโตดูแลทั้งหมดแล้ว แต่เพชรเพทายก็ยังติดตาม ให้คำปรึกษา และคอยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงอยู่เสมอ
“เต็นเองค่ะคุณพ่อ” พลอยไพลินชิงตอบก่อน หญิงสาวกำลังจะอ้อนขอไม่ไปแต่ทว่า
“ดีแล้ว จะได้รู้จักทำการทำงาน เรียนรู้ให้รอบด้าน” แทนที่พ่อเพชรของเธอจะเป็นห่วงเป็นใยลูกสาวที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ท่านกลับสนับสนุนแนวความคิดพี่กระต่ายน้อย เห็นดีเห็นงามไปด้วยเสียนี่ ทำให้คนที่คิดจะหาพวกต่อต้านคำสั่งพี่ชายหน้าตูมทันที
“ให้น้องไปคนเดียวหรือกระต่าย” แม่กระแตถามด้วยความเป็นห่วงลูกสาว
“ผมมีทีมบอดี้การ์ดไปคอยคุ้มกันน้องด้วยครับคุณแม่” เพชรนิลบอกให้มารดาคลายกังวล
“แต่น้องเป็นผู้หญิง” แม่กระแตยังไม่วายแย้ง
“ผมให้คุณนิตยาผู้จัดการแผนกจัดซื้อไปเป็นเพื่อนน้องครับ น้องโตแล้วนะครับคุณแม่ น้องต้องเรียนรู้งานให้รอบด้านเหมือนกับที่คุณพ่อบอกนะครับ” เพชรนิลบอกเหตุผลแก่มารดา เขาเข้าใจว่าท่านเป็นห่วงลูกสาว แต่สมควรแก่เวลาแล้วที่น้องสาวของเขาต้องเรียนรู้งานอย่างจริงจังเสียที
“คุณแม่ขา เต็นไม่ไปก็ได้นะคะ ถ้าคุณแม่ไม่สบายใจ” เห็นได้ชัดว่าแม่เป็นห่วง และพร้อมจะยืนข้างเธอ พลอยไพลินรีบออดอ้อน หยิบยกเอาความสบายใจของท่านมาอ้าง
“แม่เชื่อว่าพี่ต่ายคิดดีแล้วล่ะ ถึงมอบหมายให้เต็นทำงานนี้” แม่กระแตตอบยิ้มๆ แม้จะห่วงใย แต่ก็ไม่ขัดลูกชายคนโต เพราะเชื่อว่าพี่ชายหวังดีกับน้องเสมอ อีกอย่างกระเต็นยังติดเพื่อนฝูง ยังห่วงความสนุก ความรับผิดชอบยังไม่ค่อยมี ต้องบังคับแบบนี้แหละ ไม่อย่างนั้นคงไม่คิดจะเรียนรู้อะไรเอาเสียเลย
“คุณแม่อ่ะ ทำไมไม่เข้าข้างเต็น”
“ไม่ต้องมาอ้อนหาพวก เตรียมตัวไว้เลย วันจันทร์จะมีคนขับรถมารับ งานนี้พี่ให้พี่โยจัดทีมบอดี้การ์ดฝีมือดี และไว้ใจได้มาคอยดูแลน้องเต็นโดยเฉพาะเลย ไม่ต้องห่วงว่าจะหนีเที่ยวได้ เอ๊ย! ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย” เพชรนิลกระเซ้าคนหน้าตูม แม่นกกระเต็นน้อยของบ้านมองค้อนพี่ชาย ปากจิ้มลิ้มยื่นออกมาน้อยๆแสดงถึงความไม่พอใจชัดเจน
“พี่เต็นปากบวมอ่ะ ไปโดนอะไรต่อยมาเหรอคะ” ยัยกระติ๊บคือเจ้าหนูจำไมของบ้านตัวจริง ตาดีเป็นที่หนึ่ง เห็นอะไรผิดปกตินิดหน่อยก็ถาม และคำถามซื่อๆของน้องก็ทำให้พี่สาวรีบวางช้อน แล้วยกสองมือปิดปากไว้แน่น ดวงตาคู่งามหลุกหลิกมีพิรุธ
“ไอ้เอ็นไออ๊ะอ่อย เอ็นอิ่มแอ๊ว อ๋ออัวอ๊ะอ๊ะ” พลอยไพลินรีบลุกขึ้น แล้วเดินกลับขึ้นไปบนห้องตัวเอง ปล่อยให้ทุกคนมองตามด้วยความสงสัยว่าเธอพูดอะไร
“ไม่เป็นไรซะหน่อย เต็นอิ่มแล้ว ขอตัวนะคะ” พลอยชมพูเป็นล่ามแปลงคำพูดอู้อี้ของพี่สาวให้ทุกคนได้เข้าใจและหายสงสัย
พอเข้าห้องได้พลอยไพลินปิดประตูล็อกแน่นหนา หญิงสาวปรี่ไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าริมฝีปากล่างบวมและมีรอยช้ำอยู่หนึ่งจุด
“พี่โย!” เธออยากจะกรีดร้องดังๆ เกือบแล้วไหมล่ะ เกือบถูกจับได้ว่าโดนจูบแล้ว พลอยไพลินไม่รู้จะโกรธตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดร่องรอยบนริมฝีปากเธอ หรือว่าจะโกรธแม่น้องสาวผู้ช่างสังเกตดี หรือสุดท้ายแล้วเธออาจจะต้องโทษตัวเองที่ไม่สังเกตสังกาใบหน้าตัวเองให้ดีก่อนออกจากห้อง ยังดีที่วันนี้เป็นวันหยุด ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องแบกปากบวมๆกับรอยจูบจากเขาออกไปโชว์ให้คนอื่นได้ทักอีกหลายคนแน่ๆ
ด้วยความโมโหคนทิ้งร่องรอยไว้บนปากอิ่ม เขาทำให้เธอเกือบถูกคนในครอบครัวจับได้ว่าถูกผู้ชายจูบ พลอยไพลินจึงลุกขึ้นเดินไปหยิบเอาโทรศัพท์บนโต๊ะเล็กข้างเตียง แล้วกลับมานั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเหมือนเดิม เธอมองร่องรอยบนริมฝีปากล่างที่สะท้อนจากกระจกอีกครั้ง ก่อนโทรออกหาตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดรอย เขาต้องมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้
เสียงเพลงสายเรียกเข้าที่ตั้งไว้เฉพาะเด็กดื้อดังขึ้นในตอนที่วาโยกำลังรับประทานอาหารเช้ากับบิดา ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม เอ่ยขออนุญาตบิดาเพื่อออกไปรับโทรศัพท์อีกห้องหนึ่ง ร่างสูงเต็มแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อในชุดลำลองเดินไปหยุดอยู่ตรงผนังกระจกใสบานใหญ่ นิ้วเรียวสไลด์หน้าจอเพื่อรับสาย แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ริมฝีปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มบาง สายตาคมมองไปยังวิวสวนดอกไม้กว้างหลังบ้าน
“พี่โย!” คนที่รอสายนานจนแทบจะวางอยู่รอมร่อ เรียกเป้าหมายที่โทรหาด้วยโทนเสียงสูงปรี๊ด วาโยเลิกคิ้วเข้มข้างหนึ่งอย่างแปลกใจ แม่นกกระเต็นตัวน้อยของเขากลายร่างเป็นแม่เสือเสียแล้ว แถมยังคำรามขู่เรียกเขาอย่างไม่เกรงกลัวเหมือนทุกครั้งด้วย
“ครับ” วาโยขานรับเสียงราบเรียบ เขาอมยิ้มน้อยๆเมื่อได้ยินเสียงหอบหายใจฟืดฟาดจากปลายสาย ไม่รู้ว่าเธอกำลังโมโหหรือโกรธเรื่องอะไร แต่เขาพอใจที่เธอโทรมา เสียงของเธอทำให้เขาอารมณ์ดีแต่เช้าเลย
“พี่โยทำปากเต็นบวม แล้วก็เป็นรอยด้วย พี่โยต้องรับผิดชอบเรื่องนี้” คนถูกทวงถามความรับผิดชอบระบายยิ้มเต็มใบหน้าหล่อเหลา วาโยล้วงมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋ากางเกงขาสั้นสีขาว เขายืนด้วยท่วงท่าสบายๆ ดวงตาคู่คมเป็นประกาย เขาจินตนาการถึงใบหน้าของอีกฝ่ายได้แจ่มชัด น้ำเสียงแบบนี้คงโมโหหนัก ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราคงแดงก่ำ จมูกรั้นนิดๆก็คงเชิดสูง ริมฝีปากอิ่มตึงที่เธอบอกว่ามันบวมและเป็นรอยก็คงจะยื่นออกมาน้อยๆ แต่สรุปแล้วไม่ว่าจะอยู่ในห้วงอารมณ์ไหนน้องก็น่ารักเสมอสำหรับเขา ถ้าอยู่ใกล้ๆจะจับจูบซ้ำให้เป็นรอยอีกสักรอย
“พี่โย! ฟังอยู่หรือเปล่าคะ” เมื่ออีกฝ่ายเงียบ คนที่ร้อนใจกับรอยจูบก็แหวมาตามสายด้วยโทนเสียงสูงปรี๊ดเหมือนเดิม
“ฟังอยู่ครับ”
“พี่โยต้องรับผิดชอบเรื่องนี้” พลอยไพลินย้ำจริงจัง
“ครับ พี่ยินดีรับผิดชอบ เต็นจะให้พี่รับผิดชอบยังไง ว่ามาเลยครับ” พอตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดรอยยืดอกสามศอกบอกจะรับผิดชอบ ฝ่ายที่โทรมาโวยวายเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองกลับนิ่งเงียบ
เมื่อได้รับการส่งสัญญาณว่าป๋าฟ้าหลับแล้ว เขาก็ค่อยย่องขึ้นบ้านแอบเข้าไปหาเธอ หรือบางคืนเธอก็แอบลงไปหาเขา กระต่ายน้อยรู้ว่าพ่อตาคงระแคะระคายเรื่องนี้อยู่ แต่ท่านก็ไม่ว่าอะไร เขาเองก็ตีเนียนทำเป็นไม่พูดถึงเรื่องนี้ เพราะหากมันจะทำให้เขาได้มาเจอเธอทุกครั้งที่มีเวลาว่างจากงานหนักรัดตัว โดยที่ไม่ถูกพ่อตาไล่ตะเพิดกลับไป จะให้เขาซุกหัวนอนตรงไหนเขาก็ยอมเมื่อเข้าไปอยู่ในห้องกับเมียตามลำพัง เขาก็คว้าร่างอวบอิ่มที่ยืนหันหลังให้มากอดไว้แนบอก กระต่ายน้อยวางมือลงบนหน้าท้องนูนป่องของภรรยา เขาลูบเบาๆ แล้วถอนหายใจอย่างเป็นสุข“ลูกดื้อไหม”หนูจ๋าหัวเราะคิกกับคำถามของเขา“ไม่ค่ะ ไม่ดื้อ”“อย่าดื้อให้มากนักนะตัวยุ่ง แม่ยิ่งตัวเล็กๆอยู่” กระต่ายน้อยบอกลูก ทั้งลูบมือไปทั่วหน้าท้องเมียรัก ดูเหมือนว่าตัวยุ่งของเขาจะรับรู้สิ่งที่เขาบอก หน้าท้องนูนใหญ่ของคุณแม่ขยับยุกยิกคล้ายๆกับว่าหนูน้อยในท้องกำลังประท้วงคนเป็นพ่อ ที่บังอาจกล่าวหาว่าดื้อด้วยการทั้งเตะทั้งถีบจนหน้าท้องของคนเป็นแม่บิดเบี้ยวหนูจ๋าเงยหน้าขึ้น หันกลับไปมองสบตา
กระต่ายน้อยฝังใบหน้ากับซอกคอหอมกรุ่น เขาเองก็แทบคลั่ง เมื่อน้องทั้งเอาใจ ทั้งออดอ้อนน่ารัก ชายหนุ่มขยับโยกหนักแน่นรัวเร็ว เร่งแรงผลักดัน เพื่อนำพาน้องและตัวเองไปยังปลายทางบทเพลงรัก เสียงครางแว่วหวานและเสียงครางทุ้มต่ำดังขึ้นต่อเนื่อง จังหวะสอดประสานเร่งเร็วขึ้นเรื่อยๆกระต่ายน้อยกอดรัดร่างนุ่มเต็มอ้อมแขน หนูจ๋าจิกท่อนแขนที่รัดรึงเธออยู่ไว้แน่น สองร่างโยกคลอนไปพร้อมกัน กระทั่งความหวามไหวโอบล้อมสองกาย ปลายทางความสุขสมอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือคว้า กระต่ายน้อยเร่งกระชั้นกายเข้าหา โถมถั่งกลางซอกสาว กระแทกความรู้สึกน้องให้แตกกระจาย หนูจ๋ากรีดร้องระงม ครวญครางเสียงสั่นพร่า ร่างสาวสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรง วาบหวามแปลบปลาบ ซาบซ่านจนแทบขาดใจหลังจากส่งน้องไปยังปลายทางสุขสมแล้ว กระต่ายน้อยเร่งผลักดันระรัวเร็ว ตัวตนแห่งชายโจนจ้วงเร่งเร้าไม่หยุดหย่อน กระทั่งถึงจุดสิ้นสุดความอดกลั้น กระต่ายน้อยฝังใบหน้าลงกับซอกคอน้อง เขาดูดเนื้อนุ่มบริเวณลำคอสุดแรง วงแขนแข็งแรงกอดร่างน้องแนบอก ฝากฝังความแข็งแกร่งสลักลึกแน่นิ่ง ก่อนพร่างพรมหยาดน้ำในซอกอุ่นนุ่มรัดรึง ให้เธอรีดเค้นจนเขาสำลักความสุขแสนอ
หนูจ๋าระบายลมหายใจออกแผ่วเบา หญิงสาวเลื่อนสองแขนลงกอดลำตัวเขาแนบกาย ก่อนเผยอฝีปากออก ยอมรับจูบจากเขา จูบที่เธอเองก็เฝ้ารอมาเนิ่นนาน จูบที่เธอเองก็โหยหามันไม่ต่างจากคนที่กำลังมอบจูบหวานๆให้เธออยู่เลยคนป่วยกำมะลอล่อหลอกน้องด้วยจูบแสนหวาน ขณะมือซุกซนปลดเปลื้องชุดนอนออกจากร่างสาวอย่างรีบเร่ง แล้วค่อยประคองน้องเอนกายลงนอนบนเตียงนุ่ม กระต่ายน้อยผู้อดอยากปากแห้งหิวโซมานานรีบผละออกไปยืนข้างเตียง เขาถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างว่องไว แถมสะบัดเท้าถีบส่งอย่างไม่ไยดีร่างสูงเซ็กซี่ปราศจากไขมัน กล้ามเนื้อทุกส่วนสัดสวยงามน่าลูบไล้ทำให้หนูจ๋ามองตาปรอย เธอรู้ดีว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่ง และเร้าใจแค่ไหน เพียงแค่มอง เธอก็น้ำลายสอ ซอกส่วนความเป็นหญิงบีบรัดเรียกร้องรุนแรง“พี่กระต่าย...” หนูจ๋าเอ่ยเรียกเขาเสียงแหบพร่าและอัดแน่นไปด้วยแรงอารมณ์ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เมื่อเขาทาบกายลงมาหา เธอกางแขนอ้ารับ และกกกอดเขาไว้เต็มวงแขนทันทีที่สองกายแนบสัมผัสกัน แม้จะอายอยู่เล็กน้อย แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธความต้องการอันรุนแรงที่ปะทุอยู่ภายในได้ เธอโทษฮอร์โมนการตั้งครรภ์แล้วกัน ที่มีส่วนทำให
“พี่ใส่ชุดครบแล้วทั้งท่อนบนท่อนล่างครับ ถ้าหนูจ๋าจะกรุณาคนป่วย ก็ช่วยเดินไปหยิบยาที่อยู่บนโต๊ะมาให้พี่กินหน่อยครับ”หนูจ๋าหันกลับไปมองคนบนเตียงช้าๆ เธอหลับตาข้างหนึ่งด้วยแต่พอเห็นว่าเขาสวมชุดครบอย่างที่ว่าจริงๆ เธอจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วสะบัดค้อนวงน้อยๆให้คนขี้แกล้งไปหนึ่งครั้ง ก่อนเดินไปหยิบยาที่โต๊ะพร้อมกับรินน้ำใส่แก้วมาให้เขาเพชรนิลรับยาจากน้องมากิน เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า เขาปวดเมื่อยไปทั้งตัว อาการปวดหัวก็ยังคงอยู่ แต่เพราะมีกำลังใจดี ก็เลยมีแรงฮึดสู้หนูจ๋านำแก้วน้ำไปเก็บ แล้วเดินกลับมาที่เตียง เมื่อเห็นพี่กระต่ายกำลังจะเตรียมตัวลงนอน เธอก็ รีบเดินเข้าไปช่วยประคองเขาให้เอนตัวลงนอนบนเตียง แล้วบริการดึงผ้าห่มมาคลุมให้“พี่กระต่ายนอนพักผ่อนนะคะ พรุ่งนี้หนูจะมาเยี่ยมอีก” หนูจ๋าว่าแล้วเตรียมหมุนตัวจะเดินออกจากบ้านหลังเล็กไป ทว่าข้อมือบางก็ถูกจับไว้เสียก่อน หญิงสาวหันกลับมามองคนที่นอนทำหน้าตาเศร้าสร้อยน่าสงสารบนเตียง“พี่จะรอหนูจ๋ามาเยี่ยมอีกนะครับ” กระต่ายน้อยบอกน้อง แล้วดึงมือน้องมาแนบแก้มที่ร้อนผ่าวเพราะฤทธิ์ไข้“อยากกอด อยากจูบ แต
“เอ่อ...พี่กระต่ายถอดเสื้อออกก่อนนะคะ ไม่งั้นมันเช็ดไม่สะดวกค่ะ” หนูจ๋าบอกเสียงเบา หลบตาเขินอาย เธอเป็นคนบอกเขาถอดเสื้อ แต่เธอก็ต้องกลายเป็นคนหน้าแดงเสียเอง หนูจ๋าก้มหน้ามองผ้าในมือ ขณะรอให้คนป่วยถอดเสื้อ“พี่ปวดเมื่อยไปทั้งตัวเลยครับ ไม่มีแรงยกแขนเลย หนูจ๋าช่วยถอดเสื้อให้พี่หน่อยได้ไหมครับ” พ่อคนได้ที อ้อนน้องเสียงอ่อนเสียงเบาน่าสงสารหนูจ๋าเงยหน้าสบตาเขา หญิงสาวทำปากยื่นบ่นอุบอิบ แต่ก็ยอมทำตามที่เขาขอร้อง“ก็ได้ค่ะ ยกแขนขึ้นสิคะ”กระต่ายน้อยยกแขนขึ้น อำนวยความสะดวกให้น้องถอดเสื้อยืดสีขาวด้วยความเต็มใจ เขาเป็นผู้ป่วยนิสียดี ให้ความร่วมมือกับน้องทุกอย่างหนูจ๋าก้มหน้าก้มตาเช็ดตัวให้เขาอย่างเบามือ ระหว่างเช็ดตัวให้เขาหนูจ๋าไม่กล้ามองสบตาด้วย แม้ยามถูกรุมเร้าไปด้วยพิษไข้ แต่สายตาคมปลาบของเขาก็ยังคงทำให้เธอเขินสะเทิ้นอายได้เหมือนเดิมหนูจ๋าเช็ดหน้าอก หลัง และแขนเรียบร้อย หญิงสาวจึงลุกขึ้นยืนถือกะละมังขึ้น เพื่อจะเอาไปเก็บในห้องน้ำ แต่คนป่วยก็รีบคว้าข้อมือเธอไว้ก่อน“หนูจ๋ายังเช็ดไม่เสร็จเลย” กระต่ายน้อยว่าแล้วหลุบตามองท่อนล่างของตน พยาบา
“คงไม่เป็นไรหรอก ดูท่าทางแล้วแข็งแรงอยู่ คงออกกำลังกายประจำ ดูๆไปก่อนถ้าพี่เขาไม่ไหวจริงๆค่อยบอกให้มานั่งพัก” เจ้าดินบอกให้น้องๆสบายใจ เพราะพอเจ้าไฟบอกว่าคุณแม่จะจัดการขั้นเด็ดขาด สีหน้าของน้องๆอีกสองคนก็เปลี่ยนไปทันที มีความหวาดกลัวฉาบฉายอยู่บนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด ก็อย่างที่รู้ๆกัน แม้คุณป๋าผู้สั่งการให้พวกเขานั่งเฝ้าพี่เขยทำงานจะเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่เหนือคุณป๋าก็ยังมีคุณแม่ที่คอยกำกับดูแล และเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านเพชรนิลต้องขุดดินตากแดดตลอดทั้งวัน ขนาดช่วงพักเที่ยงเขายังไม่ได้กลับบ้าน ป๋าฟ้าสั่งให้คนงานเอาข้าวกลางวันมาให้เขาและเหล่าสี่กุมารถึงท้ายไร่ ความหวังว่าจะเห็นหน้าเมียสักแป๊บหนึ่งเพื่อเป็นกำลังใจก่อนจะทำงานต่อภาคบ่ายเป็นอันต้องพับเก็บไปได้เลย จะบ่นมาก จะโวยวาย จะประท้วงก็ไม่กล้า เพราะกลัวว่าหากทำอะไรให้เป็นที่ไม่พอใจของพ่อตาแล้ว ท่านจะไล่เขากลับบ้าน แล้วยกเอาเหตุผลที่เขาทำงานได้ไม่ตลอดรอดฝั่งทั้งวันมาเป็นข้ออ้างได้ว่า งานแค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาดูแลลูกสาวท่านได้กระทั่งตะวันตกดิน เจ้าสี่กุมารขับซาเล้งพาเขากลับบ้าน เพชรนิลสู้อุตส่าห์รีบอาบน้ำเ