“ต่ายให้ใครไปดูพลอยที่เมืองกาญจน์เหรอลูก” แม้จะวางมือจากการงาน ส่งมอบอำนาจและหน้าที่ให้ลูกชายคนโตดูแลทั้งหมดแล้ว แต่เพชรเพทายก็ยังติดตาม ให้คำปรึกษา และคอยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงอยู่เสมอ
“เต็นเองค่ะคุณพ่อ” พลอยไพลินชิงตอบก่อน หญิงสาวกำลังจะอ้อนขอไม่ไปแต่ทว่า
“ดีแล้ว จะได้รู้จักทำการทำงาน เรียนรู้ให้รอบด้าน” แทนที่พ่อเพชรของเธอจะเป็นห่วงเป็นใยลูกสาวที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ท่านกลับสนับสนุนแนวความคิดพี่กระต่ายน้อย เห็นดีเห็นงามไปด้วยเสียนี่ ทำให้คนที่คิดจะหาพวกต่อต้านคำสั่งพี่ชายหน้าตูมทันที
“ให้น้องไปคนเดียวหรือกระต่าย” แม่กระแตถามด้วยความเป็นห่วงลูกสาว
“ผมมีทีมบอดี้การ์ดไปคอยคุ้มกันน้องด้วยครับคุณแม่” เพชรนิลบอกให้มารดาคลายกังวล
“แต่น้องเป็นผู้หญิง” แม่กระแตยังไม่วายแย้ง
“ผมให้คุณนิตยาผู้จัดการแผนกจัดซื้อไปเป็นเพื่อนน้องครับ น้องโตแล้วนะครับคุณแม่ น้องต้องเรียนรู้งานให้รอบด้านเหมือนกับที่คุณพ่อบอกนะครับ” เพชรนิลบอกเหตุผลแก่มารดา เขาเข้าใจว่าท่านเป็นห่วงลูกสาว แต่สมควรแก่เวลาแล้วที่น้องสาวของเขาต้องเรียนรู้งานอย่างจริงจังเสียที
“คุณแม่ขา เต็นไม่ไปก็ได้นะคะ ถ้าคุณแม่ไม่สบายใจ” เห็นได้ชัดว่าแม่เป็นห่วง และพร้อมจะยืนข้างเธอ พลอยไพลินรีบออดอ้อน หยิบยกเอาความสบายใจของท่านมาอ้าง
“แม่เชื่อว่าพี่ต่ายคิดดีแล้วล่ะ ถึงมอบหมายให้เต็นทำงานนี้” แม่กระแตตอบยิ้มๆ แม้จะห่วงใย แต่ก็ไม่ขัดลูกชายคนโต เพราะเชื่อว่าพี่ชายหวังดีกับน้องเสมอ อีกอย่างกระเต็นยังติดเพื่อนฝูง ยังห่วงความสนุก ความรับผิดชอบยังไม่ค่อยมี ต้องบังคับแบบนี้แหละ ไม่อย่างนั้นคงไม่คิดจะเรียนรู้อะไรเอาเสียเลย
“คุณแม่อ่ะ ทำไมไม่เข้าข้างเต็น”
“ไม่ต้องมาอ้อนหาพวก เตรียมตัวไว้เลย วันจันทร์จะมีคนขับรถมารับ งานนี้พี่ให้พี่โยจัดทีมบอดี้การ์ดฝีมือดี และไว้ใจได้มาคอยดูแลน้องเต็นโดยเฉพาะเลย ไม่ต้องห่วงว่าจะหนีเที่ยวได้ เอ๊ย! ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย” เพชรนิลกระเซ้าคนหน้าตูม แม่นกกระเต็นน้อยของบ้านมองค้อนพี่ชาย ปากจิ้มลิ้มยื่นออกมาน้อยๆแสดงถึงความไม่พอใจชัดเจน
“พี่เต็นปากบวมอ่ะ ไปโดนอะไรต่อยมาเหรอคะ” ยัยกระติ๊บคือเจ้าหนูจำไมของบ้านตัวจริง ตาดีเป็นที่หนึ่ง เห็นอะไรผิดปกตินิดหน่อยก็ถาม และคำถามซื่อๆของน้องก็ทำให้พี่สาวรีบวางช้อน แล้วยกสองมือปิดปากไว้แน่น ดวงตาคู่งามหลุกหลิกมีพิรุธ
“ไอ้เอ็นไออ๊ะอ่อย เอ็นอิ่มแอ๊ว อ๋ออัวอ๊ะอ๊ะ” พลอยไพลินรีบลุกขึ้น แล้วเดินกลับขึ้นไปบนห้องตัวเอง ปล่อยให้ทุกคนมองตามด้วยความสงสัยว่าเธอพูดอะไร
“ไม่เป็นไรซะหน่อย เต็นอิ่มแล้ว ขอตัวนะคะ” พลอยชมพูเป็นล่ามแปลงคำพูดอู้อี้ของพี่สาวให้ทุกคนได้เข้าใจและหายสงสัย
พอเข้าห้องได้พลอยไพลินปิดประตูล็อกแน่นหนา หญิงสาวปรี่ไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าริมฝีปากล่างบวมและมีรอยช้ำอยู่หนึ่งจุด
“พี่โย!” เธออยากจะกรีดร้องดังๆ เกือบแล้วไหมล่ะ เกือบถูกจับได้ว่าโดนจูบแล้ว พลอยไพลินไม่รู้จะโกรธตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดร่องรอยบนริมฝีปากเธอ หรือว่าจะโกรธแม่น้องสาวผู้ช่างสังเกตดี หรือสุดท้ายแล้วเธออาจจะต้องโทษตัวเองที่ไม่สังเกตสังกาใบหน้าตัวเองให้ดีก่อนออกจากห้อง ยังดีที่วันนี้เป็นวันหยุด ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องแบกปากบวมๆกับรอยจูบจากเขาออกไปโชว์ให้คนอื่นได้ทักอีกหลายคนแน่ๆ
ด้วยความโมโหคนทิ้งร่องรอยไว้บนปากอิ่ม เขาทำให้เธอเกือบถูกคนในครอบครัวจับได้ว่าถูกผู้ชายจูบ พลอยไพลินจึงลุกขึ้นเดินไปหยิบเอาโทรศัพท์บนโต๊ะเล็กข้างเตียง แล้วกลับมานั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเหมือนเดิม เธอมองร่องรอยบนริมฝีปากล่างที่สะท้อนจากกระจกอีกครั้ง ก่อนโทรออกหาตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดรอย เขาต้องมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้
เสียงเพลงสายเรียกเข้าที่ตั้งไว้เฉพาะเด็กดื้อดังขึ้นในตอนที่วาโยกำลังรับประทานอาหารเช้ากับบิดา ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม เอ่ยขออนุญาตบิดาเพื่อออกไปรับโทรศัพท์อีกห้องหนึ่ง ร่างสูงเต็มแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อในชุดลำลองเดินไปหยุดอยู่ตรงผนังกระจกใสบานใหญ่ นิ้วเรียวสไลด์หน้าจอเพื่อรับสาย แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ริมฝีปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มบาง สายตาคมมองไปยังวิวสวนดอกไม้กว้างหลังบ้าน
“พี่โย!” คนที่รอสายนานจนแทบจะวางอยู่รอมร่อ เรียกเป้าหมายที่โทรหาด้วยโทนเสียงสูงปรี๊ด วาโยเลิกคิ้วเข้มข้างหนึ่งอย่างแปลกใจ แม่นกกระเต็นตัวน้อยของเขากลายร่างเป็นแม่เสือเสียแล้ว แถมยังคำรามขู่เรียกเขาอย่างไม่เกรงกลัวเหมือนทุกครั้งด้วย
“ครับ” วาโยขานรับเสียงราบเรียบ เขาอมยิ้มน้อยๆเมื่อได้ยินเสียงหอบหายใจฟืดฟาดจากปลายสาย ไม่รู้ว่าเธอกำลังโมโหหรือโกรธเรื่องอะไร แต่เขาพอใจที่เธอโทรมา เสียงของเธอทำให้เขาอารมณ์ดีแต่เช้าเลย
“พี่โยทำปากเต็นบวม แล้วก็เป็นรอยด้วย พี่โยต้องรับผิดชอบเรื่องนี้” คนถูกทวงถามความรับผิดชอบระบายยิ้มเต็มใบหน้าหล่อเหลา วาโยล้วงมือข้างหนึ่งลงในกระเป๋ากางเกงขาสั้นสีขาว เขายืนด้วยท่วงท่าสบายๆ ดวงตาคู่คมเป็นประกาย เขาจินตนาการถึงใบหน้าของอีกฝ่ายได้แจ่มชัด น้ำเสียงแบบนี้คงโมโหหนัก ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราคงแดงก่ำ จมูกรั้นนิดๆก็คงเชิดสูง ริมฝีปากอิ่มตึงที่เธอบอกว่ามันบวมและเป็นรอยก็คงจะยื่นออกมาน้อยๆ แต่สรุปแล้วไม่ว่าจะอยู่ในห้วงอารมณ์ไหนน้องก็น่ารักเสมอสำหรับเขา ถ้าอยู่ใกล้ๆจะจับจูบซ้ำให้เป็นรอยอีกสักรอย
“พี่โย! ฟังอยู่หรือเปล่าคะ” เมื่ออีกฝ่ายเงียบ คนที่ร้อนใจกับรอยจูบก็แหวมาตามสายด้วยโทนเสียงสูงปรี๊ดเหมือนเดิม
“ฟังอยู่ครับ”
“พี่โยต้องรับผิดชอบเรื่องนี้” พลอยไพลินย้ำจริงจัง
“ครับ พี่ยินดีรับผิดชอบ เต็นจะให้พี่รับผิดชอบยังไง ว่ามาเลยครับ” พอตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดรอยยืดอกสามศอกบอกจะรับผิดชอบ ฝ่ายที่โทรมาโวยวายเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองกลับนิ่งเงียบ
พลอยไพลินกำลังสับสนว่า เธอต้องการให้เขารับผิดชอบรอยจูบบนปากเธอก็จริง แต่เธอไม่ทันได้คิดว่าจะให้เขารับผิดชอบยังไง“กระเต็น...” วาโยเรียกปลายสายเสียงนุ่มทุ้ม“เอ่อ...กะ...ก็......”“พี่รอฟังอยู่” เมื่ออีกฝ่ายอึกอัก และเงียบไปดื้อๆ วาโยจึงเอ่ยปากเร่งเร้า เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าน้องอยากให้เขารับผิดชอบอย่างไร“เอ่อ...ครั้งต่อไป พี่โยต้องจูบเบาๆ แล้วก็ห้ามทำให้เป็นรอยอีก” วาโยเงยหน้าขึ้น ยิ้มกว้างกว่าเดิม ชายหนุ่มส่ายหน้า ก่อนจะตอบรับข้อเรียกร้องของแม่นกกระเต็นน้อย“ครับ...พี่สัญญาว่า ครั้งต่อไปจะจูบเต็นเบาๆ จะไม่ดูดให้ช้ำ จะไม่เม้มให้เจ็บ จะไม่กัดให้เป็นรอย”“พี่โย!” พลอยไพลินแหวเสียงสูง ใบหน้าสาวร้อนผ่าว เธอคิดผิดแล้วที่โทรมาเรียกร้องความรับผิดชอบจากเขา และเธอพลาดที่พูดถึงการจูบครั้งต่อไป นั่นหมายถึงเธอยอมรับว่ามันจะต้องมีครั้งต่อไปอีกแน่ๆ ตอนนี้เขาคงกำลังยิ้มกรุ้มกริ่มกับสิ่งที่เธอพูดไป อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดนัก ไปพูดถึงจูบครั้งต่อไปได้ยังไงกัน“เสียงสูงเชียว ไม่ชอบจูบแบบที่พี่บอกเหรอครับ งั้นก็...จูบครั้งต่อไปของเรา ก็คงดุดันเหมือนเ
“ถ้างานนี้สำเร็จ เต็นขอโบนัสหนักๆสักก้อนนะคะ”“ยัยเต็นขี้งก!” เพชรนิลว่าเสียงดัง ยังไม่ทันออกจากบ้านไปทำงาน ยัยนกกระเต็นก็ร้องขอโบนัสซะแล้ว“งกอะไรกัน โบนัสเป็นสิ่งที่ควรได้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงานนะคะ”“เหรอ” เพชรนิลส่ายหน้ากับการแถของน้องสาว สองพี่น้องคงจะลับฝีปากกันต่ออีกหลายประโยคเป็นแน่ หากรถแลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่สีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดไม่แล่นผ่านประตูรั้วเข้ามาเสียก่อน“รถมารับแล้ว” เพชรนิลบอกยิ้มๆ“แล้วเต็นต้องบอกให้เขาไปรับคุณนิดที่ไหนคะ”“คุณนิดไปรอที่รีสอร์ตตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” พลอยไพลินพยักหน้ารับทราบ หญิงสาวยืนมองรถคันงามแล่นเข้ามาใกล้ด้วยความรู้สึกแปลกๆเมื่อรถยนต์แล่นมาจอดเทียบประตูหน้าบ้าน เพชรนิลสั่งให้คนรับใช้ยกกระเป๋าของน้องสาวขึ้นรถ เขาเดินไปเปิดประตูข้างคนขับให้ ส่งน้องสาวขึ้นไปนั่ง แล้วกำชับคนขับรถด้วยน้ำเสียงสุภาพ“ฝากดูแลน้องสาวผมด้วยนะครับ”พลอยไพลินโบกมือให้พี่ชาย ก่อนเขาจะปิดประตูรถให้เธอ หญิงสาวขยับตัวนั่งตรง และกำลังจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเพื่อความปลอดภัย แต่คนขับรถกลับไวกว่า เขาโน้มต
เมื่อมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทางจะเสียเปรียบ พลอยไพลินจึงชักมือออกมาจากกระเป๋าถือของตน หญิงสาวเม้มปากแน่น สะบัดหน้าหนีสายตาคมดุวาโยยิ้มพอใจกับท่าทางอ่อนข้อของหญิงสาว เขาดับเครื่องยนต์ เปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมไปเปิดประตูให้คนที่นั่งหน้าบึ้งตึงไม่ยอมขยับตัวอีกด้าน“ลงมาได้แล้วครับ ช่วงบ่ายเราต้องไปที่เหมืองพลอย”“เต็นจะนั่งรออยู่บนรถ ว้าย!” พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างอรชรก็ถูกช้อนอุ้มแนบอกแกร่ง พลอยไพลินดิ้นยุกยิก แต่ไม่กล้าทุบตีคนหน้ามึน เธอกลัวเขาทำโทษ“พี่โย! ปล่อยเต็นนะ”“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก” วาโยเอ็ดเสียงเข้ม แล้วหันไปสั่งให้พนักงานรีสอร์ตจัดการกระเป๋าของเขาและเธอคนถูกเอ็ดยอมให้เขาอุ้มดีๆ เธอสงบปากสงบคำ กระทั่งเขาอุ้มเธอเดินตามพนักงานจนมาถึงทางเดินไปยังวิลล่าลอยน้ำในลำน้ำแควน้อย“ไม่นอนห้องเดียวกันนะคะ” พลอยไพลินบอกน้ำเสียงจริงจัง“พี่โย! เต็นไม่นอนห้องเดียวกับพี่โยนะ” เมื่อคนอุ้มไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด เขายังคงก้าวเดินไปเรื่อยๆ กระทั่งมาหยุดอยู่วิลล่าหลังริมสุด พลอยไพลินจึงย้ำอีกครั้ง คราวนี้เธอทำร้ายร่างกายเขาด้วยการทุบแผ่
วาโยเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟาเบด สองมือประสานวางไว้บนหน้าอก เขาชันหัวเข่าด้านที่ติดพนักพิงขึ้น ขาอีกข้างเหยียดตรงตามความยาวของโซฟา ชายหนุ่มหลับตา ทว่าใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มน่าหมั่นไส้ พลอยไพลินเดินมาเข้ามาหยุดยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างๆ เวลาโกรธ เธอมองเห็นเสือตัวเท่ามด ความระวังตัว และความหวาดหวั่นก่อนหน้านี้หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ตอนนี้เธออยากจะฉะกับคนที่นอนอยู่ตรงหน้ามากกว่า“พี่โย! ไม่ต้องทำเป็นหลับตาเลยนะคะ เพิ่งเดินเข้ามาเมื่อกี้เอง หลับไวขนาดนี้เลยเหรอ ลุกขึ้นมาเคลียร์เลยนะ” พลอยไพลินคว้าข้อมือข้างหนึ่งของคนแกล้งหลับดึงขึ้นมา ทว่าร่างใหญ่ไม่ขยับเขยื้อน ยิ่งเขานอนนิ่งเธอก็ยิ่งโมโห จึงออกแรงดึงสุดกำลัง“อุ๊ย!” ไม่เพียงแต่เขาไม่ลุกขึ้นดั่งใจเธอต้องการ แต่เขายังใช้มืออีกข้างคว้าหมับที่ข้อมือเล็กของเธอ แล้วออกแรงดึงเพียงนิด ทำให้ร่างนุ่มนิ่มปลิวติดมือเขา ล้มฟุบลงไปเกยอยู่บนอกกว้าง แถมยังถูกวงแขนแข็งแรงรวบกอดไว้แน่นหนา“พี่โย! ปล่อยเต็นนะ” พลอยไพลินใช้สองมือยันอกแกร่งไว้ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่หลับตานิ่ง แต่วงแขนกลับรัดเธอไว้เสียแน่น“พี่อยากให้เต็
“เรียบร้อยดีไหม”“มีปัญหานิดหน่อยครับคุณโย” วัลลภตอบไม่เต็มเสียง ก้มหน้าหลบสายตาเจ้านาย ด้วยเพราะทำงานกับเจ้านายหนุ่มมานาน เขาจึงรู้ดีว่า คำว่าปัญหานั้นไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะนิดหน่อยหรือใหญ่โตก็ตาม แล้วยิ่งมาเกิดกับผู้หญิงของเจ้านายด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง“ว่ามา” วาโยหันหลังให้คนสนิท เขาเดินห่างออกไปเพื่อสงบสติอารมณ์ ชายหนุ่มไม่ชอบใจที่มีปัญหาเกิดขึ้นกับแผนการที่เขาวางไว้อย่างรัดกุม ร่างสูงสมาร์ตเดินไปหยุดอยู่ริมแม่น้ำ ล้วงมือสองข้างลงในกระเป๋ากางเกง สายตาคมคมกริบกวาดมองไปทั่วบริเวณ เขาจดจำรายละเอียดทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในครรลองสายตาได้อย่างแม่นยำ มันคือนิสัยและความเคยชินของผู้ที่ผ่านการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ชั้นสูงมาอย่างหนัก“มีคนตัดหน้า เขาให้ราคาสูงกว่าครับ” วัลลภบอกด้วยน้ำเสียงกริ่งเกรง เขาเดินตามเจ้านายไปห่างๆ และหยุดยืนในระยะที่ไม่ใกล้และไม่ไกลจนเกินไป“แล้วไง” วาโยถามกลับเสียงราบเรียบโดยไม่หันกลับไปมองลูกน้อง“เอ่อ...”“นายรู้ว่าต้องทำยังไง ไปทำให้สำเร็จก่อนที่ฉันจะไปถึงที่นั่น”เป็นไปตามที่วัลล
วัลลภรับหน้าที่ขับรถของเจ้านาย นิตยานั่งเบาะด้านหน้าหน้าคู่คนขับ พลอยไพลินจำใจต้องนั่งคู่กับบอดี้การ์ดผู้อ้างว่า เขาต้องการดูแลเธออย่างใกล้ชิด ไม่อยากให้มีข้อผิดพลาดในการดูแลเธอ“มีร้านไหนที่มีพลอยไซซ์นี้อีกไหมคะคุณนิด”“ไม่มีเลยค่ะคุณเต็น อย่างที่รู้กันว่าไพลินไซซ์ใหญ่ขนาดนี้แทบหาไม่ได้แล้ว ตอนนี้มีที่ร้านนี้ร้านเดียวเท่านั้นค่ะ” นิตยาเบี่ยงตัวมาคุยกับเจ้านาย ผู้จัดการแผนกจัดซื้อมีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก เพราะพลอยเม็ดสวยที่มั่นใจว่าจะได้กลับไปทำเครื่องประดับเพื่อส่งเข้าประกวดงานอัญมณีและเครื่องประดับประจำปี กลับเกิดมีปัญหาขึ้นมาเสียได้ อีกทั้งดีไซเนอร์ของบริษัทได้ออกแบบเครื่องประดับไว้เรียบร้อยแล้ว ที่ประชุมก็มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะใช้เครื่องประดับเซตนี้ส่งเข้าประกวด แต่หากไพลินเม็ดนี้หลุดลอยไป ทุกอย่างจะต้องเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ และอาจจะส่งเข้าประกวดไม่ทัน“แล้วเม็ดเล็กที่เราสั่งไว้ล่ะคะ เขามีปัญหาอะไรไหมคะ”“ไม่มีค่ะ เขาจัดเตรียมไว้ให้เราตามที่สั่ง พร้อมกับใบรับรองเรียบร้อยแล้วค่ะ”พลอยไพลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ หนักใจไม่น้อยกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอ
พลอยไพลินทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เธอยังไม่พร้อมจะสูญเสียความสาวในตอนนี้ พี่โยนี่ก็กระไร รุกเธอหนักเหลือเกิน เล่นเจ้าล่อเอาเถิดอยู่ได้ ทั้งที่ไม่มีอะไรชัดเจนกับเธอเลย“เต็นไม่ยอมนะ พี่โยจะมาทำกับเต็นแบบนี้ไม่ได้” น้ำเสียงสั่นๆ ตัดพ้อน้อยใจ“เต็นคิดว่าพี่จะทำอะไร” วาโยถามเสียงเข้ม ทว่าใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม“ทำ เอ่อ...”“คิดไปไกลนะเรา เดี๋ยวพี่ก็ทำตามที่เต็นคิดจริงๆซะหรอก” วาโยว่ายิ้มๆ“คิดอะไร เต็นไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย ปล่อยเต็นได้แล้วค่ะ เต็นจะไปอาบน้ำ” พลอยไพลินเปลี่ยนเรื่อง ไหนๆเธอก็ต้องจำใจอยู่กับเขาต่อ เพราะรู้ดีว่าต่อให้ยกแม่น้ำทั้งโลกมาอ้าง เขาก็ไม่มีทางพาเธอกลับแน่ๆ“ตกลงจะไม่แลก” วาโยถามเสียงทุ้ม คิ้วเข้มข้างหนึ่งเลิกสูง สายตาคมปลาบจับจ้องดวงหน้าหวานซึ้งไม่วางตาพลอยไพลินถอนหายใจสุดแรง มองค้อนคนที่ยังคงกอดรัดเธอไว้แนบกายแกร่ง“จะนอนกี่คืนก็เรื่องของพี่โยเถอะค่ะ เต็นรู้หรอกว่า ถึงเต็นจะเอาอะไรมาแลก ถ้าพี่โยคิดจะพักที่นี่ต่อ พี่โยก็จะพัก ไม่ว่ายังไงพี่โยก็จะเอาแต่ใจ ดังนั้นจะนอนกี่คืนก็แล้วแต่เลยค่ะ นอนกันสักเดือนหนึ่งก็ได้ งา
เมื่อฝ่ายรุกได้ดั่งใจ ฝ่ายรับก็ยอมโอนอ่อนทำตาม ต่างฝ่ายจึงต่างผลัดกันป้อนอาหารให้กัน ใบหน้าชายหนุ่มนั้นอิ่มเอิบ แต่งแต้มไปด้วยความสุข หากแต่ใบหน้าสาวนั้นงอหงิก ปากจิ้มลิ้มยื่นออกมาน้อยๆเป็นบางครั้ง ด้วยเพราะไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักแม้จะโมโหที่เขาเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ แต่พลอยไพลินก็ไม่คิดจะเอาความโมโหเป็นที่ตั้ง เธอยอมกินอาหารที่เขาป้อน และยอมป้อนเขาอย่างที่เขาต้องการ ผลัดกันป้อนไปมาสักพัก คนที่ถูกบังคับในคราแรกก็เริ่มสนุก กินได้เยอะ เพราะเขาเอาอกเอาใจ และดูแลเธออย่างดี“เต็นจะกินปลาจานนี้ พี่โยแกะให้เต็นกินหน่อย ไม่เอาหนังปลานะคะ” พลอยไพลินชี้นิ้วไปยังจานปลากะพงนึ่งมะนาว หญิงสาวเผลออ้อนโดนไม่รู้ตัว แถมยังยิ้มหวาน กะพริบตาปริบๆ อย่างที่เคยทำเวลาอ้อนพี่กระต่ายน้อยประจำวาโยพยักหน้ายิ้มๆ พลอยไพลินยิ้มกว้างกว่า ใบหน้าแย้มยิ้มกระจ่างใสของน้อง ทำให้คนเป็นพี่ลอบถอนหายใจด้วยความรู้สึกปั่นป่วน น้องน่ารักน่าจับจูบ และน่าจับทำอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่างจนเขาแทบอดใจไม่ไหวแล้วพนักงานของรีสอร์ตมาเก็บสำรับอาหารกลับออกไปแล้ว ความมืดโรยตัวเข้าปกคลุมไปทั่วบริเว
ใบหน้าที่หลับตาพริ้ม อ้าปากเผยอครางเสียงหวานดังผะแผ่ว ทำให้พบรักเร่งมือเพื่อส่งเธอไปสุดปลายทางล่วงหน้าก่อน เขาสอดนิ้วกลางเข้าสู่ร่องสาวคับแน่น ชักเข้าออกกระทุ้งแรง รับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้ออ่อนที่บีบรัดรอบจากปลายสุดโคนนิ้ว ชายหนุ่มสูดลมหายใจยาว เขาแข็งขึงทรมาน อยากจะพาสัดส่วนที่ขยายใหญ่โตสอดลึกในตัวเธอแล้ว ทว่าก็ได้แต่ยับยั้งใจไว้ก่อน ความสดใหม่ของเธอทำให้เขาต้องรีดเค้นน้ำหวานออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เธอต้องเจ็บตัวมากเหมือนครั้งแรก“คุณพบ!” พลอยชมพูหลับตาแน่น เงยหน้าขึ้นครวญครางเรียกชื่อคนที่กำลังปรนเปรอเธอด้วยนิ้วมืออย่างดุดัน เมื่อไม่อาจต้านทานบทเพลงกามาที่บรรเลงโดยนิ้วเรียวยาวที่พร่างพรมลงใจกลางความเป็นหญิง สะโพกสวยก็ขยับเร็วเพื่อจะไปให้ถึงบทสุดท้ายของเพลงรัก เผลอให้ความร่วมมือไปโดยไม่รู้ตัว“กระติ๊บ...” พบรักจับจ้องมองใบหน้าน่ารักไม่วางตา เขากระซิบเรียกเธอซ้ำๆ จูบปลายคางเล็ก แล้วอ้าปากงับเบาๆ เร่งขยับซอยนิ้วมือกระทั่งส่งเธอข้ามพ้นขอบเขตความอดกลั้น หญิงสาวระเบิดตัวเองหยาดน้ำใสฉีดล้นซอกขาเปรอะเปื้อนเต็มหน้าตักเขาพลอยชมพูหอบหายใจแฮกๆ หญิงสาวเอนกายซวนซบอกกว
“อุ๊ย!” พลอยชมพูมัวแต่โมโหคนที่ไม่ยอมปล่อยเธอสักที หญิงสาวเลยมองเมินไปยังพื้นที่สีเขียวโล่งกว้างตรงหน้า โดยไม่ทันระวังตัว พบรักก็รวบเอวคอดดึงตัวเธอขึ้นไปนั่งบนตักเขา แล้วกักกอดไว้แน่น แผ่นหลังนุ่มแนบไปกับอกกว้างกำยำ“คุณพบ! จะทำอะไรคะ ปล่อยนะ” พลอยชมพูหันหน้าไปต่อว่าเขา ใบหน้าสาวบูดบึ้งไม่พอใจอย่างที่สุด“นั่งพักสักหน่อย เดี๋ยวค่อยกลับ”“จะนั่งก็นั่งดีๆสิคะ ทำไมต้องมากอดคนอื่นแบบนี้”“คนอื่นที่ไหน เมียทั้งคน”ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง มองหน้าคนที่เรียกตัวเองว่าเมียด้วยสายตาแตกตื่น พบรักมองสีหน้าตกใจของเธอแล้วยิ้มขำ พอเห็นคนที่เอาแต่ตกตะลึงตาค้างกับตำแหน่งใหม่ที่เขามอบให้ แถมริมฝีปากอิ่มที่เผยอน้อยๆนั่นก็ยั่วใจเขาเหลือเกิน ชายหนุ่มจึงอดใจไม่ไหว เขาโน้มใบหน้าลงไปใกล้อีกนิด หวังจะชิมความหวานจากปากนุ่ม แต่ดูเหมือนคนกำลังจะถูกเขารังแกจะรู้ตัวเสียก่อน มือบางสองข้างจึงถูกยกขึ้นมาปิดกั้นปากเขาไว้แล้วดันออกสุดแรงจนหน้าแทบหัน“จะทำอะไรคะ” พลอยชมพูถามเสียงขุ่น หญิงสาวดึงมือกลับมาเช็ดๆถูๆกับกางเกง มองค้อนคนจ้องจะเอาเปรียบเธอปากเขานุ่มชะมัด บ้าจริ
“ไอ้หมอนั่นใคร”เสียงเข้มไม่พอใจที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้พลอยชมพูสะดุ้ง หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนหมุนตัวกลับไปยืนประจันหน้ากับเจ้าของรีสอร์ตนิสัยเสียที่กล้าเรียกลูกค้าว่าไอ้หมอนั่น“ลูกค้าค่ะ”“รู้แล้วว่ามันเป็นลูกค้า มันรู้จักกระติ๊บด้วยเหรอ”“เป็นเพื่อนกันสมัยเรียนปอโทค่ะ”“เมื่อกี้มันขอเบอร์ด้วย”“ค่ะ” พลอยชมพูตอบแล้วหันไปคว้าถาดมาถือ เดินหนีคนช่างซัก“จะไปไหน” พบรักเดินตามติดต้อยๆ“เอาถาดไปเก็บค่ะ”“ผมช่วย” พบรักแย่งถาดจากมือบาง แต่ลูกจ้างสาวไม่ยอม พลอยชมพูดึงเอาไว้แน่น“ไม่ต้องค่ะ”“ต้อง” พบรักใช้แรงที่มีมากกว่าดึงถาดมาจากมือเธอจนได้ พลอยชมพูมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ คนบ้าอะไรเนี่ย คนจะทำงาน เขาจะมาวุ่นวายวอแวอะไรกับเธอนักหนา“งั้นก็ฝากไปเก็บด้วยนะคะ ติ๊บจะไปช่วยพี่น้ำตาลค่ะ” พลอยชมพูสะบัดหน้าเดินหนีเอาดื้อๆ พบรักมองตามเธอ แล้วก้มมองถาดในมือ เรื่องอะไรจะเอาไปเก็บ เธอไม่ไป เขาก็ไม่ไป ชายหนุ่มพยักหน้าเรียกพนักงานที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้มารับถาดไปเก็บ แล้วเดินตามไปยังเคาน์เตอร์ที่พลอยชมพูยืนอยู่กับกลุ่
“ผมก็เป็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเหมือนกัน” คนไม่อยากให้สาวทำงานลำบากรีบเอ่ยอ้างพลอยชมพูเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจลึก นี่เธอกำลังคุยกับผู้ใหญ่อายุสี่สิบหรือเด็กอายุสิบขวบกันแน่นะ“ติ๊บจะไปช่วยงานคนอื่นแล้ว ห้ามตามมานะคะ ไม่อย่างงั้นติ๊บจะหนีกลับบ้านจริงๆด้วย” พลอยชมพูหันหลังเดินออกจากห้องไปทันทีที่พูดจบ คนที่ถูกเธอขู่ไม่กล้าลุกเดินตามไป พบรักทำได้เพียงถอนหายใจมองตามตาละห้อย เขากลัวเธอหนีกลับบ้าน กลัวเธอไม่อยู่ให้เขารับผิดชอบเมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานเจ้าของรีสอร์ตได้แล้ว พลอยชมพูถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก บางทีเธอก็ไม่เข้าใจว่า การที่เธอเอาเรื่องนี้มาขู่เขานี่ถูกต้องแล้วใช่ไหม คือเธออดสงสัยไม่ได้ว่าตรรกะการได้เสียระหว่างเธอกับเขามันดูเพี้ยนๆ เขาต้องการรับผิดชอบ ในขณะที่เธอยังไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น และยังไม่อยากตัดสินใจอะไรตอนนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอเสียใจ แต่ที่มากกว่าความเสียใจคือ เธอกลัวครอบครัวรู้ กลัวพวกท่านจะผิดหวังในตัวเธอ แต่จะให้ร้องไห้คร่ำครวญจมอยู่ในห้วงทุกข์ตลอดเวลาก็ดูจะไม่ใช่ ไม่น่าทำ เธอโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น มีภูมิคุ้มกันภาวะจิตใจและอาร
“ยังไม่หิวค่ะ” พลอยชมพูบอกเสียงเบา หญิงสาวไม่รู้จะทำตัวเช่นไร จึงได้แต่ยืนขัดเขินทั้งกังวลอยู่กลางห้อง รอให้เขาเริ่มพูดเรื่องนั้นขึ้นก่อน“กระติ๊บ”“คะ” คนถูกเรียกสะดุ้ง หันไปมองเจ้าของห้องที่นั่งอยู่ปลายเตียงของเขา“มานั่งตรงนี้ เราต้องคุยกัน” พบรักตบมือลงข้างๆที่ตัวเองนั่งอยู่“คุณพบพูดมาเลยค่ะ ยืนอยู่ตรงนี้ ติ๊บก็ได้ยิน”“ถ้าไม่มานั่งดีๆ ผมจะเดินไปอุ้ม”คำขู่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำให้ใบหน้างามงอง้ำ พลอยชมพูพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะยอมเดินไปนั่งข้างเขา ซึ่งหญิงสาวทิ้งระยะห่างพองาม พบรักเองก็ไม่ได้คะยั้นคะยอให้เธอมานั่งชิดตัวติดกัน“กระติ๊บอยากให้ผมรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง” พบรักเอ่ยถามตรงๆไม่อ้อมค้อม คนที่ต้องตอบคำถามอึ้งไปไม่เป็น รับผิดชอบอย่างไรงั้นหรือ แต่งงานคงไม่ใช่คำตอบที่ดีเท่าไรนัก เพราะหากชีวิตคู่ของเธอเริ่มต้นจากการเสียตัวเพราะความเมา มันก็คงจบไม่สวยเท่าไรหรอกมั้ง เธอกับเขายังรู้จักกันไม่ดีพอ ยังไม่มากพอที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน“อย่าเพิ่งปฏิเสธความรับผิดชอบจากผม เราค่อยๆเรียนรู้กันไปก่อนได้ไหม”พลอยชมพูเ
เพลิงตะวันจับตามองน้องสาวตั้งแต่เธอเดินออกจากประตูบ้านมา กระทั่งเดินมานั่งที่เก้าอี้ซึ่งอยู่ในซุ้มไม้ที่เขากับภรรยานั่งอยู่ก่อนแล้ว“ช้า!” คนใจร้อนและหัวร้อนง่ายว่าน้อง แล้วมองอย่างจับพิรุธ“ติ๊บเป็นผู้หญิงนะพี่เพลิง จะให้วิ่งผ่านน้ำหรือไงเล่า มันก็ต้องให้เวลากันหน่อยสิคะ” พลอยชมพูว่าแล้วทำปากยื่นให้พี่ชาย“น้ำฝนไม่เห็นอาบนานเหมือนติ๊บเลย” คนข้องใจยังคงหาเรื่องจับผิดน้องต่อ“ที่อาบไม่นานเพราะพี่เพลิงเข้าไปอาบด้วยหรือเปล่าคะ อาบไม่นาน เพราะทำอย่างอื่นด้วย” ถึงเธอจะเพิ่งเสียพรหมจรรย์มาเมื่อคืนนี้เอง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้อะไรเลย เรื่องแบบนี้ถึงไม่อยากรู้แต่ก็ได้รู้ เพราะทั้งเพื่อนฝูงคุยกัน ทั้งหนังทั้งละครมีฉากแบบนี้ออกเยอะแยะ และพลอยชมพูก็ฉลาดพอที่จะดึงน้องสาวเข้ามาจัดการพี่เพลิง“พี่ติ๊บ!” หยาดพิรุณอุทานเรียกพี่สาวด้วยน้ำเสียงตกใจ แล้วหันไปมองสามีด้วยสายตาดุ เพราะเขานั่นแหละไปจุกจิกวุ่นวายถามจับผิดพี่สาวเธออยู่ได้ พี่ติ๊บเลยสวนหมัดกลับมา แต่แทนที่หมัดนี้จะโดนเขา กลับมาฮุกเข้าใต้ลิ้นปี่เธอเสียนี่“ตื่นสายโด่งขนาดนี้ พี่พบเขายังจ
หยาดพิรุณมองตามหลังสามีแล้วได้แต่ส่ายหน้า หญิงสาวหันมายิ้มให้พี่สาว แล้วเดินเข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึง “ขอโทษแทนพี่เพลิงด้วยนะคะพี่ติ๊บ พี่เพลิงเนี่ยไม่ค่อยเข้าใจคำว่าเกรงใจใครหรอกค่ะ นี่มันห้องส่วนตัวของพี่ติ๊บ ก็ยังดื้อรั้นจะเข้าไปอีก เดี๋ยวกลับถึงไร่ น้ำฝนจะจัดการให้นะคะ” “ขอบใจมากนะน้ำฝน ถ้าไม่ได้น้ำฝนพี่คงแย่” หยาดพิรุณคลายอ้อมกอด ผละออกมาจ้องมองหน้าพี่สาวอย่างแปลกใจ คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความสงสัย อดไม่ได้ที่จะชะเง้อคอมองเข้าไปในห้อง แย่อะไร...พี่ติ๊บมีอะไรซ่อนไว้ในห้อง คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดประโยคชวนสงสัยออกไปรีบขยับตัวบังสายตาน้อง “เอ่อ...น้ำฝนไปรอพี่ข้างล่างก่อนนะ พี่ขอเวลาอาบน้ำแต่งตัวแป๊บเดียว เดี๋ยวพี่ตามลงไปคุยด้วย” “ค่ะ” แม้จะสงสัยเพียงใด แต่หยาดพิรุณก็เคารพความเป็นส่วนตัวของพี่ เมื่อน้องสาวเดินลงบันไดไปแล้ว พลอยชมพูจึงรีบปิดประตู ลงกลอนแน่นหนา หญิงสาวพิงหลังกับบานประตู ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดวงตาที่มีแววกังวลม
“คุณพบไปหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้าก่อน แล้วก็ห้ามส่งเสียง ห้ามออกมาจนกว่ากว่าติ๊บจะเปิดประตูให้” พลอยชมพูลุกขึ้นจากเตียง เธอไม่สนหรอกว่าจะโป๊เปลือยอยู่ เพราะตอนนี้เธอกังวลอยู่เรื่องเดียว คือกลัวว่าพี่เพลิงจะรู้ว่าเธอกับเจ้านายมีอะไรเกินเลยกันแล้ว คนตัวเล็กลากร่างสูงกำยำลงมาจากเตียง พบรักลงมาแต่โดยดี ไม่ได้กลัวไอ้หมาบ้าเพลิงที่เคาะประตูอยู่หรอก แต่เขายอมลุกดีๆก็เพราะมีอาหารตาให้มองต่างหาก“เอาเสื้อผ้าคุณพบเข้าไปด้วย” พลอยชมพูก้มลงเก็บเสื้อผ้าของเขา แล้วยัดใส่มือให้ หญิงสาวรุนหลังเขาไปหน้าตู้เสื้อผ้า เปิดประตูตู้แล้วออกแรงผลักเขาให้เข้าไป ทว่าคนตัวโตกลับไม่ยอมขยับ“สัญญามาก่อนว่าจะไม่หนีกลับบ้าน”“โอ๊ย! ไม่มีเวลามาสัญญิงสัญญาอะไรแล้วค่ะ คุณพบหลบเข้าไปอยู่ในตู้ก่อนนะคะ”“ไม่! ผมจะไม่เข้าไปอยู่ในตู้ จนกว่ากระติ๊บจะสัญญามาก่อนว่าจะไม่หนีกลับบ้าน”พบรักมองสบตาคู่สวยแน่วแน่ พลอยชมพูถอนหายใจแรง คนขี้โกงมาบังคับเอาคำสัญญาตอนหน้าสิ่วหน้าขวานนี่นะ“ค่ะ ติ๊บจะไม่หนีกลับบ้าน”พบรักยิ้มในหน้าเขาสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบพาตัวเองเข้าไปหลบอยู่ในตู้
“อยู่กับผมนะครับ” เสียงกระซิบทุ้มนุ่มของพบรักทำให้คนที่หลับอยู่บนอกเขาครางงึมงำขยับตัวเล็กน้อย คนเข้าข้างตัวเองตีความเอาว่านั่นคือเสียงตอบรับจากเธอ พลอยชมพูขยับตัวไล่ความเมื่อยขบที่เกาะกินไปทั้งสรรพางค์กาย ความอบอุ่นที่แนบชิดอยู่ทำให้เธอไม่อยากตื่น ในห้วงฝันเลือนรางเธออิ่มเอมสุขล้ำเสมือนจริงเสียจนไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นเพียงความฝัน หญิงสาวถอนหายใจบางเบา ซุกตัวเข้าหาความอบอุ่นอีกนิด ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มหวานละมุน จนคนที่ตื่นก่อนและแอบมองเธออยู่นานแล้วพลอยยิ้มตามไปด้วย “ตื่นได้แล้วครับ สายแล้ว” เสียงกระซิบอยู่เหนือศีรษะทำให้คนที่กำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งขมวดคิ้วมุ่น พลอยชมพูลืมตาขึ้นแล้วกะพริบปริบๆ หญิงสาวกลอกตาไปมาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนก้มสำรวจมองตัวเอง แต่เพียงแค่ขยับก็รับรู้ได้ว่าเธอไม่ได้นอนอยู่คนเดียว ใบหน้างามค่อยๆแหงนเงยขึ้นมองเจ้าของเสียงที่ปลุกเธอเมื่อครู่ ใบหน้าคุ้นเคยที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบทำใ