แม่ทัพวิศรุฒต้องออกเดินไปยังเมืองศิลานคร ตามคำราชโองการของราชาศิลา เพื่อนำยิวในร่างขององค์ชายเมธีไปเป็นตัวประกัน ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้มีเพียง แม่ทัพวิศรุฒและยิวกับจอมพร้อมด้วยทหารไม่กี่สิบนาย ทั้งหมดเดินทางด้วยม้าในครั้งนี้ยิวได้ขี่มาเอง เพราะเสือเข้มได้สอนมาบ้าง จึงไม่เป็นปัญหาในการเดินทางสักเท่าไร
พระอาทิตย์เริ่มใกล้ตกดินในยามเย็น แม่ทัพวิศรุฒจึงให้พักค้างคืนริมลำธารที่มีน้ำขาวใสไหลผ่าน บรรดาเหล่าทหารต่างช่วยกันสร้างกระโจมพักผ่อน หลังจากนั้นไม่ว่าทหารหรือแม่ทัพวิศรุฒรวมทั้งจอม ต่างปลดอาภรณ์จนเหลือเพียงกายเปลือยเปล่า เพื่อลงอาบน้ำในลำธารซึ่งเหลือเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือยิวที่มิได้ลงไป
“พี่โสภณ ทำไมไม่ลงมาอาบน้ำกับพวกเรา” จอมโผล่เหนือน้ำแล้วเดินขึ้นมายังริมลำธารที่ยิวนั่งอยู่
สายตาของยิวจ้อมมองจอมแวบนึงแล้วหันกลับมองไปยังทางอื่น เพราะเขาไม่อยากมองสภาพเปลือยเปล่าของจอม กลัวจอมและคนอื่นมองในแง่ไม่ดีและสงสัยได้
“จอมลงมานี่ ปล่อยให้โสภณไปอาบตรงโน้น” แม่ทัพวิศรุฒชี้มือไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งไกลจากที่พวกเขาเล่นน้ำอยู่
“ครับ” จอมหันหลังกลับและลงไปเล่นน้ำตามเดิม
ยิวมองทหารนับสิบเล่นน้ำแล้วใจคอไม่ดี เขาจึงเดินไปยังที่แม่ทัพวิศรุฒบอกไว้ เมื่อไปถึงยิวปลดอาภรณ์ออกทุกชิ้นแล้วกระโดดลงไปในน้ำทันที เพราะเขาก็อยากอาบน้ำชำระร่างกายอยู่ด้วยเหมือนกัน
ระหว่างที่ยิวกำลังเล่นน้ำอย่างเพลิดเพลินนั้น จูจู่แม่ทัพวิศรุฒก็โผล่มาเหนือน้ำจากด้านหลังของยิว พร้อมโอบกอดและพรหมจูบทั่วใบหน้าอย่างใคร่กระหาย
“ปล่อยนะ ไม่กลัวเหล่าทหารมาเห็นเหรอ” ยิวดิ้นเล็กน้อยพอเป็นพิธี
“ไม่เห็นหรอก พอมีเวลานิดหน่อย”
“เวลาอะไร”
ยิวแกล้งถามเพราะเขารู้ว่าแม่ทัพวิศรุฒต้องการอะไร เนื่องด้วยท่อนเอ็นเริ่มสัมผัสบั้นท้ายของเขา ซึ่งมีความแข็งอย่างมากและพยายามจะเข้าไปในช่องทางรัก ถึงแม้แต่จะรู้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วในตอนนี้ เพราะท่อนเอ็นนั้นได้เข้าไปในช่องทางรักของยิว
“อุ๊ยจ็บ”
ช่องทางรักของยิวไม่ว่างอีกต่อไป เพราะโดนแรงกระแทกอย่างรัวๆ จนน้ำกระจายและเสียงดังพอสมควร ในช่วงเวลานี้ไม่มีอะไรมาหยุดความต้องการของแม่ทัพวิศรุฒได้ เขาใส่อย่างไม่ยั้งซอยถี่ๆ รัวๆ แบบต่อเนื่อง พร้อมความแรงและเร็ว ด้วยเวลามีน้อยและกลัวใครมาเห็นเข้า แต่ด้วยความใคร่มีมากกว่า เขาจึงไม่สามารถหักห้ามใจได้ในครั้งนี้
“อืม อ่า อ่า “ยิวพยายามเก็บเสียงไม่ให้ครางออกมา เพราะกลัวจะดังเกินไปด้วยในป่าและลำธารนั้นเงียบมาก มีเพียงเสียงสายน้ำไหลเบาๆ
“ใกล้แล้วทนอีกหน่อย”
แม่ทัพวิศรุฒเอ่ยขึ้นพร้อมกับโหมกระแทกอย่างรัวๆ แบบกระหน่ำ เพียงไม่กี่ครั้งน้ำในกายของแม่ทัพวิศรุฒก็พุ่งกระฉูดใส่ช่องทางรักของยิว
“อ่า อ่า อ่า” แม่ทัพวิศรุฒพยายามกลั้นครางด้วยให้เสียงเบาๆ
เมื่อสิ้นน้ำในกายแม่ทัพวิศรุฒจึงถอนท่อนเอ็นออกมา แล้วหายใจถี่ๆ เพราะใช่แรงเยอะพอสมควรด้วยกระทำรักในน้ำนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากและเหนื่อย
“แม่ทัพ” เสียงจอมตะโกนดังอยู่ข้างลำธารเมื่อเขาเดินมาถึงและเห็นสองคนยืนใกล้ๆ กัน
แม่ทัพวิศรุฒรีบเดินออกห่างจากยิวและไปยังริมลำธาร พร้อมเดินขึ้นไปหาจอมที่ยืนถือเสื้อผ้า
“ข้าเห็นท่านแม่ทัพหายไป นึกแล้วว่าต้องมาอยู่นี่” จอมยื่นเสื้อผ้าให้แม่ทัพวิศรุฒสวมใส่
แม่ทัพวิศรุฒไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่หันหน้ามามองยิวสักพักแล้วเดินกลับไปพร้อมจอม ส่วนยิวนั้นยังอยากเล่นน้ำต่อ เขาจึงไม่ได้ตามขึ้นไปด้วยแต่อย่างใด
ในช่วงเวลาที่ยิวแหวกว่ายเล่นน้ำอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงชายหนุ่ม ที่ส่งเสียงออกมาเบาๆ ไม่ดังมากนัก ยิวจึงรีบขึ้นจากน้ำแล้วใส่เสื้อผ้าทันที มองซ้ายมองขวาว่าใครกันเป็นคนเรียก
“จากกันไม่กี่วันจำผัวไม่ได้แล้วเหรอ” เสือเข้มออกมาจากพุ่มไม้และเดินมาจากด้านหลังของยิว
เสียงและฝีเท้าทำให้ยิวรีบหันมาและเขาต้องพบกับความหวั่นกลัว เพราะนั่นเสือเข้มที่มีปัญหากับเขาหลายครา
“เสือเข้ม เอ็งพูดอะไรระวังคำพูดหน่อย” ยิวมองไปรอบๆ ด้วยกลัวใครมาพบเห็น
“ไม่มีเวลามากนะ รีบตามข้ามา เดี๋ยวมีใครมาทันเห็น” เสือเข้มจับมือของยิวและกำลังจะดึงตามแรงของเขา
“ปล่อยนะ ข้าไม่ไปเอ็.จะพาข้าไปไหน” ยิวพยายามแกะมือของเสือเข้มออก แต่ไม่เป็นผลเพราะสู้แรงไม่ไหว
“กลับเมืองเมฆาบุรีไง ข้าอุตส่าห์ตามมาช่วยเอง หรือว่าเอ็งอยากจะไปกับไอ้แม่ทัพวิศรุฒนั่น”
“ใช่”
“เลว ไม่อายฟ้าสางบ้าง ทำกันกลางวันแสกๆ กลางป่า”
“มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเอ็งเลย” ยิวมีสีหน้าตกใจพอสมควร เพราะไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะเห็นในสิ่งที่เขาทำกับแม่ทัพวิศรุฒ
“เพลี้ยะ” ฝ่ามืออันหยาบกร้านฟาดไปที่หน้าของยิวอย่างแรง
“หยุดนะเสือเข้ม” แม่ทัพวิศรุฒตามมาดูยิว และเห็นเข้าพอดีเขาจึงรีบชักดาบออกมาเพื่อขู่เสือเข้ม
ยิวเห็นเช่นนั้นเขาจึงรีบแกะมือและสลัดแขนจนมือของเสือเข้มหลุด ยิวไม่รอช้ารีบวิ่งไปหลบหลังของแม่ทัพวิศรุฒทันท่วงที
“หลายใจ” เสือเข้มพูดขึ้นเพราะยังจำภาพยิวและแม่ทัพวิศรุฒนอนกอดกันบนเรือได้
“อะไรของเอ็ง” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าใคร่สงสัยยิ่งนัก ส่วนยิวพอจะรู้บ้างว่าเสือเข้มนั้นได้กับกัสตอนหลงเข้ามาอยู่ในนิยาย
สายตาของเสือเข้มมองไปยังมือของยิวที่จับแขนของแม่ทัพวิศรุฒ ในตอนนี้จิตใจของเสือเข้มมีความรู้สึกแปลกๆ ไม่อยากเห็นภาพนี้
“ปล่อยองค์ชายเมธีมาให้ข้า” เสือเข้มผู้เด็ดเดี่ยวพร้อมชักดาบออกจากฝักเช่นกัน
“องค์ชายเมธีเหรอ เอ็งน่าจะรู้ดีแก่ใจ”
“จะใครก็แล้วแต่ แต่องค์ชายเมธีต้องไปกับข้า”
“ข้าไม่ไปกับเอ็งหรอกเสือเข้ม” สายตาของยิวหวาดหวั่นเกรง
“ไม่ไปแน่นะ” เสือเข้มยิ้มที่มุมปาก
“แน่”
“ข้าเห็นหมดแล้ว เมื่อกี้เอ็งกับแม่ทัพทำอะไรกัน แต่ข้าเคยทำกับเอ็งมาก่อน” เสือเข้มหัวเราะขึ้นมาทันที
ยิวหน้าซีดเพราะสิ่งที่เสือเข้มพูดนั้นคือความจริง แต่ไม่ใช่ตัวเขาที่ทำเช่น นั่นคือกัสที่หลงเข้ามาและได้มีความสัมพันธ์กับเสือเข้ม
“ที่เสือเข้มพูดมันจริงไหม” แม่ทัพวิศรุฒหันมามองยิวด้วยสายตาผิดหวัง และคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินเรื่องราวเช่นนี้
“ไม่จริง เสือเข้มพูดไปเรื่อย” ยิวเสียงสั่นเครือ
“ทำไมจะไม่จริง เอ็งอมไอ้นั่นข้า ส่วนข้าเอาข้างหลังเอ็ง เหมือนอย่างท่านแม่ทัพทำนั่นแหละ” เสือเข้มหัวเราะด้วยความสะใจ
“เอ็ง” แม่ทัพวิศรุฒตกตะลึงกับคำพูดของเสือเข้มจึงเผลอไปชั่วครู่
เสือเข้มใช้จังหวะนี้กระโดดง้างดาบเพื่อฟาดฟันแม่ทัพวิศรุฒ แต่ยังไปไม่ทันถึงถูกลูกธนูจากปลายมือของจอมที่เดินมาได้จังหวะพอดี ยิงใส่แต่เสือเข้มใช้ดาบฟันทิ้งล่วงล่นลงพื้น และทันใดนั้นนั่นเองเสือเข้มรีบหันหลังกลับแล้ววิ่งหายวับเข้าไปในป่าอย่างเร็ว
“ท่านแม่ทัพเป็นอะไรบ้างหรือเปล่าขอรับ”
“เปล่า” แม่ทัพวิศรุฒหน้านิ่งสายตาเริ่มเย็นชาใส่ยิว ที่เขาก็รู้สึกได้ว่าแม่ทัพวิศรุฒไม่พอใจอย่างมากที่ได้ยินคำพูดนี้จากปากเสือเข้ม
“ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันเถอะ อยู่ที่นี่อันตรายมากนะขอรับ”
“อืม” แม่ทัพวิศรุฒพยักหน้า แล้วเดินนำหน้าไปโดยไม่สนยิวแม้แต่น้อย
ยิวทำอะไรไม่ถูกได้แต่เดินตามแม่ทัพวิศรุฒกับจอมไปอย่างเลื่อนลอย และครุ่นคิดจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี เพราะไม่เป็นการดีแน่ถ้าปล่อยให้แม่ทัพวิศรุฒโกรธอยู่อย่างนี้ ด้วยหลายวันที่อยู่ด้วยกันจึงทำให้ยิวเผลอใจให้กับแม่ทัพวิศรุฒไปบ้าง เขาจึงไม่อยากเห็นแม่ทัพวิศรุฒมองในแง่ไม่ดี
กัสหยุดพิมพ์และโพสต์ตอนต่อไปทันที เขารู้สึกสะใจมากที่ได้ทำให้ตัวละครนี้ทรมานทั้งกายและใจ ต่อไปนี้กัสตั้งใจไว้ว่าจะเขียนทุกๆ วันและต่อเนื่อง ให้เป็นเรื่องราวที่เขาได้เขียนเอง ไม่อยากให้เรื่องราวต่างๆ เดินไปได้ด้วยตัวของมันเอง
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว