“นี่เงินค่าแรงพวกนาย วันนี้เหนื่อยหน่อยนะ คนละหยวน”
เมื่องานเสร็จสิ้นแล้ว ผู้จัดการโรงงานเหล็กก็จ่ายเงินให้กับคนงานที่ได้ไปหาจากตลาดมืดมาหลายคน สาเหตุที่ทำไมไม่ให้พนักงานในโรงงานช่วยกันขน นั่นก็เป็นเพราะว่าแต่ละคนมีงานในหน้าที่ของตัวเองมากมายอยู่แล้ว แล้วเหล็กพวกนี้ก็ไม่ได้มีให้ขนทุกวัน การจ่ายเป็นครั้งคราวแบบนี้สะดวกกว่า
“ขอบคุณครับ”
ชายขายแรงงานทุกคนต่างก็กล่าวขอบคุณออกมาไปหลังจากรับเงินมาแล้ว ซึ่งในนั้นมีหลี่เหวินและหยางเฟยหลงรวมอยู่ด้วย
ทั้งสองมองเงินหนึ่งหยวนในมือแล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เพราะถึงแม้อยากจะซื้อเนื้อกลับบ้านไปเพื่อทำอาหารแต่เงินก็ไม่พอ จึงทำใจเก็บเงินเข้ากระเป๋าไป
“วันนี้เลิกงานเร็ว พวกเราขึ้นเขาไปล่าสัตว์หน่อยไหม
พี่เฟยหลง เผื่อจะได้มีเนื้อไปให้ที่บ้านทำกับข้าว หรือถ้าโชคดีก็เอาไปขายได้ด้วยนะ”หลี่เหวินเอ่ยชวนอีกฝ่ายเพราะเห็นว่าตอนนี้ยังมีเวลาอีกนานกว่าจะค่ำ เผื่อว่าจะได้ไก่ป่าหรือกระต่ายป่ามาสักตัวสองตัวเพื่อไปให้ทางบ้านทำอาหาร หรือเผื่อได้เยอะก็อาจจะนำไปขายได้อีกด้วย
“เอาสิ วันนี้กลับไปที่ตลาดมืดก็คงไม่มีงานแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราสองคนกลับบ้านเลยดีกว่า จะได้ขึ้นเขาไปล่าสัตว์”
หยางเฟยหลงพูดออกมาอย่างเห็นด้วยทันที เขาก็ไม่คิดจะกลับไปรองานที่ตลาดมืดอีก วันนี้เขาได้เงินมาหนึ่งหยวนกับเจ็ดเหมาก็ถือว่าเพียงพอแล้ว พอดีกับหลี่เหวินชวนกลับบ้าน เขาเลยตกปากรับคำทันที
ทั้งสองเลือกที่จะไม่นั่งรถเข้าหมู่บ้าน แต่เดินกลับแทนเพราะอยากประหยัดเงินไว้
ใช้เวลาราว ๆ ครึ่งชั่วโมงทั้งสองก็กลับมาถึงหมู่บ้าน
“เดี๋ยวผมเข้าบ้านไปเอากับดักก่อนนะพี่เฟยหลง เดี๋ยวไปเจอกันที่เชิงเขา” หลี่เหวินหันมาบอกอีกฝ่ายเมื่อมาถึงหมู่บ้าน เพราะเพิ่งกลับมาจากในเมือง เขาเลยคิดว่าจะกลับบ้านไปเอากับดักสัตว์ก่อนค่อยขึ้นเขา
“พี่ใหญ่ กลับมาแล้วเหรอ” ขณะนั้นหลี่ชิงเหยาที่เห็นพี่ชายเดินมากับใครบางคน จึงโบกมือเรียกแล้วรีบเดินเข้ามาหาพร้อมกับทักทายออกไปอย่างร่าเริง
“ออกมาจากบ้านแบบนี้หายดีแล้วเหรอ แล้วนี่ปลาของใคร” หลี่เหวินขมวดคิ้วคิ้วถามออกไปเมื่อเห็นน้องสาวออกมาเดินอยู่นอกบ้าน แถมในมือยังมีปลาอีกสามตัว ใจหนึ่งก็ห่วงน้องสาวที่เพิ่งจะหายจากการจมน้ำ ใจหนึ่งก็สงสัยว่าปลาในมือของน้องสาวนั้นเอามาจากไหน แต่เมื่อคิดบางอย่างได้ก็ส่งเสียงดุขึ้นมา โดยยังไม่รอคำตอบจากน้องสาว
“นี่คงจะเอาปลาที่พ่อหามาได้ไปให้อี้หยางตงอีกแล้วใช่ไหม” น้ำเสียงของหลี่เหวินที่ถามออกมานั้นบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างมาก
“พี่ใหญ่ หยุดคิดหยุดมโนก่อนเลยนะ ฉันไม่ได้ชอบอี้หยางตงอีกแล้ว ส่วนปลาสามตัวนี้ฉันก็หามาเองจากลำธาร และกำลังจะเอากลับบ้านของเรา หากพี่ไม่เชื่อก็ไปถามป้าหยางท้ายหมู่บ้านได้เลย ฉันไปจับปลาที่ลำธารกับป้าหยาง” หญิงสาวพูดกับพี่ชายอย่างแง่งอน และบอกเรื่องที่เธอเอาปลามาจากไหนให้เขารับรู้
‘ทำไมมีแต่คนคิดว่าฉันจะเอาไปให้อี้หยางตงกันนะ ชาวบ้านกลุ่มเมื่อกี้ก็พูดแบบนี้’ เธอบ่นในใจอย่างไม่พอใจ
“ป้าหยาง?” หลี่เหวินพูดย้ำขึ้นมาอย่างแปลกใจ พร้อมกับมองไปที่หยางเฟยหลง เพราะป้าหยางท้ายหมู่บ้านก็คือแม่ของชายที่อยู่กับเขาอย่างไรล่ะ
“ก็ใช่น่ะสิ นี่ฉันแบ่งปลากับป้าหยางคนละสามตัว เราแบ่งเท่า ๆ กัน ว่าแต่พี่ชายคนนี้ใครเหรอ แบ่งปลาไปกินไหมคะ”
หญิงสาวเชิดหน้าตอบพี่ชายอย่างภาคภูมิใจ และถามชายหนุ่มอีกคนออกไปอย่างใจกว้าง โดยที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เพราะว่าร่างเดิมไม่ชอบคนบ้านหยางจึงไม่ค่อยไปมาหาสู่กับเขา ทำให้ความทรงจำเรื่องหน้าตาของอีกฝ่ายนั้น แทบไม่มีในหัวของ
หลี่ชิงเหยาเลยหลี่ชิงเหยาคนใหม่ก็จำไม่ได้ว่าตัวประกอบที่เธอเคยสงสารนั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง เธอได้แต่ชื่นชมหน้าตาของเขาอยู่ในใจ ‘ไม่คิดว่าชายยุคนี้จะหน้าตาหล่อเหลาแบบนี้’
ส่วนหยางเฟยหลงนั้นพอได้ยินคำถามนี้จากหญิงสาวก็ยิ่งแปลกใจ และเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“ชิงเหยาจะแบ่งให้พี่เฟยหลงอีกทำไม ในเมื่อเธอแบ่งให้ป้าหยางไปแล้ว เธอลืมหรือเปล่าว่าป้าหยางเป็นแม่ของพี่เฟยหลง” หลี่เหวินรีบพูดขึ้นมาก่อนที่น้องสาวจะปล่อยไก่ไปมากกว่านี้ เขาก็เริ่มไม่เข้าใจกับน้องสาวตัวเองว่าทำไมถึงจำอีกฝ่ายไม่ได้
‘หรือเพราะเธอจมน้ำสมองเลยมีปัญหา!!’ เขาได้แต่คิดในใจและรู้สึกสงสารน้องสาวที่อาจจะมีปัญหาด้านสมอง
“อ้าวเหรอ สงสัยฉันจมน้ำสมองเลยลืมเรื่องราวไปหลายอย่างน่ะ” เธอตอบกลับพี่ชายด้วยสีหน้าคล้ายมึนงงเล็กน้อย ก่อนจะหันมาพูดกับชายตรงหน้าอย่างอ่อนโยน “สวัสดีค่ะพี่เฟยหลง ขอโทษด้วยนะคะที่ฉันเสียมารยาท”
“เอ่อครับ สวัสดี ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างตะกุกตะกักเล็กน้อย แต่ทว่าใบหูกลับแดงเถือกขึ้นมาทันที
‘สงสัยตัวประกอบคนนี้คงชอบหลี่ชิงเหยาเหมือนกันนะเนี่ย อายแล้วน่ารักดี’ เธอนึกใจในเพราะเห็นท่าทางเขินอายของเขา
“พี่เฟยหลง วันนี้พวกเรามีปลากินแล้ว ค่อยเข้าป่าวันหลังก็แล้วกันนะพี่” เมื่อเห็นว่ามีปลาตั้งสามตัวแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเข้าป่าล่าสัตว์อีกแล้ว หลี่เหวินจึงหันไปบอกกับอีกฝ่าย
อย่าว่าแต่หยางเฟยหลงเลยที่สับสนตอนนี้ หลี่เหวินเองมีท่าทางไม่ต่างกัน เขาจึงอยากรีบกลับบ้านเพื่อไปคุยกับน้องสาว
“อืม ได้สิ ค่อยไปวันหลังก็ได้ ขอบใจมากนะ ชิงเหยาที่ไปจับปลากับแม่ของพี่”
ชายหนุ่มตอบหลี่เหวินด้วยเสียงปกติ แต่ที่ตอบหลี่ชิงเหยานั้นเขา ยังคงตอบด้วยเสียงตะกุกตะกักเหมือนเดิม
“ฮ่า ๆ พี่ไม่ต้องกลัวฉันขนาดนั้นก็ได้ ฉันเป็นหญิงสาวที่บอบบางเท่านั้นเอง ฉันไม่กินพี่หรอก แต่ยังไงวันนี้ก็ขอตัวก่อนนะคะ ไปเถอะพี่ใหญ่ วันนี้ฉันจะต้มน้ำแกงปลากับทำปลาสามรสให้พี่กินเอง” หญิงสาวเห็นท่าทางของเขาก็หัวเราะขึ้นมาก่อนจะพูดกับเขาอย่างเป็นกันเอง จากนั้นก็หันมาพูดกับพี่ชายตนเอง
เรื่องทำอาหารนั้น ในชาติที่แล้วหลี่ชิงเหยาพูดได้ว่าเธอไม่เป็นสองรองใคร เพราะเธอชอบทำอาหารมาก อีกทั้งแม่บ้านอย่างป้าสาก็มักจะสอนเธอทำอาหารอยู่เสมอ รวมถึงเธอเคยไปเรียนทำอาหารหลายชาติ เลยไม่กลัวเรื่องนี้
แต่พี่ชายอย่างหลี่เหวินนั้นตอนนี้เบิกตากว้างยิ่งกว่าเห็นผีเสียอีก เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นน้องสาวทำอาหารเลยสักครั้ง แต่ทำไมถึงมาพูดเหมือนคนทำอาหารเก่งแบบนี้ล่ะ
“เธอเนี่ยนะจะทำอาหาร ไม่เอาหรอก พี่ไม่อยากท้องเสีย” หลี่เหวินอดไม่ได้ที่จะพูดหยอกล้อน้องสาวออกไป พูดจบก็คว้าปลาในมือน้องสาวมาถือเอง ก่อนจะรีบจ้ำเท้าเดินกลับบ้าน
“พี่ใหญ่อย่าพูดอย่างนั้นสิ ฉันทำอาหารเป็นนะ” หญิงสาวตะโกนกลับไปและรีบเดินตามพี่ชายไปด้วย
“พี่ไม่อยากเสี่ยงให้เธอทำหรอกชิงเหยา พี่จะให้แม่กับย่าทำให้” พี่ชายก็เดินไปตะโกนโต้ตอบน้องสาวไปด้วย
“ถ้าพี่ไม่ให้ฉันทำ ฉันจะฟ้องย่ากับแม่ว่าพี่แกล้งฉัน”
หญิงสาวก็โต้ตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เธอรู้ดีว่าพี่ชายกลัวย่ากับแม่มาก เลยเอาทั้งสองคนมาขู่เขาแต่คราวนี้หลี่เหวินไม่กลัวแม่กับย่าแล้ว กลัวท้องเสียจากอาหารที่น้องสาวทำมากกว่า จึงตะโกนสวนกลับอย่างหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ไม่ยอมกินอาหารที่เธอทำ
“ไม่ต้องมาขู่ พี่ไม่กลัวย่ากับแม่หรอกนะ อยากจะฟ้องอะไรฟ้องเลย แต่พี่กลัวท้องเสียจากอาหารที่เธอทำมากกว่า!!” พูดจบเขาก็รีบวิ่งกลับบ้านทันที โดยมีหลี่ชิงเหยาวิ่งตามไปด้วยพร้อมกับโวยวายไปตลอดทาง
ภาพการหยอกล้อของทั้งสองพี่น้อง ตกอยู่ในสายตาของ
หยางเฟยหลง ตอนแรกชายหนุ่มตกใจกับการกระทำของหญิงสาว แต่เมื่อตั้งสติได้ก็ยิ้มออกมาและพูดตามหลังหญิงสาวไป“ขอบใจนะ หลี่ชิงเหยา”
จากนั้นชายหนุ่มจึงเดินกลับบ้านตนเองอย่างอารมณ์ดี เพราะเขาไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้คุยกับหญิงสาวที่อยู่ในใจ
ยิ่งเห็นท่าทางของเธอวันนี้แล้ว เขายิ่งชอบเธอมากกว่าเดิม แต่เพราะรู้ฐานะตัวเองดี เลยไม่กล้าที่จะเอื้อมมือไปหาเธอภาพของสองพี่น้องโต้เถียงกันอยู่ในสายตาของชาวบ้านหลายคน แต่ทั้งคู่กลับไม่สนใจ ยังคงวิ่งไล่กันกลับบ้านเหมือนเด็กน้อย
เมื่อมาถึงบ้านพบเข้ากับย่าที่นั่งรออยู่ตรงแคร่หน้าบ้านพอดี พอเห็นทั้งสองวิ่งไล่กันมาก็ส่งเสียงดุออกมาเล็กน้อย
“ทำอะไรกันน่ะ อาเหวินโตแล้วนะ เล่นเป็นเด็กไปได้”
“ย่าจะไม่ให้ผมวิ่งได้ยังไงล่ะ ชิงเหยาบอกว่าจะทำอาหารเองเย็นนี้ ผมเลยต้องรีบวิ่งเอาปลามาให้แม่ก่อน หากให้น้องทำอาหารเอง รับรองว่าพวกเราท้องเสียกันทั้งบ้านแน่คืนนี้”
หลี่เหวินรีบบอกผู้เป็นย่าทันที พร้อมกับชูปลาในมือขึ้นมา“แล้วนั่นลูกไปหาปลามาเหรออาเหวิน ตัวใหญ่เชียว”
ฟางเหนียงเดินออกมาพอดี แล้วเห็นปลาในมือของลูกชายจึงถามขึ้น เพราะเข้าใจว่าลูกชายเป็นคนหามา“ผมไม่ได้หามาหรอกครับ ปลาพวกนี้ เป็นลูกสาวคนดีของแม่นั่นแหละหามา และยังบอกอีกนะว่าเธอจะทำอาหารเอง ผมไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวท้องเสีย” หลี่เหวินตอบกลับไปตามตรง และทำท่าขนลุกในตอนที่นึกถึงอาหารที่น้องสาวทำ
“อะไรนะ!!” เสียงของทั้งสองคนดูตกใจมากเมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกชายบอกมา เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเห็นหลี่ชิงเหยาทำแบบนี้มาก่อน แค่เก็บผักเก็บหญ้ายังไม่เคย แต่นี่ถึงกับไปหาปลามาได้อย่างไรกัน แถมยังจะเข้าครัวทำอาหารอีกด้วย
“ไม่ต้องตกใจหรอกครับ ทั้งแม่ทั้งย่าเลย ผมพูดจริง ไม่เชื่อก็ถามชิงเหยาดูสิ” ชายหนุ่มตอบแล้วก็บุ้ยปากไปทางน้องสาว
“ใช่ค่ะ ฉันเป็นคนไปหาปลาพวกนี้มาเองค่ะ ฉันไปกับ
ป้าหยางที่อยู่ท้ายหมู่บ้านน่ะ ได้มาหลายตัวก็แบ่งกัน ส่วนผักฉันไม่ได้เอามานะ ให้ป้าหยางไปทำอาหารกินทั้งหมดเลย” หลี่ชิงเหยาตอบตามความจริงทุกอย่าง เธอไม่ได้คิดว่านี่คือเรื่องแปลกอะไรแต่สิ่งที่หญิงสาวพูดมานั้น กลับทำให้ทั้งแม่และย่าของเธอต้องรีบเดินเข้ามาหา แล้วจับตัวและหน้าผากของเธอดูว่าร้อนหรือเปล่า เนื่องจากกลัวว่าหลี่ชิงเหยานั้นจะจับไข้!!
บทส่งท้าย ฉันไม่ใช่นางร้ายที่โง่เขลาอีกแล้วหนึ่งเดือนต่อมา...วันนี้คือฤกษ์ดีของบ้านหลี่และบ้านหยาง แม้ว่าการย้ายเข้าบ้านใหม่นั้นจะเอาฤกษ์ที่สะดวก แต่สำหรับการเปิดร้านค้าทั้งสองร้านนั้น ย่าหลี่บอกว่าต้องดูวันที่ฤกษ์ดี ๆ เสียหน่อยเพื่อความเจริญรุ่งเรือง เลยทำให้วันนี้เป็นวันเปิดร้านทั้งสองของพวกเขาวันนี้นายท่านเจียงถูกเชิญมาเป็นแขกผู้มีเกียรติ“ยินดีด้วยนะเฟยฟลง ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรือง หากมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยเหลือก็ไปบอกได้เลย ฉันถือนายเป็นน้องชายคนหนึ่ง หากใครคิดจะมีเรื่องกับนาย ก็เท่ากับมีเรื่องกับฉันด้วย”นายท่านเจียงพูดอวยพรเสียงดัง จากนั้นก็ส่งของขวัญให้หลี่ชิงเหยา“ขอบคุณครับพี่เจียง” หยางเฟยหลงพูดขอบคุณและเรียกอีกฝ่ายอย่างเป็นกันเองนั่นทำให้เหล่าบรรดาพ่อค้าที่พอจะมีอิทธิพลและเส้นสาย ที่ตั้งใจจะกลั่นแกล้งร้านที่เปิดใหม่กลับต้องหน้าเสีย เพราะไม่คิดว่าเจ้าของร้านเปิดใหม่แห่งนี้ จะรู้จักกับนายท่านเจียงด้วยหลังจากนั้นไม่นานนายท่านเจียงก็เดินทางกลับไปทันที เพราะคนอย่างเขาไม่ปรากฏตัวอยู่ข้างนอกนานเกินความจำเป็นหลังจากนายท่านเจียงกลับไปไม่นาน ก็มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเดินเข้ามาแส
บทที่ 33 ในที่สุดพระเอกก็มีจุดจบหน้าหมู่บ้าน อี้หยางตงรีบมาที่จุดนัด ตอนนี้เขาแค้นใจมากเพราะรู้ข่าวว่าหลี่ชิงเหยาได้จดทะเบียนสมรสกับหยางเฟยหลงแล้ว“หึ แอบไปจดทะเบียนกันโดยไม่สนใจฉัน ต่อไปก็ไม่จำเป็นที่จะต้องการรักษาน้ำใจเธออีกแล้วนะชิงเหยา เป็นแบบนี้ฉันก็ไม่ต้องปิดบังแล้วเหมือนกันว่าที่ฉันอยากได้เธอมาก็เพราะเงินของเธอ และหากว่าเธอตกเป็นของฉันแล้ว ฉันจะบังคับให้เธอหย่าแล้วมาแต่งกับฉัน แล้วฉันรีดไถเงินมาใช้ให้หมดเลย”อี้หยางตงพูดออกมาอย่างแค้นใจ เขาตั้งใจว่าเมื่อแผนการทุกอย่างจบสิ้นลง เขาจะให้หลี่ชิงเหยาหย่าขาดจากหยางเฟยหลงแล้วมาแต่งงานกับเขาแทน “ว่ายังไง พวกนั้นมาหรือยัง” ตงหมิ่งถามอี้หยางตงเมื่อเห็นเขามาถึงจุดนัดพบแล้ว“พวกมันออกมาจากหมู่บ้านกันแล้ว ว่าแต่พวกนายรู้ได้อย่างไรว่าพวกมันจะมาย้ายออกจากหมู่บ้านวันนี้” อี้หยางตงตอบกลับไป และขมวดคิ้วอย่างสงสัยจนอดที่จะถามไม่ได้ว่าคนพวกนี้รู้ได้อย่างไรว่าบ้านหลี่และบ้านหยางจะย้ายบ้านวันนี้“การสืบข่าวเรื่องแค่นี้ไม่ยากสำหรับฉัน หากฝีมือพวกฉันไม่มีดี จะกล้ารับค่าจ้างแพง ๆ ได้อย่างไรกันล่ะ” ตงหมิ่งพูดขึ้นมาอย่างโอ้อวด เขาพยายามพูดเบี่ยงเบนไป
บทที่ 32 ชี้เป้าหมายหลี่ชิงเหยามองหนังสือรับรองการจดทะเบียนด้วยตาเป็นประกาย เธอไม่คิดว่าชาตินี้จะมีโอกาสแต่งงานจดทะเบียนเหมือนคนอื่น ก่อนจะเงยหน้ามองสามีหมาด ๆ ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น“เราแต่งงานกันแล้วนะคะสามี” หญิงสาวพูดออกไปอย่างหยอกเย้าพอได้ยินอย่างนั้น หยางเฟยหลงยิ้มเขินเล็กน้อย พร้อมกับใบหูที่แดงเถือก ก่อนจะพูดออกไปอย่างอบอุ่นไม่ต่างกัน“ครับภรรยา พี่รักชิงเหยานะครับ”“ฉันก็รักพี่ค่ะ” หลี่ชิงเหยายิ้มหวานให้สามีพร้อมกับคำบอกรักทั้งสองต่างสบตาให้กันอย่างมีความหมาย แม้ว่าตอนนี้ทั้งสองจะไม่มีงานแต่งงานก็ตาม“พี่ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่พี่ได้ครองรักกับชิงเหยา พี่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และขอบคุณภรรยาที่รักและยอมให้ชายคนนี้ดูแล ทั้งที่พี่ไม่มีอะไรเลย” เขาบอกเธออย่างอบอุ่นส่วนหลี่ชิงเหยาเองก็คิดในใจว่า‘ฉันก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้แต่งงานกับตัวประกอบของนิยายเรื่องนี้ที่อ่านไม่จบ หวังว่าสุดท้ายแล้วต่อจากนี้ ชีวิตของฉันและเขา รวมถึงครอบครัวจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือไม่มีอะไรมากวนใจอีกแล้วนะ’แต่เธอตอบคนรักกลับไปอย่างอ่อนโยนว่า“ฉันไม่ได้มองคนที่เงินทองหรือว่าฐานะ และต้องขอโทษด้วยที่ก
บทที่ 31 วางแผนคิดร้าย“นี่ค่ะเงิน ลองนับดูนะคะว่าครบหรือเปล่า” เธอบอกด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม พอพนักงานรับเงินมานับ แล้วเห็นว่าเงินเกินมาหนึ่งร้อยหยวนจึงคืนให้อย่างซื่อสัตย์ พร้อมกับพูดว่า “คุณจ่ายเงินเกินมาหนึ่งร้อยหยวนค่ะคุณลูกค้า นี่คะ ฉันคืนให้นะคะ”หลี่ชิงเหยาเห็นแบบนี้ก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เพราะรู้ว่าคนคนนี้เป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่ง มีทั้งความจริงใจและความซื่อสัตย์“ไม่เป็นไรค่ะ เงินส่วนนี้ฉันให้กับคุณเป็นพิเศษค่ะ”หลี่ชิงเหยาตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“แต่มันมากเกินไปนะคะ เงินตั้งหนึ่งร้อยหยวน อีกอย่างฉันก็ได้ค่านายหน้าจากการขายครั้งนี้มากทีเดียว” เว่ยเจียงจื่อพูดออกมาอย่างเกรงใจ เธอไม่ติดว่าลูกค้าจะซื้อแบบไม่ต่อรองราคาแบบนี้ ความจริงราคานี้สามารถลดจากค่านายหน้าของเธอได้อีกนิดหน่อย“ไม่มากเกินไปหรอกค่ะ รับไปเถอะ ขอบคุณมากที่ต้อนรับเราสามคนอย่างดี โดยไม่สนใจว่าพวกเราจะใส่เสื้อผ้าแบบไหน คุณเป็นคนดีจริง ๆ ที่ไม่ตัดสินคนที่รูปลักษณ์ภายนอก สมควรที่จะได้เงินหนึ่งร้อยหยวนนี้เป็นการตอบแทนแล้วค่ะ”หลี่ชิงเหยาตอบกลับเสียงดัง ก่อนจะปรายตามองพนักงานคนแรกเล็กน้อย“ขอบคุณนะคะ พวกคุณรอ
บทที่ 30 ซื้อบ้านและร้านค้าหลี่เหวินและหยางเฟยหลงเห็นท่าทางและสายตาแบบนั้นก็เตรียมจะพูดให้ชัดเจน แต่กลับถูกหลี่ชิงเหยายกมือห้ามไว้ก่อน จากนั้นเธอจึงไม่คิดเกรงใจพนักงานคนนี้อีก จึงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“ซื้อได้หรือไม่นั้น คุณให้พวกเราดูบ้านก่อนสิ ยังไม่ทันรู้ราคาเลย แล้วบอกว่าเราไม่มีปัญญาซื้อได้อย่างไร”“จะดูทำไมให้เสียเวลา ใส่เสื้อผ้าแบบนี้หรือจะมีปัญญาซื้อบ้าน!” พนักงานสาวคนนี้ยังคงพูดจาดูถูกและเหยียดหยามทั้งสามคนไม่หยุด แถมยังแสยะยิ้มออกมาอย่างน่าเกลียดอีกด้วยคราวนี้หลี่ชิงเหยาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เธอนำเงินมาซื้อบ้าน แต่ไม่คิดว่าพนักงานสาวคนนี้จะมาทำกิริยาแบบนี้ใส่ จึงทำท่าจะสวนกลับไปอย่างเจ็บแสบแต่ยังไม่ทันที่จะพูดสวนอะไรออกไป พนักงานอีกคนที่เคยขายโกดังให้กับหลี่เหวินก็เดินเข้ามาพอดี“อ้าว สวัสดีค่ะคุณหลี่ คุณหยาง”” พนักงานสาวคนนี้ทักทายชายหนุ่มทั้งสองออกไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นกันเอง“สวัสดีครับคุณเว่ย” หลี่เหวินเห็นว่าเป็นพนักงานสาวที่เคยขายโกดังให้ตนเอง ก็ทักทายกลับไปอย่างเป็นกันเอง โดยที่หยางเฟยหลงก็พยักหน้ารับการทักทายเท่านั้น“รู้จักกันเหรอ ถ้าอย่างนั้นเธอก็จัดก
บทที่ 29 พูดจาเรื่องแต่งงาน“ในเมื่อทุกคนตกลงในเรื่องนี้แล้ว ฉันกับพี่เฟยหลงมีอีกเรื่องจะพูดกับทุกคน” คราวนี้หลี่ชิงเหยาพูดขึ้นมาอย่างเขินอายเล็กน้อย พูดจบก็หันมาสบสายตากับคนรัก ก่อนที่ทั้งสองจะจับมือกันแน่น แล้วหยางเฟยหลงจึงได้พูดบางอย่างออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังว่า“ผมกับชิงเหยาตั้งใจว่าจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ผมอาจจะไม่มีเงินมาสู่ขอเธอเหมือนคนอื่น แต่ผมคิดว่าความรักที่ผมมีให้เธอนั้นมากมายกว่าเงินทอง และผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้ชิงเหยาต้องเสียน้ำตาเพราะผมเด็ดขาด ย่าหลี่ พ่อ แม่ ได้โปรดอนุญาตให้เราแต่งงานกันด้วยนะครับ” ชายหนุ่มพูดยืนยันหนักแน่น พร้อมกับมองทุกคนอย่างขอความเห็นใจ“ในเมื่อตัดสินใจกันแล้ว พ่อก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ดีเสียอีกจะได้มาอยู่ด้วยกัน มาเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้วตั้งใจว่าจะแต่งงานกันวันไหนล่ะ”หลี่หยวนได้ยินและได้เห็นท่าทางจริงจังนั้นก็พยักหน้ายอมรับ การที่หยางเฟยหลงกล้ามาพูดจาเรื่องสู่ขอนั้น เขาเชื่อว่าลูกสาวได้พูดคุยกับอีกฝ่ายมาแล้ว ในเมื่อลูกสาวยินยอม เขาก็พร้อมจะสนับสนุน“ความตั้งใจของฉันคืออยากจดทะเบียนสมรสก่อนเลยค่ะ ฉันยังไม่อยากมีงานแต่ง ขอแค่กินเลี้ยงภายในค