หลี่ชิงเหยาเดินไปเรื่อย ๆ อย่างสบายใจ เธอไม่คิดเลยว่า บรรยากาศของหมู่บ้านนี้จะร่มรื่นมากขนาดนี้ หญิงสาวเดินมาเรื่อย ก็พบกับชาวบ้านจับกลุ่มนั่งพูดคุยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเรื่องของเธอ
“หายดีแล้วเหรอชิงเหยา” เสียงของนางจริงถามขึ้นมาเมื่อเห็นหลี่ชิงเหยาเดินผ่านมา แต่ก็เป็นเพียงคำถามลอย ๆ เท่านั้น
“ดีขึ้นแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไปเพียงเท่านี้ก็จะเดินต่อ แต่ไม่คิดว่าจะมีเสียงของใครบางคนตะโกนต่อว่ากลับมา
“ผู้ใหญ่ถามทำไมไม่ตอบดี ๆ หน่อยล่ะ ทำแบบนี้ไร้มารยาทเสียจริง”
นั่นทำให้หญิงสาวหยุดชะงักทันที ‘ต่อให้ไม่อยากจะมีเรื่อง แต่ก็ไม่คิดว่าเรื่องจะมาหาถึงที่แบบนี้’ คิดได้แค่นั้นเธอก็หมุนตัวหันกลับมาทันที พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ฉันตอบไม่ดีตรงไหน ในเมื่อถามว่าหายดีแล้วเหรอ ฉันก็ตอบว่าดีขึ้นแล้วค่ะ มีคำไหนไม่ดี ไม่สุภาพ หรือว่ามีคำไหนที่ไร้มารยาทเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นคนที่สุภาพ ช่วยบอกหน่อยว่าฉันต้องตอบกลับอย่างไร” ระหว่างพูดออกมา หญิงสาวก็ปรายตามองทุกคนอย่างไร้เดียงสา แต่ในใจนั้นคิดว่า ‘หึ ไม่คิดว่าจะมีเรื่องตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในนิยาย น่าเบื่อจริงๆ แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อร่างนี้คือนางร้ายที่โง่เขลา ไม่หาเรื่องคนอื่น ก็ถูกคนอื่นหาเรื่อง แถมยังโต้ตอบแบบโง่ ๆ อีกด้วย การตบตีไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไป ต่อไปนี้ฉันจะเอาคืนแบบนิ่ม ๆ แต่เชือดเฉือน คอยดูสิ’
ส่วนกลุ่มนินทาเมื่อเจอคำยอกย้อนของหลี่ชิงเหยาเข้าไป ทุกคนก็พลันหน้าเสีย ความจริงแล้วต้องการจะหาเรื่องอีกฝ่ายเท่านั้นเอง จึงรีบพูดเบี่ยงเบนเรื่องทันที
“ออกจากบ้านมาแบบนี้ คงไม่แคล้วจะไปหาอี้หยางตงอีกละสิ” หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพูดแซะขึ้นมาพร้อมกับแสยะยิ้ม
“ป้านี่รู้จักฉันดีกว่าตัวฉันเองอีกนะ ถึงได้รู้เรื่องดีขนาดนี้” หญิงสาวสวนกลับไปอย่างไม่ยินยอมเหมือนกัน ‘เรื่องอะไรจะถูกจิกกัดอยู่ฝ่ายเดียวละ คนดีกับคนโง่ มีแค่เส้นบาง ๆ กั้นอยู่เท่านั้น’
“ฉันก็ไม่อะไรหรอกนะ ก็เห็นวัน ๆ เธอเอาแต่ตามหาลูกชายบ้านอี้ วันนี้ก็คงจะเป็นเหมือนเดิมอีกแล้วล่ะสิ” ป้าคนเดิมยังคงพูดต่ออีก ส่วนคนอื่นๆ ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ไม่เหมือนเดิมค่ะ คนเราเมื่อผ่านความตายมาแล้ว ก็ไม่มีใครอยากโง่ซ้ำซากดักดานเหมือนเดิมอีกหรอกนะ ส่วนใครจะคิดอย่างไรฉันก็ไม่สนใจด้วย และไม่อยากจะคิดตามให้ปวดหัว ฉันบอกแค่ว่าต่อไปนี้หลี่ชิงเหยาคนนี้จะไม่วิ่งตามผู้ชายคนไหนอีกแล้วค่ะ”
หลี่ชิงเหยาพูดออกมาอย่างจริงจัง พร้อมกับปรายตามองทุกคนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะเดินจากมาโดยไม่พูดอะไรอีก แต่ในใจก็ครุ่นคิดถึงเจ้าของร่างเดิมอย่างสงสัยว่า ‘ฉันล่ะไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจะต้องไปหาอี้หยางตง ชายบ้ากามคนนั้นด้วยนะหลี่ชิงเหยา’
หญิงสาวเดินเล่นมาเรื่อย ๆ ก็พบกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง กำลังเก็บผักไปปรุงอาหารเย็นนี้ ใบหน้าของนางนั้นซีดเซียวจนน่าตกใจ เธออดไม่ได้ที่จะรีบเข้าไปถามไถ่อย่างห่วงใย
“ป้าคะ ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหน้าตาซีดเซียวแบบนี้ล่ะ”
หญิงวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมามอง พอเห็นใครเข้ามาทักทายตนเอง ก็รีบก้มหน้าลงทันที
นี่จึงสร้างความแปลกใจให้กับหลี่ชิงเหยา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมป้าคนนี้ถึงดูหวาดกลัวเธอเหลือเกิน ขณะเดียวกันจากความทรงจำของร่างเดิม ทำให้จำได้ว่านี่คือแม่ของตัวประกอบคนหนึ่งจากบ้านหยาง ซึ่งบ้านหลังนี้มีเพียงสองคนแม่ลูกเท่านั้น ส่วนคนเป็นพ่อนั้นตายเพราะไข้ป่าเมื่อหลายปีก่อน แล้วบ้านหยางก็มีฐานะยากจน
“ป้าหยางเหรอ” เธอพึมพำเรียกอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจ
ดูจากความทรงจำแล้ว ร่างนี้ไม่เคยดีกับคนบ้านหยางเลย มีแต่จะดุด่าว่าหยางเฟยหลงนั้นหวังสูงและต้องการหลี่ชิงเหยาเป็นภรรยาเพื่อยกฐานะ ทั้งที่ความจริงนั้น แม้ว่าชายหนุ่มจะชอบเธอมาก แต่ก็ไม่เคยอาจเอื้อม เพราะรู้ดีว่าฐานะบ้านตัวเองนั้น ทั้งยากจนและมีแต่คนดูถูก
“ป้าหาผักไปทำอาหารเหรอ ให้ฉันช่วยนะ” หลี่ชิงเหยาอยากจะทดแทนความร้ายกาจที่ร่างเดิมได้ทำไว้กับครอบครัวนี้ จึงอาสาที่จะช่วยเก็บผักป่า เพื่อให้หลิวเฟยหรือป้าหยางนำไปทำอาหาร
‘หากมีมิติเหมือนคนอื่นก็ดีน่ะสิ จะได้เอาของสดมาทำอาหารได้บ้าง’ หญิงสาวได้แต่คิดในใจ
“ไม่เป็นไรหรอก ป้าหาเองได้ เดี๋ยวเสื้อผ้าของเธอจะเปื้อนเอา” หลิวเฟยตอบกลับมาด้วยความเกรงใจทันที แค่อีกฝ่ายคิดจะมาช่วยก็น่าแปลกใจมากแล้ว แต่นี่กลับลงมือช่วยหาผัก เธอกลัวว่าเสื้อผ้าของอีกฝ่ายจะเลอะเทอะเอา
“เสื้อผ้าเลอะก็แค่ซักค่ะ ให้ฉันช่วยเถอะนะคะ ที่ผ่านมาฉันต้องขอโทษป้าหยางด้วยนะคะ ที่ทำนิสัยอย่างนั้น”
หลี่ชิงเหยาพูดออกมาอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ไม่รอคำตอบของอีกฝ่าย เธอลงมานั่งแล้วเก็บผักเก็บเห็ดช่วยอีกฝ่ายอย่างแข็งขัน
พูดถึงเรื่องหาปลา หลี่ชิงเหยาก็คิดได้ว่าเมื่อชาติก่อนเธอเคยเล่นละครเป็นสาวชนบท เรื่องหาปลาเลยพอจะรู้วิธีการแทงปลามาบ้าง คิดได้อย่างนั้นจึงยิ้มออกมา แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่ดูสนุกสนาน “ดีเลยค่ะ ฉันไปด้วยได้ไหมคะ จะได้ไปหาปลากลับบ้านด้วย”หญิงสาวรู้ดีว่าบ้านหลี่ไม่ค่อยมีเงินสักเท่าไร แต่ก็ไม่เดือดร้อนถึงขั้นต้องหยิบยืมคนอื่น จะว่าไปร่างนี้ก็ล้างผลาญเงินของที่บ้านไม่ใช่เล่น เนื่องจากเคยขโมยอาหารดี ๆ ของบ้านหลี่ เพื่อนำไปให้กับอี้หยางตง!!‘ยิ่งคิดยิ่งอยากจะทุบร่างนี้เสียจริง ๆ แต่ทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะฉันคงต้องเจ็บด้วยน่ะสิ’ หญิงสาวคิดอย่างโมโหเจ้าของร่างที่สิ้นคิดทำอย่างนั้นลงไป“มันจะดีเหรอ เธอเพิ่งจะจมน้ำมา ไม่กลัวหรือไง” หลินเฟยถามออกไปอย่างกังวลใจเล็กน้อยเรื่องที่หลี่ชิงเหยาจมน้ำนั้นมีใครบ้างไม่รู้ บางคนจมน้ำแล้วเกิดความกลัวน้ำไปเลยก็มี นางเลยไม่คิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจะขอตามไปที่ลำธารด้วย“ไม่กลัวหรอกค่ะ ให้ฉันไปด้วยนะ ป้าหยางจะได้ไม่ต้องไปหาปลาคนเดียว ฉันหาปลาเก่งนะ ว่าแต่ป้ามีมีดพร้ามาด้วยหรือเปล่า ฉันจะไปตัดไม้แทงปลาน่ะ เราต้องมีอุปกรณ์จับปลาด้วยค่ะ”หญิงสาวตอบกลับไปอย่า
บทที่ 4 หลี่ชิงเหยาเปลี่ยนไปแล้วหลี่เหวินหลังจากที่ถูกย่าไล่ให้ออกมาจากบ้าน เขาจึงตัดสินใจเข้าเมืองเพื่อมาหางานทำ เลยพบกับหยางเฟยหลงที่มาหางานทำเหมือนกัน ทั้งสองพบกันที่ตลาดมืดของเมือง“วันนี้มีงานเยอะไหมครับพี่เฟยหลง” หลี่เหวินทักทายออกไปอย่างเป็นกันเอง ทั้งสองอยู่หมู่บ้านเดียวกัน จึงมีความสนิทสนมกันมากกว่าคนขายแรงงานคนอื่น“วันนี้พอมีคนมาจ้างบ้าง อย่างที่รู้นั่นแหละ เดี๋ยวนี้หางานได้น้อยกว่าเมื่อก่อนมาก” หยางเฟยหลงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจเล็กน้อย เพราะถ้างานมีน้อยก็เท่ากับว่ารายได้ก็น้อยตามไปด้วยตั้งแต่การค้าเปิดเสรี ก็ทำให้คนมาซื้อของในตลาดมืดน้อยลง แต่ตลาดมืดก็ยังเป็นความต้องการของคนหลายกลุ่มที่ยังมาหาซื้อของ เนื่องจากบางอย่างยังจำกัดปริมาณการซื้อขาย นั่นเอง และของบางอย่างก็ยังห้ามขายอย่างเสรีอยู่ แต่ที่นี่ยังมีสินค้าต้องห้ามพวกนั้นขายอยู่“แล้ววันนี้ทำไมเพิ่งมาล่ะ” เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าหลี่เหวินเพิ่งมาเลยแปลกใจจึงถามขึ้นมา เพราะทุกครั้งทั้งสองจะมาพร้อมกัน และมีบางครั้งที่มาคนละเวลา แต่ไม่เคยมาสายขนาดนี้“ที่บ้านเกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะ” หลี่เหวินไม่อยากพูดอะไรมากจึงตอบไปเพีย
หลี่ชิงเหยาเดินไปเรื่อย ๆ อย่างสบายใจ เธอไม่คิดเลยว่า บรรยากาศของหมู่บ้านนี้จะร่มรื่นมากขนาดนี้ หญิงสาวเดินมาเรื่อย ก็พบกับชาวบ้านจับกลุ่มนั่งพูดคุยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเรื่องของเธอ“หายดีแล้วเหรอชิงเหยา” เสียงของนางจริงถามขึ้นมาเมื่อเห็นหลี่ชิงเหยาเดินผ่านมา แต่ก็เป็นเพียงคำถามลอย ๆ เท่านั้น“ดีขึ้นแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบกลับไปเพียงเท่านี้ก็จะเดินต่อ แต่ไม่คิดว่าจะมีเสียงของใครบางคนตะโกนต่อว่ากลับมา“ผู้ใหญ่ถามทำไมไม่ตอบดี ๆ หน่อยล่ะ ทำแบบนี้ไร้มารยาทเสียจริง”นั่นทำให้หญิงสาวหยุดชะงักทันที ‘ต่อให้ไม่อยากจะมีเรื่อง แต่ก็ไม่คิดว่าเรื่องจะมาหาถึงที่แบบนี้’ คิดได้แค่นั้นเธอก็หมุนตัวหันกลับมาทันที พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“ฉันตอบไม่ดีตรงไหน ในเมื่อถามว่าหายดีแล้วเหรอ ฉันก็ตอบว่าดีขึ้นแล้วค่ะ มีคำไหนไม่ดี ไม่สุภาพ หรือว่ามีคำไหนที่ไร้มารยาทเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นคนที่สุภาพ ช่วยบอกหน่อยว่าฉันต้องตอบกลับอย่างไร” ระหว่างพูดออกมา หญิงสาวก็ปรายตามองทุกคนอย่างไร้เดียงสา แต่ในใจนั้นคิดว่า ‘หึ ไม่คิดว่าจะมีเรื่องตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในนิยาย น่าเบื่อจริงๆ แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อร่างนี
บทที่ 3 อยู่ดี ๆ เรื่องก็มาหาขณะที่ทั้งสามคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น โจวเม่ยเม่ยก็เดินเข้ามาในบ้านหลี่พอดี เมื่อเห็นว่าหลี่ชิงเหยาฟื้นแล้ว ใบหน้าก็ชะงักค้างเล็กน้อย แต่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นก็กลับมาเป็นปกติแต่แม้จะมีเวลาเพียงเสี้ยววินาที หลี่ชิงเหยาก็เห็นใบหน้าที่ประหลาดใจของอีกฝ่ายพอดี จึงแสยะยิ้มมุมปากพร้อมกับคิดในใจ ‘คงจะมาเล่นละครอะไรอีกล่ะสิ คราวนี้สนุกแน่เพราะฉันจะเล่นกับเธอด้วย’“ชิงเหยา เธอฟื้นแล้วเหรอ ฉันดีใจจังเลย” ใบหน้าของโจวเม่ยเม่ยยังคงยิ้มแย้มในตอนที่ถามไถ่ บ่งบอกให้เห็นว่าเธอนั้นดีใจที่เพื่อนฟื้นแล้ว“อืม ฉันเพิ่งฟื้นน่ะ ว่าแต่เธอมีอะไรหรือเปล่าถึงได้มาหาฉัน” น้ำเสียงที่หญิงสาวถามออกไปนั้นราบเรียบและเย็นชาสิ้นดี คล้ายกับไม่อยากจะเสวนากับเพื่อนคนนี้สักเท่าไร“ฉันมาเพราะเป็นห่วงเธอน่ะสิ ดีแค่ไหนแล้วที่พี่หลี่เหวินช่วยเธอเอาไว้ทัน ไม่อย่างนั้นแล้ว...” เธอพูดออกมายังไม่จบประโยคก็ต้องหยุดลง เพราะหลี่ชิงเหยาพูดแทรกขึ้นมา“ไม่อย่างนั้นแล้ว พรานป่าท้ายหมู่บ้านคงจะมาช่วยฉันไว้ แล้วชาวบ้านก็มาเห็นว่าฉันอยู่กับเขาในสภาพไม่เรียบร้อย จนฉันต้องแต่งงานกับเขาใช่ไหม”หญิงสาวพูดสวนกล
ขณะที่กลุ่มชมรมคนขี้นินทากำลังพูดกันอย่างสนุกปากอยู่นั้น ย่าหลี่ก็เดินผ่านมากับลูกสะใภ้ซึ่งก็คือแม่ของหลี่ชิงเหยา ย่าหลี่พอได้ยินว่ามีคนนินทาหลานสาวในทางไม่ดีก็รู้สึกโกรธขึ้นมา‘ด่ากันไปก็เหนื่อยเปล่า แต่ถ้าจะเอาให้สาแก่ใจนั้น ต้องทำให้พวกนี้หุบปากให้ได้’ ย่าหลี่คิดในใจ จากนั้นจึงแหงนมองหาอะไรบางอย่าง พอเห็นเป้าหมายแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างถูกใจ ก่อนจะกระซิบกับฟางเหนียงลูกสะใภ้ตัวเองเบา ๆฟางเหนียงได้ยินก็เบิกตากว้าง เธอไม่คิดว่าแม่สามีจะมีความคิดแบบนี้ แต่สุดท้ายก็พยักหน้าเอาด้วย เพราะไม่ชอบชาวบ้านกลุ่มนี้สักเท่าไร ที่ชอบพูดถึงลูกสาวเธอในทางเสียหายแม่สามีกับลูกสะใภ้รีบมาหลบหลังต้นไม้ โดยที่สายตามองหาสิ่งของเหมาะมือมาถือไว้คนละอันสองอัน หลังจากหาที่ซ่อนได้แล้ว จึงหยิบก้อนหินขนาดพอเหมาะมือขึ้นมา จากนั้นก็เล็งไปที่รังมดแดงตรงต้นไม้ที่กลุ่มชาวบ้านพวกนั้นนั่งอยู่ แล้วปาก้อนหินออกไป และย่าหลี่ก็ปาแม่นซะด้วยสิ“โอ๊ย!! นี่มันมดแดงนี่นา ตกลงมาได้ยังไงกันเนี่ย”หลังจากก้อนหินโดนรังมดแดง เสียงร้องโวยวายของชาวบ้านกลุ่มนี้ก็ดังขึ้น พร้อมกับปัดมดแดงที่หล่นลงมาใส่ตัวออกสองแม่สามีกับลูกสะใภ้ยังไม่รามือ
บทที่ 2 ฉันเข้ามาอยู่ในนิยายเหรอเนี่ย“ฮือ ๆ ชิงเหยาของย่า หลานย่ารีบฟื้นเถอะนะ ทำยังไงถึงได้ตกน้ำแบบนี้ล่ะ” ย่าหลี่ร้องไห้ฟูมฟายเสียใจอย่างหนัก ที่หลานสาวสุดที่รักตกน้ำจนสลบไป จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้น“ย่าอย่าเพิ่งฟูมฟายไปเลยครับ หมอก็บอกแล้วว่าชิงเหยาไม่ได้เป็นอะไร” หลี่เหวินพี่ชายของหลี่ชิงเหยาส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ที่ย่าแสดงอาการเศร้าโศกเกินจริงอีกแล้ว“ไม่ต้องพูดดีเลย แกมันไม่รักน้อง เห็นน้องถูกรังแกจนสลบไปยังไม่ฟื้นแบบนี้ แทนที่จะไปแก้แค้นให้น้อง กลับมาบ่นย่าเสียอย่างนั้น แกจะไปไหนก็ไปเลย ฉันเบื่อหน้าแกแล้ว” ย่าหลี่พูดออกมาอย่างรำคาญหลานชายอย่างมาก จึงได้โบกมือไล่เขาให้ไปไกล ๆ“พ่อกับแม่ดูสิครับ บ้านอื่นรักลูกหลานที่เป็นผู้ชายกันทั้งนั้น แล้วทำไมบ้านหลี่ของเราถึงผิดแปลกไปละครับ รักแต่หลานสาว จนหลานชายอย่างผมเป็นหมาหัวเน่าแล้วเนี่ย ผมงงไปหมดแล้วนะ” ชายหนุ่มถามพ่อแม่ออกไป เขาสงสัยมาตั้งแต่น้องสาวเกิดแล้วว่า ทำไมย่าของตนไม่เหมือนบ้านอื่น ที่รักหลานชายมากกว่าหลานสาว ส่วนบ้านหลี่นั้นย่ารักหลานสาวยิ่งกว่าจงอางหวงไข่เสียอีก“พ่อว่าลูกน่าจะชินได้แล้วนะ ตั้งแต่ชิงเหยาเกิดมา ย่าก็เป