แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: เซียงปู้อี๋
เมื่อได้ยินแบบนั้น เวินหนี่ก็ตกใจจนเท้าแทบแพลง

ร่างกายของเธอเสียสมดุลและถลาไปบนตัวของเขา

เย่หนานโจวสัมผัสได้ว่าร่างกายของเธอสั่นเทา จึงจับเอวของเธอเอาไว้

อุณหภูมิที่แผดเผาทำให้เธอนึกถึงฉากที่ร้อนแรงและป่าเถื่อนของเขาเมื่อคืนนี้ทันที

เวินหนี่สงบสติอารมณ์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในดวงตาลึกล้ำของเขา

ดวงตาของเขาจริงจังมาก ทั้งตั้งคำถาม และสงสัย ราวกับว่าเขากำลังจะมองให้ทะลุเธอ

หัวใจของเวินหนี่เต้นรัวเร็ว

เธอไม่กล้าสบตาเขาแม้แต่วินาทีเดียว จึงก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัว

ขนาดเขาคิดว่าเป็นผู้หญิงคนเมื่อกี้ก็ยังโกรธมากขนาดนี้ หากเขารู้ว่าเป็นเธอล่ะก็ จุดจบของเธอก็คงไม่ต่างกัน

แต่เธอไม่เต็มใจให้มันเป็นแบบนั้น

หากเย่หนานโจวรู้ว่าเป็นเธอ ชีวิตแต่งงานของเธอกับเขาจะอยู่ได้นานกว่านี้อย่างนั้นเหรอ?

เธอไม่กล้าสบตาเขา “ทำไมคุณถึงถามแบบนั้น?”

มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าเธอคาดหวังให้เป็นเช่นนั้น

อย่างไรก็ตาม เย่หนานโจวหัวเราะเบา ๆ “เธอไม่กล้าหรอก”

มือของเวินหนี่แข็งทื่อพลันหลับตาลง

เย่หนานโจวหวังว่าจะไม่ใช่เธอ เพราะท้ายที่สุด เขาและเธอตกลงแต่งงานกันตามสัญญาเท่านั้น

และอีกไม่กี่วันสัญญานี้ก็จะสิ้นสุดลง

ทันใดนั้น เย่หนานโจวก็จับมือของเธออย่างแรง

หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่จ้องลงมาอย่างเย็นชา และเหมือนกำลังจับผิดตน

หัวใจของเวินหนี่หยุดเต้นชั่วขณะ

เธอพยายามดิ้นเพื่อดึงมือของตัวเองกลับมา ทันใดนั้นเย่หนานโจวก็กดตัวของเธอเข้ากับกระจกบานใหญ่

“คุณจะทำอะไร?”

เวินหนี่แสร้งทำเป็นสงบ แต่เสียงน้ำที่สั่นเทาก็ยังคงเผยให้เห็นถึงความกลัวและความกังวลใจ

“เธอเผลอหลับที่ออฟฟิศจริง ๆ งั้นเหรอ?”

เวินหนี่มองดวงตาสีเข้มของเขา เขาสงสัยเธออย่างนั้นเหรอ?

ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงคืนแต่งงานเมื่อสามปีที่แล้ว เธอคิดว่าเขาแต่งงานกับเธอด้วยความสมัครใจ เธอเอื้อมมือไปหาเขา แต่ก่อนที่เธอจะได้สัมผัสมือของเขา เขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เขาพูดว่า

“เวินหนี่ ฉันแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อเติมเต็มปรารถนาสุดท้ายของคุณปู่เท่านั้น อีกสามปีเธอกับฉันจะแยกทางกัน และก่อนที่จะถึงเวลานั้น อย่าแตะต้องฉันเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้น เธอก็น่าจะรู้ถึงวิธีการของฉันดี”

เขาไม่ให้เธอได้สัมผัส เพียงเพื่อปกป้องไว้ให้คนที่เขารัก

ด้วยความรักที่เขามีต่อเซิงเซิง หากเขารู้ว่าเพราะสัมผัสของเธอทำให้เขาทรยศต่อเซิงเซิง เขาจะต้องฆ่าเธออย่างแน่นอน!

เวินหนี่มองลงต่ำ “...อืม”

ทันใดนั้น มือของเขาก็หยุดอยู่บนคอเรียวของเธอ เมื่อเขาออกแรง ผิวขาวของเธอก็กลายเป็นสีแดงราวกับดอกซากุระ และสุดท้ายก่อนจะไปหยุดอยู่ที่กระดุมเม็ดที่สามของเธอ

“เธอติดกระดุมผิด”

เวินหนี่มองตามข้อมือของเขา และพบว่ากระดุมเม็ดนั้นติดผิดไปจริง ๆ

เธอหายใจเข้าแรง ก่อนจะปัดมือเขาออก และรีบปลดกระดุมเม็ดนั้น “ขออภัยค่ะ ฉันจะระมัดระวังให้มากกว่านี้ และจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกค่ะ”

จู่ ๆ เย่หนานโจวก็รู้สึกหงุดหงิดและผลักเธอออกไป และรักษาระยะห่างไว้

เย่หนานโจวหันหลังให้เธอก่อนจะจัดระเบียบคอเสื้อของตัวเอง “อย่าทำผิดพลาดในเรื่องโง่ ๆ แบบนี้อีก”

เวินหนี่จ้องมองพื้น รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอถูกดึงด้วยบางสิ่ง

เขาไม่อนุญาตให้เธอทำพลาด แล้วเขาล่ะ?

เย่หนานโจวหันกลับมามองเธอ “มัวยืนทำอะไรอยู่? ไม่ไปเตรียมเนื้อหาก่อนการประชุมรึไง?”

เห็นเพียงเธอก้มหน้าลงจนมองไม่เห็นใบหน้า

“เย่หนานโจว ลู่ม่านเซิงกลับมาแล้ว”

เย่หนานโจวชะงักไปครู่หนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่เธอเรียกเขาด้วยชื่อเต็ม

เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองเขาพลางพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถึงเวลาที่เราต้องหย่ากันแล้วค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เส้นเลือดบนหลังมือของเย่หนานโจวก็ปูดขึ้น และใบหน้าของเขาก็มืดลง “เวินหนี่ นี่มันเวลาทำงาน ทำหน้าที่ของเธอไปซะ”

พูดจบเขาก็หันหลังและเดินจากไปทันที

เวินหนี่มองดูแผ่นหลังของเขาและรู้สึกหายใจลำบาก

เขาอาจจะเห็นด้วยแล้วใช่ไหม

เธอรู้สึกถึงความอุ่นบนหลังมือ และเมื่อมองลงไปก็เห็นหยดน้ำใสชัดเจน

สุดท้ายเธอก็อดที่จะร้องไห้ไม่ได้

แต่เขาพูดถูก เธอยังคงเป็นเลขาของเขา และเธอยังต้องทำงาน

เอกสารที่ใช้ในการประชุมอยู่ที่บ้าน เธอต้องกลับไปเอา

และถือโอกาสกลับไปเอาทะเบียนหย่าที่เธอเตรียมไว้เมื่อสามปีก่อนด้วยเลย

……

ห้องทำงานของประธานเย่

เย่หนานโจวเอนกายบนเก้าอี้หนังและขมวดคิ้วอย่างเย็นชา

มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก และเผยชิงผู้ช่วยของเขาก็เดินเข้ามา

“ประธานเย่ ผมตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้วครับ เมื่อคืนเวินหนี่หลับอยู่ในออฟฟิศจริง ๆ ครับ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เย่หนานโจวก็ขมวดคิ้วหนักขึ้น

“นอกจากนี้ ยังพบว่าเมื่อคืนคุณลู่ม่านเซิงไปที่โรงแรมที่คุณอยู่ และเธอก็ได้ตรวจสอบหมายเลขห้องของคุณกับแผนกต้อนรับด้วยครับ”

ในเวลาเดียวกัน

เวินหนี่กลับไปที่คฤหาสน์ต้นตระกูลของตระกูลเย่ ทันทีที่เธอก้าวผ่านประตู เสียงเหน็บแนมของเย่ซูเฟินก็ดังขึ้น “ทำไมเธอถึงไม่ทำงาน กลับมาที่นี่ทำไม? ตระกูลเย่ของเราไม่ต้องการเลี้ยงคนขี้เกียจหรอกนะ โดยเฉพาะแม่ไก่ที่ไม่วางไข่อย่างเธอ”

เวินหนี่ชินกับคำพูดเยาะเย้ยถากถางของแม่สามีมานานแล้ว

อย่างไรก็ตาม การมีลูกหรือไม่นั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอจะตัดสินใจได้เพียงลำพัง

ก็ดีเหมือนกัน ต่อจากนี้จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกแม่สามีดุเพราะไม่มีลูกกับเย่หนานโจวแล้ว

และไม่จำเป็นต้องดื่มยาสีดำที่ทำให้ตั้งครรภ์ของหมอเถื่อนอีกต่อไป

เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ฉันกลับมาเอาเอกสารที่ประธานเย่ต้องใช้ในการสำหรับการประชุมค่ะ”

“เอกสารสำคัญแบบนี้ควรเตรียมไปตั้งแต่แรกแล้ว ยังต้องกลับมาเอาแบบนี้ เธอคิดจะอู้งานหรือไง? เธออย่าลืมนะว่าตัวเองติดหนี้ตระกูลเย่ของเราอยู่ห้าสิบล้านบาท! ต่อให้ทำงานให้ลูกชายของฉันทั้งชาติเธอก็ชดใช้ไม่หมด! กล้าดียังไงมาแอบอู้งานแบบนี้!”

เวินหนี่หลับตาลง รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก

เธอจะลืมได้อย่างไรว่าตอนนั้นคุณปู่เย่ช่วยพ่อของเธอชำระหนี้จำนวนห้าสิบล้านบาท และเสนอให้เย่หนานโจวแต่งงานกับเธอ

ดังนั้นเมื่อกี้ตอนเธอพูดเรื่องหย่ากับเย่หนานโจว เขาจึงไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ และเพียงบอกให้เธอทำงานของเธอให้ดีเท่านั้น

ในความเห็นของเขา ในเมื่อการแต่งงานสิ้นสุดลงแล้วเธอก็ควรคืนเงินให้กับตระกูลเย่

“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ฉันจะคืนเงินให้ครบแน่นอนค่ะ ฉันจะไปเอาเอกสารแล้วจะออกไปเลยค่ะ ทางนั้นยังรออยู่”

พูดจบเธอก็เตรียมเดินไปทางห้องทำงานของเย่หนานโจว

“ฉันยังไม่ได้อนุญาตให้เธอไปไหนเลยนะ รู้จักกฎระเบียบบ้างไหม? ฉันมีเรื่องจะถามเธอพอดี”

“อะไรเหรอคะ?”

“เดือนนี้ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลหรือยัง? ท้องของเธอมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างไหม?”

“หนานโจวกับฉันยุ่งอยู่กับงานตลอด เราไม่มีกะจิตกะใจมาสนใจเรื่องนี้เลยค่ะ ไว้ในอนาคตมีเวลา ฉันจะพยายามให้มากขึ้นค่ะ”

เย่ซูเฟินหน้าเปลี่ยนสี และก่นด่าออกมาทันที “ฉันได้ยินแบบนี้มาหลายครั้งนับไม่ถ้วนแล้ว ถ้าเธอทำไม่ได้ ก็หาคนที่ใหม่ที่ทำได้ แล้วหย่ากับหนานโจวซะ!”

ใบหน้าของเวินหนี่ซีดเผือด แม้ว่าเธอจะรู้ว่าจะต้องมีการหย่าตั้งแต่ในคืนวันแต่งงาน แต่เธอก็ยังอยากจะถามให้ชัดเจน

“นี่เป็นความต้องการของเขาหรือเปล่าคะ?”

“ถ้าไม่ใช่ความต้องการของเขาแล้วจะเป็นใคร?” เย่ชูเฟินตอบกลับไป

ใบหน้าของเวินหนี่ซีดเผือดทันที

“คุณป้าคะ ซุปไก่ของโปรดของคุณป้าเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ลองชิมดูหน่อยนะคะ” ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องครัวขัดจังหวะความเงียบนี้

เมื่อเวินหนี่ได้ยินเสียงนั้น เธอก็ตัวแข็งทื่อ แม้แต่เลือดในร่างกายของเธอก็เย็นเฉียบ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Heart
สนุกดีนะ น่าติดตาม
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 520

    อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 519

    [ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 518

    ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 517

    เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 516

    เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 515

    เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status