แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: เซียงปู้อี๋
เธอเงยหน้าขึ้นมอง เห็นลู่ม่านเซิงสวมผ้ากันเปื้อนพร้อมถือช้อนอยู่ในมือ

เมื่อเธอเห็นเวินหนี่ รอยยิ้มของเธอก็ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวทักทายอย่างอ่อนโยน “คุณเป็นแขกของคุณป้าเหรอคะ? ฉันทำซุปไว้เยอะพอดี รีบเข้ามานั่งก่อนสิคะ”

อิริยาบถของเธอสง่างามดูเหมือนนายหญิง

แต่เวินหนี่กลับดูเหมือนแขกที่มาจากแดนไกลเสียเอง

ก็ถูกแล้วแหละ อีกไม่นานเธอก็จะเป็นคนนอกแล้ว

เวินหนี่ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

ตอนที่เธอแต่งงานกับเย่หนานโจว ทั้งเมืองต่างก็ได้รับแจ้งข่าว และลู่ม่านเซิงก็ยังส่งจดหมายอวยพรมาให้ด้วย เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ว่าเธอคือภรรยาของเย่หนานโจว

เมื่อเห็นลู่ม่านเซิงเห็นว่าเธอยืนนิ่งอยู่ที่ประตู จึงรีบเข้าไปจับมือของเธอ “คุณเป็นแขก ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ รีบเข้ามาดีกว่าค่ะ”

เมื่อลู่ม่านเซิงเข้ามาใกล้ เธอก็ได้กลิ่นหอมมะลิบางเบาลอยอยู่ในอากาศ มันเป็นน้ำหอมแบบเดียวกันกับที่เย่หนานโจวมอบให้เธอในวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว

เธอรู้สึกเจ็บคอและหายใจลำบาก ราวกับว่าเท้าของเธอหนักนับพันปอนด์จนไม่สามารถก้าวเดินได้

เมื่อเย่ซูเฟินเห็นว่าเวินหนี่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เธอจึงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “เวินหนี่ เธอยังมัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น? มีแขกมาที่บ้าน ยังไม่รีบไปรินชามาอีก!”

เวินหนี่มองเธอ ทั้งที่รู้ดีว่าไม่ควรโต้เถียง แต่ก็ยังคงถามออกไปว่า “คุณแม่คะ ทำไมเธอถึงมาที่บ้านของเราหรือคะ”

เย่ซูเฟินตอบไปว่า “ม่านเซิงกลับมาประเทศจีน ก็ต้องมาเยี่ยมฉันน่ะสิ ทำไม ม่านเซิงจะมาที่บ้านของเราไม่ได้หรือไง? ยิ่งไปกว่านั้น ฉันถามหนานโจวแล้ว เขายังไม่ว่าอะไรเลย แล้วเธอจะมาพูดอะไร”

“หนูไม่ได้หมายความแบบนั้นค่ะ” เวินหนี่ก้มหน้าลง

“ที่แท้ก็คือพี่เวินหนี่นี่เอง พี่หนานโจวไม่เคยให้ฉันดูรูปพี่ตอนที่เขาแต่งงานเลย ฉันก็เลยจำพี่ไม่ได้ อย่าโกรธกันเลยนะคะ”

เวินหนี่มองดูรอยยิ้มที่สดใสของเธอ

เหอะ

เย่หนานโจวจะปล่อยให้ผู้หญิงที่เขาชอบเห็นรูปถ่ายงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงคนอื่นได้อย่างไรกันล่ะ?

เย่ซูเฟินสบถขึ้นอีกครั้ง

“ยังไม่รีบไปเอาน้ำมาให้เซิงเซิงอีก?”

เวินหนี่พยักหน้าและหยิบชาร้อนมาวางข้าง ๆ

ในเวลานั้นลู่ม่านเซิงกำลังหัวเราะพูดคุยกับเย่ซูเฟินอยู่ที่โซฟา เย่ซูเฟินถอดผ้ากันเปื้อนให้หญิงสาวคนนั้นพร้อมกับยิ้มอย่างใจดีแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

เธอระงับความรู้สึกอึดอัด และเทน้ำชาให้ลู่ม่านเซิง

ลู่ม่านเซิงกำลังจะเอื้อมมือมาแตะ

เวินหนี่รู้ว่าชามันร้อนมาก และไม่อยากให้ลู่ม่านเซิงถูกลวก ดังนั้นเธอจึงห้ามเอาไว้ แต่ไม่คิดเลยว่าลู่ม่านเซิงจะทำถ้วยชาหก จนชาร้อนทั้งหมดเทรดลงบนมือของเธอ…

เฮือก

เวินหนี่หายใจเข้าแรง แต่ได้ยินเสียงร้องตกใจของลู่ม่านเซิง “อ๊ะ….”

เมื่อเย่ซูเฟินได้ยินเสียงก็รีบหันกลับมามองอย่างเป็นกังวล “เกิดอะไรขึ้น?”

ดวงตาของลู่ม่านเซิงเต็มไปด้วยน้ำตา “ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า เธอไม่ได้ตั้งใจ”

เมื่อเห็นว่านิ้วของเธอบวมแดง สีหน้าของเย่ซูเฟินก็เยือกเย็น เธอหันกลับมามองเวินหนี่และตบหน้าเธออย่างแรง

เวินหนี่ตกตะลึงทันที

เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเย่ซูเฟินจะลงมือกับเธออย่างหุนหันพลันแล่นแบบนี้

“ทำอะไรของเธอ รู้ไหมว่ามือคู่นี้ของม่านเซิงมีไว้เล่นเปียโน ถ้าม่านเซิงเป็นอะไรไป เธอจะชดใช้ไหวหรือไง?” เย่ซูเฟินกล่าวด้วยน้ำเสียงทิ่มแทง

สีหน้าของเวินหนี่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่หัวใจของเธอกลับรู้สึกเหมือนถูกน้ำเย็นสาดใส่ เธอหันหน้าไปทางพวกเขา “เธอเป็นคนทำมันเองนะคะ เกี่ยวอะไรกับฉัน?”

เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “เธอยังกล้าเถียงฉันงั้นเหรอ ใครก็ได้ มาจับเธอไปขังไว้!”

พูดจบคนรับใช้สองคนก็เข้ามาจับตัวเวินหนี่

จู่ ๆ ใบหน้าของเวินหนี่ก็ขาวซีด เธอรู้ว่าพวกเขากำลังจะทำอะไร จึงพยายามดิ้นรนทันที “ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน!”

แต่พละกำลังของเธอนั้นน้อยเกินไป จึงถูกคนรับใช้ลากเข้าไปในห้องมืด

ขณะที่เวินหนี่ถูกโยนเข้าไป เธอก็มองอะไรไม่เห็นเลย เธอตบประตูที่ล็อกไว้ และนั่งลงบนพื้นด้วยขาที่อ่อนแรง

ดูเหมือนเธอจะสูญเสียพละกำลังไปในทันที ร่างกายของเธอเริ่มสั่นสะท้าน และเธอก็เอามือกุมหัว รู้สึกเจ็บปวดในความมืด

ในห้องนั่งเล่น โทรศัพท์มือถือของเวินหนี่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

เย่ซูเฟินกำลังปฐมพยาบาลให้ลู่ม่านเซิง เมื่อเธอได้ยินเสียงโทรศัพท์จึงเดินเข้าไปดู เมื่อเห็นว่าเป็นชื่อของ “เย่หนานโจว” เธอก็กดรับสายโดยไม่ลังเล “ฮัลโหล หนานโจว”

เย่หนานโจวที่อยู่ปลายสายรู้สึกประหลาดใจและขานกลับไปว่า “คุณแม่?”

เย่ซูเฟินพูดขึ้นว่า “แม่เอง”

เย่หนานโจวเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย “เวินหนี่อยู่ไหนครับ?”

“กำลังพักผ่อนสบายอยู่ที่บ้านนี่แหละ”

เย่หนานโจวไม่ได้คิดอะไรมาก “ให้เธอเอาเอกสารในลิ้นชักในห้องทำงานมาให้ผมที”

เมื่อวางสายไป ดวงตาของลู่ม่านเซิงก็จับจ้องไปโทรศัพท์นั่นนานแล้ว และเธอก็ตั้งตารอ “คุณป้า พี่หนานโจวโทรมาเหรอคะ?”

“ใช่จ้ะ” เย่ซูเฟินตอบ “เขาบอกให้เวินหนี่เอาเอกสารไปให้ เพราะเธอเป็นเลขาของหนานโจว นี่แหละถึงได้มีโอกาสได้เป็นภรรยาของเขา”

เธอมองไปที่ลู่ม่านเซิง ก่อนจะจับมือของเธอแล้วยิ้มเล็กน้อย “เซิงเซิง ถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้ไปต่างประเทศก็คงดี หนานโจวชอบเธอมาก คนที่เขาแต่งงานด้วยก็คงเป็นเธอไม่ใช่เวินหนี่ ถ้าได้เธอเป็นสะใภ้ของตระกูลเย่ก็คงจะมีลูกไปนานแล้ว คงไม่ต้องมาเลี้ยงแม่ไก่ที่ไม่วางไข่โดยเปล่าประโยชน์อยู่แบบนี้!”

“เธอช่วยเอาเอกสารไปให้หนานโจวทีได้ไหม”

“จะดีเหรอคะ?” ลู่ม่านเซิงถามอย่างไม่แน่ใจ

“ดีแน่นอนสิจ๊ะ หนานโจวไม่ได้เจอเธอมาหลายปีแล้ว เขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ” เย่ซูเฟินตอบ “ฉันยังหวังว่าเธอจะคลอดหลานให้ฉันด้วยซ้ำ!”

ลู่ม่านเซิงหน้าแดงด้วยความเขินอาย “คุณป้าอย่าพูดแบบนั้นสิคะ งั้นหนูเอาเอกสารไปส่งก่อนนะคะ”

คำพูดของเธอทำให้ลู่ม่านเซิงรู้สึกคาดหวัง

การแต่งงานของเวินหนี่กับเย่หนานโจวถูกตัดสินใจโดยคุณปู่ หลายปีแล้วพวกเขาก็ยังไม่มีลูก ดังนั้นพวกเขาจึงแต่งงานกันโดยไร้ความรัก

บางทีเย่หนานโจวอาจยังคงคิดถึงเธอ และเฝ้ารอให้เธอกลับมา

เธอสวมแว่นกันแดดและหน้ากากเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครเห็น ก่อนจะขึ้นรถแล้วออกจากคฤหาสน์ต้นตระกูลไป

เธออยากจะเซอร์ไพรส์เขา จึงขอให้ทุกคนในบริษัทเก็บเป็นความลับ

เย่หนานโจวอยู่ในห้องทำงานและมองดูเวลา เมื่อเห็นว่าการประชุมกำลังจะเริ่มแล้ว แต่เวินหนี่ก็ยังไม่มา

จนกระทั่งมีการเคลื่อนไหวที่ประตู

เย่หนานโจวมีสีหน้าเคร่งขรึม เขาหันเก้าอี้กลับมา และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมอง “รู้ไหมว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว?”

อีกฝ่ายไม่ตอบ

เย่หนานโจวรู้สึกแปลก จึงเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเห็นลู่ม่านเซิงยืนอยู่ที่ประตู

“พี่หนานโจว”

ลู่ม่านเซิงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ตื่นเต้นมากกว่า ใบหน้าที่เธอเฝ้าคิดถึงทุกเช้าเย็นอยู่ตรงหน้านี้แล้ว ทำให้เธอรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน

เย่หนานโจวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และเบี่ยงสายตาไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว “ทำไมถึงเป็นเธอ?”

ลู่ม่านเซิงหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “วันนี้ฉันไปเยี่ยมป้าที่คฤหาสน์ต้นตระกูลมาน่ะค่ะ”

เย่หนานโจวขมวดคิ้วหนักขึ้น และพูดอย่างเย็นชา “ใครอนุญาตให้เธอไปที่นั่น?”

เมื่อได้ยินแบบนั้น รอยยิ้มของลู่ม่านเซิงก็กระอักกระอ่วน หัวใจของเธอก็กระตุกเล็กน้อย ราวกับว่าเธอไม่ควรไปที่นั่น

เธอพยายามควบคุมอารมณ์และหรี่ตาลง “ฉันกลับมาทั้งทีก็ต้องไปเยี่ยมคุณป้าก่อนสิคะ แล้วฉันก็เอาของมาให้พี่ด้วย”

เธอทดสอบเขาอย่างระมัดระวังก่อนจะหยิบเอกสารออกจากกระเป๋า

เย่หนานโจวมองดู และเห็นว่าเอกสารที่ควรอยู่ในมือของเวินหนี่นั้นอยู่ในมือของเธอ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
โง่กันเข้าไป ถ้ากรูเป็นนางเอกนะ กรูจะรีบเข้าบ้านไปเอาเอกสารและรีบออกจากบ้านเลย
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 520

    อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 519

    [ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 518

    ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 517

    เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 516

    เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 515

    เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status