Share

บทที่ 4

Author: เซียงปู้อี๋
“วันนี้พี่เวินหนี่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี เธอไม่อยากเอาเอกสารมาส่ง ฉันเลยต้องเอามาส่งน่ะค่ะ” ลู่ม่านเซิงวางมือที่โดนลวกตรงหน้าเขา “พี่หนานโจว อย่าโทษพี่เวินหนี่เลยนะคะ ฉันว่าเธอคงไม่ได้ตั้งใจ หวังว่าคงจะไม่ได้ทำให้งานของพี่ล่าช้าหรอกใช่ไหมคะ”

เอกสารของบริษัทไปอยู่ในมือของคนอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่เวินหนี่ทำอะไรแบบนี้

สีหน้าของเย่หนานโจวมืดมน แต่เขาก็ยังคงอดทนเมื่ออยู่ต่อหน้าลู่ม่านเซิง เขาเพียงแค่ดึงเนกไทแล้วพูดอย่างเรียบนิ่ง “ไม่เป็นไร”

เขาเปลี่ยนเรื่องแล้วพูดขึ้นว่า “ไหน ๆ ก็มาแล้ว นั่งพักก่อนสิ”

เมื่อได้ยินแบบนั้นลู่ม่านเซิงก็รู้สึกมีความสุขในใจ อย่างน้อยเขาก็ยอมรับเธอ และไม่ได้เกลียดเธอ

“พี่มีประชุมไม่ใช่เหรอคะ ฉันรบกวนพี่หรือเปล่า”

เย่หนานโจวโทรออกหาใครบางคน “เลื่อนการประชุมออกไปครึ่งชั่วโมง”

มุมปากของลู่ม่านเซิงโค้งงอขึ้น ก่อนจะมาที่นี่เธอกำลังคิดว่า การที่เธอจากไปโดยไม่บอกลาจะทำให้เขารู้สึกโกรธหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้แย่เหมือนที่คิดเอาไว้

เวลาที่เสียไปยังชดเชยกลับคืนมาได้

ลู่ม่านเซิงนั่งลงบนโซฟาอย่างคาดหวัง และอยากจะอธิบาย “พี่หนานโจว ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่ตั้งหลายเรื่อง ตอนนั้นเป็นความผิดของฉันเองที่จากไปโดยไม่ได้บอกลา แต่ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว…”

“ฉันขอจัดการงานก่อน” เย่หนานโจวขัดจังหวะเธอ

ลู่ม่านเซิงกลืนคำพูดกลับลงไปอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาดูยุ่งมากจึงได้แต่พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันรอจนกว่าพี่จะทำงานเสร็จก็ได้ค่ะ”

ลู่ม่านเซิงไม่กล้ารบกวนเขา และก็ไม่รู้ว่าภายในครึ่งชั่วโมงนี้เธอต้องนั่งรออีกนานแค่ไหนกว่าที่จะได้คุยกับเขา

เธอเดาอารมณ์ของเขาไม่ออกเลย

จนกระทั่งเผยชิงเดินเข้ามา เย่หนานโจวถึงได้หยุดงานในมือ

เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา ลู่ม่านเซิงจึงตะโกนขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พี่หนานโจว ฉัน…”

“มือยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?”

นี่เขาสังเกตเห็นอาการบาดเจ็บที่มือของเธอและเป็นห่วงเธอใช่ไหม?

ลู่ม่านเซิงส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่เจ็บแล้วค่ะ”

“อืม” เย่หนานโจวตอบเบา ๆ และหยิบชามยามาจากมือผู้ช่วยเผยชิง “ได้ยินมาว่าเธอยังไม่ชินกับสภาพอากาศและรู้สึกเจ็บคอ กินยานี่สิ มันจะดีต่อลำคอของเธอนะ”

ลู่ม่านเซิงมองไปที่ชามยาร้อน ๆ และรู้สึกมีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง

เขาแอบติดตามสถานการณ์ของเธอและรู้แม้กระทั่งว่าเธอเจ็บคอ แสดงให้เห็นว่าเขายังคงห่วงใยเธออยู่

เธอรีบรับชามยามา พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่สดใสดุจดอกไม้ “พี่หนานโจว พี่ยังใส่ใจฉันเหมือนเคยเลยนะคะ แค่นี้ฉันก็พอใจมากแล้ว ฉันจะกินยาให้หมดเลยค่ะ”

ก่อนที่เธอจะนำชามยาเข้ามาใกล้ ก็ได้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เป็นอย่างมาก

เธอไม่ชอบรสชาติของยาจีน แต่ถ้ายานี้มาจากเย่หนานโจวเธอก็จะกิน

เธอขมวดคิ้วด้วยความขมขื่นและพยายามกลืนยานั้นลงไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เมื่อเห็นเธอกินยาหมดในอึกเดียวจนไม่เหลือสักหยด เย่หนานโจวก็เบนสายตาไปทางอื่น

“ประธานเย่ การประชุมกำลังจะเริ่มแล้วครับ” ผู้ช่วยเผยชิงเตือนขึ้น

เย่หนานโจวมองไปที่ลู่ม่านเซิงแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันยังต้องทำงาน เธอกลับไปก่อนเถอะ”

ลู่ม่านเซิงเช็ดปาก เธอพูดอะไรมากไม่ได้ จึงได้แต่ตอบกลับไปอย่างเข้าใจว่า “ก็ได้ค่ะ ไว้ฉันจะมาเยี่ยมพี่ใหม่วันหลังนะคะ”

แล้วเย่หนานโจวก็เดินออกไป

ลู่ม่านเซิงมองตามแผ่นหลังของเขาอย่างอ้อยอิ่งจนกระทั่งร่างสูงลับสายตาไป

เธอมีความสุขมากและส่งข้อความถึงผู้จัดการว่า ‘กลับมาครั้งนี้ฉันพนันถูก เขายังคงรักฉันอยู่’

ข้างนอก เมื่อเดินไปถึงห้องประชุม เผยชิงก็ถามขึ้นข้างหลังเย่หนานโจว “ประธานเย่ ทำไมเราถึงต้องใส่ยาคุมกำเนิดลงในยาด้วยล่ะครับ?”

ใบหน้าของเย่หนานโจวไร้อารมณ์ และเย็นชา “ลู่ม่านเซิงไปที่โรงแรมแล้ว”

เผยชิงเข้าใจทันที เขากลัวว่าผู้หญิงคนเมื่อคืนจะเป็นลู่ม่านเซิง และกลัวว่าเธอจะท้อง

การทานยาคุมกำเนิดถึงจะรับประกันได้

หนึ่งวันเต็มที่เวินหนี่ไม่มาบริษัท แถมยังไม่โทรมาลาอีกด้วย

เดิมที เธอจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ และไม่เคยทำผิดพลาดเลยสักครั้ง

เดี๋ยวนี้เธอเริ่มเอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มาทำงานแถมยังไม่บอกกล่าวสักคำ

เย่หนานโจวโกรธมาก เขามีสีหน้าเคร่งขรึมตลอดทั้งวัน และไม่ยิ้มเลย สิ่งนี้ทำให้พนักงานบริษัทต่างก็กลัวว่าตัวเองจะทำอะไรผิด

หลังจากเลิกงาน เย่หนานโจวกลับมาถึงคฤหาสน์ต้นตระกูล

เวลานี้เวินหนี่ได้ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว

ในห้องนอน เวินหนี่นอนอยู่บนเตียง มือของเธอยังคงสั่น ดวงตาของเธอแดงก่ำ และยังอยู่ในภาวะช็อก

แผลบนมือยังไม่ทันได้รับการรักษา จึงเกิดการพุพองขึ้น

เมื่อเทียบกับบาดแผลในหัวใจ บาดแผลนอกร่างกายนั้นแทบจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย

เมื่อเย่หนานโจวมาถึงประตูบ้าน คนรับใช้ก็เดินเข้าไปพร้อมกับเปลี่ยนรองเท้าให้เขา

สีหน้าของเขาเคร่งขรึมและถามขึ้นว่า “คุณผู้หญิงอยู่ไหน?”

“อยู่ชั้นบนค่ะ” คนรับใช้พูด “ตั้งแต่คุณผู้หญิงกลับมาจากข้างนอก เธอก็ไม่ได้ออกมาอีกเลยค่ะ”

หลังจากได้รับคำตอบแล้ว เย่หนานโจวก็ขึ้นไปชั้นบน

เมื่อเปิดประตูห้องนอนก็เห็นผ้าห่มที่นูนขึ้นจนมองไม่เห็นหัวคนเลยด้วยซ้ำ

ความผิดปกติของเธอทำให้เย่หนานโจวสับสน เขาเดินไปข้างเตียง ก้มลงและแตะผ้าห่ม

“อย่าแตะต้องฉัน!”

เวินหนี่สะบัดมือออก

เธอได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่ประตูเมื่อนานแล้ว และคิดว่าพวกเขากำลังจะจับเธอขังในห้องมืดอีกครั้ง ทุกย่างก้าวก็เหมือนกับการเหยียบย่ำหัวใจของเธอ

เธอคลุมผ้าห่มอย่างแน่นหนา และตกอยู่ในความตื่นตระหนก

จนกระทั่งมีคนเปิดผ้าห่มของเธอ เธอจึงลุกขึ้นนั่งและดันมือของเขาออก

เย่หนานโจวรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นเธอตอบโต้อย่างรุนแรงเช่นนี้ สีหน้าของเขามืดมนลง และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เวินหนี่ ถ้าเธอไม่แกล้งทำเป็นมีลับลมคมในแบบนี้ คิดว่าฉันอยากจะสัมผัสเธอหรือไง”

เมื่อเวินหนี่พบว่าคือเย่หนานโจว จิตใจของเธอก็สงบขึ้น

แต่พอได้ยินคำพูดของเขา หัวใจที่พรุนเป็นรูก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่นิดหน่อย เธอสงบสติอารมณ์และพูดขึ้นว่า “ประธานเย่ ฉันไม่รู้ว่าเป็นคุณ”

“ในบ้านนี้ ถ้าไม่ใช่ฉัน แล้วจะเป็นใคร?” เย่หนานโจวเยาะเย้ย “ใจของเธอมันลอยออกไปข้างนอกแล้วหรือไง”

เวินหนี่เม้มริมฝีปาก ในใจของเธอมีเพียงคำพูดหยาบคายของเย่ซูเฟินเท่านั้น

ลู่ม่านเซิงเหมาะสมกับเย่หนานโจวมากกว่าเธอ

ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว และพวกเขาสามารถสานต่อความสัมพันธ์กันต่อได้ ธุระของเธอก็หมดลงแล้ว

“วันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย”

เวินหนี่รู้ว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน “ลู่ม่านเซิงเอาเอกสารไปส่งให้แล้วใช่ไหมคะ หวังว่ามันจะไม่ทำให้งานของคุณต้องล่าช้า”

การทำตามใจตัวเองของเธอในวันนี้ทำให้เย่หนานโจวรู้สึกไม่พอใจ “เลขาเวิน ในเมื่อเธอก็มีไหวพริบดี แล้วทำไมถึงได้สร้างปัญหามากมายแบบนี้”

เวินหนี่ครุ่นคิด เธอสร้างปัญหาอะไรบ้าง

หรือว่าจะเป็นที่ทำให้แม่ของเขาโกรธ

ทำให้มือของผู้หญิงที่เขารักได้รับบาดเจ็บ

เธอซ่อนมือไว้ใต้ผ้าห่ม หัวใจของเธอเริ่มชา “มันจะไม่เกิดขึ้นอีกค่ะ”

หลังจากหย่าแล้วก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก

เธอจะไม่ยืนขวางทางพวกเขาอีกไม่ว่าใครก็ตาม

“ตรวจสอบผู้หญิงคนเมื่อคืนได้หรือยัง?”

เวินหนี่ตัวแข็งทื่อ “กล้องวงจรปิดพังทำให้ตรวจสอบไม่พบค่ะ”

เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับจ้องไปที่เธอ “แล้วเธอทำอะไรอยู่ที่บ้านทั้งวัน?”

เวินหนี่มองดูท้องฟ้าข้างนอก มันมืดแล้ว

เธอไม่ได้ไปบริษัทหนึ่งวัน เขาคงคิดว่าเธอกำลังทำตัวขี้เกียจและอู้งานสินะ

“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” เวินหนี่ไม่อยากพูดอะไรมาก หลังจากชำระหนี้ให้กับตระกูลเย่หมดแล้ว เธอและเขาก็จะไม่มีอะไรต้องติดค้างกัน

ความสัมพันธ์แบบรักข้างเดียวตลอดเจ็ดปีก็ควรจะสิ้นสุดลงได้แล้ว

เธอลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าแล้วเดินอ้อมตัวเขาเพื่อที่จะออกไป

ในบ้านนี้ หากไม่มีเขา เธอก็คงไม่มีอะไรให้ต้องคำนึงถึง

ตอนนี้เธอเหนื่อยแล้ว และไม่อยากทนกับการถูกปฏิบัติแบบไม่เป็นธรรมเหล่านี้อีกต่อไป

เย่หนานโจวมองดูเธอและพบว่ามือของเธอก็ถูกลวกเช่นกัน

บาดแผลนั้นรุนแรงกว่าของลู่ม่านเซิง

ในขณะที่เวินหนี่กำลังจะเดินออกจากห้อง เขาก็พูดขึ้นว่า “เดี๋ยว!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
เบื่อว่ะ ทำไมไม่หย่าฝห้จบๆไป จะทนเพื่ออะไร
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 520

    อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 519

    [ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 518

    ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 517

    เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 516

    เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 515

    เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status