공유

บทที่ 5

작가: เซียงปู้อี๋
เวินหนี่หยุดฝีเท้า ความสัมพันธ์ของพวกเธอไม่ได้รักใคร่กลมเกลียวกันฉันคู่สามีภรรยา แต่คือความสัมพันธ์ที่ห่างเกินระหว่างเจ้านายกับลูกน้องมากกว่า “ประธานเย่ มีอะไรจะสั่งอีกหรือเปล่าคะ?”

เย่หนานโจวหันหน้าไปจ้องใบหน้าที่ดูห่างเหินของเวินหนี่ และพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง “นั่งลง”

จู่ ๆ เวินหนี่ก็ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะทำอะไร

เย่หนานโจวเดินเข้ามาหาเธอ

เวินหนี่เฝ้าดูเขาเดินใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะนี้ มีบางอย่างดูแตกต่างออกไป ทำให้เธอรู้สึกว่าอากาศเบาบางลง

ทั้งตื่นเต้นและรู้สึกแปลกเล็กน้อย

เธอยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว แต่เย่หนานโจวเอื้อมมือมาจับมือของเธอเอง

เมื่อฝ่ามืออันอุ่นร้อนของเขาสัมผัสเธอ เธอก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกบางสิ่งเผาไหม้และต้องการดึงมันออก แต่เย่หนานโจวกลับจับมันไว้แน่น และไม่เปิดโอกาสให้เธอดึงมันกลับเลย เขาดึงเธอไปด้านข้างพลางขมวดคิ้วถาม “มือของเธอได้รับบาดเจ็บ ไม่รู้ตัวเลยหรือไง?”

ความเป็นห่วงของเขาทำให้เวินหนี่รู้สึกประหลาดใจ “ฉัน... ไม่เป็นไรค่ะ”

“มือเป็นแผลพุพองแบบนี้” เย่หนานโจวถามต่อ “ทำไมถึงไม่บอกฉัน”

เธอมองลงไปที่มือใหญ่ ที่ตอนนี้กำลังตรวจสอบบาดแผลของเธอ

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธออยากจะจับมือของเขาหลายครั้ง เธอต้องการความอบอุ่น และต้องการการนำทางไปในทิศทางหนึ่ง

แต่ก็ไม่มีโอกาสเลย

แต่พอเธอคิดอยากจะยอมแพ้ เขากลับมอบความอบอุ่นให้เธออีกครั้ง

“มันแค่เรื่องเล็ก ฉันคิดว่าอีกสองวันก็คงหาย” เวินหนี่ตอบ

“ฉันจะให้คนเอายาทาแผลมาให้”

เวินหนี่รู้สึกขอบตาร้อนผ่าว ในที่สุดความพยายามหลายปีก็ดูเหมือนจะได้รับผลตอบรับบ้างแล้ว

แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาไม่ได้รักเธอ

เย่หนานโจวหยิบยามาทาที่บาดแผลให้เธอ เธอมองดูเขาที่นั่งยอง ๆ อยู่ตรงหน้าและทำแผลให้เธออย่างระมัดระวัง สิ่งนี้ทำให้เธอเผลอคิดไปว่า บางทีเธออาจสามารถกลายเป็นผู้หญิงคนที่เขารักได้

ดูเหมือนว่าบาดแผลเล็กน้อยจะทำให้เขามองมาที่เธอนานขึ้นบ้าง

และเธอก็มีความคิดไร้สาระผุดขึ้นมาว่า ที่เธออยู่กับเขามาเจ็ดปีและดูแลเขาอย่างขยันขันแข็งทุกวันยังสู้มีบาดแผลเล็กน้อยเรียกร้องความสนใจจากเขาไม่ได้เลย

แผลเล็กน้อยแค่นี้คุ้มค่าแล้ว

น้ำตาของเธอไหลลงมา และบังเอิญหยดลงไปบนหลังมือของเย่หนานโจว

เย่หนานโจวเงยหน้าขึ้น เห็นดวงตาที่รื้นชื้นของเวินหนี่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอแสดงอารมณ์ต่อหน้าเขา

“ร้องไห้ทำไม ฉันทำเธอเจ็บเหรอ?”

เวินหนี่รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองผันผวนเกินไป ไม่เหมือนตัวเธอเลย “ไม่เจ็บเลยสักนิด ฉันแค่รู้สึกไม่สบายตา คุณเย่ ครั้งต่อไปฉันจะไม่เป็นแบบนี้อีก”

เย่หนานโจวเบื่อหน่ายกับการฟังคำพูดที่สุภาพของเธอนับครั้งไม่ถ้วน เขาขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “นี่คือที่บ้าน ไม่ใช่บริษัท เธอไม่จำเป็นต้องทำตัวทางการต่อหน้าฉันทุกวันก็ได้ ที่บ้านเธอเรียกชื่อฉันก็ได้”

แต่ในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา เวินหนี่ก็ปฏิบัติเช่นนี้มาโดยตลอด

ในบริษัทเธอเป็นเลขานุการที่มีคุณสมบัติเหมาะสม

ที่บ้านถึงจะมีตำแหน่งเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลเย่ แต่เธอก็ทำเฉพาะสิ่งที่เลขาควรทำเท่านั้น

เวินหนี่มองดูใบหน้าของเขาที่ตนหลงรักมาหลายปี ความรักที่ไม่ได้รับการตอบสนองในที่สุดก็จะรู้สึกเหนื่อย เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “เย่หนานโจว เมื่อไหร่เราจะหย่า…”

เย่หนานโจวกอดเธอไว้ในอ้อมแขน

สิ่งนี้ทำให้ร่างกายของเวินหนี่แข็งทื่อ ศีรษะของเธอวางอยู่บนไหล่ของเขา และพูดอะไรไม่ออก

เย่หนานโจวขมวดคิ้วและพูดว่า “วันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้”

เวินหนี่ไม่มีทางเลือกนอกจากเลิกพูดถึงเรื่องนี้

เวินหนี่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกว่าเขาดูแตกต่างออกไป ร่างกายของเขาอยู่ใกล้เธอมากจนรู้สึกถึงอุณหภูมิที่ร้อนของเขา

มือของร่างสูงโอบเอวเธอ ห่อหุ้มเธอไว้ด้วยกลิ่นหอมราวกับต้นสนไซเปรส ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย

ฝ่ามือใหญ่ของเขากดลงบนท้องของเธอ ทำให้ร่างกายของเธอหดตัวเล็กน้อย และลมหายใจอันอบอุ่นของเขาก็รินรดอยู่ข้างหู “เธอบ้าจี้หรือเปล่า?”

เวินหนี่ลดสายตาลงแล้วตอบไปว่า “ฉันไม่ค่อยชิน”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่หนานโจวก็เริ่มกระตือรือร้นมากขึ้น เขาเอามือโอบเธอแล้วกอดเธอไว้แน่น “งั้นก็ค่อย ๆ ปรับตัวกับมัน สักวันหนึ่งเธอก็จะชินเอง”

เวินหนี่แนบตัวไปในอ้อมแขนของเขา และลมหายใจอันร้อนแรงก็ปะทะใบหน้าของเธอ ทำให้แก้มของหญิงสาวร้อนผ่าวเล็กน้อย

เธอเงยหน้าขึ้นและครุ่นคิดอีกครั้งว่า การแต่งงานของพวกเธอมีโอกาสที่จะพลิกผันหรือไม่?

เธอยังโหยหาตัวตนที่แตกต่างออกไป

เธอพูดขึ้นว่า “หนานโจว… ถ้าเป็นไปได้ พวกเรา…”

เสียงโทรศัพท์ของเย่หนานโจวดังขึ้นขัดจังหวะ

ความสนใจของเขาอยู่ที่โทรศัพท์

ประโยคสุดท้ายยังไม่ได้พูดออกไป

พวกเรามีตัวตนแบบสามีภรรยาได้ไหม…

เธอไม่อยากปรากฏตัวในสายตาของเขาในฐานะเลขานุการอีกแล้ว

แต่ความคิดที่ขาดสติแบบนี้ก็เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น เมื่อเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธอก็เห็นชื่อ “ลู่ม่านเซิง” ปรากฏบนหน้าจอ

มันทำให้สติของเธอกลับมาอีกครั้ง

สีหน้าของเย่หนานโจวกลับมาสงบอีกครั้ง เขาปล่อยเธอและลุกขึ้นนั่งโดยไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเธอ

“ฮัลโหล”

เธอเฝ้าดูเย่หนานโจวลุกขึ้นจากเตียงด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนจะเดินออกไปจากห้องนอนต่อหน้าเธอเพื่อไปรับสายของลู่ม่านเซิง

หัวใจของเวินหนี่จมดิ่ง มุมปากกระตุกยิ้มเยาะขึ้น

เวินหนี่หน๋อเวินหนี่ ทำไมเธอถึงได้มีจินตนาแบบนั้นกัน

หัวใจของเขาอยู่ที่ลู่ม่านเซิง ไม่มีทางมีความรู้สึกใด ๆ ต่อเธอ นี่คือสิ่งที่เขาพูดไว้ในงานแต่งสามปีก่อน

เวินหนี่เงยหน้าขึ้น รู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก และความร้อนรอบดวงตาของเธอก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

เธอหลับตาลง ไม่อยากร้องไห้ให้เขาอีกแล้ว

เขาไม่เคยรู้เลยว่า ตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าเขามีคนอยู่ในใจ เธอก็ได้แต่แอบร้องไห้ให้เขามาโดยตลอด แต่ไม่เคยให้เขาได้เห็นเลย

เธอรู้จักตัวตนของตัวเธอเอง เธอเป็นเพียงเลขาที่อยู่ข้างกายเขาเท่านั้น

เย่หนานโจวเดินกลับหลังจากรับโทรศัพท์เสร็จ เมื่อเห็นว่าเวินหนี่ยังไม่ได้นอน เขาจึงเตือนขึ้นว่า “ที่บริษัทมีเรื่อง ฉันต้องออกไปจัดการ เธอรีบพักผ่อนเถอะ”

เวินหนี่ไม่ได้มองเขา และไม่อยากให้เขาเห็นด้านที่อ่อนแอของเธอ “เข้าใจแล้วค่ะ คุณรีบไปเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานให้ตรงเวลา”

“อืม”

เย่หนานโจวตอบก่อนจะหยิบเสื้อคลุมแล้วจากไป

เมื่อเธอได้ยินเสียงสตาร์ทรถและเสียงของรถที่ค่อย ๆ ไกลออกไป หัวใจของเธอก็รู้สึกเหมือนกำลังแตกสลาย

เวินหนี่แทบจะไม่ได้นอนเลยตลอดทั้งคืน

วันรุ่งขึ้นยังต้องไปทำงาน

เวินหนี่ออกไปแต่เช้า ในบริษัทมีพนักงานเพียงไม่กี่คน เธอทำหน้าที่ของเธอตามปกติและจัดการงานของเย่หนานโจวอย่างเป็นระเบียบ

แต่วันนี้เย่หนานโจวไม่ได้มาที่บริษัท

เวินหนี่โทรหาเขาหลายครั้ง แต่เขาก็ปิดเครื่อง

หลี่ถิงรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย “พี่เหวิน วันนี้ประธานเย่ไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเขาไปไหน งานตรวจสอบสถานที่ก่อสร้างคงต้องรบกวนพี่ด้วยนะคะ”

ในฐานะเลขาของเย่หนานโจว เวินหนี่มีส่วนร่วมในงานส่วนใหญ่ของบริษัท และเธอก็คุ้นเคยกับโครงการนี้เป็นอย่างดี

เวินหนี่โทรหาเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะยอมแพ้

ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อคืนเขาได้รับโทรศัพท์จากลู่ม่านเซิง

เขาไม่ได้มาที่บริษัท และไม่ได้กลับบ้านตลอดทั้งคืน คงไปหาเธอสินะ

เวินหนี่พยายามระงับความขมขื่นในใจ “งั้นก็ไม่ต้องรอประธานเย่แล้ว พวกเราไปกันก่อนเถอะ”

ข้างนอกแดดแรงจัดและอุณหภูมิสูงมาก เธอมาถึงสถานที่ก่อสร้าง

อาคารที่กำลังก่อสร้างมีเพียงโครงเท่านั้น และสถานที่ก็ดูค่อนข้างรก

เมื่อเธอเข้าไปด้านใน พื้นก็เต็มไปด้วยฝุ่นและแท่งเหล็ก แถมเครื่องมือก็ส่งเสียงดัง

เวินหนี่เคยมาที่นี่หลายครั้งแล้วและค่อนข้างคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเธอจึงดำเนินการอย่างรวดเร็ว

แต่จู่ ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นว่า “ระวัง!”

เวินหนี่เงยหน้าขึ้นก่อนจะเห็นกระจกชิ้นหนึ่งตกลงมาจากบนหัวของเธอ…

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
댓글 (1)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
ถ้านางเอกไม่ตายก็เจ็บสาหัส และก็จะถูกคนรอบตัวอีเหี้ยเย่หนานโจวกับหนานโจวรุมว่า
댓글 모두 보기

최신 챕터

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 520

    อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 519

    [ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 518

    ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 517

    เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 516

    เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 515

    เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status