공유

บทที่ 6

작가: เซียงปู้อี๋
เธอรู้สึกหัวหมุนและวิงเวียนศีรษะ ก่อนจะได้ยินเสียงของใครบางคนพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “พวกนายทำงานกันแบบไหนถึงได้เกิดความผิดพลาดแบบนี้! พี่เวิน พี่เวินคะ…”

เสียงนั้นฟังดูค่อย ๆ ไกลออกไป ก่อนที่เวินหนี่จะหมดสติ

เมื่อตื่นขึ้นมาเวินหนี่ก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เธอมองดูเพดานสีขาว ยังคงรู้สึกวิงเวียนและปวดศีรษะอย่างรุนแรง

“พี่เวิน พี่ฟื้นแล้ว!” หลี่ถิงลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยดวงตาสีแดงก่ำพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “พี่รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ? ให้ฉันเรียกหมอมาให้ไหม”

เวินหนี่มองดูหลี่ถิง แม้ว่าตัวเองจะยังอ่อนแรง แต่เธอก็ลุกขึ้นนั่งโดยไม่รู้ตัว “ฉันไม่เป็นไร ที่ไซต์ก่อสร้างเป็นยังไงบ้าง? มีใครได้รับบาดเจ็บอีกหรือเปล่า?”

หลี่ถิงตอบ “พี่อย่าพึ่งกังวลเรื่องงานเลยค่ะ พี่ถูกกระจกหล่นกระแทกใส่ ฉันกลัวแทบตาย คิดว่าพี่จะไม่ฟื้นขึ้นมาซะแล้ว”

เธอกล่าวพลางร้องไห้

หลี่ถิงเป็นผู้ช่วยที่ติดตามเวินหนี่ และเวินหนี่ก็ดูแลเธอเป็นอย่างดี

เธอยังเด็กและไม่เคยพบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน จึงได้รู้สึกหวาดกลัว

“ฉันก็ฟื้นแล้วนี่ไง เลิกกังวลได้แล้ว” เวินหนี่ปลอบเธอ

เวินหนี่แตะหน้าผากที่พันด้วยผ้าก๊อซสีขาว มันยังรู้สึกเจ็บมาก เธอขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นอีกว่า “ที่ไซต์ก่อสร้างไม่มีปัญหาใช่ไหม?”

เธอกลัวว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะทำให้การก่อสร้างล่าช้า

“ไม่มีปัญหาค่ะพี่เวิน พี่บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ อย่ากังวลเรื่องไซต์ก่อสร้างเลยค่ะ ปกติพี่ก็เหนื่อยกับงานมากพออยู่แล้ว แถมยังคอยเป็นห่วงพวกเราอีก พี่รีบนอนพักผ่อนดีกว่าค่ะ!” หลี่ถิงรู้สึกผิดมาก หากเธอไม่ขอให้เวินหนี่ไปด้วย อุบัติเหตุแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น และเธอก็ไม่อยากรายงานเรื่องงานให้กับเวินหนี่ด้วยซ้ำ

เวินหนี่ชินแล้ว

ราวกับว่าหลายปีที่ผ่านมา เธอเป็นเพียงเครื่องจักรที่ทำงาน คอยเป็นห่วงผู้อื่น และดูแลสถานการณ์โดยรวมเพื่อความสบายใจของเย่หนานโจว

เธอจึงเป็นห่วงเรื่องงานมากโดยไม่รู้ตัว

อีกอย่างเธอก็ยังติดหนี้ตระกูลเย่อยู่ห้าสิบล้านบาท เธอจึงไม่สามารถสบายใจได้

ข้างนอกเกิดเสียงดัง ราวกับว่าแฟนคลับตัวน้อยได้พบเจอดาราดัง

“แม่เจ้า นักร้องคนนั้นก็อยู่โรงพยาบาลนี้ด้วยงั้นเหรอ?”

“ใช่น่ะสิ เมื่อกี้ฉันเห็นเธอด้วย ลู่ม่านเซิงดาราดังคนนั้น นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้เห็นเธอในระยะใกล้แบบนี้!”

“เธอได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า? ร้ายแรงไหม?” พวกเขาถามด้วยความเป็นห่วง

“หลีกทางด้วยครับ หลีกทางด้วย!”

บอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งเคลียร์ทางข้างหน้า และปิดกั้นคนอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกถ่ายรูป ก่อนที่เสียงเหล่านั้นจะค่อย ๆ หายไปจากหูของเวินหนี่

แต่มันก็ยังคงดึงดูดความสนใจของเธอ

เนื่องจากเธอเห็นร่างสูงของเย่หนานโจวกำลังปกป้องลู่ม่านเซิงไว้ข้างกาย

ลู่ม่านเซิงที่ยืนเคียงข้างเขาดูเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เธอก้มหน้าลง ดวงตาแดงก่ำ และใบหน้าของเธอก็ซีดเผือด ดูอ่อนแรงมาก

การปรากฏตัวของเธอทำให้เกิดความโกลาหลมากมาย มีบอดี้การ์ดคอยเปิดทางให้ และความสงบก็กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว

ร่างของพวกเขาอยู่ข้างห้องผู้ป่วยของเธอ

และห้องข้าง ๆ ก็คือห้องฉุกเฉิน

“นั่นประธานเย่ไม่ใช่เหรอคะ?”

หลี่ถิงรู้สึกประหลาดใจมากกว่าใครเมื่อเห็นสิ่งนี้

เย่หนานโจวที่ตามหากันทั้งเช้าแต่ก็ไม่พบ กลับมาพบเขาที่โรงพยาบาล แถมยังอยู่กับนักร้องดังลู่ม่านเซิง

สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลี่ถิงพูดขึ้นอีกว่า “เวลามีเรื่องสำคัญประธานเย่ไม่เคยจะขาดเลย แต่เพื่อมาอยู่กับลู่ม่านเซิง แม้แต่โทรศัพท์เขากลับไม่รับ หรือว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างนั้นเหรอคะ ไม่แปลกใจเลยที่คราวก่อนลู่ม่านเซิงมาที่บริษัทโดยที่ไม่ต้องนัดก่อน ที่แท้ประธานเย่เป็นคนให้สิทธิ์กับเธอนี่เอง พี่เวินคะ ประธานเย่คงไม่ใช่คู่หมั้นที่คอยสนับสนุนเธออย่างลับ ๆ ตามรายงานข่าวหรอกใช่ไหมคะ?”

เวินหนี่กำมือแน่นจนข้อต่อเปลี่ยนเป็นสีขาว และหัวใจของเธอก็ถูกแทงอย่างแรง

เธอมองไปที่หลี่ถิง ไม่ต้องการให้คนอื่นสังเกตเห็นว่าเธอกำลังสูญเสียการควบคุมอารมณ์ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอออกไปก่อน ฉันอยากพักผ่อน”

“ได้ค่ะ พี่เวิน พี่พักผ่อนเยอะๆ นะคะ”

หลี่ถิงไม่กล้าเดามั่วอะไรอีก ได้แต่เดินออกจากห้องพักผู้ป่วย

เวินหนี่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย และนึกคิดว่าเย่หนานโจวเคยมาเยี่ยมเธอเวลาป่วยบ้างหรือไม่

และเหมือนจะไม่เคยเลย

แต่เรื่องเล็กน้อยของลู่ม่านเซิงกลับทำให้เขาเป็นกังวลได้มากขนาดนี้

เขาพาเธอมาโรงพยาบาลโดยไม่สนว่าจะถูกคนอื่นนินทา แถมยังให้คนมาคอยจัดการทางให้ด้วย เขาให้ความสำคัญกับเธอมากขนาดไหนกัน

เธอช่างน่าสงสารจริง ๆ

เธอมองโทรศัพท์และลังเลอยู่นานก่อนที่จะโทรออกหาหมายเลขที่คุ้นเคย

ไม่นานปลายสายก็กดรับ

“ฮัลโหล”

ได้ยินเสียงราวกับว่าเขาอยู่ข้างหู

เวินหนี่ไม่รู้จะพูดอะไร

และเสียงที่ดูเหมือนรำคาญของเย่หนานโจวก็ดังขึ้นที่ปลายสาย “มีอะไรก็พูดมา ฉันกำลังยุ่ง”

เวินหนี่มองผ่านหน้าต่างและเห็นว่าเขากำลังขมวดคิ้ว ราวกับว่าสายของเธอทำให้เขาเสียเวลาในการทำเรื่องสำคัญ

ก็จริง คนที่ได้รับบาดเจ็บคือลู่ม่านเซิงผู้เป็นที่รักของเขานี่นา

เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่โทรหาเขา แต่ก็อดพูดขึ้นไม่ได้ “ฉันรู้สึกไม่สบาย”

ในสายตาของเธอ เขากำลังใช้มือปิดไมค์ และมองคุณหมออย่างเย็นชา ราวกับกำลังตำหนิหมอที่ทำให้ลู่ม่านเซิงเจ็บขณะกำลังให้ยากับเธอ

ก่อนที่เขาจะหันไปด้านข้าง “เธอพูดว่าอะไรนะ?”

เวินหนี่เปิดปาก มีหลายคำพูดที่ติดอยู่ในปากของเธอ มีคนอื่นในใจอยู่แล้วทำไมถึงมาแต่งงานกับเธอล่ะ

พอแต่งงานกับเธอแล้ว ทำไมถึงยังไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นอีก?

แต่เมื่อคิดดูดี ๆ ถึงจะถามอะไรออกไป คำตอบที่ได้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการอยู่ดี

“เปล่าค่ะ”

“เวินหนี่ ฉันยุ่งมาก ถ้าไม่มีอะไรสำคัญก็อย่าสร้างปัญหา”

บี๊บ…

พูดจบเขาก็กดวางสายและดูแลลู่ม่านเซิงต่อ

ดวงตาของเวินหนี่เปลี่ยนเป็นสีแดง เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก

ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ และไม่เต็มใจ…

อารมณ์นับไม่ถ้วนแพร่กระจายอยู่ในใจของเธอ และเธอก็กำโทรศัพท์ไว้แน่น

ถึงเวลาที่ต้องจบมันแล้ว

ถึงเวลาที่ต้องปล่อยเขาให้เป็นอิสระแล้ว

이 책을.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
댓글 (1)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
ไปซะทีต่ะ อย่าโง่อีกเลย
댓글 모두 보기

최신 챕터

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 520

    อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 519

    [ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 518

    ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 517

    เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 516

    เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 515

    เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status