1 เดือนต่อมา
ในทุกๆ วันศุกร์ของคาบโฮมรูมเจ้าหญิงกับเถวะก็จะแอบออกไปพบแม่ของเธอที่ร้านอาหารตามสั่งทุกวันตามปกติ และคุณบทร้ายก็ไม่ได้รับรู้ถึงการกระทำของเด็กน้อยของเขาเลย เพราะเขาไว้ใจเธอและคิดว่าเธอก็คงเป็นเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่งที่ไม่กล้าต่อกรอะไรกับเขามากนักเขาก็เลยไม่ได้สั่งให้คนไปเฝ้าตามติดและคอยดูเธอเอาไว้ แค่ให้เฝ้ารอรับเธอที่หน้าประตูโรงเรียนในทุกๆ วัน วันนี้เป็นวันสอบไฟนอลเพื่อจะจบปีการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เจ้าหญิงกับเพื่อนๆ ของเขาอีก 3 คนตั้งใจเรียนและพากันติวหนังสืออย่างหนักเพื่อการสอบในครั้งนี้ " เป็นยังไงบ้าง ทำได้ไหมเจ้าหญิง " พอทุกคนเดินออกจากห้องสอบหมวยเพื่อนสาวคนเดียวของเจ้าหญิงก็ถามขึ้น " พอได้จ๊ะ ^^ " เจ้าหญิงตอบเพื่อนด้วยรอยยิ้มสดใสเฉียดเช่นทุกครั้ง " ระดับเจ้าหญิงไม่มีคำว่าไม่ได้อยู่แล้ว " เถวะพูดขึ้นมาบ้าง " งั้นไปกินข้าวกันไหมเจ้าหญิง ฉลองสอบเสร็จ " หมวยเอ่ยถามเจ้าหญิง พร้อมกับเพื่อนๆทุกคนก็เดินอยู่ถึงกับหยุดนิ่งยืนรอคำตอบของเจ้าหญิง เพราะทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าเจ้าหญิงไปที่ไหนไม่ค่อยได้ถ้าคุณบทร้ายไม่ได้อนุญาต " เอ่อ...คือ " เจ้าหญิงอ้ำๆอึ้งๆ ใจหนึ่งก็อยากจะไปฉลองกับเพื่อนๆของเธอ แต่อีกใจก็กลัวคุณบทร้ายจะดุ เพราะเวลาคุณบทร้ายดุเจ้าหญิงมันน่ากลัวมากๆ ล่าสุดที่โดนคุณบทร้ายดุ พอคุณบทร้ายทำงานเสร็จก็รีบกลับบ้านและเดินเข้ามาหาเจ้าหญิงที่บ้านสีขาวหลังเล็กของเธอพร้อมกับดุเจ้าหญิงที่เจ้าหญิงไปยืนรดน้ำต้นไม้ช่วยคนสวนอยู่ที่หลังบ้าน เพราะคุณบทร้ายบอกว่าแค่ให้เจ้าหญิงตั้งใจเรียนให้จบก็พอ ส่วนเรื่องอื่นๆ ถ้าคุณบทร้ายไม่ได้สั่งหรือคุณบทร้ายไม่ได้อนุญาตเจ้าหญิงก็ไม่มีสิทธิ์ทำ พอคิดว่าถ้าวันไหนคุณบทร้ายจับได้ว่าเธอแอบหนีออกจากโรงเรียนไปพบแม่ของเธอ เจ้าหญิงคิดไม่ตกเลยว่าเธอจะโดนอะไรบ้าง แค่นึกคิดก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัวแล้ว ในส่วนของคุณบทร้าย ที่เขาไม่ใช้งานเจ้าหญิงหนักๆ หรือทำร้ายร่างกายเจ้าหญิงเหมือนคนอื่นๆ ก็เพราะเขาคิดว่าเจ้าหญิงยังเด็กและบอบบางเกินไป เขาเลยไม่กล้าลงมืออะไรมากนัก อย่างมากสุดก็แค่พาเจ้าหญิงไปห้องเชือดแล้วเอาไม้เรียวบางๆตีเจ้าหญิงเพื่อจะสั่งสอนเท่านั้น แค่โดนไม้เรียวเล็กๆตีแค่นี้เจ้าหญิงก็มีรอยแผลและแถมยังร้องไห้หนักขนาดนี้ ถ้าโดนอย่างอื่นที่ใหญ่กว่านี้เข้าไปคงจับไข้เอาแน่ๆ " ถ้าเจ้าหญิงไปไม่ได้เราก็ไม่ได้ว่าอะไร เราเข้าใจเจ้าหญิงนะ " หมวยบอกเพื่อนพร้อมกับกุมมือเล็กๆของเจ้าหญิงเอาไว้ " เจ้าหญิงอยากไป แต่เจ้าหญิงต้องลองโทรไปขออนุญาตคุณบทร้ายก่อนนะ " เจ้าหญิงเธออยากไปฉลองกับเพื่อนๆจริงๆ เพราะทุกๆปีเธอกับเพื่อนก็จะไปฉลองสอบเสร็จกันในทุกๆปี เจ้าหญิงเดินออกห่างมาจากกลุ่มเพื่อนๆของเธอเล็กน้อย พร้อมกับหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋านักเรียนของเธอต่อสายหาผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านายของตัวเอง " ว่าไง " เสียงทุ้มดุดันดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือของเธอ เจ้าหญิงแค่ได้ยินเสียงดุดันนั้นถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย และเริ่มกล้าๆกลัวๆที่จะขอเขาออกไปเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ " เอ่อ...คือ " เจ้าหญิงอ้ำๆอึ้งๆ ในการที่จะขอคุณบทร้าย " รีบพูดมา ฉันต้องรีบทำงาน " คุณบทร้ายทำเสียงดุเจ้าหญิง " หนูขอไปฉลองสอบเสร็จกับเพื่อนๆได้ไหมคะ " เมื่อได้ยินคุณบทร้ายบอกว่าต้องรีบไปทำงานเจ้าหญิงก็รีบพูดคำขอที่เธอต้องการจะขอออกไปทันที " ไม่ได้ " เสียงดุดันของเขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง คุณบทร้ายไม่ชอบให้เจ้าหญิงออกไปข้างนอก ยิ่งไปพบปะกับคนอื่น แม้กระทั่งเพื่อนของเจ้าหญิงเองคุณบทร้ายก็ไม่ชอบ คุณบทร้ายย้ำเตือนกับเจ้าหญิงเสมอว่าห้ามคบเพื่อนผู้ชายเด็ดขาด เพราะผู้ชายไว้ใจไม่ได้ นี่คือเหตุผลของคุณบทร้ายที่คอยห้ามเจ้าหญิงไม่ให้ออกไปไหนที่ห่างจากสายตาของเขาเลย " แต่เจ้าหญิงอยากไป " เป็นครั้งแรกที่เจ้าหญิงกล้าขัดคำสั่งของเขาและเถียงเขากลับแบบนี้ ทำให้คนปลายสายถึงกับละมือจากการทำงานทันทีด้วยความงุนงงว่าทำไมเจ้าหญิงถึงกล้าเถียงเขาแบบนี้ ทั้งที่เธอไม่เคยกล้าจะเถียงหรือขัดคำสั่งเขามาก่อนเลยสักนิด " เจ้าหญิง " เสียงนิ่งเรียบแต่ดูจริงจังเปล่งออกไปให้เจ้าหญิงได้รับรู้ว่าเขาไม่พอใจกับเด็กที่ดื้อกับเขาอยู่ตอนนี้ " เจ้าหญิงขอไปกับเพื่อนๆได้ไหมคะ ทุกปีเวลาสอบเสร็จเจ้าหญิงต้องไปฉลองสอบเสร็จกับเพื่อนตลอด และอีกอย่างก็ปิดเทอมแล้วด้วย เจ้าหญิงก็คงไม่ได้เจอเพื่อนอีกเป็นเดือนๆเลยนะคะ " เจ้าหญิงพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนระคนปนเศร้าสื่อไปให้กับปลายสายได้รับรู้ เมื่อเขาได้ยินน้ำเสียงของเจ้าหญิงที่เธอไม่เคยใช้เสียงสองเสียงสามคุยกับเขามาก่อน จึงทำให้หัวใจแกร่งหล่นวูบตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที " ถ้าไปแล้วกลับมาบ้านก็จะต้องถูกตีนะ " เขาพูดขู่เธออีกรอบเผื่อว่าเธอจะไม่อยากไปขึ้นมา เพราะเขาไม่อยากให้เธอไป ไม่อยากให้เธอไปรู้จักคนมากหน้าหลายตานอกเหนือจากเขาเท่านั้น เขาไม่ไว้ใจใครก็แค่นั้นแหล่ะ เด็กคนนี้ยิ่งไร้เดียงสาและก็คงโดนคนอื่นหลอกเอาง่ายๆ อุตส่าห์เขาพูดหยอกล้อ โกหกไปนิดหน่อยก็ยังเชื่อซะสนิทใจเลยจะไม่ให้เขาเป็นกังวลได้อย่างไงกัน เพราะเธอเป็นเด็กขัดดอกของเขานิ ถ้าของเสียหายขึ้นมาก็คงไม่มีใครมารับผิดชอบ พ่อเลี้ยงของเธอที่ชื่อชัยก็หนีหัวซุกหัวซุนติดหนี้การพนันไปทั่วอยู่ตอนนี้ " เจ้าหญิงยอมโดนคุณบทร้ายตีค่ะ " เจ้าหญิงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังกว่าเช่นทุกครั้ง ท่าทางคงจะอยากไปฉลองสอบเสร็จกับเพื่อนๆเอามากๆ " งั้นให้คนขับรถไปรับ ไปส่ง " พอเขาเอ่ยปากอนุญาตเจ้าหญิงก็ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีอกดีใจขึ้นมาทันที " ขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวกลับบ้านไปเจ้าหญิงจะให้คุณบทร้ายตีค่ะ :D " เด็กน้อยที่ไร้เดียงสาเอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่ดีอกดีใจ พร้อมกับบอกว่าจะให้เขาตีเธอ หลังจากกดวางสายไปบทร้ายที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานก็เผลอยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย " หึ! กลับมาให้ตีงั้นเหรอ แต่ตีครั้งนี้มันไม่ใช่ตีด้วยไม้เรียวน่ะสิ " เขาเอ่ยออกมาเบาๆ ด้วยรอยยิ้มที่แสนร้ายกาจที่ยากจะคาดเดาได้ว่าเขาต้องการจะทำอะไรโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังถูกจัดไว้สำหรับการคลอดโดยเฉพาะ บทร้ายไม่ยอมห่างจากห้องคลอดแม้แต่ก้าวเดียวเขานั่งกุมมือเจ้าหญิงแน่นตลอดทุกวินาทีของความเจ็บปวด“พี่…มันเจ็บ หนูไม่ไหวแล้ว…” เจ้าหญิงเหงื่อซึม หน้าซีด“ไหวสิเมียพี่ต้องไหว หนูเก่งที่สุดแล้วนะครับ…” บทร้ายแนบริมฝีปากกับหน้าผากเมียน้ำตาคลอ“แค่คลอดลูกของเราออกมา พี่ขอร้อง…”เสียงร้องไห้ของทารกตัวน้อยดังขึ้นในห้อง บทร้ายถึงกับทรุดนั่งร้องไห้เงียบๆข้างเตียงราวกับหัวใจถูกปลดปล่อยจากความกลัวทั้งปวง“ได้ลูกสาวค่ะ แข็งแรงมากเลย”“ลูกพ่อ… หนูของพ่อ… ขอบคุณที่มาเกิดเป็นลูกพ่อแม่นะครับ”...ลูกสาวของบทร้ายและเจ้าหญิงถูกตั้งชื่อว่า “น้องเจ้าขา”เด็กหญิงผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโตเหมือนแม่ รอยยิ้มอบอุ่นเหมือนพ่อเมื่ออายุครบ 1 ขวบเธอเริ่มหัดเดิน เริ่มพูดคำว่า “ปะป๊า” และ “หม่ามี๊” ได้บทร้ายนั่งคุกเข่ารอรับลูกที่กำลังเกาะโซฟาแล้วค่อยๆยืนขึ้นเจ้าขาก้าวขาเล็กๆเดินมาหาพ่อก่อนจะโผเข้ากอดอกบึ้กๆของบทร้ายแน่น“เก่งมากลูก… ลูกของพ่อเดินได้แล้ว!” บทร้าย หัวเราะแล้วร้องไห้ในเวลาเดียวกัน“เจ้าขาเก่งที่สุดเลยลูก หนูเก่งเหมือนแม่เลยใช่ไห
มหาวิทยาลัยเจ้าหญิงกำลังนั่งเรียนทุกคนตกใจเมื่อเห็น “เจ้าของมหาวิทยาลัย” เดินตรงมาที่หน้าห้องเรียน ใส่สูทสีดำ ขรึมเยือกเย็น ดวงตาแดงก่ำอาจารย์ถึงกับชะงักบทร้ายเปิดประตูโดยไม่พูดอะไร ก่อนพูดเพียงคำเดียว“ออกมาเดี๋ยวนี้” บทร้ายพูดเสียงเข้มเจ้าหญิงหน้าเสียหยิบของแล้วรีบลุกเสียงซุบซิบในห้องดังกระหึ่ม “บทร้ายดุโหดมาก” “โอ้ย เมียโดนแน่”ในรถพอขึ้นรถเท่านั้นแหละประตูปิดเสียงดัง “ปัง!” ก่อนที่บทร้ายจะพูดด้วยน้ำเสียงกดอารมณ์“ทำไมไม่บอกพี่?” บทร้ายเสียงสั่น“หนูแค่อยากเรียน… หนูไม่อยากเป็นภาระ” เจ้าหญิงก้มหน้าตอบน้ำเสียงเบาๆ“ไม่อยากเป็นภาระจนไม่รักตัวเองรึไง!?! หนูเพิ่งฟื้น รู้ไหมว่าถ้าเป็นอะไรขึ้นมา พี่จะ…” บทร้ายเผลอตะคอกใส่เจ้าหญิงด้วยความโกรธเขากำมือแน่นจนเส้นเลือดปูด ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธปนเสียใจ เจ้าหญิงน้ำตาซึมพยายามยื่นมือไปแตะแขนบทร้าย“พี่… หนูขอโทษ…”“อย่าทำแบบนี้อีกนะครับหนู พี่ขอโทษที่ดุ แต่พี่กลัว… พี่กลัวจะเสียหนูไปอีก…” บทร้ายเสียงแผ่วลงเมื่อรู้ตัวว่าเผลอตะคอกเมียเพนท์เฮ้าส์บทร้ายอุ้มเมียขึ้นห้องไม่พูดไม่จาแต่พอวางเมียบนเตียงเท่านั้นก็ซบหน้าลงที่หน้าท้องเธอน้ำตาหยด
มหาวิทยาลัยเช้าวันรุ่งขึ้น: วันพรีเซนต์เจ้าหญิงสวมชุดนักศึกษาสะอาดเรียบ ผูกผม เรียบร้อย แต่หน้าซีดมาก เธอยืนหน้าห้องประชุมพร้อมทีม หัวใจเต้นแรงเพราะความเครียด ตอนที่เดินขึ้นเวที…เธอกลั้นหายใจและเริ่มพูด30 นาทีผ่านไป…...พรีเซนต์เสร็จ...ภาพเริ่มเบลอ เสียงในห้องเบาๆลง มือสั่น หน้าเย็นเฉียบ เจ้าหญิงเซ ทรงตัวไม่อยู่ ร่างบางล้มลงต่อหน้าอาจารย์และเพื่อนทั้งห้อง“เจ้าหญิง!!”🚑 โรงพยาบาลบทร้ายได้ยินข่าวจากพยาบาลที่ติดต่อมา บทร้ายมาถึงด้วยความเร็วสูงสุดที่รถของเขาจะพาไปได้ เขาเปิดประตูห้องฉุกเฉินด้วยหัวใจที่แทบหลุดออกมามองเห็นเมียนอนบนเตียง ให้น้ำเกลือ ขอบตาแดงเพราะน้ำตา“พี่ขอโทษ…พี่ไม่น่าปล่อยให้หนูทำทุกอย่างคนเดียวแบบนั้นเลย”“พี่ควรอยู่ตรงนั้น พี่ควรกอดหนู พี่ควรห้ามหนูตั้งแต่แรก…”เขาคุกเข่าข้างเตียง จับมือเมียไว้แน่น ริมฝีปากสั่น น้ำตาไหลเงียบๆ ในห้องเงียบสงัดมีแค่เสียงเครื่องวัดชีพจรและเสียงใจเขาเต้นระรัว...เจ้าหญิงลืมตาช้าๆเห็นหน้าผัวฟุบอยู่ข้างเตียงมืออุ่นๆของเขาจับมือเธอไว้ตลอดไม่ปล่อยเลยแม้แต่วินาทีเดียว“พี่…” เจ้าหญิงเรียกบทร้ายเสียงเบาและแหบพร่า“หนู…หนูตื่นแล้วใช่ไหมคะ
ฮันนีมูนสุดหรูหนึ่งวันหลังแต่งงานบทร้ายจองเกาะส่วนตัวที่มัลดีฟส์ มีแค่เขาและเธอ…ในรีสอร์ทกลางทะเลเสียงคลื่นเบาๆ บรรยากาศโรแมนติกจนต้องรักกันทุกเช้า เย็น และกลางคืน“บนเตียงก็ผัว บนเรือก็ผัว ในน้ำก็ผัว…หนูหนีผัวไม่พ้นหรอกเมียพี่”ปี 4เช้าวันเปิดเรียนเช้านั้น…เสียงนาฬิกาปลุกยังไม่ทันดัง บทร้ายก็ตื่นขึ้นมามองใบหน้าหวานของภรรยาสุดที่รัก เจ้าหญิงนอนกอดแขนเขาแน่นเสื้อยืดตัวใหญ่ที่ใส่นอนเมื่อคืนเลิกขึ้นมานิดๆเผยให้เห็นผิวขาวนวลจนคนเป็นผัวอยากจะให้เมียโดดเรียน…เอ้ย ไม่ใช่บทร้ายก้มจูบหน้าผากเจ้าหญิงเบาๆ“เมียพี่จะเป็นนักศึกษาปี 4 ที่สวยที่สุดในโลก”พอเจ้าหญิงอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ บทร้ายยืนยันจะขับรถไปส่งเมียเอง ไม่ยอมให้อัคคีขับเหมือนทุกครั้ง“ขอโทษนะคะ ผัวขับรถไปรอหน้าคณะทุกวันแบบนี้ เพื่อนจะไม่สงสัยเหรอคะ?” เจ้าหญิงพูดแซว“ก็ไม่ต้องสนใจสิคะคุณเมีย เขารู้ก็ดี จะได้รู้ว่าเมียใครอย่าแตะ” บทร้ายตอบยียวนกวนประสาทกลับมหาวิทยาลัยคณะนิเทศศาสตร์ทุกสายตาหันมามอง…เจ้าหญิงเปิดประตูลงจากรถสุดหรูพร้อมเสียงกระซิบของเพื่อนๆในคณะ“นั่นผัวเจ้าหญิงเหรอ?”“โอ๊ย ทำไมหล่อโหดขนาดนี้”“มีผัวดีชีวิตดีจริงๆ…”“แล
บทร้ายวางแหวนวงเดิมไว้ในกล่องกำมะหยี่เขาคุกเข่าอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะผิด แต่เพราะรัก“หนู…พี่ไม่รู้ว่ามีสิทธิ์ไหม แต่ขอพี่ได้ใส่แหวนวงนี้ให้อีกครั้ง ไม่ใช่แค่ในฐานะผัว แต่ในฐานะผู้ชายที่ไม่มีใครรักเท่าหนูอีกแล้ว…”เจ้าหญิงยื่นมือไปทั้งน้ำตาแล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหูเขา“ใส่ให้แน่น ๆ เลยนะคะพี่…เพราะรอบนี้ หนูจะไม่มีวันถอดมันออกอีกแล้ว…”...ห้องสวีทชั้นบนสุดของโรงแรม 7 ดาวในกรุงเทพมหานครคือสถานที่ที่บทร้ายจัดไว้สำหรับการ “เริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่” เขาไม่พูดพร่ำ ไม่อธิบายซ้ำ เขาแค่จ้องเจ้าหญิงด้วยแววตาที่ลึกกว่าทะเล…และเร่าร้อนกว่ากองไฟบทร้ายปิดประตูห้องเบาๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหาเจ้าหญิงช้าๆเหมือนนักล่าที่รอคอยเหยื่อของเขากลับมาอยู่ในอ้อมแขนอีกครั้ง“คืนนี้…ผัวจะรักเมียให้สมกับที่เกือบเสียเมียไป…” บทร้ายดึงเจ้าหญิงเข้าไปจูบอย่างรุนแรงลิ้นของเขาดุนดันสอดแทรกและตักตวงรสหวานจากริมฝีปากที่เขาโหยหา มือเขากอบกุมเอวบางแน่นจนเจ้าหญิงต้องจับไหล่เขาไว้“พะ-พี่…เดี๋ยวก่อน…”“ไม่รอแล้ว…เมียพี่ทั้งคน ผัวห้ามใจไม่ไหวแล้ว…”บทร้ายยกตัวเข้าหญิงขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวก่อนพาไปวางลงบนเตียงใหญ่ ฝ่ามืออุ่นร้อนลูบไล
เพนท์เฮ้าส์ทุกคืน…บทร้ายนอนกอด iPad เปิดรูปคู่ที่ถ่ายตอนขอแต่งงานและวิดีโอที่เขาแอบอัดเอาไว้เองเสียงเจ้าหญิงพูดว่า “รักผัวนะคะ” ยังอยู่ในคลิป แต่ยิ่งฟังยิ่งเจ็บ เพราะรู้ว่า…เขาทำลายมันด้วยมือของตัวเอง“พี่แม่ง…เลวชิบหาย…” บทร้ายกัดปากจนเลือดซึม โทษตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระจกที่แขวนไว้ถูกเขาเขวี้ยงแตกเป็นเสี่ยงๆในไลน์กลุ่มรวมนักศึกษาโดยบทร้ายมีแอ็คอวตารเข้าไปอยู่ด้วยในกลุ่ม...มีคนโพสต์รูประหว่างเจ้าหญิงกับเพื่อนใหม่มีเสียงเชียร์ว่า “เปิดใจเถอะเจ้าหญิง” แต่ทุกข้อความ…เหมือนมีดปักที่กลางอกบทร้าย...โต๊ะกินข้าวที่เคยมีเจ้าหญิงคอยตักให้วันนี้มันว่างเปล่า บทร้ายนั่งมองข้าวเย็นจนแข็ง แล้วเอาไปเททิ้งทั้งน้ำตา“ไม่มีหนู…อะไรมันก็ไม่มีรสชาติอีกเลย…”วันถัดไปธันวามาหาเพื่อนสนิทที่เพนท์เฮ้าส์ ธันวาแอบไปซุ่มดูเจ้าหญิงห่างๆ เขาอัดวิดีโอที่ตอนเจ้าหญิงพูดกับแม่วันดีไว้ เขานำมาเปิดให้บทร้ายดูในวันหนึ่งที่เขาหมดแรงจะลุกขึ้นจากเตียง “แม่…หนูไม่ได้อยากหย่า หนูแค่เสียใจ หนูแค่รู้สึกว่าพี่เขาไม่รักหนูจริง…”คำว่า “ไม่ได้อยากหย่า” กลายเป็นไฟสุดท้ายที่ยังจุดในหัวใจบทร้ายบทร้ายเงยหน้าขึ้น…น้ำตาไหลพร