“โทษฉันไม่ได้นะ ก็เธอมันเล่นตัว ตลอดเวลาที่เราคบกันอย่างมากเธอก็ให้ได้แค่จับมือ ฉันเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ก็ต้องอยากได้อะไรที่มันมากกว่านี้ แต่ในเมื่อเธอให้ไม่ได้ ฉันก็ต้องไปหาอะไรที่ดีกว่า แล้วลิลลี่เป็นอะไรที่สุดยอดมากสำหรับฉัน” สีหน้าที่ทำราวกับหลงอีกฝ่ายอย่างหัวปักหัวปำของโทบี้ ทำเอาชมพูแพรถึงกับกลอกตาไปมา แน่นอนว่าเธอให้สิ่งที่อีกฝ่ายขอไม่ได้แน่
“ก็ถ้าเขาเลิกกับแกเพราะเรื่องนี้ แกก็ไม่ควรคบกับผู้ชายพรรค์นี้อีก ขืนแกทนคบกันต่อไปก็มีแต่จะเสียใจ ผู้ชายแบบนี้ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษให้เห็นหรอก ปล่อยให้ผีเน่าไปอยู่กับโลงผุน่าจะเหมาะกว่า หญิงก็ร้ายชายก็เลวไม่มีอะไรให้น่าเสียดายสักนิด คนดีๆ อย่างแกหลุดพ้นออกมาได้ก็นับว่าโชคดีแล้ว” แคทเทอรีนและจัสมินเพื่อนรักของชมพูแพรที่ซุ่มดูเหตุการณ์อยู่นานสองนาน ทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงออกมาปกป้องเพื่อนบ้าง
“เรื่องนี้เธอสองคนไม่เกี่ยว อย่าแส่” ลิลลี่หันมาขึ้นเสียงใส่ด้วยความไม่พอใจ
“ก็ถ้าเธอไม่เข้ามาแส่ก่อน พวกฉันสองคนก็ไม่อยากยุ่งเหมือนกัน” จัสมินตอกกลับในทันทีอย่างไม่ยอมน้อยหน้า
“แต่เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องของฉันเหมือนกัน ทำไมฉันจะยุ่งไม่ได้ ไม่เหมือนกับพวกเธอที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย” ลิลลี่ยังคงต่อปากต่อคำกลับไปอย่างไม่ยอมลดละ
“อ๊ะๆๆ พูดผิดพูดใหม่ได้นะจ๊ะ ถ้าฉันสองคนไม่เกี่ยว เธอก็ต้องไม่เกี่ยวเหมือนกัน เพราะมันเป็นเรื่องของพวกเขาสองคน ถ้ามันจะเลิกกันก็ให้พวกเขาคุยกันเองสิ คนมาทีหลังแล้วทำตัวเป็นนางมารร้ายชอบแย่งของคนอื่นอย่างเธอมีสิทธ์อะไรเข้ามาแส่ด้วย” ด้วยลักษณะนิสัยที่ไม่ยอมใคร ทำให้จัสมินตอกกลับไปอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้
“แก! คิดว่าพวกมากกว่า แล้วฉันจะยอมแพ้เหรอ ไม่มีวันซะล่ะ” จัสมินยักไหล่ บอกให้รู้ว่าเธอเองก็สู้ไม่ถอยเหมือนกัน
“อย่ามีเรื่องกันที่นี่เลยน่า ไม่อายกันบ้างรึไง เห็นไหมว่าคนมองกันเยอะแยะแล้ว กลับกันเถอะลิลลี่ ไหนเธอบอกว่าอยากจะไปช็อปต่อไม่ใช่เหรอ รีบไปสิจะเสียเวลาอยู่ตรงนี้ทำไม” โทบี้จับจูงให้ลิลลี่เดินตามออกไป ด้วยไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งร้านอีก ทำให้ลิลลี่ยอมเดินตามออกไปด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียดในที่สุด คงเหลือก็แต่ชมพูแพรที่ยังนั่งซึมกระทือไม่ยอมพูดยอมจากับใครจนเพื่อนรักทั้งสองต้องรีบเข้าไปปลอบ
“เฮ้ย! ชมพู่แกไม่ต้องเศร้าไปหรอกน่า ผู้ชายพรรค์นั้นเลิกไปก็ดีแล้ว ถ้าขืนแต่งงานกับมันไปจริงๆ แกคงต้องนั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ กะอีแค่ผู้ชายห่วยๆ คนนึง อย่าเอามาคิดให้รกสมองเลยน่า สวยๆ อย่างแก หาดีกว่านี้ได้ถมเถ เคยได้ยินไหม ผู้ชายไม่สิ้นไร้เท่าใบพุทรานะแก” แคทเทอรีนพยายามพูดปลอบใจให้เพื่อนคลายเศร้า แต่ชมพูแพรก็ไม่ได้มีท่าทีดีขึ้นมาเลย มิหนำซ้ำยังคว้ากระเป๋าสะพายใบเขื่องของตัวเองที่เธอมักจะพกมันไปไหนมาไหนด้วยเสมอๆ เดินออกไปจากตรงนั้น
“เฮ้ย! หรือว่ามันจะอาการหนักจนเพี้ยนไปแล้ว ฉันว่าเราตามไปดูมันหน่อยดีกว่า ฉันใจคอไม่ดีเลย” แคทเทอรีนหันไปบอกจัสมินเสียงเครียด แต่อีกฝ่ายกลับยังนิ่งเฉย ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนกับท่าทีของเพื่อนรักเลยแม้แต่น้อย
“ปล่อยให้มันไปจัดการกับความรู้สึกของตัวเองก่อนเหอะแคท ดีขึ้นเดี๋ยวมันก็กลับมาเองนั่นแหละ เชื่อฉันสิ แกก็รู้นี่ ทุกครั้งที่มีเรื่องไม่ได้ดั่งใจ มันจะต้องทำอะไร” จัสมินบอกพร้อมกับนั่งลงด้วยท่าทีสบายๆ ต่างกับแคทเทอรีนที่ยังกังวลอยู่
“แต่ครั้งนี้มันอาจจะไม่เหมือนกับทุกครั้งก็ได้นะแก ไม่เห็นเหรอว่าหน้ามันเศร้าขนาดไหน ฉันว่าเราไปดูมันสักหน่อยเถอะนะ ถ้ามันไม่เป็นอะไรก็ดีไป แต่ถ้าเกิดมันคิดสั้นขึ้นมา เราจะได้ช่วยมันทันไง นะมินนะไปดูมันหน่อยเถอะ ฉันไม่สบายใจจริงๆ อะแก” ท่าทางกังวลมากของแคทเทอรีน ทำให้จัสมินอ่อนอกอ่อนใจอยู่ไม่น้อย ด้วยรู้ดีว่าเพื่อนเป็นผู้หญิงอ่อนไหวง่าย เรียกว่าเปราะบางเลยล่ะกับเรื่องพวกนี้
“เออๆๆ ไปก็ไป” จัสมินลุกขึ้นเดินนำออกไปอย่างเสียไม่ได้ ก็อีกฝ่ายเล่นขอร้องกันขนาดนี้นี่
“มิน ทำไมไม่เห็นชมพู่มันเลยล่ะ หรือว่ามัน” แคทเทอรีนทำหน้าตื่น เมื่อเดินมายังห้องน้ำของร้านอาหารแต่กลับไม่พบเพื่อนอย่างที่ควรจะเป็น
“นี่แคท แกคิดว่าการระบายอารมณ์ของมันจะทำกันข้างนอก ตรงหน้ากระจกนี่ได้เลยรึไง ใครมาเห็นเข้าไม่ต้องแตกตื่นกันไปทั้งร้านรึไง โน่นมันอยู่ในห้องน้ำโน่น ห้องที่ปิดอยู่ไม่ห้องใดก็ห้องหนึ่งนั่นแหละ” จัสมินกลอกตาไปมากับอาการตีตนไปก่อนไข้ของเพื่อน พร้อมกับบุ้ยหน้าไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังมาจากห้องน้ำห้องหนึ่ง
“ปึก ปึก ปึก.............” สองสาวที่ยืนรออยู่หน้าห้องถึงกับหันมามองหน้ากันทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าข้างในกำลังเกิดอะไรขึ้น จากนั้นไม่กี่อึดใจคนที่อยู่ข้างในก็เปิดประตูออกมาด้วยสภาพหัวเหอที่ดูยุ่งเหยิงไปหมด ผมก็ฟูจนแทบดูไม่ได้ และที่ดูไม่จืดเอาซะเลย ก็คือไอ้การที่ต้องเห็นเพื่อนเดินหิ้วหูกระต่ายตัวน้อยที่น่าสงสารออกมาในสภาพห้อยขาต่องแต่งด้วยนี่แหละ คิดแล้วก็อดสงสารกระต่ายตัวนี้ไม่ได้ ที่ต้องกลายเป็นเครื่องระบายอารมณ์ของเพื่อนรักแบบนี้
“เฮ้อ! ฉันว่าแกเพลาๆ เรื่องการ์ตูนบ้างก็ได้นะ ดูๆ แกใกล้จะเหมือนไอ้โรคจิตเข้าไปทุกวันแล้ว” จัสมินส่ายหน้าไปมากับภาพที่ถ้าคนนอกมาเห็นเข้า คงเข้าใจว่าเพื่อนเป็นพวกโรคจิตแน่นอน คิดแล้วก็อดขำไม่ได้ ครั้งแรกที่เห็นชมพูแพรทำอะไรแบบนี้ เธอกลัวแทบตาย แต่เมื่อรู้ว่าเพื่อนทำไปเพื่อระบายอารมณ์เหมือนการ์ตูนเรื่องหนึ่งก็อดขำไม่ได้ มิหนำซ้ำยังเปิดการ์ตูนที่ว่านั่นให้ดูแล้วก็ชักชวนให้ลองระบายอารมณ์แบบนั้นดูอีกต่างหาก ตั้งแต่นั้นมาเรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเธอ แต่กับคนอื่นก็ไม่แน่
“เอ่อ! แกโอเคไหมชมพู่” แคทเทอรีนทำหน้าแหยๆ อดคิดในใจไม่ได้ ‘ถ้าเพียงแต่เราเชื่อคำของมิน เราคงไม่ต้องมาเห็นอะไรนากลัวๆ แบบนี้หรอก ฮือ!...ติดตาไปอีกหลายวันเลย’
“ดูจากสภาพฉันแล้ว ดูโอเคไหมล่ะ” ชมพูแพรหันมาตอบ ทำเอาคนถามถึงกับถอยกรูดด้วยความตกใจ
“แต่ฉันว่า ดูจากจากสภาพกระต่ายน้อยของแกแล้ว แกน่าจะโอเคแล้วนะ แต่ที่ไม่โอเคอย่างแรง เห็นจะเป็นสภาพหน้าตาโทรมๆ ของแกนี่แหละ รีบๆ จัดการตัวเองซะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า เขาจะหาว่าพวกฉันสองคนมารุมตบแกในห้องน้ำ แบบนั้นฉันไม่โอเคนะจะบอกให้” พูดจบจัสมินก็เดินออกไป โดยมีแคทเทอรีนรีบวิ่งตามไปด้วยอีกคน ด้วยไม่อยากอยู่กับอีกคนที่ยังไม่อยู่ในสภาวะปกติสักเท่าไหร่ พูดง่ายๆ ว่ากลัวที่จะอยู่ในสภาพเดียวเดียวกับเจ้ากระต่ายตัวนั้นนั่นเอง
ดังนั้นตอนนี้จึงมีแค่ชมพูแพรที่จัดการกับตัวเองและเจ้ากระต่ายน้อยที่น่าสงสารตัวนั้น ก่อนจะเดินออกไปสมทบกับเพื่อนที่รออยู่ที่โต๊ะตัวเดิม
“เอ้อ! สวัสดีค่ะพี่ริชาร์ด เมื่อกี้พี่ริชาร์ดบอกว่ามีอะไรจะคุยกับแคทอย่างนั้นเหรอคะ” เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อน แคทเทอรีนจึงรีบแก้สถานการณ์ความอายให้ “ก็เรื่องงานนั่นแหละ ว่าแต่ขอพี่นั่งด้วยคนได้ไหมล่ะ” แคทเทอรีนทำหน้าเหลอหลาขึ้นมาทันที เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอลืมมารยาทที่จะต้องชวนให้อีกฝ่ายนั่งซะก่อน เป็นเพราะความเฟอะฟะซุ่มซ่ามของชมพูแพรแท้ๆ ที่ทำให้เธอพลอยป้ำๆ เป๋อๆ ไปด้วย “เอ่อ! ชะๆ เชิญค่ะพี่ริชาร์ด” แคทเทอรีนทำหน้าจืดเจื่อน ในขณะที่อีกฝ่ายยังส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ “ขอบคุณครับ ว่าแต่พี่มากวนเวลาคุยของเรากับเพื่อนรึเปล่าแคท” เมื่อนั่งลงแล้ว ริชาร์ดก็ไม่ลืมที่จะถามกลับไปอีก ซึ่งนั่นก็ทำให้แคทเทอรีนนึกถึงมารยาทข้อนึงขึ้นมาได้อีก ซึ่งก็คือ การแนะนำให้อีกฝ่ายได้รู้จักกับเพื่อนๆ ของเธอนั่นเอง “ไม่เลยค่ะ เอ่อ! พี่ริชาร์ดคะ นี่ชมพูแพร นี่จัสมิน เพื่อนรักของแคทเองค่ะ” แคทเทอรีนทำเสียงนอบน้อม เนื่องจากอีกฝ่ายอาวุโสกว่าทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ ถึงแม้ริชาร์ดจะเป็นญาติของเธอก็ตาม แต่ก็แค่ญาติห่างๆ และเธอก็ยังรู้สึกเกรงใจและเกร็งทุกครั้งที่
“นี่! ฉันถามแกจริงๆ เหอะ ที่แกเป็นอยู่ตอนนี้เนี่ย แกโกรธหรือว่าเสียใจกันแน่วะ” ทันทีที่เห็นหน้ามุ่ยๆ ของเพื่อน จัสมินถึงกับอดถามไม่ได้ “ก็ทั้งสองอย่าง แกคิดดูสิฉันอุตส่าห์ดีใจ หลงคิดว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ใช่ โทบี้เป็นผู้ชายที่ฉันคบด้วยนานที่สุดนะ เขาทำให้ฉันคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขารักฉันมาก มากจนไม่ถือเรื่องที่ฉันซุ่มซ่าม แต่สุดท้ายก็เปล่าเลย ฉันเสียใจอ่ะแก” ชมพูแพรก้มหน้าบอกเสียงสั่นเครือ“ก็แค่สามเดือนที่แกกับหมอนั่นคบกัน จะเสียใจอะไรนักหนาวะ เออ! ว่าแต่สามเดือนนี่นานที่สุดสำหรับแกแล้วเหรอ” จัสมินถามไปก็อดขำไปด้วยไม่ได้“ก็ใช่น่ะสิ แค่สามเดือน แกใช้คำว่าแค่ได้ยังไง มันตั้งสามเดือนเชียวนะ คิดดูสิคนก่อนๆ ที่คบกันไม่ถึงเดือนก็เผ่นหนีฉันแทบไม่ทันแล้ว แบบนี้จะไม่ให้ฉันเสียใจได้ยังไง แกไม่เป็นฉันแกก็พูดได้สิ ไม่เจ็บอย่างฉันใครจะเข้าใจ” ชมพูแพรหันมาตัดพ้อ แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ทำให้จัสมินขำได้ก็ไม่รู้ “เอาน่า! ก็แค่อกหัก ไม่ถึงตายหรอก ดีไม่ดีฉันว่าแกไม่ได้เจ็บหรอก ที่แกเป็นอยู่ตอนนี้เพราะแกเจ็บใจมากกว่า ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะ แกเจ็บใจที่ถูกยัยลิลลี่แย่งแฟน” ชมพูแพรหัน
“โทษฉันไม่ได้นะ ก็เธอมันเล่นตัว ตลอดเวลาที่เราคบกันอย่างมากเธอก็ให้ได้แค่จับมือ ฉันเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ก็ต้องอยากได้อะไรที่มันมากกว่านี้ แต่ในเมื่อเธอให้ไม่ได้ ฉันก็ต้องไปหาอะไรที่ดีกว่า แล้วลิลลี่เป็นอะไรที่สุดยอดมากสำหรับฉัน” สีหน้าที่ทำราวกับหลงอีกฝ่ายอย่างหัวปักหัวปำของโทบี้ ทำเอาชมพูแพรถึงกับกลอกตาไปมา แน่นอนว่าเธอให้สิ่งที่อีกฝ่ายขอไม่ได้แน่“ก็ถ้าเขาเลิกกับแกเพราะเรื่องนี้ แกก็ไม่ควรคบกับผู้ชายพรรค์นี้อีก ขืนแกทนคบกันต่อไปก็มีแต่จะเสียใจ ผู้ชายแบบนี้ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษให้เห็นหรอก ปล่อยให้ผีเน่าไปอยู่กับโลงผุน่าจะเหมาะกว่า หญิงก็ร้ายชายก็เลวไม่มีอะไรให้น่าเสียดายสักนิด คนดีๆ อย่างแกหลุดพ้นออกมาได้ก็นับว่าโชคดีแล้ว” แคทเทอรีนและจัสมินเพื่อนรักของชมพูแพรที่ซุ่มดูเหตุการณ์อยู่นานสองนาน ทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงออกมาปกป้องเพื่อนบ้าง“เรื่องนี้เธอสองคนไม่เกี่ยว อย่าแส่” ลิลลี่หันมาขึ้นเสียงใส่ด้วยความไม่พอใจ“ก็ถ้าเธอไม่เข้ามาแส่ก่อน พวกฉันสองคนก็ไม่อยากยุ่งเหมือนกัน” จัสมินตอกกลับในทันทีอย่างไม่ยอมน้อยหน้า“แต่เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องของฉันเหมือนกัน ทำไมฉันจะยุ่งไม่ได้ ไม่เหมือนกับพวก
“นัดฉันออกมาทานร้านหรูๆ แบบนี้ มีอะไรจะเซอร์ไพรส์ฉันรึเปล่า” ชมพูแพรทำท่ากระมิดกระเมี้ยนถามโทบี้แฟนหนุ่มของตัวเองหลังจากจัดการอาหารแสนอร่อยบนโต๊ะนั้นเรียบร้อยแล้ว ด้วยอดคิดเข้าข้างตัวเองในใจไม่ได้ ‘อ๊าย! หรือว่าเขาจะขอเราแต่งงาน ตายแล้ว! เสื้อผ้าหน้าผมฉันเป็นไงบ้างเนี่ย ตายๆๆ อย่าเพิ่งขอตอนนี้นะ ขอฉันเสริมสวยแป๊บนึงสิ’ คิดได้ดังนั้น เธอจึงผุดลุกขึ้นแบบปุบปับทันที “เฮ้ย! เป็นบ้าอะไรเนี่ย” โทบี้อุทานเสียงดัง เมื่อความรีบร้อนของชมพูแพรทำให้เธอไม่ทันระวัง เผลอดึงผ้าปูโต๊ะสีขาวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “ขอโทษ! ฉันไม่ได้ตั้งใจ เดี๋ยวฉันเช็ดให้นะ” นี่คงเป็นคำพูดติดปากของเธอไปแล้ว เมื่อความซุ่มซ่ามเฟอะฟะมันเป็นนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แก้เท่าไหร่ก็ไม่หายสักที บ่อยครั้งเธอจึงต้องเอ่ยคำๆ นี้กับใครต่อใคร เมื่อนิสัยนี้มันกำเริบขึ้นมา (นิสัยนะ ไม่ใช่โรคร้าย กำร่งกำเริบอะไรล่ะ) “ไม่เป็นไร ไม่ต้อง” โทบี้ทำท่าหงุดหงิดเล็กน้อยที่เธอทำให้เขาต้องกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นแบบนี้ “ไม่เป็นไรเหมือนกัน ฉันเต็มใจทำให้” ด้วยคิดว่าอีกฝ่