ปิงเยว่ทั้งอับอายและอดสู ที่ต้องมาทำเช่นนี้กับคนที่พึ่งจะเคยเห็นหน้าเพียงวันเดียว ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ไม่สิ… ต้องเรียกว่าเป็นคนแปลกหน้าอย่างแท้จริง
“ไม่นะ อย่า อ๊าาาา!!!”
ความรู้สึกพลุ่งพล่านกำลังแผดเผานาง เพียงแค่ลิ้นอุ่นของเขาสัมผัสไปยังร่องรักด้านล่าง นางก็ดิ้นเร่า แขนสองข้างบิดผ้าห่มเอาไว้แน่นเพื่อกลั้นเสียงร้อง นางเสียวจนแทบทนไม่ไหวและรู้สึกว่าร่างกายร้อนขึ้นมา จนไม่สามารถควบคุมได้
“อ๊าาา พอที หยุด! อ๊าาา!!!”
ท่านอ๋องมิอาจบอกได้เลยว่ารู้สึกเช่นไร แต่คืนนี้เขาไม่สามารถปล่อยนางไปได้ เขาต้องการปลดปล่อยบางอย่างและตอนนี้มันเริ่มตึงและเรียกร้องมากขึ้น กางเกงของเขาเริ่มเปียกเพราะมังกรยักษ์เริ่มอยากจะผงาดออกมา เมื่อปิงเยว่เห็นก็แทบจะเป็นลม นางไม่เคยเห็นสิ่งนี้ของบุรุษมาก่อนเลย
“กรี๊ด!!!”
เขารีบใช้ฝ่ามือปิดปากนางทันที
“หากเจ้าร้องอีก คนข้างนอกก็คงสงสัยว่าพวกเราทำอะไรกันในนี้ และคงอยากพากันเข้ามาดู เจ้าแน่ใจนะว่าอยากให้พวกเขาเห็นเราสองคนในสภาพนี้”
“คนชั่ว!”
“หึ คนที่ชั่วน่ะคือพี่ชายเจ้าต่างหาก”
“อ๊าา ปล่อยข้านะ”
ปึก ปึก ปึก
นางใช้มือทุบเขาอยู่หลายครั้ง ท่านอ๋องดึงแขนนางรวบไว้ด้านบน ล้นหนากวาดไปที่ร่องรักแร้ของนางอย่างจงใจ ปิงเยว่นิ่งลงไปอีกครั้งเพราะสัมผัสปลายลิ้นที่เร่าร้อนดุจมีชีวิตนี้
“อื้อ…อยะ อย่า…”
เสียงนางเบาลงแล้ว บัดนี้เขาเริ่มใช้นิ้วสอดเข้าไปเพื่อเปิดทางช่องรักที่แคบมาก หากเขาสอดมังกรยักษ์ของเขาเข้าไป นางคงรับไม่ไหวเป็นแน่
“อ๊ะ อ๊าา อื้อ…ไม่นะ อย่า อย่าทำเช่นนั้น ไม่!!!”
เขารู้ดีว่าสตรีมีจุดอ่อนเช่นไร ชายฉกรรจ์เช่นเขาใช่ว่าจะขาดแคลนเรื่องนี้ นางเองก็เป็นเพียงสตรีอีกคนที่เขานอนด้วย แต่แค่รู้สึกดีกว่าคนอื่น ๆ น่ามอง น่าหลงใหลมากกว่า และยังน่ากินไปทั้งตัวจนเขาสามารถทำแบบนี้ได้ทั้งคืน ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา ที่เพียงแค่ต้องการระบายความใคร่ออกมาเท่านั้น
“อื้อ…ไม่ได้นะ ข้ารู้สึกว่า อ๊าาา!!!”
เขาเร่งจังหวะนิ้วและใช้ลิ้นเกลี่ยรัวที่หน้าอกของนาง ปิงเยว่เผลอกอดเขาเอาไว้แน่นเมื่อนางใกล้จะถึงฝั่ง ไม่นานร่างบางก็เกร็งอยู่ภายในอ้อมกอด น้ำหวานหลั่งไหลออกมาจนมือของเขาเปียก นางเองก็ต้องการเขาเช่นกัน และตอนนี้ก็นอนหอบอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“อื้อ…อื้อ ฮึก!”
แท่งร้อนเริ่มวนอยู่หน้าร่องรักที่เปียกจัด เมื่อเขาค่อย ๆ ดันมันเข้าไป ปิงเยว่รู้สึกถึงความร้อนและคับแน่นที่ถูกสอดเข้ามา บัดนี้นางมิใช่องค์หญิงของต้านชิงแล้วสินะ เป็นเพียงสตรีเปื้อนราคีมีมลทิน ไม่สามารถแต่งงานกับใครได้อีกแล้ว เช่นนั้นก็ให้มันผ่านพ้นคืนนี้ไปให้ได้ แล้วนางจะตัดสินใจเอง
“อ๊าาา!!”
“ฮึก! แน่นยิ่งนัก ให้ตายเถอะ อาา…”
ท่านอ๋องหายใจหอบถี่ เมื่อร่องรักแคบและปิดสนิทบีบรัดแท่งร้อนของเขาและกลืนไปจนสิ้น เขาไม่กล้าขยับเพราะเกรงว่าคนใต้ร่างจะหมดสติไปเสียก่อน นางบิดเกร็งและเบือนหน้าหนี ซึ่งเขาไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว
“อาา เสียว….อาาา”
“ฮึก อ๊าา อ๊าา”
ปิงเยว่รู้สึกทั้งเจ็บ จุกและเสียวไปพร้อม ๆ กัน นางหลงลืมไปแล้วว่าเขากำลังทำร้ายนาง แต่การทำร้ายนี้เหตุใดจึงหฤหรรษ์ยิ่งนัก ดีกว่าการสวดมนต์อยู่บนหอคอยสูง และแสร้งทำตัวเป็นแม่พระใจดีอย่างที่ฮองเฮาได้เคยบอกเอาไว้เสียอีก
บัดนี้นางไม่ต่างกับคณิกาสาวในหอเร่าหลีในเมืองหลวง แต่นางไม่สนใจแล้ว เพราะยิ่งเขาตอกเข้ามาจนสุดเท่าใด นางก็ยิ่งต้องการมากขึ้นเท่านั้น
“อ๊าา อ๊าา…”
"เสียวมาก ไม่ไหวแล้ว คุกเข่าเร็วเข้า"
“อ๊ะ!”
เขาจับนางนั่งหันหลังและคุกเข่าสี่ขา ไม่นานก็สอดแท่งร้อนที่แข็งเต็มลำเข้าไปอีกครั้ง ปิงเยว่ต้องอ้าปากค้างเกร็งเพราะความเสียวนั้น กำลังครอบงำทุกความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจ
“อ๊าา…อ๊าาา”
เมื่อท่านอ๋องเริ่มเร่งจังหวะก็จับนางเปลี่ยนท่าอีกครั้ง นางไม่คิดเลยว่าเขาจะทำมันได้อย่างชำนาญเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าใดก็พานางไปแตะสวรรค์ได้ทุกครั้ง จนน้ำกามของทั้งคู่เปียกไปทั่วทั้งเตียง นางไม่ได้สติและไม่รู้เลยว่า เขาพานางไปล้างตัวและเปลี่ยนชุดเมื่อใด หลังจากค่ำคืนแรกนี้ผ่านไปราวกับฝัน
วันถัดมา
ปิงเยว่ตื่นขึ้นมา พร้อมกับร่างกายที่ปวดร้าวในค่ำคืนแรกที่หนักหน่วง เมื่อคิดขึ้นมาได้ก็เริ่มร้องไห้ออกมา นางเสียพรหมจรรย์ให้กับศัตรูของแคว้น และตอนนี้ก็ตกเป็นบรรณาการของท่านอ๋อง ซึ่งไม่รู้แม้แต่นามของเขา ตอนนี้นางถึงกับขยะแขยงตัวเองยิ่งนัก
“ข้าอยากตาย”
ด้านนอกมีเสียงพูดคุยกันอยู่ เมื่อเงี่ยหูฟังจึงรู้ว่าเขาคือองค์ชายเจ็ดแห่งฉินโจว แคว้นฉินที่พึ่งทำศึกกับต้านชิงของนาง และเขาได้รับชัยชนะ ชนวนศึกครั้งนี้คงไม่พ้นเรื่องของพระชายาที่อภิเษกเข้ามาเมื่อครึ่งปีก่อน ที่ตายเพราะถูกองค์ชายรอง ซึ่งเป็นพระเชษฐาต่างมารดาของนางฆ่า เพราะเรื่องทะเลาะกันในวังหลังของเขาเอง
“จดหมายและดินแดนที่ต้านชิงจะต้องส่งมอบหลังแพ้ศึกพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีมาก เช่นนั้นก็สั่งให้ยกทัพกลับเมืองหลวงได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เสียงโห่ร้องดีใจของขุนศึกนอกกระโจมยิ่งทำให้นางรู้สึกเศร้า พวกเขาชนะศึก ต้านชิงของนางแพ้สงครามและเสียดินแดนให้กับแคว้นฉินอีกครั้ง ส่วนนางก็เป็นแค่ตัวประกันเอาไว้สำหรับมิให้ต้านชิงคิดจะทำศึกได้อีกเท่านั้น
แต่หากนางตายไป จะมีผู้ใดที่คิดจะทำศึกได้เหมือนอย่างที่ท่านอ๋องทำศึก เพื่อแก้แค้นให้กับพระชายาชุนหลันฮวาผู้นั้นบ้าง นางก็เป็นเพียงองค์หญิงที่เกิดจากพระสนมเพียงเท่านั้น ไม่มีค่ากับผู้ใดเลยสักคน
“ช่างไร้ค่ายิ่งนัก จนถึงตอนนี้ข้าก็ยัง… ไร้ค่า”
ท่านอ๋องเดินเข้ามาในกระโจมอีกครั้ง เขาหันมามองนางที่นอนอยู่
“ตื่นแล้วงั้นหรือ”
นางหันหน้าหนี แม้ว่าจะรูปงามมากเพียงใดแต่ก็ไม่ต่างกับทรราชที่ข่มเหงนางอย่างทารุณ แม้ว่าจะเข้าร่วมในท้ายที่สุด แต่นางก็ไม่อยากยอมรับเขาในตอนนี้
“อะไรกัน เมื่อคืนนี้ยังเรียกร้องให้ข้า…”
“หุบปากนะ!”
“หึ ดุอะไรแต่เช้าเสียอารมณ์หมด ในเมื่อเจ้าตื่นแล้วก็ดี”
“ออกไป ข้าไม่อยากเห็นหน้าท่าน"
แต่มีหรือที่คนหน้าหนาเช่นเขาจะทำตามคำสั่ง ที่นี่เขาเป็นใหญ่ จะยอมให้บรรณาการศึกอย่างนางสั่งได้งั้นหรือ ฝันไปสิ
“ดูสิเจ้านี่ช่างเนรคุณเสียจริง เมื่อคืนผู้ใดกันที่เป็นคนปลอบเจ้าทั้งคืน จูบเจ้าแล้วยัง….”
มือเขาค่อย ๆ ล้วงเข้าไปในผ้าห่ม นางเริ่มบิดตัวหนี แต่ยิ่งหนีก็ยิ่งถูกรัดเข้าหาคนตัวโตที่รออยู่แล้ว เสื้อชุดนอนเปิดออกจนเห็นหน้าอกอวบที่เต็มไปด้วยรอยจูบที่เขาทิ้งเอาไว้เมื่อคืนนี้
“เจ้านี่ก็ยั่วยวนเก่งเหลือเกินนะ นี่ยังเช้าอยู่เลย แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่ ตอนนี้ยังมีเวลาได้ออกกำลังกายสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
“ท่านอย่านะ ปล่อยข้าไปเถอะ ได้โปรด”
นางปากสั่นเมื่อเขาเริ่มปลดชุดนอนออกอีกครั้ง ปิงเยว่ยังรู้สึกว่านอนไม่พออยู่เลย เมื่อคืนนี้กว่าเขาจะหยุดก็เกือบรุ่งสางเข้าไปแล้ว ที่รู้เพราะนางได้ยินเสียงไก่ป่าขัน
“หากเจ้าครางได้เหมือนกับเมื่อคืนนี้ได้อีก ข้าก็จะพิจารณาอีกที แต่ตอนนี้ข้าทนไม่ไหวแล้ว เจ้ายั่วข้าเองนะฟ่านปิงเยว่”
“ฮึก! อ๊าา ท่านเบาลงหน่อย ข้าเจ็บ!”ความอัดอั้นของท่านอ๋อง ถูกส่งผ่านด้วยแรงกระแทกไม่ยั้งที่ทำเอาปิงเยว่ทั้งจุกและเสียวไปถึงท้องน้อย แต่ขอบสระที่เย็นและเปียกชื้นก็ทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัว ท่านอ๋องอุ้มนางลงมาในน้ำและจุมพิตแผ่วเบาเพื่อให้นางได้พัก แต่กายล่างยังไม่ยอมถอดออก“ข้าจะเบาลงก็ได้ เริ่มอุ่นหรือยัง”“เหตุใดท่านชอบทำเช่นนี้อยู่เรื่อย อื้อ..อื้อ หยุดนะ!”“เจ้ามันก็แค่คนปากแข็ง แค่ข้าขยับตัวนิดหน่อยก็ครางเสียงหลง แล้วยังมาถามอีกงั้นหรือ”“ท่านมันคนหน้าไม่อาย”“พอได้แล้ว หากแช่น้ำนานเกินไปอาจจะเป็นหวัดได้ ข้ายังมีเรื่องอื่นให้สะสางอีก”“อ๊าาา อึ๊ยยย อ๊าาา!!!”เสียงครางของนางเร่งให้อารมณ์ดิบเขาตื่นขึ้น แม้จะบอกว่ามีเรื่องอื่นต้องสะสาง แต่ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็ใช้เวลาในห้องอาบน้ำนั้นเกือบครึ่งชั่วยาม สุดท้ายท่านอ๋องก็ต้องอุ้มร่างที่หมดสติของฟ่านปิงเยว่ออกมา และพาไปที่ห้องนอนของตัวเองทันที เมื่อห่มผ้าให้นางเสร็จแล้วจึงได้เรียกองครักษ์ของตัวเองที่ยืนรออยู่หน้าห้อง“มู่ไป๋”“พ่ะย่ะค่ะ”“ไปกับข้า”“พ่ะย่ะค่ะ”เขาสั่งให้ซูหมัวมัว เรียกสตรีที่มาพร้อมกับองค์รัชทายาทเข้าเฝ้าที่ห้องโถงกลางในจวน พ
“เจ้าเจ็ดนี่เจ้าจะบอกว่า ไปฉุดนางมาอย่างนั้นหรือ นี่มันนอกเหนือจากกฎกองทัพ เช่นนี้แล้วทางต้านชิงจะไม่คิดว่าเจ้าทำเกินไปงั้นหรือ”“ก่อนหน้านั้นคิดแค่อยากแก้แค้น แต่ดูแล้วทางต้านชิงจะมิได้ให้ความสำคัญกับองค์หญิงแปดผู้นี้เท่าใดนัก พวกเขากลับดูยินยอมเสียด้วยซ้ำที่เราไม่เรียกค่าธรรมเนียมแพ้ศึกไปมากกว่านี้”“แน่ใจหรือว่าพวกเขาจะไม่หาเรื่องเจ้าอีก เพราะการที่พานางมาที่นี่ เรื่องขององค์หญิงมิได้มีในรายงานการชนะศึก เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ หากเสด็จพ่อทรงทราบคงจะรีบให้เจ้าประหารนางอย่างแน่นอน”“นางเป็นของข้า! หากว่าผู้ใดจะตัดสินโทษนาง คนนั้นก็ต้องเป็นข้า พี่ใหญ่ไหน ๆ ท่านก็มาแล้วเรื่องนี้ท่านก็…”“ไม่ได้ เรื่องนี้ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ นอกจากว่าเจ้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ทูลขอพระองค์เอง”“ท่านหมายความว่า…”“เจ้าต้องยกนางให้แต่งงานกับคนอื่น เรื่องนี้ถึงจะจบลงได้อย่างสันติ อีกอย่างเรื่องดินแดนที่ได้มาเสด็จพ่อพอพระทัยมาก คิดว่าเรื่องนี้ก็คงไม่มีปัญหา”“ไม่ได้!”“น้องเจ็ดนี่เจ้าคงจะมิได้ หลงรักนางเข้าไปแล้วหรอกนะ”“ข้า… นอนกับนางแล้ว”“แล้วอย่างไรเล่า ใช่ว่าเจ้าจะไม่เคยนอนกับสตรีเสียหน่อย นี่น้องพี่ข้าขอร้องล
กว่าที่ทั้งคู่จะออกจากห้องอาบน้ำได้ก็อีกพักใหญ่ นางต้องทำหน้าที่จัดชุดและแต่งตัวให้เขา เมื่อมองแบบนี้ท่านอ๋องก็รู้สึกว่านางทำหน้าที่ได้ดีมากเช่นกัน“หลังจากเข้าเมืองฉินโจวแล้ว ต้องไปที่จวนของข้า ทุกเช้าเจ้าก็ต้องทำหน้าที่นี้”“ทุกวันหรือ”“ใช่น่ะสิ ถามทำไม”“นี่มันหน้าที่สาวใช้”“ไม่พอใจงั้นหรือองค์หญิง หรือลืมไปแล้วว่าตอนนี้เจ้า…”“ข้ารู้ฐานะตัวเองดี ท่านเองก็เลิกเรียกข้าด้วยฐานะนั้นได้แล้ว”“เจ้าโกรธงั้นหรือ”“เปล่า เดิมทีก็ไม่เคยสนใจตำแหน่งบ้า ๆ นั่นอยู่แล้ว ข้าสวมชุดให้ท่านเสร็จแล้ว ออกไปได้หรือยังข้าจะได้เปลี่ยนชุด”“เจ้าก็เปลี่ยนไปสิ”“ท่าน!”“ทำไมเล่า มิใช่ว่าข้าเห็นจนหมดทุกส่วนหรืออย่างไรกัน อย่าบอกนะว่า เจ้ายังอายอยู่”“ข้าขอร้องล่ะ อย่าให้ข้ารู้สึกอดสูจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ ไปมากกว่านี้อีกเลย”นางใช้เสียงค่อนข้างทุ้มต่ำ ราวกับพยายามกดความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ ท่านอ๋องรู้สึกเย็นวาบลงที่ท้องทันที เขาไม่เคยคิดว่าคำพูดเพียงแค่อยากล้อเล่น จะทำให้นางคิดมาก“เอาเถอะ อย่างไรเจ้าก็เป็นสตรีที่เรื่องมากอยู่วันยังค่ำ ข้ามิได้อยากจะมองเสียหน่อย แค่ที่นี่ไม่ได้ปลอดภัยก็เลยอยากคุ้มกันให้เท่าน
“กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมจะรีบไปแจ้งกับทุกคนว่าองค์หญิงมิใช่เชลยหรือเครื่องบรรณาการ แต่เป็นองค์ประกันของพระองค์... พ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องทรงนิ่งไป เขาเองก็ไม่ทันได้คิดเรื่องนี้มาก่อน “ให้คนมาเฝ้านางเอาไว้ แล้วก็… จัดการตามที่เจ้าว่าโดยเร็วที่สุด”“พ่ะย่ะค่ะ!”มู่ไป๋รีบดำเนินการทันที โดยที่ไม่รอคำสั่งอื่น ๆ แค่เขาเพียงเฉียดไปถามเรื่องขององค์หญิงแปดผู้นี้เพียงเล็กน้อย ท่านอ๋องก็พร้อมที่จะสั่งลงโทษเขาเสียแล้ว“เกือบได้ไปเก็บขี้ม้าแล้วอย่างไรเล่า”หลังจากที่อี้ฝูทำความสะอาดห้องจนเสร็จแล้ว ท่านอ๋องก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ซึ่งทำให้ทั้งสองคนแปลกใจมาก“เจ้าออกไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องกลับเข้าเมืองฉินโจวแล้ว ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมาก”อี้ฝูหันมามององค์หญิงที่มีท่าทางตกใจไม่แพ้กัน ทั้งคู่คิดว่าเขาจะไม่เข้ามาอีกแล้วในคืนนี้ แต่อี้ฝูก็ยากจะขัดขืน“เพคะท่านอ๋อง”เมื่อนางเดินออกไปแล้ว ท่านอ๋องจึงเดินเข้ามาในห้อง ปิงเยว่มองหาทางหนี ซึ่งเขารู้ดีและรีบถามอย่างรู้ทัน“ไม่ต้องหาทางหนีหรอก อย่างไรก็หนีไม่พ้น คืนนี้เราก็ต้องอยู่ด้วยกันในห้องนี้”“ไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าท่านงั้นหรือ”“เช่
“จริงหรือ!”“ใช่แล้ว ครั้งนั้นท่านอ๋องไปช่วยทางใต้รับศึกกับเมืองหยาง เจ้าจำได้หรือไม่”“ข้าย่อมจำได้ เพราะข้าเองก็ไปด้วย พอกลับมาก็รู้ว่าฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งบุตรีเจ้ากรมกลาโหมเป็นท่านหญิง และมีราชโองการแต่งไปเชื่อมสัมพันธ์กับองค์ชายรองแคว้นต้านชิง ที่มาสู่ขอถึงเมืองฉินโจว”“พวกเจ้ากินกันไปเงียบ ๆ เถอะ หากยังไม่ถูกสั่งโบย”มู่ไป๋พูดขึ้นมา และเดินไปหยิบไหสุรามาดื่มต่อเงียบ ๆ แน่นอนว่าเรื่องที่ทุกคนพูดเป็นเรื่องจริง เรื่องนี้มิได้เป็นความลับแต่อย่างใด ในตอนนั้นแม้ว่าท่านอ๋องจะเคยรักกันกับชุนหลันฮวา แต่เพราะศึกแดนใต้ที่เรื้อรังนับห้าเดือน และมักจะมีข่าวลืออยู่เนือง ๆ ว่าอาจจะแพ้ศึกและท่านอ๋องอาจจะสิ้นพระชนม์ในศึกนั้นเมื่อกลับมาเมืองหลวงก็พบว่า สตรีที่รักได้แต่งงานไปกับผู้อื่นเสียแล้ว หลังจากนั้นท่านอ๋องเสียพระทัย และทรงกริ้วฝ่าบาทมาก จนไม่ยอมกลับเมืองหลวงอีกเลย กระทั่งได้ข่าวการตายของนาง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการหยามเกียรติของฉินโจวท่านอ๋องตัดสินใจยกทัพไปแก้แค้นศัตรูหัวใจ อย่างองค์ชายรองฟ่านอี้เฉินแห่งตานชิง เรื่องนี้องค์ชายผู้สิ้นชื่อเป็นคนพูดออกมาก่อนที่จะถูกท่านอ๋องสังหารกลางสมรภูมิเดือดที
“องค์หญิง…. ฮือ… แต่ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร ข้าก็จะติดตามท่านตลอดไปเพคะ”“ข้าเหนื่อยเหลือเกิน อยากนอนและไม่ต้องตื่นมาพบกับความทรมานเหล่านี้อีก”“องค์หญิง ข้าจะรีบเช็ดตัวให้ท่านนะเพคะ”เสียงสะอื้นของสาวใช้ยังคงดังให้ได้ยินเป็นพัก ๆ จนเงียบไป ท่านอ๋องที่ยืนพิงอยู่ข้างรถม้าก็ตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่พวกนางคุยกัน แต่เรื่องนั้นก็มิได้เกี่ยวอะไรกับเขา“ฟ่านปิงเยว่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”สองวันถัดมาเมื่อมี “อี้ฝู” สาวใช้ข้างกายมาอยู่ด้วย ปิงเยว่ก็ยอมที่จะกินข้าวและดื่มยาที่หมอประจำกองทัพต้มมาให้ นางยอมเดินทางมาที่เฉินโจวพร้อมกับเขาแต่โดยดี “สีหน้าดูดีขึ้นมากเลยนี่”นางยังไม่พูดอะไรกับเขาทั้งสิ้น ท่านอ๋องหมั่นไส้กับท่าทางนี้ของนางมาก ก่อนจะเข้าเมืองฉินโจวจึงนึกอยากจะสั่งสอนนางสักหน่อย เพราะเขารู้มาว่านางหายดีแล้ว หลังจากมีสาวใช้ข้างกายกลับไปอยู่ด้วย“ลงมานี่”“ข้าไม่ไป”“เจ้าไม่มีสิทธิ์เลือก”“ท่านจะพาข้าไปไหน”“มีแรงพูดแล้วนี่ หึ”“ข้า…”“ไม่มีสิทธิ์ถาม ตามมา”เขาจับมือนางพาเดินลงจากรถม้า และบอกให้ทุกคนอยู่ที่นี่และไม่ต้องตามมา เขารู้จักที่นี่เป็นอย่างดี และตอนนี้ก็เป็นตอนเย็นซึ่งพระอาทิต