ปิงเยว่ทั้งอับอายและอดสู ที่ต้องมาทำเช่นนี้กับคนที่พึ่งจะเคยเห็นหน้าเพียงวันเดียว ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ไม่สิ… ต้องเรียกว่าเป็นคนแปลกหน้าอย่างแท้จริง
“ไม่นะ อย่า อ๊าาาา!!!”
ความรู้สึกพลุ่งพล่านกำลังแผดเผานาง เพียงแค่ลิ้นอุ่นของเขาสัมผัสไปยังร่องรักด้านล่าง นางก็ดิ้นเร่า แขนสองข้างบิดผ้าห่มเอาไว้แน่นเพื่อกลั้นเสียงร้อง นางเสียวจนแทบทนไม่ไหวและรู้สึกว่าร่างกายร้อนขึ้นมา จนไม่สามารถควบคุมได้
“อ๊าาา พอที หยุด! อ๊าาา!!!”
ท่านอ๋องมิอาจบอกได้เลยว่ารู้สึกเช่นไร แต่คืนนี้เขาไม่สามารถปล่อยนางไปได้ เขาต้องการปลดปล่อยบางอย่างและตอนนี้มันเริ่มตึงและเรียกร้องมากขึ้น กางเกงของเขาเริ่มเปียกเพราะมังกรยักษ์เริ่มอยากจะผงาดออกมา เมื่อปิงเยว่เห็นก็แทบจะเป็นลม นางไม่เคยเห็นสิ่งนี้ของบุรุษมาก่อนเลย
“กรี๊ด!!!”
เขารีบใช้ฝ่ามือปิดปากนางทันที
“หากเจ้าร้องอีก คนข้างนอกก็คงสงสัยว่าพวกเราทำอะไรกันในนี้ และคงอยากพากันเข้ามาดู เจ้าแน่ใจนะว่าอยากให้พวกเขาเห็นเราสองคนในสภาพนี้”
“คนชั่ว!”
“หึ คนที่ชั่วน่ะคือพี่ชายเจ้าต่างหาก”
“อ๊าา ปล่อยข้านะ”
ปึก ปึก ปึก
นางใช้มือทุบเขาอยู่หลายครั้ง ท่านอ๋องดึงแขนนางรวบไว้ด้านบน ล้นหนากวาดไปที่ร่องรักแร้ของนางอย่างจงใจ ปิงเยว่นิ่งลงไปอีกครั้งเพราะสัมผัสปลายลิ้นที่เร่าร้อนดุจมีชีวิตนี้
“อื้อ…อยะ อย่า…”
เสียงนางเบาลงแล้ว บัดนี้เขาเริ่มใช้นิ้วสอดเข้าไปเพื่อเปิดทางช่องรักที่แคบมาก หากเขาสอดมังกรยักษ์ของเขาเข้าไป นางคงรับไม่ไหวเป็นแน่
“อ๊ะ อ๊าา อื้อ…ไม่นะ อย่า อย่าทำเช่นนั้น ไม่!!!”
เขารู้ดีว่าสตรีมีจุดอ่อนเช่นไร ชายฉกรรจ์เช่นเขาใช่ว่าจะขาดแคลนเรื่องนี้ นางเองก็เป็นเพียงสตรีอีกคนที่เขานอนด้วย แต่แค่รู้สึกดีกว่าคนอื่น ๆ น่ามอง น่าหลงใหลมากกว่า และยังน่ากินไปทั้งตัวจนเขาสามารถทำแบบนี้ได้ทั้งคืน ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา ที่เพียงแค่ต้องการระบายความใคร่ออกมาเท่านั้น
“อื้อ…ไม่ได้นะ ข้ารู้สึกว่า อ๊าาา!!!”
เขาเร่งจังหวะนิ้วและใช้ลิ้นเกลี่ยรัวที่หน้าอกของนาง ปิงเยว่เผลอกอดเขาเอาไว้แน่นเมื่อนางใกล้จะถึงฝั่ง ไม่นานร่างบางก็เกร็งอยู่ภายในอ้อมกอด น้ำหวานหลั่งไหลออกมาจนมือของเขาเปียก นางเองก็ต้องการเขาเช่นกัน และตอนนี้ก็นอนหอบอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“อื้อ…อื้อ ฮึก!”
แท่งร้อนเริ่มวนอยู่หน้าร่องรักที่เปียกจัด เมื่อเขาค่อย ๆ ดันมันเข้าไป ปิงเยว่รู้สึกถึงความร้อนและคับแน่นที่ถูกสอดเข้ามา บัดนี้นางมิใช่องค์หญิงของต้านชิงแล้วสินะ เป็นเพียงสตรีเปื้อนราคีมีมลทิน ไม่สามารถแต่งงานกับใครได้อีกแล้ว เช่นนั้นก็ให้มันผ่านพ้นคืนนี้ไปให้ได้ แล้วนางจะตัดสินใจเอง
“อ๊าาา!!”
“ฮึก! แน่นยิ่งนัก ให้ตายเถอะ อาา…”
ท่านอ๋องหายใจหอบถี่ เมื่อร่องรักแคบและปิดสนิทบีบรัดแท่งร้อนของเขาและกลืนไปจนสิ้น เขาไม่กล้าขยับเพราะเกรงว่าคนใต้ร่างจะหมดสติไปเสียก่อน นางบิดเกร็งและเบือนหน้าหนี ซึ่งเขาไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว
“อาา เสียว….อาาา”
“ฮึก อ๊าา อ๊าา”
ปิงเยว่รู้สึกทั้งเจ็บ จุกและเสียวไปพร้อม ๆ กัน นางหลงลืมไปแล้วว่าเขากำลังทำร้ายนาง แต่การทำร้ายนี้เหตุใดจึงหฤหรรษ์ยิ่งนัก ดีกว่าการสวดมนต์อยู่บนหอคอยสูง และแสร้งทำตัวเป็นแม่พระใจดีอย่างที่ฮองเฮาได้เคยบอกเอาไว้เสียอีก
บัดนี้นางไม่ต่างกับคณิกาสาวในหอเร่าหลีในเมืองหลวง แต่นางไม่สนใจแล้ว เพราะยิ่งเขาตอกเข้ามาจนสุดเท่าใด นางก็ยิ่งต้องการมากขึ้นเท่านั้น
“อ๊าา อ๊าา…”
"เสียวมาก ไม่ไหวแล้ว คุกเข่าเร็วเข้า"
“อ๊ะ!”
เขาจับนางนั่งหันหลังและคุกเข่าสี่ขา ไม่นานก็สอดแท่งร้อนที่แข็งเต็มลำเข้าไปอีกครั้ง ปิงเยว่ต้องอ้าปากค้างเกร็งเพราะความเสียวนั้น กำลังครอบงำทุกความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจ
“อ๊าา…อ๊าาา”
เมื่อท่านอ๋องเริ่มเร่งจังหวะก็จับนางเปลี่ยนท่าอีกครั้ง นางไม่คิดเลยว่าเขาจะทำมันได้อย่างชำนาญเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าใดก็พานางไปแตะสวรรค์ได้ทุกครั้ง จนน้ำกามของทั้งคู่เปียกไปทั่วทั้งเตียง นางไม่ได้สติและไม่รู้เลยว่า เขาพานางไปล้างตัวและเปลี่ยนชุดเมื่อใด หลังจากค่ำคืนแรกนี้ผ่านไปราวกับฝัน
วันถัดมา
ปิงเยว่ตื่นขึ้นมา พร้อมกับร่างกายที่ปวดร้าวในค่ำคืนแรกที่หนักหน่วง เมื่อคิดขึ้นมาได้ก็เริ่มร้องไห้ออกมา นางเสียพรหมจรรย์ให้กับศัตรูของแคว้น และตอนนี้ก็ตกเป็นบรรณาการของท่านอ๋อง ซึ่งไม่รู้แม้แต่นามของเขา ตอนนี้นางถึงกับขยะแขยงตัวเองยิ่งนัก
“ข้าอยากตาย”
ด้านนอกมีเสียงพูดคุยกันอยู่ เมื่อเงี่ยหูฟังจึงรู้ว่าเขาคือองค์ชายเจ็ดแห่งฉินโจว แคว้นฉินที่พึ่งทำศึกกับต้านชิงของนาง และเขาได้รับชัยชนะ ชนวนศึกครั้งนี้คงไม่พ้นเรื่องของพระชายาที่อภิเษกเข้ามาเมื่อครึ่งปีก่อน ที่ตายเพราะถูกองค์ชายรอง ซึ่งเป็นพระเชษฐาต่างมารดาของนางฆ่า เพราะเรื่องทะเลาะกันในวังหลังของเขาเอง
“จดหมายและดินแดนที่ต้านชิงจะต้องส่งมอบหลังแพ้ศึกพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีมาก เช่นนั้นก็สั่งให้ยกทัพกลับเมืองหลวงได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เสียงโห่ร้องดีใจของขุนศึกนอกกระโจมยิ่งทำให้นางรู้สึกเศร้า พวกเขาชนะศึก ต้านชิงของนางแพ้สงครามและเสียดินแดนให้กับแคว้นฉินอีกครั้ง ส่วนนางก็เป็นแค่ตัวประกันเอาไว้สำหรับมิให้ต้านชิงคิดจะทำศึกได้อีกเท่านั้น
แต่หากนางตายไป จะมีผู้ใดที่คิดจะทำศึกได้เหมือนอย่างที่ท่านอ๋องทำศึก เพื่อแก้แค้นให้กับพระชายาชุนหลันฮวาผู้นั้นบ้าง นางก็เป็นเพียงองค์หญิงที่เกิดจากพระสนมเพียงเท่านั้น ไม่มีค่ากับผู้ใดเลยสักคน
“ช่างไร้ค่ายิ่งนัก จนถึงตอนนี้ข้าก็ยัง… ไร้ค่า”
ท่านอ๋องเดินเข้ามาในกระโจมอีกครั้ง เขาหันมามองนางที่นอนอยู่
“ตื่นแล้วงั้นหรือ”
นางหันหน้าหนี แม้ว่าจะรูปงามมากเพียงใดแต่ก็ไม่ต่างกับทรราชที่ข่มเหงนางอย่างทารุณ แม้ว่าจะเข้าร่วมในท้ายที่สุด แต่นางก็ไม่อยากยอมรับเขาในตอนนี้
“อะไรกัน เมื่อคืนนี้ยังเรียกร้องให้ข้า…”
“หุบปากนะ!”
“หึ ดุอะไรแต่เช้าเสียอารมณ์หมด ในเมื่อเจ้าตื่นแล้วก็ดี”
“ออกไป ข้าไม่อยากเห็นหน้าท่าน"
แต่มีหรือที่คนหน้าหนาเช่นเขาจะทำตามคำสั่ง ที่นี่เขาเป็นใหญ่ จะยอมให้บรรณาการศึกอย่างนางสั่งได้งั้นหรือ ฝันไปสิ
“ดูสิเจ้านี่ช่างเนรคุณเสียจริง เมื่อคืนผู้ใดกันที่เป็นคนปลอบเจ้าทั้งคืน จูบเจ้าแล้วยัง….”
มือเขาค่อย ๆ ล้วงเข้าไปในผ้าห่ม นางเริ่มบิดตัวหนี แต่ยิ่งหนีก็ยิ่งถูกรัดเข้าหาคนตัวโตที่รออยู่แล้ว เสื้อชุดนอนเปิดออกจนเห็นหน้าอกอวบที่เต็มไปด้วยรอยจูบที่เขาทิ้งเอาไว้เมื่อคืนนี้
“เจ้านี่ก็ยั่วยวนเก่งเหลือเกินนะ นี่ยังเช้าอยู่เลย แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่ ตอนนี้ยังมีเวลาได้ออกกำลังกายสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
“ท่านอย่านะ ปล่อยข้าไปเถอะ ได้โปรด”
นางปากสั่นเมื่อเขาเริ่มปลดชุดนอนออกอีกครั้ง ปิงเยว่ยังรู้สึกว่านอนไม่พออยู่เลย เมื่อคืนนี้กว่าเขาจะหยุดก็เกือบรุ่งสางเข้าไปแล้ว ที่รู้เพราะนางได้ยินเสียงไก่ป่าขัน
“หากเจ้าครางได้เหมือนกับเมื่อคืนนี้ได้อีก ข้าก็จะพิจารณาอีกที แต่ตอนนี้ข้าทนไม่ไหวแล้ว เจ้ายั่วข้าเองนะฟ่านปิงเยว่”
เพียงแค่อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหล่นลงกับพื้น ม่านเตียงมงคลก็ถูกดึงลงมาปิดบังทั้งคู่เอาไว้ จุมพิตหวานและเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ตามฤทธิ์ของสุรามงคลที่ดื่มเข้าไป จอกแล้วจอกเล่าในค่ำคืนนี้ ริมฝีปากของท่านอ๋องสั่นเครือเพราะความกระหายที่เกินจะควบคุม“อื้อ…ท่านพี่”“อาาา เยว่เอ๋อร์ของข้า ยามเจ้าเรียกข้าเช่นนี้ ช่างดียิ่งนัก”ลิ้นอุ่นของเขาเริ่มสำรวจที่หน้าอกคู่งาม ซึ่งบัดนี้เริ่มเต่งตึงและมีขนาดใหญ่ขึ้นมา เพราะนางกำลังมีครรภ์ เขาอ่อนโยนลงมาก หลังจากที่รู้ว่านางต้องดูแลร่างกาย ก่อนหน้านี้ปิงเยว่แพ้ท้องอย่างหนัก แทบจะกินอะไรไม่ได้เลยจนเขารู้สึกกังวล“อื้อ อย่านะเพคะ ตรงนั้นไม่ได้ อ๊าาา!!”นางเอ่ยห้ามเขา แต่เหรินเซียวมีหรือจะฟังที่นางพูด นับสิบวันที่เขามิได้สำรวจเรือนร่างของพระชายาเลย ทำเอาเขานึกหงุดหงิดอยู่หลายครั้ง ลิ้นอุ่นปรนเปรอไปทั่วเรือนกายที่หอมกรุ่นตรงหน้า ผิวเนื้อเนียนทำเอาเขาเคลิ้มจนหัวใจแทบระเบิด ไฟปรารถนาเริ่มโหมกระหน่ำ เมื่อมาหยุดอยู่ตรงร่องกลีบบุปผาตรงหน้า เมื่อเขาเริ่มคลี่ออกและใช้ลิ้นอุ่น ๆ สอดเข้าไปและใช้นิ้วบดบี้เม็ดทับทิมเหนือร่อง จนร่างบางบิดเราเพราะความเสียวที่เขามอบให้“อ๊าา ท่านพ
ยี่สิบวันถัดมาบัดนี้อายุครรภ์ของปิงเยว่ ย่างเข้าเดือนที่สามแล้ว และวันนี้ก็เป็นพิธีการสำคัญของนางและชินอ๋อง “พิธีสมรสพระราชทาน” ซึ่งจัดขึ้นในวังหลวง ตามพระประสงค์ของฝ่าบาท ที่ต้องการให้ทั้งคู่จัดพิธีอันทรงเกียรตินี้ เพื่อเป็นของขวัญมอบแก่ทั้งสอง“คู่บ่าวสาวคำนับฟ้าดิน”บ่าวสาวในชุดสมรสพระราชทาน ซึ่งปักด้วยดิ้นไหมสีทองเปล่งประกายเข้าคู่กัน คำนับครั้งที่หนึ่งตามคำบอกของตั้วกงกง ผู้รับหน้าที่นี้ ต่อหน้าฝ่าบาท และฮองเฮาในท้องพระโรงใหญ่“คำนับที่สอง คู่บ่าวสาวคำนับบิดามารดา”ทั้งสองหันมาคำนับให้กับฝ่าบาทและฮองเฮา ท่านอ๋องต้องคอยพยุงให้พระชายาลุกนั่ง เพราะเกรงว่าเจ้าสาวของเขาจะล้มลง ทำเอาฝ่าบาทและฮองเฮาถึงกับเผยแย้มพระสรวลออกมา "นาน ๆ ข้าจะได้เห็นมุมอ่อนโยนเช่นนี้ของเซียวเอ๋อร์"“เจ้าลูกคนนี้เลือกปฏิบัติน่ะสิ หึหึ แค่ให้เข้าวังมาเดินหมากเป็นเพื่อน ทำเหมือนจะตาย แต่เจ้าดูสิ”“พอเถิดเพคะ ฝ่าบาททรงบ่นเรื่องนี้กับหม่อมฉันเกินเจ็ดรอบแล้ว เซียวเอ๋อร์รักอิสระและชอบปลีกวิเวก พระองค์ก็เอาแต่บังคับเขา หม่อมฉันไม่เห็นใจหรอกนะเพคะ”“เจ้าจะไปเข้าใจอันใด เจ้าน่ะลำเอียงเข้าข้างเขาตลอดเวลา เพราะแบบนี้อย่
หลังจากนั้น ทั้งจวนก็ไม่เห็นทั้งคู่อีกเลยจนข้ามมาวันใหม่ ท่านอ๋องสั่งให้คนเตรียมอาหารไปให้ที่ห้องบรรทมชั้นนอก และมิให้ผู้ใดรบกวนทั้งสองพระองค์“ข้าป้อนเจ้าดีกว่า”“คนใจร้าย”“ไม่เอาน่า ข้าก็บอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า คำบอกรักของข้ามีมากมาย สามวันสามคืนก็พูดไม่หมด”“แต่ท่านไม่ได้พูด ท่าน…”ปิงเยว่หน้าแดงจัด ไม่รู้เพราะโกรธหรือว่าอายกันแน่ เมื่อท่านอ๋องที่อัดอั้นในการร่วมเตียงกับนางมาเกือบสองเดือน พอมีโอกาสก็แทบจะไม่ให้นางได้พัก ทั้งวันทั้งคืนเขาบอกรักนางไม่หยุดก็จริง แต่ก็ไม่หยุดที่จะรังแกนางด้วยเช่นกัน จนถึงตอนนี้ร่างของนางก็ระบมจนหมดแรง แม้แต่จะกินข้าวเอง ก็แทบจะถือตะเกียบไม่ไหว“อีกสองวัน เจ้าต้องเข้าวังกับข้านะ”“เข้าวังหรือเพคะ นี่คงจะไม่…”“แน่นอนว่าเจ้าจะต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อกับข้า เพื่อรับราชโองการสมรสพระราชทาน และดูฤกษ์งานอภิเษก เจ้าอย่าลืมสิ ถึงแม้ว่าข้าจะพาเจ้ามาแล้ว แต่กว่าจะทูลขอราชโองการนี้ได้ ไม่ง่ายเลยนะ”“ทำไมหรือเพคะ”ย้อนกลับไปสามเดือนก่อน“เหอะ! กว่าจะโผล่หน้ามาหาข้าได้ ก็ผ่านไปกี่วันแล้วเจ้าตัวดี! เจ้านะเจ้า ยกทัพออกไปทำศึกโดยพลการ ข้ากับพี่ชายเจ้า หาเหตุผลสารพัดที่
“ท่านว่าอย่างไรนะ เหตุใดจึงมีสาน์สลับนี้ด้วย มิได้มีเพียงสัญญาสงบศึกหรอกหรือ จริงสิเมื่อคืนนี้ท่านให้อู๋ซ่างหลี่อ่านจดหมาย...”“ที่จริงแล้วการที่ข้าไปหาเจ้าที่อารามนั่น มิใช่เรื่องบังเอิญ”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”“เรื่องนี้เกิดขึ้น หลังจากที่ข้าสังหารพี่ชายต่างมารดาของเจ้ากลางสมรภูมิรบ กลางดึกคืนนั้น ฝ่าบาทแคว้นต้านชิงส่งจดหมายลับมากับแม่ทัพใหญ่ของต้าชิง”“ท่านลุงซังลี่เหมิน”"ใช่ แม่ทัพซังลี่นำสาน์สลับนี้มา มอบให้ข้าที่กองทัพด้วยตัวเอง เขาเจรจากับข้าอยู่เกือบหนึ่งชั่วยามเต็ม ๆสามเดือนก่อน / ค่ายทหารฉินโจว เมืองหลานเจียง“กระหม่อมซังลี่เหมิน แม่ทัพใหญ่กองทัพหลวงแห่งต้านชิง ถวายบังคมชินอ๋อง”“ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุใด มายับยั้งมิให้ข้าโจมตีเมืองหลานเจียงของท่านงั้นหรือ”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทส่งกระหม่อมมา เพราะมีเจตนาอยากจะขอยอมแพ้และสงบศึก เพื่อคืนความสงบสุขให้เมืองหลานเจียง ฝ่าบาทยินยอมรับเงื่อนไขที่ฉินโจวต้องการ ขอเพียงราษฎรของทั้งสองฝ่ายที่ชายแดนปลอดภัย นี่เป็นสาน์สลับ ที่ฝ่าบาทเตรียมมาส่งมอบให้กับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อท่านอ๋องเปิดอ่านดู ก็ทราบถึงเจตนารมณ์ของฝ่าบาทดี ที่เขาเปิดศึกค
เพียงแค่หลังแตะเตียงอุ่น ๆ ปิงเยว่ก็รู้ทันทีว่า ค่ำคืนนี้นางคงไม่รอดพ้นจากเขา ท่านอ๋องบรรจงถอดชุดของนางออกอย่างเบามือและอ่อนโยน ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาทำเช่นนี้“เยว่เอ๋อร์ ข้ารักเจ้า”“ข้าก็รักท่าน เฮ่อเหรินเซียว”เพียงคำนี้ของนาง ก็ทำเอาท่านอ๋องหนุ่มที่กำหนัดเต็มที่ เขาอดกลั้นมานานเพื่อรอวันนี้ วันที่นางเปิดปากพูดความในใจกับเขา ร่างกำยำคุกเข่าคร่อมตัวนางเอาไว้ และสะบัดชุดของเขาทิ้งไปในทันทีปิงเยว่เพียงแค่เห็นกล้ามท้องที่เป็นลอนงดงาม และอกกว้างตรงหน้าก็แทบจะทนไม่ไหว เมื่อเขาเลื่อนลงมา นางก็เห็นรอยเล็บของสตรีอื่น"เจ้าจะทำอะไร"“เจ็บหรือไม่เพคะ”“เจ็บสิ แต่มันไม่มากเท่ากับที่ทำให้เจ้า เข้าใจผิดข้ามาร่วมสองเดือนนี้ มันเทียบไม่ได้เลยกับน้ำตาของเจ้า”“ข้า… ไม่คิดว่าท่านจะวางแผนเอาไว้”“หากข้าบอก เจ้าจะเชื่อข้างั้นหรือ”นางยอมรับแต่โดยดี เมื่อเขาก้มลงมาและจูบนางเนิ่นนาน บทรักเริ่มขึ้นอย่างอ่อนโยน และค่อย ๆ กระโจนใส่กองไฟปรารถนา ที่ลุกโชนอย่างเร่าร้อนทุกชั่วขณะ"อ๊าาา…. เหรินเซียวท่านเบาหน่อย อื้อ…"ลิ้นหนาดูดดึงยอดอกตรงหน้า เมื่อจับนางตรึงแขนเอาไว้ทั้งสองข้าง เขากวาดปลายลิ้นสำรวจทั่
ปิงเยว่ลุกขึ้นมาจากตักของเขาทันที นางมิอาจทนฟังเรื่องของเขาและสตรีอื่นได้ ท่านอ๋องเดินมาและรีบคว้านางเอาไว้ เขากอดนางจากด้านหลังเพื่อมิให้นางหนีอีก“เจ้าช่วยฟังข้าให้จบก่อน หลังจากนั้นจะตบจะตี หรือกัดข้าอีกครั้งก็จะไม่ห้ามเจ้าเลย”“อย่าแตะต้องข้า ปล่อย!”“ไม่ปล่อย! ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปได้หรอก รู้หรือไม่ว่า ตอนที่ได้ข่าวจากองครักษ์ลับว่าเจ้าถูกจับตัวไป ข้าร้อนใจมากเพียงใด และยิ่งเห็นว่าชายอื่นจะแตะต้องเจ้า หัวใจข้าก็ลุกเป็นไฟ จนอยากจะฆ่ามันให้ตายเสียด้วยซ้ำ แล้วเจ้ายังจะขอชีวิตให้เขาอีก ไม่คิดถึงหัวใจข้าบ้างเลยหรือ”“ท่านก็เลยเอาคืนข้า โดยการดึงหวังอิ่นจางไปพลอดรักกันในห้องอาบน้ำ จนเสียงดังลอดออกมาทั่วจวนสินะ ปล่อยข้านะคนสกปรก!”แต่เขากลับกอดนางแน่นมากขึ้น มีหรือที่เขาจะยอมปล่อย“ที่แท้เจ้าก็โกรธข้าเรื่องนี้เองหรอกหรือ ข้าไม่ปล่อยจนกว่าเจ้าฟังให้จบก่อน”ปิงเยว่นิ่งลง เมื่อท่านอ๋องยืนยันที่จะไม่ปล่อย ใช่ว่านางจะไม่ใจอ่อนเสียหน่อย เมื่อเห็นว่าปิงเยว่นิ่งลงแล้ว เขาจึงเริ่มเล่าทันที“ข้าจะค่อย ๆ เล่าให้ฟัง เจ้าตั้งใจฟังให้ดี จะได้เข้าใจทุกอย่างเสียที ข้าเบื่อที่เจ้าทำหมางเมินเช่นนี้มานาน