เพียงแค่นิ้วเย็น ๆ สัมผัสมาที่ร่องรักอีกครั้ง ปิงเยว่ก็เอนอ่อนตามอารมณ์ของเขา ไม่คิดเลยว่าร่างกายนางจะเชื่อฟังเขามากกว่าตัวเอง ไม่นานก็ถูกท่านอ๋องควบคุมเอาไว้จนหมดสิ้น แต่ปิงเยว่ก็รู้สึกได้ว่ามันไม่เจ็บเหมือนกับครั้งแรกแล้ว
“อื้อ…อื้อ”
เสียงกระแทกดังถี่จนนางแทบทนไม่ไหว ท่านอ๋องอึดและคะนองดุจม้าศึกที่วิ่งทั้งวันทั้งคืนก็ไม่เหนื่อย ร่างบางแทบจะรับศึกไม่ไหว แต่ก็มิอาจต้านทานเสน่ห์บุรุษเพศของเขาได้ นางยอมรับว่าเขาเก่งมากเหลือเกิน เก่งจนทำให้หลงลืมความเป็นตัวเอง แม้แต่ใบหน้าของว่าที่คู่หมั้นของตัวเอง นางก็จำไม่ได้เสียแล้ว
“อ๊าา ลึกเกินไปแล้ว อ๊าา”
“ครางอีกสิคนดี เสียงเจ้าเพราะมาก อาาา เจ้าชักจะดื้อแล้วนะเยว่เอ๋อร์ กล้าตอดรัดข้าถึงเพียงนี้เชียว”
“ท่านเรียกว่า…อ๊าา อ๊าาา ท่านอ๋อง”
เขาดึงผมนางราวกับจิกขึ้นมา ปิงเยว่ควรจะโกรธ แต่นางกลับชอบ และเอนกายตามสัมผัสที่ถูกบังคับอย่างเผด็จการนั้นไปแต่โดยดี เขาจูบนางครั้งแล้วครั้งเล่าจนปิงเยว่เริ่มจูบตอบได้แล้ว เสียงครางดูถูกนางเล็กน้อยในลำคอนั้นก็มิได้ทำให้โกรธแต่อย่างใด
“อื้อ…อ๊าาา!!!”
พับ!
“ข้าจะไปบอกให้คนมาอาบน้ำแต่งตัวให้ เราจะกลับเฉินโจวกัน”
“ข้าไม่อยากไป”
"เจ้าไม่มีสิทธิ์เลือก"
“ท่านฆ่าข้าเถิด ฆ่าข้าเหมือนกับนาง”
“อย่างเจ้าน่ะหรือจะเทียบนางได้ หุบปากของเจ้าแล้วทำตามคำสั่ง ลุกขึ้นมาอาบน้ำเองเถอะ ตอนนี้เจ้ามิใช่องค์หญิงแล้วนี่ เรื่องแค่นี้ทำเองได้กระมัง”
นางหันไปมองรอบ ๆ และเห็นชั้นวางดาบของเขา เมื่อลุกขึ้นได้ก็จะวิ่งไปที่นั่น แต่ขาของนางไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะเดิน เพราะถูกเขารังแกทั้งวันทั้งคืน ท่านอ๋องที่พึ่งสวมชุดนอนด้านในก็หันมายิ้มเยาะเย้ยนางอีกครั้ง
“หึ อยากตายยังไม่มีปัญญาเลยฟ่านปิงเยว่ เจ้านี่มันอ่อนแอยิ่งนัก”
“หึ ท่านก็เป็นคนสารเลวที่เอาแต่รังแกคนไม่มีทางสู้ ไม่ต่างอะไรกับข้านักหรอก”
"เจ้าว่าอย่างไรนะ"
“ท่านได้ยินข้านี่ ทำไมเล่า ทนไม่ไหวงั้นหรือ พูดเพียงเท่านี้ก็ทนไม่ได้เช่นนั้นก็ฆ่า…”
เขาจับที่แก้มนางและบีบอย่างแรง สายตาบ่งบอกถึงความรังเกียจเต็มหัวใจ แต่ในแววตาก็มีความเจ็บปวดอยู่ด้วยเช่นกัน
“ฝันไปเถอะ มันไม่ง่ายเช่นนั้นแน่ นางได้รับความทรมานมากเท่าใด เจ้าก็ต้องทรมานมากกว่านางเป็นสิบเท่า จำเอาไว้!”
เขาสะบัดมือออกอย่างแรง และเดินออกไปจากกระโจมในทันที ปิงเยว่ร้องไห้โฮกับพื้นเย็น ๆ ในกระโจม กว่านางจะพยายามเดินไปที่ห้องด้านหลังซึ่งมีอ่างเอาไว้อาบน้ำนั้นก็ใช้เวลาอยู่นาน แต่เมื่อได้แช่น้ำอีกครั้งก็เริ่มคิดอะไรบางอย่างได้
“ร่างกายนี้มีมลทินไปเสียแล้ว อยู่ไปก็เหมือนตาย เช่นนี้จะอยู่ไปทำไมกัน”
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ร่างบางก็ค่อย ๆ ดำดิ่งลงไปในอ่างน้ำทันที นางไม่อยากรับรู้ความเจ็บปวดนี้อีกแล้ว หลายวันมานี้นางรับมันมามากเกินพอแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ต้านชิง หรือที่นี่ก็ล้วนไม่ต่างจากนรกทั้งสิ้น
“ซ่า….ส์”
“นี่เจ้าทำบ้าอะไร! คิดจะตายตอนนี้งั้นหรือ มันไม่ง่ายเช่นนั้นหรอกฟ่านปิงเยว่”
สตินางหลุดลอยออกไปแล้ว แต่ก็ยังได้ยินเสียงของเขาชัดเจน หรือแม้แต่ในนรก เขาก็ยังจะตามมาทำร้ายนางอีกงั้นหรือ
“ท่านแม่… อย่าทิ้งข้า…”
ท่านอ๋องรีบหาผ้ามาเช็ดตัวให้นางทันที เขาไม่คิดว่านางจะใจเด็ดถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตายจริง ๆ เดิมทีเขาโกรธและโมโหนางมาก แต่ก็ไม่ได้คิดจะให้นางตายง่าย ๆ เช่นนี้
“เจ้ายังไม่ได้รับในสิ่งที่หลันฮวาเคยได้รับเลยสักนิด จะตายไม่ได้ฟ่านปิงเยว่ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย!”
แคก แคก แหวะ
เขารีบวิ่งกลับเข้ามาในกระโจม หลังจากที่รับรายงานว่ากองทัพพร้อมจะออกเดินทางแล้วในเช้าวันพรุ่งนี้ เมื่อรองแม่ทัพของเขาถามถึงองค์หญิงต่างแคว้น เขาก็พลันนึกขึ้นได้ว่า นางสามารถฆ่าตัวตายได้ตั้งแต่วันแรกที่เขาไปจับนางมาจากอารามซานไท่
“ฟ่านปิงเย่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“แม้แต่ในนรก ก็ยังตามมาอีกหรือ”
“นรกบ้าอะไรของเจ้า เพ้อเจ้ออะไรของนางกัน ให้ตายเถอะ”
สุดท้ายก็เป็นเขา ที่ต้องจับนางเปลี่ยนชุดอีกครั้ง ร่างกายนี้บอบบางจนเขาคิดว่าเพียงแค่บีบเพียงนิดเดียว นางก็แหลกสลายคามือเขาได้แล้ว แต่นึกไม่ถึงว่านางจะรับศึกบนเตียงกับเขา ได้ยาวนานโดยไม่บ่นสักคำ
“ตอนนี้เจ้าเป็นคนของข้า จะตายก็ต้องเป็นข้าที่เป็นคนสั่ง จำเอาไว้ฟ่านปิงเยว่”
นางนอนนิ่งน้ำตาไหล ได้ยินทุกคำที่เขาสบถก่อนจะเดินออกไปจากกระโจม แม้น้ำเสียงจะแข็งกร้าวแต่มือที่ค่อย ๆ จับนางเปลี่ยนชุด กลับอ่อนโยนและดูทะนุถนอมยิ่งนัก นางไม่ควรเผลอคิดไปไกลถึงเพียงนั้น ที่เขาจับนางมาทรมานเช่นนี้ ก็เพียงแค่อยากแก้แค้นให้หญิงคนรักของเขาเท่านั้น
วันถัดมา
“ท่านอ๋อง แล้วองค์หญิงเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
“ให้นางอยู่แต่ในรถม้า สั่งคนคุ้มกันอย่างดี”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ฟ่านปิงเยว่ราวกับถูกกระชากวิญญาณ เมื่อท่านอ๋องดึงนางขึ้นมาและพาขึ้นรถม้า เขาจับนางมัดเอาไว้บนเบาะในรถม้า คงเกรงว่านางจะหนีกระมัง แต่ท่าทางของนาง เหมือนกับทิ้งวิญญาณเอาไว้ที่ชายแดนระหว่างสองเมือง จนท่านอ๋องเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไร
“กินข้าวเสียหน่อยสิ”
นางนั่งนิ่งและไม่มองเขาเลยสักนิด น้ำตานางไหลตลอดทาง สภาพไม่ต่างกับคนที่ใกล้ตาย
“นี่เป็นเนื้ออย่างดี เราต้องเดินทางอีกไกล หากเจ้ายังไม่กินไม่ดื่มเช่นนี้ อาจจะตายระหว่างทางได้”
“เช่นนั้นก็ดี”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ”
นางหันหน้าหนีเขา เฮ่อเหรินเซียวหมดความอดทนกับนางแล้ว เขาเดินไปและดึงนางขึ้นมา และพึ่งรู้ว่าตัวนางร้อนดุจไฟ
“นี่เจ้ามีไข้งั้นหรือ”
“ปล่อย!”
“เจ้า!”
นางยังมีแรงสะบัดมือหนีเขาและนั่งหันข้างให้ ถึงจะโกรธแต่ก็ยังเป็นห่วงนางไม่น้อย เพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นถึงองค์หญิง แม้เขาอ้างว่านางคือบรรณาการของผู้พ่ายแพ้ศึกก็จริง แต่นับตั้งแต่แจ้งไปยังต้านชิง ก็ยังไม่มีจดหมายหรือรายงานเกี่ยวกับนางเลยแม้แต่ฉบับเดียว
“อวดดี จองหอง ข้าจะดูสิว่าเจ้ายังจะเก่งถึงขนาดไหน”
นางไม่สนใจเขา และแทบจะไม่พูดกับใครเลยสักคน จนท่านอ๋องจนปัญญา สุดท้ายจึงสั่งให้มู่ไป๋ องครักษ์ของตัวเองพาสาวใช้มาดูแลนาง
“องค์หญิงเพคะ องค์หญิง”
“อี้ฝู! เจ้า… เจ้าเองหรือ…”
“องค์หญิงเหตุใดท่านจึงเป็นเช่นนี้ ท่าน… ตัวร้อนมากเลยข้าจะรีบเช็ดตัวให้ท่านนะ”
“เจ้า มาได้อย่างไรกัน ข้านึกว่า… นึกว่าเจ้า”
“เปล่าเพคะ ท่านอ๋องจับพวกเรามาและให้ทำงานอยู่ในค่าย ไม่ได้ทำร้ายพวกเรา ส่วนพวกผู้ชายก็ถูกจับไปเป็นทหาร ทั้งหมดยินยอมติดตามเขาเพคะ”
“ข้า.. ไม่ใช่องค์หญิงแล้ว บัดนี้เป็นแค่เชลยศึกเท่านั้น เจ้าเองก็เลิกเรียกเถอะ”
“แต่ว่า…”
“ที่นี่ไม่มีองค์หญิง ไม่มีบ่าว ข้ามีศักดิ์ศรีไม่ต่างอะไรกับ...ทาสรับใช้”
“ไม่นะเพคะองค์หญิง เหตุใดท่านจึงคิดเช่นนั้น มะ แม่ทัพอู๋ ข้าเชื่อว่าท่านแม่ทัพจะต้องตามมาช่วยท่าน”
“อย่าพูดถึงเขาอีกเลย ชีวิตของข้าไม่มีวันพบแสงสว่างเช่นนั้นอีกแล้ว”
“แต่ว่าท่านเป็นคู่หมั้น…”
“ข้ากับเขาหมั้นหมายกัน ก็เพียงเพราะข้อแลกเปลี่ยนของเสด็จพ่อ ที่อยากให้เขาจงรักภักดีกับราชวงศ์และไม่ก่อกบฏเท่านั้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดข้าก็ล้วนเป็นได้แค่… ตัวประกันหรือไม่ก็บรรณาการให้กับผู้ชนะเท่านั้น”
เพียงแค่อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหล่นลงกับพื้น ม่านเตียงมงคลก็ถูกดึงลงมาปิดบังทั้งคู่เอาไว้ จุมพิตหวานและเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ตามฤทธิ์ของสุรามงคลที่ดื่มเข้าไป จอกแล้วจอกเล่าในค่ำคืนนี้ ริมฝีปากของท่านอ๋องสั่นเครือเพราะความกระหายที่เกินจะควบคุม“อื้อ…ท่านพี่”“อาาา เยว่เอ๋อร์ของข้า ยามเจ้าเรียกข้าเช่นนี้ ช่างดียิ่งนัก”ลิ้นอุ่นของเขาเริ่มสำรวจที่หน้าอกคู่งาม ซึ่งบัดนี้เริ่มเต่งตึงและมีขนาดใหญ่ขึ้นมา เพราะนางกำลังมีครรภ์ เขาอ่อนโยนลงมาก หลังจากที่รู้ว่านางต้องดูแลร่างกาย ก่อนหน้านี้ปิงเยว่แพ้ท้องอย่างหนัก แทบจะกินอะไรไม่ได้เลยจนเขารู้สึกกังวล“อื้อ อย่านะเพคะ ตรงนั้นไม่ได้ อ๊าาา!!”นางเอ่ยห้ามเขา แต่เหรินเซียวมีหรือจะฟังที่นางพูด นับสิบวันที่เขามิได้สำรวจเรือนร่างของพระชายาเลย ทำเอาเขานึกหงุดหงิดอยู่หลายครั้ง ลิ้นอุ่นปรนเปรอไปทั่วเรือนกายที่หอมกรุ่นตรงหน้า ผิวเนื้อเนียนทำเอาเขาเคลิ้มจนหัวใจแทบระเบิด ไฟปรารถนาเริ่มโหมกระหน่ำ เมื่อมาหยุดอยู่ตรงร่องกลีบบุปผาตรงหน้า เมื่อเขาเริ่มคลี่ออกและใช้ลิ้นอุ่น ๆ สอดเข้าไปและใช้นิ้วบดบี้เม็ดทับทิมเหนือร่อง จนร่างบางบิดเราเพราะความเสียวที่เขามอบให้“อ๊าา ท่านพ
ยี่สิบวันถัดมาบัดนี้อายุครรภ์ของปิงเยว่ ย่างเข้าเดือนที่สามแล้ว และวันนี้ก็เป็นพิธีการสำคัญของนางและชินอ๋อง “พิธีสมรสพระราชทาน” ซึ่งจัดขึ้นในวังหลวง ตามพระประสงค์ของฝ่าบาท ที่ต้องการให้ทั้งคู่จัดพิธีอันทรงเกียรตินี้ เพื่อเป็นของขวัญมอบแก่ทั้งสอง“คู่บ่าวสาวคำนับฟ้าดิน”บ่าวสาวในชุดสมรสพระราชทาน ซึ่งปักด้วยดิ้นไหมสีทองเปล่งประกายเข้าคู่กัน คำนับครั้งที่หนึ่งตามคำบอกของตั้วกงกง ผู้รับหน้าที่นี้ ต่อหน้าฝ่าบาท และฮองเฮาในท้องพระโรงใหญ่“คำนับที่สอง คู่บ่าวสาวคำนับบิดามารดา”ทั้งสองหันมาคำนับให้กับฝ่าบาทและฮองเฮา ท่านอ๋องต้องคอยพยุงให้พระชายาลุกนั่ง เพราะเกรงว่าเจ้าสาวของเขาจะล้มลง ทำเอาฝ่าบาทและฮองเฮาถึงกับเผยแย้มพระสรวลออกมา "นาน ๆ ข้าจะได้เห็นมุมอ่อนโยนเช่นนี้ของเซียวเอ๋อร์"“เจ้าลูกคนนี้เลือกปฏิบัติน่ะสิ หึหึ แค่ให้เข้าวังมาเดินหมากเป็นเพื่อน ทำเหมือนจะตาย แต่เจ้าดูสิ”“พอเถิดเพคะ ฝ่าบาททรงบ่นเรื่องนี้กับหม่อมฉันเกินเจ็ดรอบแล้ว เซียวเอ๋อร์รักอิสระและชอบปลีกวิเวก พระองค์ก็เอาแต่บังคับเขา หม่อมฉันไม่เห็นใจหรอกนะเพคะ”“เจ้าจะไปเข้าใจอันใด เจ้าน่ะลำเอียงเข้าข้างเขาตลอดเวลา เพราะแบบนี้อย่
หลังจากนั้น ทั้งจวนก็ไม่เห็นทั้งคู่อีกเลยจนข้ามมาวันใหม่ ท่านอ๋องสั่งให้คนเตรียมอาหารไปให้ที่ห้องบรรทมชั้นนอก และมิให้ผู้ใดรบกวนทั้งสองพระองค์“ข้าป้อนเจ้าดีกว่า”“คนใจร้าย”“ไม่เอาน่า ข้าก็บอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า คำบอกรักของข้ามีมากมาย สามวันสามคืนก็พูดไม่หมด”“แต่ท่านไม่ได้พูด ท่าน…”ปิงเยว่หน้าแดงจัด ไม่รู้เพราะโกรธหรือว่าอายกันแน่ เมื่อท่านอ๋องที่อัดอั้นในการร่วมเตียงกับนางมาเกือบสองเดือน พอมีโอกาสก็แทบจะไม่ให้นางได้พัก ทั้งวันทั้งคืนเขาบอกรักนางไม่หยุดก็จริง แต่ก็ไม่หยุดที่จะรังแกนางด้วยเช่นกัน จนถึงตอนนี้ร่างของนางก็ระบมจนหมดแรง แม้แต่จะกินข้าวเอง ก็แทบจะถือตะเกียบไม่ไหว“อีกสองวัน เจ้าต้องเข้าวังกับข้านะ”“เข้าวังหรือเพคะ นี่คงจะไม่…”“แน่นอนว่าเจ้าจะต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อกับข้า เพื่อรับราชโองการสมรสพระราชทาน และดูฤกษ์งานอภิเษก เจ้าอย่าลืมสิ ถึงแม้ว่าข้าจะพาเจ้ามาแล้ว แต่กว่าจะทูลขอราชโองการนี้ได้ ไม่ง่ายเลยนะ”“ทำไมหรือเพคะ”ย้อนกลับไปสามเดือนก่อน“เหอะ! กว่าจะโผล่หน้ามาหาข้าได้ ก็ผ่านไปกี่วันแล้วเจ้าตัวดี! เจ้านะเจ้า ยกทัพออกไปทำศึกโดยพลการ ข้ากับพี่ชายเจ้า หาเหตุผลสารพัดที่
“ท่านว่าอย่างไรนะ เหตุใดจึงมีสาน์สลับนี้ด้วย มิได้มีเพียงสัญญาสงบศึกหรอกหรือ จริงสิเมื่อคืนนี้ท่านให้อู๋ซ่างหลี่อ่านจดหมาย...”“ที่จริงแล้วการที่ข้าไปหาเจ้าที่อารามนั่น มิใช่เรื่องบังเอิญ”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”“เรื่องนี้เกิดขึ้น หลังจากที่ข้าสังหารพี่ชายต่างมารดาของเจ้ากลางสมรภูมิรบ กลางดึกคืนนั้น ฝ่าบาทแคว้นต้านชิงส่งจดหมายลับมากับแม่ทัพใหญ่ของต้าชิง”“ท่านลุงซังลี่เหมิน”"ใช่ แม่ทัพซังลี่นำสาน์สลับนี้มา มอบให้ข้าที่กองทัพด้วยตัวเอง เขาเจรจากับข้าอยู่เกือบหนึ่งชั่วยามเต็ม ๆสามเดือนก่อน / ค่ายทหารฉินโจว เมืองหลานเจียง“กระหม่อมซังลี่เหมิน แม่ทัพใหญ่กองทัพหลวงแห่งต้านชิง ถวายบังคมชินอ๋อง”“ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุใด มายับยั้งมิให้ข้าโจมตีเมืองหลานเจียงของท่านงั้นหรือ”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทส่งกระหม่อมมา เพราะมีเจตนาอยากจะขอยอมแพ้และสงบศึก เพื่อคืนความสงบสุขให้เมืองหลานเจียง ฝ่าบาทยินยอมรับเงื่อนไขที่ฉินโจวต้องการ ขอเพียงราษฎรของทั้งสองฝ่ายที่ชายแดนปลอดภัย นี่เป็นสาน์สลับ ที่ฝ่าบาทเตรียมมาส่งมอบให้กับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อท่านอ๋องเปิดอ่านดู ก็ทราบถึงเจตนารมณ์ของฝ่าบาทดี ที่เขาเปิดศึกค
เพียงแค่หลังแตะเตียงอุ่น ๆ ปิงเยว่ก็รู้ทันทีว่า ค่ำคืนนี้นางคงไม่รอดพ้นจากเขา ท่านอ๋องบรรจงถอดชุดของนางออกอย่างเบามือและอ่อนโยน ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาทำเช่นนี้“เยว่เอ๋อร์ ข้ารักเจ้า”“ข้าก็รักท่าน เฮ่อเหรินเซียว”เพียงคำนี้ของนาง ก็ทำเอาท่านอ๋องหนุ่มที่กำหนัดเต็มที่ เขาอดกลั้นมานานเพื่อรอวันนี้ วันที่นางเปิดปากพูดความในใจกับเขา ร่างกำยำคุกเข่าคร่อมตัวนางเอาไว้ และสะบัดชุดของเขาทิ้งไปในทันทีปิงเยว่เพียงแค่เห็นกล้ามท้องที่เป็นลอนงดงาม และอกกว้างตรงหน้าก็แทบจะทนไม่ไหว เมื่อเขาเลื่อนลงมา นางก็เห็นรอยเล็บของสตรีอื่น"เจ้าจะทำอะไร"“เจ็บหรือไม่เพคะ”“เจ็บสิ แต่มันไม่มากเท่ากับที่ทำให้เจ้า เข้าใจผิดข้ามาร่วมสองเดือนนี้ มันเทียบไม่ได้เลยกับน้ำตาของเจ้า”“ข้า… ไม่คิดว่าท่านจะวางแผนเอาไว้”“หากข้าบอก เจ้าจะเชื่อข้างั้นหรือ”นางยอมรับแต่โดยดี เมื่อเขาก้มลงมาและจูบนางเนิ่นนาน บทรักเริ่มขึ้นอย่างอ่อนโยน และค่อย ๆ กระโจนใส่กองไฟปรารถนา ที่ลุกโชนอย่างเร่าร้อนทุกชั่วขณะ"อ๊าาา…. เหรินเซียวท่านเบาหน่อย อื้อ…"ลิ้นหนาดูดดึงยอดอกตรงหน้า เมื่อจับนางตรึงแขนเอาไว้ทั้งสองข้าง เขากวาดปลายลิ้นสำรวจทั่
ปิงเยว่ลุกขึ้นมาจากตักของเขาทันที นางมิอาจทนฟังเรื่องของเขาและสตรีอื่นได้ ท่านอ๋องเดินมาและรีบคว้านางเอาไว้ เขากอดนางจากด้านหลังเพื่อมิให้นางหนีอีก“เจ้าช่วยฟังข้าให้จบก่อน หลังจากนั้นจะตบจะตี หรือกัดข้าอีกครั้งก็จะไม่ห้ามเจ้าเลย”“อย่าแตะต้องข้า ปล่อย!”“ไม่ปล่อย! ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปได้หรอก รู้หรือไม่ว่า ตอนที่ได้ข่าวจากองครักษ์ลับว่าเจ้าถูกจับตัวไป ข้าร้อนใจมากเพียงใด และยิ่งเห็นว่าชายอื่นจะแตะต้องเจ้า หัวใจข้าก็ลุกเป็นไฟ จนอยากจะฆ่ามันให้ตายเสียด้วยซ้ำ แล้วเจ้ายังจะขอชีวิตให้เขาอีก ไม่คิดถึงหัวใจข้าบ้างเลยหรือ”“ท่านก็เลยเอาคืนข้า โดยการดึงหวังอิ่นจางไปพลอดรักกันในห้องอาบน้ำ จนเสียงดังลอดออกมาทั่วจวนสินะ ปล่อยข้านะคนสกปรก!”แต่เขากลับกอดนางแน่นมากขึ้น มีหรือที่เขาจะยอมปล่อย“ที่แท้เจ้าก็โกรธข้าเรื่องนี้เองหรอกหรือ ข้าไม่ปล่อยจนกว่าเจ้าฟังให้จบก่อน”ปิงเยว่นิ่งลง เมื่อท่านอ๋องยืนยันที่จะไม่ปล่อย ใช่ว่านางจะไม่ใจอ่อนเสียหน่อย เมื่อเห็นว่าปิงเยว่นิ่งลงแล้ว เขาจึงเริ่มเล่าทันที“ข้าจะค่อย ๆ เล่าให้ฟัง เจ้าตั้งใจฟังให้ดี จะได้เข้าใจทุกอย่างเสียที ข้าเบื่อที่เจ้าทำหมางเมินเช่นนี้มานาน