สิ่งที่เขาพูดขึ้นมานางไม่มีทางยอมรับได้ แม้ว่าจะไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง เพราะถูกส่งมาที่อารามนี้ได้สามเดือนกว่าแล้ว และทางวังหลวงได้แจ้งมาว่านางจำเป็นต้องอยู่อีกสองเดือนเพื่อรักษาศีลให้กับบรรพบุรุษ
“ข้าไม่เชื่อ บรรณาการอันใดกัน”
“ดูเหมือนว่าองค์หญิงจะไม่ทราบสินะ ว่าในเมืองหลานเจียงเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามากนัก ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังทีหลัง…เจ้า!”
นางไม่มีทางยอมรับได้ บรรณาการก็ไม่ต่างกับเชลย หากเป็นเช่นนั้นสู้นางตายเสียตรงนี้ดีกว่า ร่างบางเอียงคอเข้าหาคมดาบอย่างกล้าหาญ ท่านอ๋องไม่คาดคิดแต่เขาเร็วกว่านางมาก จึงรีบดึงดาบออกและรวบตัวนางเข้ามาพร้อมกับฟาดไปที่ท้ายทอยจนนางสลบไป
“สตรีน่ารังเกียจ! พาคนที่เกี่ยวข้องกับนางไปให้หมด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
วันถัดมา
คิดไม่ถึงว่าฝ่ามือเดียวของเขา จะทำให้นางสลบไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆ เมื่อถึงค่ายทหาร นางก็ถูกจับแยกกับสาวใช้ของตัวเอง คนที่ถูกจับมาทั้งหมดมีเพียงองครักษ์ของนาง ซึ่งท่านอ๋องจับเป็นเชลย แต่ไม่ได้ทำร้ายใคร
เฮือก!
ปิงเยว่ตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวนางอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จัก เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าเหมือนเป็นที่พักและกระโจม แขนทั้งสองข้างของนางถูกมัดเอาไว้ ไม่นานเจ้าของกระโจมก็เดินเข้ามาถึงเตียงของนาง
“ปล่อยข้านะ”
“เจ้าตื่นแล้วงั้นหรือ หึ คิดไม่ถึงเลยว่าองค์หญิงของต้านชิง จะใจกล้ามากกว่าพี่ชายของเจ้า ที่ข้าพึ่งตัดหัวไปเมื่อวันก่อนเสียอีก”
“พะ พี่ชายข้างั้นหรือ… ฟ่านอี้เฉิน… นี่ท่าน!”
“เขาตายแล้ว”
“ท่านมันคนสารเลว”
“เจ้าเป็นแค่บรรณาการศึกของต้านชิง มีสิทธิ์ที่จะด่าข้าเช่นนี้หรือ”
แควก!
“คนสารเลว! ฮึก หยุดนะ”
เขาดึงเสื้อนางออกจนขาด บัดนี้เหลือเพียงอีกนิดเดียวก็จะเห็นเนินอกขาวผุดผ่องตรงหน้า แม้นว่าจะเคยพบกับสตรีที่งดงามมามากมาย หรือแม้กระทั่งชุนหลันฮวาเองก็ตาม ก็ยังไม่เท่ากับคนตรงหน้านี้เลยสักนิด
“ฟ่านปิงเยว่ องค์หญิงแปดแห่งต้านชิง ธิดาที่เกิดจากพระสนมเอกขององค์จักรพรรดิ “ฟ่านเติ้งจั๋ว” กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับแม่ทัพเกราะเหล็ก ขุนพลแห่งน่านน้ำซีหูผู้โด่งดังไปทั่วหลานเจียงนามว่า “อู๋ซ่างหลี่” ช่างน่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสแล้ว”
“คนสารเลว ข้าจะฆ่าท่าน!”
“อยากฆ่าข้าหรือ ออกจะยากสักหน่อยนะองค์หญิง เพราะก่อนที่เจ้าจะได้ฆ่าข้า มันคือหลังจากคืนนี้ ที่เจ้าต้องทำหน้าที่บรรณาการแคว้นที่แพ้ศึกให้ข้าเสียก่อน”
“ไม่นะ คนสารเลว เพราะเหตุใดกัน ทำไมต้องเป็นข้า!”
“เอาไว้ค่อยถามหลังจากนี้เถอะ”
ท่านอ๋องในชุดลำลองเริ่มถอดชุดออก เสื้อด้านในของเขาแหวกจนนางเห็นร่องอกที่ทั้งใหญ่และกำยำของบุรุษหนุ่มเต็มตัว กล้ามท้องที่โผล่พ้นชายเสื้อทำเอาหัวใจของหญิงสาวเต้นรัว แม้ว่าจะเกลียดกลัวเขาเพียงใด แต่ก็รู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
“ดูสายตาของเจ้าสิ เหมือนว่าเจ้าจะชอบเรือนร่างของข้านะ แน่ละเพราะไม่มีสตรีคนใดปฏิเสธข้าได้”
“ออกไปนะ คนสารเลว เดรัจ…อื้อ”
ริมฝีปากอิ่มถูกครอบครองทันทีเมื่อนางเริ่มแผดเสียง แต่ค่ำคืนนี้จะไม่มีผู้ใดเข้ามารบกวนทั้งคู่ แขนที่ถูกมัดเอาไว้แน่นไม่สามารถทำอะไรได้เลย ลิ้นหนาเริ่มตวัดเปิดทางออก ปิงเยว่เริ่มหายใจไม่ออก สติของนางค่อย ๆ เลือนหายไปพร้อมกับสัมผัสที่เขารุกเข้ามา
“อื้อ…อย่านะ!”
“เสียงดังดีนี่องค์หญิง ร้องอีกทีสิ อยากรู้ว่าหากจับตรงนี้ของเจ้า…”
เขาเลื่อนไปที่หน้าอกที่เริ่มโผล่พ้นปกเสื้อออกมา ทำเอาท่านอ๋องคอแห้งเมื่อเห็นผิวขาว ๆ ดุจหิมะแรก
“หรือว่าตรงนี้”
นิ้วของเขากรีดกรายลงไปที่หน้าขาของนาง ฟ่านปิงเยว่ทั้งกลัวและตื่นเต้น เสียงของเขาปลุกเร้าอารมณ์บางอย่างของนางได้ แต่ทว่านางก็ยังกลัวเขาอยู่ดี
“ปล่อยข้า มิเช่นนั้นหากข้าหลุดไปได้ ข้าจะฆ่าตัวตาย”
“เพราะแบบนี้ข้าจึงต้องมัดเจ้าไว้อย่างไรเล่า แต่หลังจากค่ำคืนนี้ไป เกรงว่าเจ้าอาจจะเปลี่ยนใจ”
“อ๊าา!! ปล่อยนะเจ้าคนชั่ว! อย่ากัด อย่านะ ฮืออ…”
แต่ความแค้นที่ฝังแน่นในหัวใจ สตรีที่เขาเคยรักถูกข่มเหงรังแกจนนางสิ้นใจตาย แม้ว่าจะฆ่าศัตรูไปแล้วแต่มิอาจจะดับไฟแค้นในครั้งนี้ของเขาลงได้หมด ในเมื่อกล้าทำร้ายคนของฉินโจว เช่นนั้นเขาก็จะเอาคืนด้วยวิธีเดียวกัน
“ขอโทษด้วยนะองค์หญิง คงต้องโทษที่เจ้าเกิดผิดที่ไปสักหน่อย”
“อื้อ…ปล่อยนะ คนชั่ว สารเลว อ๊ะ! อื้อ”
ม่านในกระโจมโบกปลิวไปมา ไม่นานชุดของนางก็ถูกเขากระชากออกทีละชิ้นจนไม่เหลือสิ่งใดปกปิดกายเอาไว้ ปิงเยว่หลับตาลงรับความอัปยศในครั้งนี้ หมดสิ้นแล้วกับสิ่งที่นางเคยหวังเอาไว้ ทั้งงานแต่งที่ถูกเตรียมเอาไว้ กับแม่ทัพหนุ่มผู้กล้า ที่เสด็จพ่ออยากให้นางแต่งเป็นสามี
“อื้อ…ฮึก เจ็บนะ”
“อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว”
เดิมทีเขาคิดจะทรมานนาง แต่เรือนร่างบอบบางเช่นนี้จะทนความกระหายของเขาได้สักแค่ไหนกัน เพียงแค่สัมผัสริมฝีปากนุ่มนั้นเขาก็รู้ทันทีว่ามันทั้งหวานและน่ากินมากเพียงใด ลิ้นหนารุกล้ำไปยังสองเต้าคู่งามที่ยังไม่เคยมีผู้ใดแตะต้อง ยอดปทุมสีชมพูหวานตั้งชูรอปากและลิ้นเขาไปสัมผัส ร่างบางเอนแอ่นราวกับป้อนเขา
“อาา…อื้อ…ข้าเจ็บ”
“หวานยิ่งนัก เจ้ามัน…อาา”
ลิ้นที่ดูดดึงจนเกิดเสียงชวนสะท้าน ทำเอาผู้ที่ร้องไห้อยู่เมื่อครู่เริ่มหวั่นไหว นางไม่ควรเข้าร่วมและเผลอใจไปกับสัมผัสของมัจจุราชผู้นี้ แต่ทว่าเขาก็ชักชวนเก่งเหลือเกิน
“อ๊าา อื้อ…”
แผล็บ จุ๊บ…จ๊วบ
เสียงหยาบคายนั้นทำให้นางเริ่มทนไม่ไหว น้ำลายเหนียวเริ่มเปื้อนเต็มหน้าอกที่เปลือยเปล่า ความเหนียมอายที่เคยมีถูกสลัดออกไปจนสิ้น ไม่นานมือหนาก็เอื้อมมาปลดพันธนาการของนางออก และจับข้อมือเล็กนั้นมาจูบ
“ฮึก เจ็บ”
เขาไม่พูดอะไรอีก ตอนนี้ท่านอ๋องเริ่มไม่รู้แล้วว่า คนตรงหน้านี้เป็นเชลยที่เขาต้องนำมาทรมาน แต่บัดนี้เมื่อได้สัมผัสนางและเห็นน้ำตานั้น หัวใจบุรุษหนุ่มที่คั่งแค้นมานาน กลับสงบลงและรู้สึกอยากครอบครอง มากกว่าจะลงทัณฑ์
“อย่านะ! ได้โปรดอย่ามอง ฮือ….”
เขามิอาจทำตามที่นางร้องขอได้ เรียวขาสองข้างถูกเขากางออกและนิ้วสากที่จับดาบอยู่ทุกวันค่อย ๆ คลี่กลีบบางตรงหน้านั้นออกมา ไม่นานน้ำหวานก็เริ่มไหลออกมาตามร่องกลีบนั้น เขาแสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“เพียงแค่ถูกนิ้วกระตุ้นไปนิดหน่อยเจ้าก็แฉะจนเปียกขนาดนี้ ยังจะปากแข็งอีกงั้นหรือ…องค์หญิง”
เพียงแค่อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหล่นลงกับพื้น ม่านเตียงมงคลก็ถูกดึงลงมาปิดบังทั้งคู่เอาไว้ จุมพิตหวานและเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ตามฤทธิ์ของสุรามงคลที่ดื่มเข้าไป จอกแล้วจอกเล่าในค่ำคืนนี้ ริมฝีปากของท่านอ๋องสั่นเครือเพราะความกระหายที่เกินจะควบคุม“อื้อ…ท่านพี่”“อาาา เยว่เอ๋อร์ของข้า ยามเจ้าเรียกข้าเช่นนี้ ช่างดียิ่งนัก”ลิ้นอุ่นของเขาเริ่มสำรวจที่หน้าอกคู่งาม ซึ่งบัดนี้เริ่มเต่งตึงและมีขนาดใหญ่ขึ้นมา เพราะนางกำลังมีครรภ์ เขาอ่อนโยนลงมาก หลังจากที่รู้ว่านางต้องดูแลร่างกาย ก่อนหน้านี้ปิงเยว่แพ้ท้องอย่างหนัก แทบจะกินอะไรไม่ได้เลยจนเขารู้สึกกังวล“อื้อ อย่านะเพคะ ตรงนั้นไม่ได้ อ๊าาา!!”นางเอ่ยห้ามเขา แต่เหรินเซียวมีหรือจะฟังที่นางพูด นับสิบวันที่เขามิได้สำรวจเรือนร่างของพระชายาเลย ทำเอาเขานึกหงุดหงิดอยู่หลายครั้ง ลิ้นอุ่นปรนเปรอไปทั่วเรือนกายที่หอมกรุ่นตรงหน้า ผิวเนื้อเนียนทำเอาเขาเคลิ้มจนหัวใจแทบระเบิด ไฟปรารถนาเริ่มโหมกระหน่ำ เมื่อมาหยุดอยู่ตรงร่องกลีบบุปผาตรงหน้า เมื่อเขาเริ่มคลี่ออกและใช้ลิ้นอุ่น ๆ สอดเข้าไปและใช้นิ้วบดบี้เม็ดทับทิมเหนือร่อง จนร่างบางบิดเราเพราะความเสียวที่เขามอบให้“อ๊าา ท่านพ
ยี่สิบวันถัดมาบัดนี้อายุครรภ์ของปิงเยว่ ย่างเข้าเดือนที่สามแล้ว และวันนี้ก็เป็นพิธีการสำคัญของนางและชินอ๋อง “พิธีสมรสพระราชทาน” ซึ่งจัดขึ้นในวังหลวง ตามพระประสงค์ของฝ่าบาท ที่ต้องการให้ทั้งคู่จัดพิธีอันทรงเกียรตินี้ เพื่อเป็นของขวัญมอบแก่ทั้งสอง“คู่บ่าวสาวคำนับฟ้าดิน”บ่าวสาวในชุดสมรสพระราชทาน ซึ่งปักด้วยดิ้นไหมสีทองเปล่งประกายเข้าคู่กัน คำนับครั้งที่หนึ่งตามคำบอกของตั้วกงกง ผู้รับหน้าที่นี้ ต่อหน้าฝ่าบาท และฮองเฮาในท้องพระโรงใหญ่“คำนับที่สอง คู่บ่าวสาวคำนับบิดามารดา”ทั้งสองหันมาคำนับให้กับฝ่าบาทและฮองเฮา ท่านอ๋องต้องคอยพยุงให้พระชายาลุกนั่ง เพราะเกรงว่าเจ้าสาวของเขาจะล้มลง ทำเอาฝ่าบาทและฮองเฮาถึงกับเผยแย้มพระสรวลออกมา "นาน ๆ ข้าจะได้เห็นมุมอ่อนโยนเช่นนี้ของเซียวเอ๋อร์"“เจ้าลูกคนนี้เลือกปฏิบัติน่ะสิ หึหึ แค่ให้เข้าวังมาเดินหมากเป็นเพื่อน ทำเหมือนจะตาย แต่เจ้าดูสิ”“พอเถิดเพคะ ฝ่าบาททรงบ่นเรื่องนี้กับหม่อมฉันเกินเจ็ดรอบแล้ว เซียวเอ๋อร์รักอิสระและชอบปลีกวิเวก พระองค์ก็เอาแต่บังคับเขา หม่อมฉันไม่เห็นใจหรอกนะเพคะ”“เจ้าจะไปเข้าใจอันใด เจ้าน่ะลำเอียงเข้าข้างเขาตลอดเวลา เพราะแบบนี้อย่
หลังจากนั้น ทั้งจวนก็ไม่เห็นทั้งคู่อีกเลยจนข้ามมาวันใหม่ ท่านอ๋องสั่งให้คนเตรียมอาหารไปให้ที่ห้องบรรทมชั้นนอก และมิให้ผู้ใดรบกวนทั้งสองพระองค์“ข้าป้อนเจ้าดีกว่า”“คนใจร้าย”“ไม่เอาน่า ข้าก็บอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า คำบอกรักของข้ามีมากมาย สามวันสามคืนก็พูดไม่หมด”“แต่ท่านไม่ได้พูด ท่าน…”ปิงเยว่หน้าแดงจัด ไม่รู้เพราะโกรธหรือว่าอายกันแน่ เมื่อท่านอ๋องที่อัดอั้นในการร่วมเตียงกับนางมาเกือบสองเดือน พอมีโอกาสก็แทบจะไม่ให้นางได้พัก ทั้งวันทั้งคืนเขาบอกรักนางไม่หยุดก็จริง แต่ก็ไม่หยุดที่จะรังแกนางด้วยเช่นกัน จนถึงตอนนี้ร่างของนางก็ระบมจนหมดแรง แม้แต่จะกินข้าวเอง ก็แทบจะถือตะเกียบไม่ไหว“อีกสองวัน เจ้าต้องเข้าวังกับข้านะ”“เข้าวังหรือเพคะ นี่คงจะไม่…”“แน่นอนว่าเจ้าจะต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อกับข้า เพื่อรับราชโองการสมรสพระราชทาน และดูฤกษ์งานอภิเษก เจ้าอย่าลืมสิ ถึงแม้ว่าข้าจะพาเจ้ามาแล้ว แต่กว่าจะทูลขอราชโองการนี้ได้ ไม่ง่ายเลยนะ”“ทำไมหรือเพคะ”ย้อนกลับไปสามเดือนก่อน“เหอะ! กว่าจะโผล่หน้ามาหาข้าได้ ก็ผ่านไปกี่วันแล้วเจ้าตัวดี! เจ้านะเจ้า ยกทัพออกไปทำศึกโดยพลการ ข้ากับพี่ชายเจ้า หาเหตุผลสารพัดที่
“ท่านว่าอย่างไรนะ เหตุใดจึงมีสาน์สลับนี้ด้วย มิได้มีเพียงสัญญาสงบศึกหรอกหรือ จริงสิเมื่อคืนนี้ท่านให้อู๋ซ่างหลี่อ่านจดหมาย...”“ที่จริงแล้วการที่ข้าไปหาเจ้าที่อารามนั่น มิใช่เรื่องบังเอิญ”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”“เรื่องนี้เกิดขึ้น หลังจากที่ข้าสังหารพี่ชายต่างมารดาของเจ้ากลางสมรภูมิรบ กลางดึกคืนนั้น ฝ่าบาทแคว้นต้านชิงส่งจดหมายลับมากับแม่ทัพใหญ่ของต้าชิง”“ท่านลุงซังลี่เหมิน”"ใช่ แม่ทัพซังลี่นำสาน์สลับนี้มา มอบให้ข้าที่กองทัพด้วยตัวเอง เขาเจรจากับข้าอยู่เกือบหนึ่งชั่วยามเต็ม ๆสามเดือนก่อน / ค่ายทหารฉินโจว เมืองหลานเจียง“กระหม่อมซังลี่เหมิน แม่ทัพใหญ่กองทัพหลวงแห่งต้านชิง ถวายบังคมชินอ๋อง”“ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุใด มายับยั้งมิให้ข้าโจมตีเมืองหลานเจียงของท่านงั้นหรือ”“มิได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทส่งกระหม่อมมา เพราะมีเจตนาอยากจะขอยอมแพ้และสงบศึก เพื่อคืนความสงบสุขให้เมืองหลานเจียง ฝ่าบาทยินยอมรับเงื่อนไขที่ฉินโจวต้องการ ขอเพียงราษฎรของทั้งสองฝ่ายที่ชายแดนปลอดภัย นี่เป็นสาน์สลับ ที่ฝ่าบาทเตรียมมาส่งมอบให้กับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อท่านอ๋องเปิดอ่านดู ก็ทราบถึงเจตนารมณ์ของฝ่าบาทดี ที่เขาเปิดศึกค
เพียงแค่หลังแตะเตียงอุ่น ๆ ปิงเยว่ก็รู้ทันทีว่า ค่ำคืนนี้นางคงไม่รอดพ้นจากเขา ท่านอ๋องบรรจงถอดชุดของนางออกอย่างเบามือและอ่อนโยน ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาทำเช่นนี้“เยว่เอ๋อร์ ข้ารักเจ้า”“ข้าก็รักท่าน เฮ่อเหรินเซียว”เพียงคำนี้ของนาง ก็ทำเอาท่านอ๋องหนุ่มที่กำหนัดเต็มที่ เขาอดกลั้นมานานเพื่อรอวันนี้ วันที่นางเปิดปากพูดความในใจกับเขา ร่างกำยำคุกเข่าคร่อมตัวนางเอาไว้ และสะบัดชุดของเขาทิ้งไปในทันทีปิงเยว่เพียงแค่เห็นกล้ามท้องที่เป็นลอนงดงาม และอกกว้างตรงหน้าก็แทบจะทนไม่ไหว เมื่อเขาเลื่อนลงมา นางก็เห็นรอยเล็บของสตรีอื่น"เจ้าจะทำอะไร"“เจ็บหรือไม่เพคะ”“เจ็บสิ แต่มันไม่มากเท่ากับที่ทำให้เจ้า เข้าใจผิดข้ามาร่วมสองเดือนนี้ มันเทียบไม่ได้เลยกับน้ำตาของเจ้า”“ข้า… ไม่คิดว่าท่านจะวางแผนเอาไว้”“หากข้าบอก เจ้าจะเชื่อข้างั้นหรือ”นางยอมรับแต่โดยดี เมื่อเขาก้มลงมาและจูบนางเนิ่นนาน บทรักเริ่มขึ้นอย่างอ่อนโยน และค่อย ๆ กระโจนใส่กองไฟปรารถนา ที่ลุกโชนอย่างเร่าร้อนทุกชั่วขณะ"อ๊าาา…. เหรินเซียวท่านเบาหน่อย อื้อ…"ลิ้นหนาดูดดึงยอดอกตรงหน้า เมื่อจับนางตรึงแขนเอาไว้ทั้งสองข้าง เขากวาดปลายลิ้นสำรวจทั่
ปิงเยว่ลุกขึ้นมาจากตักของเขาทันที นางมิอาจทนฟังเรื่องของเขาและสตรีอื่นได้ ท่านอ๋องเดินมาและรีบคว้านางเอาไว้ เขากอดนางจากด้านหลังเพื่อมิให้นางหนีอีก“เจ้าช่วยฟังข้าให้จบก่อน หลังจากนั้นจะตบจะตี หรือกัดข้าอีกครั้งก็จะไม่ห้ามเจ้าเลย”“อย่าแตะต้องข้า ปล่อย!”“ไม่ปล่อย! ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปได้หรอก รู้หรือไม่ว่า ตอนที่ได้ข่าวจากองครักษ์ลับว่าเจ้าถูกจับตัวไป ข้าร้อนใจมากเพียงใด และยิ่งเห็นว่าชายอื่นจะแตะต้องเจ้า หัวใจข้าก็ลุกเป็นไฟ จนอยากจะฆ่ามันให้ตายเสียด้วยซ้ำ แล้วเจ้ายังจะขอชีวิตให้เขาอีก ไม่คิดถึงหัวใจข้าบ้างเลยหรือ”“ท่านก็เลยเอาคืนข้า โดยการดึงหวังอิ่นจางไปพลอดรักกันในห้องอาบน้ำ จนเสียงดังลอดออกมาทั่วจวนสินะ ปล่อยข้านะคนสกปรก!”แต่เขากลับกอดนางแน่นมากขึ้น มีหรือที่เขาจะยอมปล่อย“ที่แท้เจ้าก็โกรธข้าเรื่องนี้เองหรอกหรือ ข้าไม่ปล่อยจนกว่าเจ้าฟังให้จบก่อน”ปิงเยว่นิ่งลง เมื่อท่านอ๋องยืนยันที่จะไม่ปล่อย ใช่ว่านางจะไม่ใจอ่อนเสียหน่อย เมื่อเห็นว่าปิงเยว่นิ่งลงแล้ว เขาจึงเริ่มเล่าทันที“ข้าจะค่อย ๆ เล่าให้ฟัง เจ้าตั้งใจฟังให้ดี จะได้เข้าใจทุกอย่างเสียที ข้าเบื่อที่เจ้าทำหมางเมินเช่นนี้มานาน