เพียงเพราะสตรีที่เขารักถูกพี่ชายต่างมารดานางฆ่าตาย ฟ่านปิงเยว่จึงกลายเป็นบรรณาการให้กับพยัคฆ์ที่โหดเหี้ยมไร้ใจ และเต็มไปด้วยไฟแค้นอย่างเขา “ตอนนี้เจ้าเป็นของข้า จะตายข้าก็ต้องเป็นคนสั่ง จำเอาไว้!!" "เฮ่อเหรินเซียว" ชินอ๋องแห่งฉินโจว แคว้นที่ยิ่งใหญ่ซึ่งทำศึกกับ "ต้านชิง" เพียงเพราะความแค้นในหัวใจ ที่อดีตคนรักอย่าง "ชุนหลันฮวา" ถูกสังหารหลังจากอภิเษก แต่เมื่อชนะศึก แทนที่เขาจะเลือกดินแดนทั้งหมด แต่กลับเลือก "องค์หญิง" มาเป็นบรรณาการแทน "ฟ่านปิงเยว่" องค์หญิงแปดแห่งต้านชิง นางกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานในอีกนาน กับแม่ทัพหนุ่ม "อู๋ซ่างหลี่" แต่สุดท้ายก็ถูกจับมาเป็น "บรรณาการ" ของชินอ๋องเสียก่อน พระเอกเรื่องนี้ปากจัด โหด ดุ ดิบ เถื่อน กินไม่เลือกเวลาและสถานที่ ไม่อ่อนโยนในตอนแรกนะคะ เพราะแค้นฝังใจ แต่หลังจากนั้น.... ฝากติดตามเรื่องราวของทั้งคู่ไปพร้อม ๆ กันด้วยนะค๊า..
view moreแคว้นฉินและแคว้นต้านชิง ยุติศึกกันมายาวนานกว่าร้อยห้าสิบปี คิดไม่ถึงว่า วันนี้จะต้องทำศึกขึ้นมาเพียงเพราะสตรีงามล่มเมืองเพียงหนึ่งเดียว บุปผาที่งดงามที่สุดของแคว้นฉิน “ท่านหญิงชุนหลันฮวา” แม้ว่าตัวนางจะไม่เคยรู้เลยว่า ตัวเองเป็นต้นเหตุของศึกใหญ่ในครั้งนี้ก็ตาม….
กองทัพแคว้นฉิน
“ชนะแล้ว!”
“พวกเราชนะแล้ว รีบไปทูลท่านอ๋องเร็วเข้า”
นายกองหน้าของกองทัพ รีบวิ่งฝ่ากองทัพที่เหลือเข้าไปหาแม่ทัพใหญ่ซึ่งนั่งอยู่ที่อาชาศึก ครั้งนี้เขาชนะกองทัพของเมืองหลานเจียงได้อีกครั้ง แต่นั่นมันยังไม่พอ
“ทูลท่านอ๋อง กองทัพข้าศึกแตกพ่าย นายกองหลี่ฆ่าแม่ทัพของพวกเขาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีมาก สั่งให้ทุกคนถอยทัพ!”
""พ่ะย่ะค่ะ""
“เฮ่อเหรินเซียว” หันอาชากลับไปยังที่ตั้งของกองทัพบนภูเขา ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การรบที่ทำให้พวกเขาเป็นต่ออีกแคว้นหนึ่ง ครั้งนี้ที่องค์ชายเจ็ดแห่งแคว้นเฉิน ตัดสินพระทัยทำศึกก็เพราะท่านหญิงชุนหลันฮวา ถูกองค์ชายรอง “ฟ่านอี้เฉิน” ของต้านชิง ซึ่งเป็นพระสวามีของนางฆ่าตาย เพียงเพราะมีเรื่องบาดหมางกับสนมในวังหลังของตัวเอง
กองทัพฉินโจว
“ท่านอ๋อง เหตุใดยังไม่ยกทัพกลับเมืองหลวงอีกพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ร่างของท่านหญิงก็ถูกส่งกลับไปแล้ว ตามเงื่อนไขในการชนะศึกครั้งก่อน หรือว่า...”
“ข้ายังมิได้ฆ่าเจ้าเดรัจฉานผู้นั้น แค้นนี้คงยากที่จะหมดลงโดยง่าย”
แน่นอนว่าท่านอ๋องเจ็ด ไม่มีทางปล่อยให้คนที่ฆ่า “สตรีที่รัก” ของเขาได้รอดชีวิตไปได้ หลังจากที่ลั่นวาจาไป จากนั้นอีกสิบวันเขาก็ลงมือทำศึกด้วยตัวเอง และปลิดชีวิตองค์ชายรอง “ฟ่านอี้เฉิน” ลงได้ในเวลาไม่นาน
“เดรัจฉานเช่นเจ้าตายไปเช่นนี้ แผ่นดินคงสูงขึ้น เจ้าทำชั่วกับชุนหลินฮวาเอาไว้ กรรมนี่สมควรแล้ว”
ศีรษะขององค์ชายรองแห่งแคว้นต้านชิง ถูกตัดและเสียบไว้กลางสมรภูมิรบเป็นที่น่าสยดสยอง ซึ่งทุกคนก็คิดว่าความโหดเหี้ยมในครั้งนี้จะจบลงแล้ว แต่ทว่า….
“ท่านอ๋อง หนังสือขอยอมแพ้พ่ะย่ะค่ะ”
“ยอมแพ้งั้นหรือ หึ สู้ศึกกันมาร่วมสามเดือนพึ่งจะมายอมแพ้ในตอนนี้ มันไม่ง่ายถึงเพียงนั้นหรอก”
“แต่ว่าเรื่องนี้”
“ข้ามิได้บอกว่าจะทำศึกอีก”
“เช่นนั้น…”
“ไปอาราม “ซานไท่” เขาไท่ลี่เหอ”
“อารามงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ไปเพื่ออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปรับบรรณาการเมืองต้านชิงกลับไปยังฉินโจว หากพวกเจ้าอยากจะกลับเมืองหลวงโดยเร็ว ก็อย่าได้รอช้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
รองแม่ทัพรีบสั่งกำลังพลที่เหลือวิ่งกลับไปทันที ส่วนพวกเขาตามเสด็จท่านอ๋องมาที่เชิงเขาทางตะวันออก ซึ่งอยู่ระหว่างสองแคว้น เมื่อท่านอ๋องเงยพระพักตร์มองขึ้นไป ก็แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมาในทันที
“ทะ ท่านอ๋อง ที่นี่คือ…”
“ที่นี่เป็นอารามศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นต้านชิง สตรีชั้นสูงที่พึ่งผ่านพิธีปักปิ่น หรือกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานมักจะมาพักอยู่ที่อารามแห่งนี้เพื่อรักษา “พรหมจรรย์” ก่อนแต่งงานสามเดือน”
ทุกคนล้วนไม่เข้าใจสาเหตุที่ท่านอ๋องเสด็จมาที่นี่ แต่เขามิได้รอให้ผู้ใดถาม เทพสงครามผู้หิวเลือดและกระหายศึก ทะยานควบอาชาคู่กายขึ้นไปยังอารามโดยไม่สนใจผู้คนที่แตกตื่นอยู่บนนั้น
“กรี๊ดดดดดด!!!”
หอคอยศักดิ์สิทธิ์
เพียงแค่ยกดาบขึ้นมา ก็ไม่มีผู้ใดกล้าขวางพวกเขา แต่ท่านอ๋องไม่ได้สนใจผู้ใด
“ใครขวางทางข้า นั่นจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเจ้าได้เห็นในชีวิตนี้”
หอคอยชั้นสูงสุดตั้งตระหง่านอยู่ด้านบน สตรีที่อยู่ในนั้นหาได้รู้ไม่ว่ากำลังจะเกิดภัยร้ายแรงที่สุดในชีวิตขึ้นกับตัวเอง นางกำลังอธิษฐานให้กับแคว้น เมื่อประตูถูกผลักออก ร่างบางก็สะดุ้งสุดตัวและหันมามองผู้มาเยือน
“ผู้ใดกัน บังอาจ…”
ฉับ!
“กรี๊ด!!!”
เพียงเสียงเดียวที่เอ่ยถาม ก็ถูกคมดาบของเขาฟันลงไปทันที สตรีในชุดสีขาวบริสุทธิ์เปื้อนเลือดจากคมดาบนั้น “ฟ่านปิงเยว่” ยังยืนนิ่งอยู่ด้านหลังม่านผ้าโปร่งซึ่งบัดนี้เปื้อนไปด้วยเลือดขององครักษ์หญิง
“นั่นใคร!”
ผู้ที่มาเยือนมิได้ตอบนาง
“ม่านนี้ช่าง… เกะกะเสียจริง”
ฟึด!
ดาบที่พาดเพียงครั้งเดียว ทำให้ผ้าม่านขาดเป็นสองท่อน เฮ่อเหรินเซียวเดินเข้าไปด้านใน ก็พบกับสตรีที่อยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ใบหน้านางผุดผ่องราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดของจิตรกรดัง
ริมฝีปากแดงจัดนั้นกำลังสั่น แม้ว่านางจะพยายามทำตัวให้นิ่ง สายตากลมโตจ้องมองเขา ทำเอาท่านอ๋องตกตะลึงไปกับความงามนี้ชั่วขณะ
“เจ้าก็คือ “ฟ่านปิงเยว่” องค์หญิงแปดแห่งต้านชิงสินะ”
“เหตุใดข้าต้องบอก…”
ดาบที่ยังมีกลิ่นคาวเลือดพาดมาที่ไหล่ หญิงสาวทันได้เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้นของคนตรงหน้า นางไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน แต่ดูจากชุดเกราะที่เขาสวม ไม่ใช่คนต้านชิงอย่างแน่นอน
“เจ้าจะไม่บอกก็ได้ เพราะหลังจากนี้ข้าก็ไม่จำเป็นจะต้องให้เกียรติหรือเรียกนามโสโครกของคนต้านชิงอย่างพวกเจ้า”
“ท่านต่างหากที่โสโครก”
ปลายดาบแหลมขยับเข้าไปใกล้คอระหงอีกนิดและเริ่มบาดนาง แต่สายตาของเขายังเต็มไปด้วยความแค้นที่ยากจะดับลงได้ ซึ่งอีกฝ่ายไม่เคยรู้เลยว่ามันเกิดจากสิ่งใด
“องค์หญิง!”
“จับนางเอาไว้ อย่าพึ่งฆ่าล่ะ เอาเป็นว่าไม่ผิดตัวแน่นอน”
“ท่านต้องการอะไร บุกมาฆ่าคนเช่นนี้ อย่าบอกนะว่าต้องการจับข้าเป็นตัวประกัน”
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมแฝงไปด้วยความดูหมิ่นเหยียดหยาม ทำเอาฟ่านปิงเยว่รู้สึกมวนท้องจนอยากจะอาเจียน
“สิ่งที่ข้าต้องการอยู่ตรงหน้านี้แล้ว นับจากนี้ไป เจ้าก็คือ “บรรณาการ” ของข้า… ฟ่าน ปิง เยว่…”
“ฮึก! อ๊าา ท่านเบาลงหน่อย ข้าเจ็บ!”ความอัดอั้นของท่านอ๋อง ถูกส่งผ่านด้วยแรงกระแทกไม่ยั้งที่ทำเอาปิงเยว่ทั้งจุกและเสียวไปถึงท้องน้อย แต่ขอบสระที่เย็นและเปียกชื้นก็ทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัว ท่านอ๋องอุ้มนางลงมาในน้ำและจุมพิตแผ่วเบาเพื่อให้นางได้พัก แต่กายล่างยังไม่ยอมถอดออก“ข้าจะเบาลงก็ได้ เริ่มอุ่นหรือยัง”“เหตุใดท่านชอบทำเช่นนี้อยู่เรื่อย อื้อ..อื้อ หยุดนะ!”“เจ้ามันก็แค่คนปากแข็ง แค่ข้าขยับตัวนิดหน่อยก็ครางเสียงหลง แล้วยังมาถามอีกงั้นหรือ”“ท่านมันคนหน้าไม่อาย”“พอได้แล้ว หากแช่น้ำนานเกินไปอาจจะเป็นหวัดได้ ข้ายังมีเรื่องอื่นให้สะสางอีก”“อ๊าาา อึ๊ยยย อ๊าาา!!!”เสียงครางของนางเร่งให้อารมณ์ดิบเขาตื่นขึ้น แม้จะบอกว่ามีเรื่องอื่นต้องสะสาง แต่ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็ใช้เวลาในห้องอาบน้ำนั้นเกือบครึ่งชั่วยาม สุดท้ายท่านอ๋องก็ต้องอุ้มร่างที่หมดสติของฟ่านปิงเยว่ออกมา และพาไปที่ห้องนอนของตัวเองทันที เมื่อห่มผ้าให้นางเสร็จแล้วจึงได้เรียกองครักษ์ของตัวเองที่ยืนรออยู่หน้าห้อง“มู่ไป๋”“พ่ะย่ะค่ะ”“ไปกับข้า”“พ่ะย่ะค่ะ”เขาสั่งให้ซูหมัวมัว เรียกสตรีที่มาพร้อมกับองค์รัชทายาทเข้าเฝ้าที่ห้องโถงกลางในจวน พ
“เจ้าเจ็ดนี่เจ้าจะบอกว่า ไปฉุดนางมาอย่างนั้นหรือ นี่มันนอกเหนือจากกฎกองทัพ เช่นนี้แล้วทางต้านชิงจะไม่คิดว่าเจ้าทำเกินไปงั้นหรือ”“ก่อนหน้านั้นคิดแค่อยากแก้แค้น แต่ดูแล้วทางต้านชิงจะมิได้ให้ความสำคัญกับองค์หญิงแปดผู้นี้เท่าใดนัก พวกเขากลับดูยินยอมเสียด้วยซ้ำที่เราไม่เรียกค่าธรรมเนียมแพ้ศึกไปมากกว่านี้”“แน่ใจหรือว่าพวกเขาจะไม่หาเรื่องเจ้าอีก เพราะการที่พานางมาที่นี่ เรื่องขององค์หญิงมิได้มีในรายงานการชนะศึก เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ หากเสด็จพ่อทรงทราบคงจะรีบให้เจ้าประหารนางอย่างแน่นอน”“นางเป็นของข้า! หากว่าผู้ใดจะตัดสินโทษนาง คนนั้นก็ต้องเป็นข้า พี่ใหญ่ไหน ๆ ท่านก็มาแล้วเรื่องนี้ท่านก็…”“ไม่ได้ เรื่องนี้ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ นอกจากว่าเจ้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ทูลขอพระองค์เอง”“ท่านหมายความว่า…”“เจ้าต้องยกนางให้แต่งงานกับคนอื่น เรื่องนี้ถึงจะจบลงได้อย่างสันติ อีกอย่างเรื่องดินแดนที่ได้มาเสด็จพ่อพอพระทัยมาก คิดว่าเรื่องนี้ก็คงไม่มีปัญหา”“ไม่ได้!”“น้องเจ็ดนี่เจ้าคงจะมิได้ หลงรักนางเข้าไปแล้วหรอกนะ”“ข้า… นอนกับนางแล้ว”“แล้วอย่างไรเล่า ใช่ว่าเจ้าจะไม่เคยนอนกับสตรีเสียหน่อย นี่น้องพี่ข้าขอร้องล
กว่าที่ทั้งคู่จะออกจากห้องอาบน้ำได้ก็อีกพักใหญ่ นางต้องทำหน้าที่จัดชุดและแต่งตัวให้เขา เมื่อมองแบบนี้ท่านอ๋องก็รู้สึกว่านางทำหน้าที่ได้ดีมากเช่นกัน“หลังจากเข้าเมืองฉินโจวแล้ว ต้องไปที่จวนของข้า ทุกเช้าเจ้าก็ต้องทำหน้าที่นี้”“ทุกวันหรือ”“ใช่น่ะสิ ถามทำไม”“นี่มันหน้าที่สาวใช้”“ไม่พอใจงั้นหรือองค์หญิง หรือลืมไปแล้วว่าตอนนี้เจ้า…”“ข้ารู้ฐานะตัวเองดี ท่านเองก็เลิกเรียกข้าด้วยฐานะนั้นได้แล้ว”“เจ้าโกรธงั้นหรือ”“เปล่า เดิมทีก็ไม่เคยสนใจตำแหน่งบ้า ๆ นั่นอยู่แล้ว ข้าสวมชุดให้ท่านเสร็จแล้ว ออกไปได้หรือยังข้าจะได้เปลี่ยนชุด”“เจ้าก็เปลี่ยนไปสิ”“ท่าน!”“ทำไมเล่า มิใช่ว่าข้าเห็นจนหมดทุกส่วนหรืออย่างไรกัน อย่าบอกนะว่า เจ้ายังอายอยู่”“ข้าขอร้องล่ะ อย่าให้ข้ารู้สึกอดสูจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ ไปมากกว่านี้อีกเลย”นางใช้เสียงค่อนข้างทุ้มต่ำ ราวกับพยายามกดความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ ท่านอ๋องรู้สึกเย็นวาบลงที่ท้องทันที เขาไม่เคยคิดว่าคำพูดเพียงแค่อยากล้อเล่น จะทำให้นางคิดมาก“เอาเถอะ อย่างไรเจ้าก็เป็นสตรีที่เรื่องมากอยู่วันยังค่ำ ข้ามิได้อยากจะมองเสียหน่อย แค่ที่นี่ไม่ได้ปลอดภัยก็เลยอยากคุ้มกันให้เท่าน
“กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมจะรีบไปแจ้งกับทุกคนว่าองค์หญิงมิใช่เชลยหรือเครื่องบรรณาการ แต่เป็นองค์ประกันของพระองค์... พ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องทรงนิ่งไป เขาเองก็ไม่ทันได้คิดเรื่องนี้มาก่อน “ให้คนมาเฝ้านางเอาไว้ แล้วก็… จัดการตามที่เจ้าว่าโดยเร็วที่สุด”“พ่ะย่ะค่ะ!”มู่ไป๋รีบดำเนินการทันที โดยที่ไม่รอคำสั่งอื่น ๆ แค่เขาเพียงเฉียดไปถามเรื่องขององค์หญิงแปดผู้นี้เพียงเล็กน้อย ท่านอ๋องก็พร้อมที่จะสั่งลงโทษเขาเสียแล้ว“เกือบได้ไปเก็บขี้ม้าแล้วอย่างไรเล่า”หลังจากที่อี้ฝูทำความสะอาดห้องจนเสร็จแล้ว ท่านอ๋องก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ซึ่งทำให้ทั้งสองคนแปลกใจมาก“เจ้าออกไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องกลับเข้าเมืองฉินโจวแล้ว ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมาก”อี้ฝูหันมามององค์หญิงที่มีท่าทางตกใจไม่แพ้กัน ทั้งคู่คิดว่าเขาจะไม่เข้ามาอีกแล้วในคืนนี้ แต่อี้ฝูก็ยากจะขัดขืน“เพคะท่านอ๋อง”เมื่อนางเดินออกไปแล้ว ท่านอ๋องจึงเดินเข้ามาในห้อง ปิงเยว่มองหาทางหนี ซึ่งเขารู้ดีและรีบถามอย่างรู้ทัน“ไม่ต้องหาทางหนีหรอก อย่างไรก็หนีไม่พ้น คืนนี้เราก็ต้องอยู่ด้วยกันในห้องนี้”“ไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าท่านงั้นหรือ”“เช่
“จริงหรือ!”“ใช่แล้ว ครั้งนั้นท่านอ๋องไปช่วยทางใต้รับศึกกับเมืองหยาง เจ้าจำได้หรือไม่”“ข้าย่อมจำได้ เพราะข้าเองก็ไปด้วย พอกลับมาก็รู้ว่าฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งบุตรีเจ้ากรมกลาโหมเป็นท่านหญิง และมีราชโองการแต่งไปเชื่อมสัมพันธ์กับองค์ชายรองแคว้นต้านชิง ที่มาสู่ขอถึงเมืองฉินโจว”“พวกเจ้ากินกันไปเงียบ ๆ เถอะ หากยังไม่ถูกสั่งโบย”มู่ไป๋พูดขึ้นมา และเดินไปหยิบไหสุรามาดื่มต่อเงียบ ๆ แน่นอนว่าเรื่องที่ทุกคนพูดเป็นเรื่องจริง เรื่องนี้มิได้เป็นความลับแต่อย่างใด ในตอนนั้นแม้ว่าท่านอ๋องจะเคยรักกันกับชุนหลันฮวา แต่เพราะศึกแดนใต้ที่เรื้อรังนับห้าเดือน และมักจะมีข่าวลืออยู่เนือง ๆ ว่าอาจจะแพ้ศึกและท่านอ๋องอาจจะสิ้นพระชนม์ในศึกนั้นเมื่อกลับมาเมืองหลวงก็พบว่า สตรีที่รักได้แต่งงานไปกับผู้อื่นเสียแล้ว หลังจากนั้นท่านอ๋องเสียพระทัย และทรงกริ้วฝ่าบาทมาก จนไม่ยอมกลับเมืองหลวงอีกเลย กระทั่งได้ข่าวการตายของนาง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการหยามเกียรติของฉินโจวท่านอ๋องตัดสินใจยกทัพไปแก้แค้นศัตรูหัวใจ อย่างองค์ชายรองฟ่านอี้เฉินแห่งตานชิง เรื่องนี้องค์ชายผู้สิ้นชื่อเป็นคนพูดออกมาก่อนที่จะถูกท่านอ๋องสังหารกลางสมรภูมิเดือดที
“องค์หญิง…. ฮือ… แต่ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร ข้าก็จะติดตามท่านตลอดไปเพคะ”“ข้าเหนื่อยเหลือเกิน อยากนอนและไม่ต้องตื่นมาพบกับความทรมานเหล่านี้อีก”“องค์หญิง ข้าจะรีบเช็ดตัวให้ท่านนะเพคะ”เสียงสะอื้นของสาวใช้ยังคงดังให้ได้ยินเป็นพัก ๆ จนเงียบไป ท่านอ๋องที่ยืนพิงอยู่ข้างรถม้าก็ตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่พวกนางคุยกัน แต่เรื่องนั้นก็มิได้เกี่ยวอะไรกับเขา“ฟ่านปิงเยว่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”สองวันถัดมาเมื่อมี “อี้ฝู” สาวใช้ข้างกายมาอยู่ด้วย ปิงเยว่ก็ยอมที่จะกินข้าวและดื่มยาที่หมอประจำกองทัพต้มมาให้ นางยอมเดินทางมาที่เฉินโจวพร้อมกับเขาแต่โดยดี “สีหน้าดูดีขึ้นมากเลยนี่”นางยังไม่พูดอะไรกับเขาทั้งสิ้น ท่านอ๋องหมั่นไส้กับท่าทางนี้ของนางมาก ก่อนจะเข้าเมืองฉินโจวจึงนึกอยากจะสั่งสอนนางสักหน่อย เพราะเขารู้มาว่านางหายดีแล้ว หลังจากมีสาวใช้ข้างกายกลับไปอยู่ด้วย“ลงมานี่”“ข้าไม่ไป”“เจ้าไม่มีสิทธิ์เลือก”“ท่านจะพาข้าไปไหน”“มีแรงพูดแล้วนี่ หึ”“ข้า…”“ไม่มีสิทธิ์ถาม ตามมา”เขาจับมือนางพาเดินลงจากรถม้า และบอกให้ทุกคนอยู่ที่นี่และไม่ต้องตามมา เขารู้จักที่นี่เป็นอย่างดี และตอนนี้ก็เป็นตอนเย็นซึ่งพระอาทิต
Mga Comments