Share

บทที่ 0006

เย่เจียเหอสามารถเข้าใจความหมายของเขาได้ และถอยไปที่มุมเตียงอย่างไม่รู้ตัว

วินาทีต่อมา ชายหนุ่มก็จับน่องของเธอเอาไว้อย่างง่ายดาย และลากตัวเข้าไปทันที

น้ำหนักของเขาทับไปบนตัวของเธอ และมันก็มากพอที่จะทําให้เธอขยับตัวไม่ได้

เย่เจียเหอได้แต่เอื้อมมือผลักไหล่เขาออกไป แล้วถามอย่างประหม่าว่า "ลู่จิ่งโม่ คุณคิดจะทำอะไรน่ะ?"

"แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ? ผู้ชายกับผู้หญิง ยังจะทำอะไรได้อีก?"

ลมหายใจที่หนาวเย็นของชายหนุ่มปะทะเข้ามา และจูบที่โหดร้ายก็ได้ถาโถมเข้ามาที่ลำคอของเย่เจียเหอ

"อย่า!"

เย่เจียเหอตกใจ และพยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ "ลู่จิ่งโม่ อย่าทำแบบนี้ อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ!"

ซึ่งมันทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นขึ้นมา ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็ทำหยาบคายแบบนี้กับเธอเช่นกัน

เย่เจียเหอไม่อยากหวนคิดอีกต่อไป หากลู่จิ่งโม่ขืนยังทำแบบนี้ต่อไป เธอก็คงจะพังทลายอย่างแน่นอน

หญิงสาวที่อยู่ใต้ตัวของเขาร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา ไม่ว่าลู่จิ่งโม่จะมีจิตใจที่โหดเหี้ยมแค่ไหน ในเวลานี้เขาก็คงลงโทษเธอด้วยวิธีนี้ไม่ได้จริงๆ

เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากเรื่องแบบนี้ทำไปโดยไม่มีความรักอยู่ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มันก็เป็นได้เพียงแค่การลงโทษเท่านั้น

เขาไม่ได้คิดที่จะรังแกเธอจริงๆ เพียงแค่ประคองเธอเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง และก้มหน้าลงมองหญิงสาวตัวเล็กๆที่น่าสงสาร

"คุณร้องไห้ทำไมกัน?"

ลู่จิ่งโม่เอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ทุ้มลึก "ในเมื่อคุณไม่ยอมหย่า ก็อย่าพยายามสงวนตัวเพื่อผู้ชายคนอื่นๆอีก! คุณคิดให้ดีนะ ผมต่างหากที่เป็นสามีของคุณ!"

เขาไม่เคยคิดที่จะขืนใจผู้หญิง ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งเป็นผู้หญิงแบบเย่เจียเหอด้วย!

ผ่านการแตะต้องจากชายอื่นมาแล้ว ผู้หญิงสกปรกโสมม!

ลู่จิ่งโม่หยิบผ้าห่มและหมอนออกจากตู้เสื้อผ้า และเริ่มปูที่นอนที่พื้นแล้ว

ซึ่งเย่เจียเหอรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก

เธออยากจะบอกว่าตัวเองไม่มีใคร แต่ว่า ยาคุมกำเนิดนี้ควรจะอธิบายอย่างล่ะ?

ต่อให้เธอจะบอกลู่จิ่งโม่ไปว่าเธอถูกคนแปลกหน้ารังแก น่ากลัวว่าเขาคงแค่รู้สึกว่าเธอยิ่งสกปรกไปมากกว่านี้?

……

เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ลู่จิ่งโม่ก็รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว

เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่เคยนอนหลับอย่างไม่สบายตัวแบบนี้มาก่อน

ในขณะที่ทั้งสองลงไปกินอาหารเช้าด้านล่าง คุณปู่ลู่ก็ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

เมื่อเห็นพวกเขาลงมาด้วยกัน สีหน้าของชายจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือของลู่จิ่งโม่ดังขึ้น ซึ่งเป็นข้อความไลน์จากวังโหรวนั่นเอง

เย่เจียเหอชำเลืองมองไปเห็นรูปภาพหนึ่งรูป ซึ่งน่าจะเป็นมื้อเช้าของวังโหรว ดูแล้วประณีตเอาเสียมากๆ

ลู่จิ่งโม่มองดูข้อความไลน์ จากนั้นก็ลุกขึ้นโดยไม่ได้แตะของที่อยู่บนโต๊ะแต่อย่างใด พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า "คุณปู่ครับ ผมไปที่บริษัทก่อนนะครับ"

"นี่มันกี่โมงเอง?" คุณปู่ลู่พูดอย่างไม่พอใจว่า "แกถือว่าฉันแก่แล้ว จะมาหลอกได้ง่ายๆอย่างนั้นเหรอ?"

ลู่จิ่งโม่พูดขึ้นมาว่า "วันนี้บริษัทมีประชุมประจำน่ะครับ ผมกลัวว่ารถจะติด"

เย่เจียเหอเยาะเย้ยในใจอย่างเย็นชา เขากลัวว่ารถจะติดที่ไหนกันล่ะ? คงเป็นเพราะกลัวว่าจะเสียน้ำใจของวังโหรวมากกว่าละมั้ง?

คุณปู่ลู่ได้สั่งขึ้นมาว่า "แกนั่งลงกินอาหารเช้าดีๆ กินเสร็จส่งเจียเหอไปมหาลัย แล้วแกค่อยไปบริษัท"

"เธอ?"

ลู่จิ่งโม่ดูเหมือนจะหมดความอดทนเล็กน้อย แล้วพูดว่า "เธอมีรถไม่ใช่เหรอครับ?"

เย่เจียเหอรีบพูดขึ้นมาทันทีว่า "ที่รัก เมื่อวานรถฉันเสียน่ะ ลากไปซ่อมแล้วล่ะ"

ที่รัก?

เธอเรียกเขาว่าที่รักอีกแล้ว?

ต่อหน้าคุณปู่ลู่แบบนี้ ลู่จิ่งโม่ไม่กล้าที่จะระเบิดอารมณ์แต่อย่างใด และทำได้เพียงแค่กัดแค่นั้น "โอเค ผมจะไปส่งคุณ"

หลังจากจัดการกับมื้อเช้าเสร็จ คุณปู่ลู่ก็จงใจถามขึ้นมาว่า "รถของเจียเหอเสีย เลิกเรียนแล้วเธอจะกลับมายังไง?"

"คุณปู่คะ จิ่งโม่จะมารับหนูเองค่ะ"

ดวงตาที่ใส่สะอาดของเย่เจียเหอมองมาที่ลู่จิ่งโม่ "ใช่ไหมคะ ที่รัก?"

และลู่จิ่งโม่ก็ฝืนยิ้มออกมาอย่างทื่อๆว่า "ใช่"

จากนั้นคุณปู่ลู่ก็ยิ้มอย่างเมตตาออกมา พยักหน้าและพูดว่า "ต้องแบบนี้สิ! สมัยเมื่อปู่ยังหนุ่มๆนะ ก่อนแต่งงาน ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงแม้แต่หน้าก็ยังไม่ได้พบกันมาก่อนเลย ต่อมาก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปตลอดชีวิตไม่ใช่เหรอ? นอกจากนี้เจียเหอยังเป็นเด็กสาวที่ดีขนาดนี้ด้วย แกต้องหวงแหนเธอเอาไว้นะ!"

เมื่อได้ยินคำสั่งสอนของคุณปู่ ลู่จิ่งโม่ก็หน้าชาไปหมดแล้ว

ทันทีที่ทั้งสองเดินมาถึงโรงรถ ลู่จิ่งโม่ก็หยุดฝีเท้าลง

เขามองไปที่เธออย่างจริงจัง "เย่เจียเหอ เมื่อวานผมเพิ่งจะเตือนคุณนะว่า อย่าเรียกผมแบบนี้"

เย่เจียเหอกะพริบตา และพูดอย่างไร้เดียงสาว่า "ก็เมื่อวานคุณบอกว่า ขอแค่เราไม่ได้หย่าร้างกัน คุณก็ยังเป็นสามีของฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ? แล้วการที่ฉันเรียกคุณแบบนี้ มันผิดตรงไหนกันล่ะ?"

"เย่เจียเหอ! คุณต้องการทำให้ผมโกรธจนตายไปเลย ใช่หรือเปล่า?"

ลู่จิ่งโม่ขมวดคิ้วแน่น และบีบไปที่หัวคิ้ว

ตอนนี้เย่เจียเหอไม่อยากจะทนอีกแล้ว ปกติเธอก้มหน้าก้มตายอมตามใจเขา แล้วมันได้อะไรขึ้นมา?

เธอไม่สามารถทำให้หัวใจที่โหดร้ายของลู่จิ่งโม่อ่อนลงได้ และในทางกลับกัน กลับทำให้ผู้ชายคนนี้พามือที่สามขึ้นมานั่งบนหัวเธอแล้วอีกต่างหาก!

ด้วยเหตุนี้ เย่เจียเหอก็ได้ขึ้นรถของเขาไปอย่างสง่าผ่าเผย

ระหว่างทาง เขาก็ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า "เย่เจียเหอ อย่าคิดว่าคุณมีคุณปู่คอยหนุนหลังแล้ว คุณจะทำอะไรก็ได้นะ! ทางที่ดีคุณสงบเสงี่ยมเสียหน่อย ความอดทนของผมมีขีดจำกัดนะ!"

"พอดีเลย ความอดทนของฉันก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน!"

เย่เจียเหอยิ้มๆ แล้วพูดคำต่อคำว่า "ที่รัก ส่งฉันแค่ตรงข้ามประตูมหาลัยก็พอแล้วล่ะ ตอนเย็นอย่าลืมมารับฉันด้วยนะ"

ลู่จิ่งโม่เบรกอย่างแรง "คุณอย่าได้คืบก็จะเอาศอกนะ! ตอนเย็นผมไม่ว่าง คุณเรียกแท็กซี่ไปเองก็แล้ว"

เย่เจียเหอพยักหน้า "โอเค งั้นฉันก็จะโทรหาคุณปู่ ให้เขาส่งคนขับรถมารับฉันก็แล้วกันนะ"

……

ตามคาด คำพูดของคุณปู่นั้นได้ผลกว่าทุกอย่างเสมอ

เวลาหกโมงครึ่ง เย่เจียเหอเดินออกมาจากมหาลัย และเห็นรถปอร์เช่สีแดงที่สะดุดตาของเขา

ในเวลานี้ เสียงร้องขอความช่วยเหลือก็ได้ดังขึ้นมาท่ามกลางความวุ่นวาย

"มีหมอหรือเปล่า? มีคนล้มลงแล้ว"

"ดูจะร้ายแรงมากนะ! เหมือนจะไม่มีลมหายใจแล้ว"

“……”

ในฐานะที่เป็นนักศึกษาแพทย์ เย่เจียเหอจึงไม่สามารถนิ่งดูดายได้

เธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป

คุณยายคนหนึ่งถูกห้อมล้อมไปด้วยฝูงชน เธอล้มลงอยู่บนพื้น ใบหน้าเขียวคล้ำ และหมดสติไปแล้ว

เย่เจียเหอรีบให้ฝูงชนที่อยู่โดยรอยถอยออกไป เพื่อเว้นพื้นที่ให้กับเธอ

ขณะที่เธอกำชับในคนรอบๆโทรแจ้งรถโรงพยาบาล เธอก็ได้ทำซีพีอาร์ให้กับคนแก่ไปด้วย

"ขอถามหน่อยว่าผู้ป่วยเป็นโรคหอบหืดหรือเปล่า? พกสเปรย์รักษาโรคหอบหืดมาด้วยไหม?"

เย่เจียเหอตัดสินจากอาการของหญิงชราว่าน่าจะเป็นโรคหอบหืด และไม่ได้ใช้ยาเป็นเวลานานทําให้สมองขาดออกซิเจนและหัวใจหยุดเต้น

"ฉันมี ฉันมี!"

จังหวะนั้นมีผู้หวังดีนำยาหอบหืดของตนเองมามอบให้

เธอทำซีพีอาร์สิบกว่านาที บวกกับฤทธิ์ของยาหอบหืด ในที่สุดใบหน้าของหญิงชราก็ได้ฟื้นกลับคืนมา

ในเวลานี้ รถพยาบาลฉุกเฉินก็มาถึงแล้ว

"นักศึกษาเย่ หากเธอไม่ได้ช่วยคุณเอาไว้ทันเวลา และพยายามขนาดนี้ คาดว่าคุณยายคงรอเรามาไม่ได้แล้วล่ะ"

หมอที่ลงมาจากรถพยาบาลฉุกเฉินบังเอิญเป็นอาจารย์ที่เคยสอนเย่เจียเหอมาก่อน ดังนั้นจึงกล่าวชมนักศึกษาของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ

และการที่เขาสามารถสอนนักศึกษาที่เก่งแบบนี้ออกมาได้ เป็นความภาคภูมิใจของเขาโดยแท้

ฝูงชนโดยรอบต่างก็ชื่นชมความกล้าหาญของเย่เจียเหอ และมีความรู้สึกมากมายกับเหตุการณ์ที่ลุ้นระทึกเมื่อครู่ที่ผ่านมา

ฝูงชนได้ทยอยแยกย้ายกันออกไป และเธอก็พบว่าลู่จิ่งโม่ยืนอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น

เย่เจียเหอกระวนกระวายเล็กน้อย และดวงตาทั้งคู่ก็ได้ประสานกัน

เธอไม่เคยเห็นแสงที่นุ่มนวลเช่นนี้ในสายตาของลู่จิ่งโม่มาก่อน ราวกับว่ามันมีความอบอุ่นและไม่ได้ดูเย็นยะเยือกขนาดนั้นแล้ว

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status