Share

บทที่ 4 ความลังเล

Aвтор: malinee
last update Последнее обновление: 2025-02-10 09:45:24

ห้องโถงกว้างใหญ่และว่างเปล่า คำพูดของอันซวนดังก้อง แต่สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉย

เล่อจื่อมองฮั่วตู้ พยายามสังเกตปฏิกิริยาของเขา

ดูเหมือนว่าอันซวนจะเป็นองครักษ์คนสนิท เขาจะยอมหรือไม่

ฮั่วตู้หัวเราะเบาๆ เงยหน้าขึ้น แต่ก็ไม่ได้แสดงความประหลาดใจ เขาไม่ได้ถามเหตุผล เพียงแต่กล่าวว่า

"ได้ เจ้ารู้กฎดีแล้วใช่หรือไม่"

อันซวนคลายสีหน้าลง ราวกับโล่งอก หลังจากพยักหน้ารับ เขาก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่เอ่ยขอบคุณ

ฮั่วตู้เหลือบมองเล่อจื่อที่กำลังงุนงง เห็นแววสงสัยบนใบหน้าของนาง

ไม่แปลกที่นางจะสงสัย

เขากับคนใต้บังคับบัญชามีกฎระหว่างกัน เขาไม่ชอบการวิงวอน และไม่ชอบให้ใครมาวิงวอนเขา

คำว่า "ขอ" ไร้ประโยชน์

เขาชอบการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม หากต้องการสิ่งใดจากเขา ก็ต้องแลกมาด้วยสิ่งที่มีค่าเท่ากัน

จ่ายเท่าไหร่ ก็ได้เท่านั้น

ยุติธรรม

แต่... ฮั่วตู้ยกยิ้มมุมปาก มองไปยังคนที่อยู่ข้างๆ

บัดนี้ ห้าแคว้นต่างแยกจากกัน ชนเผ่าใหญ่สามเผ่าสวามิภักดิ์ต่อแคว้นฉี ใครๆ ก็รู้ว่าแคว้นหลี่ปกครองด้วยความเมตตา แม้แต่ชาวบ้านธรรมดาก็เป็นมิตร ต่างจากแคว้นอื่น

และตอนนี้ แคว้นหลี่ล่มสลายแล้ว

เมื่อครู่ เขารอนาน อยากรอดูว่าอดีตองค์หญิงแห่งแคว้น หลี่จะวิงวอนแทนเหล่านางกำนัลหรือไม่ แต่ไม่รู้ว่าความเจ็บปวดจากการเสียแคว้นทำให้ความเมตตาของนางหายไป หรือนางไม่ใช่คนใจดี หรือต้องการอดทนเพื่อฮั่วซู่...

เอาล่ะ ในเมื่อเขาไม่ได้รอให้นางเอ่ยปาก

น่าเสียดายยิ่งนัก หากนางเอ่ยปาก คงได้ให้นางเข้าไปทำหน้าที่แทนพวกนางกำนัลเป็นแน่

ดูสิ เขากำลังจะทำการค้าที่ขาดทุน

อ่า

รวมเมื่อคืนนี้ก็เป็นครั้งที่สามแล้ว

พระชายาของเขานี่ช่างโชคดีจริงๆ

เสวี่ยถวนคงนั่งบนตักของฮั่วตู้นานเกินไป จึงกระโดดลงมาพร้อมเสียงร้องเหมียวๆ แล้ววิ่งออกไปเล่นนอกตำหนัก

บางทีอาจเป็นเพราะข่าวลือที่ว่าหลี่มาม่าปะทะกับพระชายา ณ เวลานี้ ขันทีผู้รับผิดชอบเรื่องอาหารจึงเดินเข้ามาในตำหนักพร้อมสมุดรายการอาหารด้วยท่าทางสั่นเทา

"ขอเดชะฝ่าบาทองค์ชายรัชทายาทและพระชายา นี่คือรายการอาหารกลางวันวันนี้พ่ะย่ะค่ะ หากต้องการเพิ่มอาหารใด โปรดรับสั่ง"

ฮั่วตู้โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ "ให้พระชายาดู"

เล่อจื่อรับสมุดรายการอาหารมา พลางเบิกตากว้างเมื่อเห็น

โอ้สวรรค์ อาหารกลางวันมื้อนี้ช่างหรูหราอลังการราวกับงานเลี้ยงใหญ่

ดูเหมือนคนข้างล่างจะหวาดกลัวกันไม่น้อย

"อาหารล้วนถูกปากหม่อมฉันเพคะ" เล่อจื่อโค้งคำนับเล็กน้อยพลางยื่นสมุดรายการอาหารให้ฮั่วตู้

"ฝ่าบาท ทอดพระเนตรดูเพคะ มีสิ่งใดอยากเสริมหรือไม่"

"หากพระชายาพอใจแล้วก็ตามนั้น"

ขันทีผู้นั้นรู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก รีบถอยออกไป

"เดี๋ยว" ฮั่วตู้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง "เตรียมอาหารประเภทปลาเพิ่มอีกสองสามอย่าง"

เล่อจื่อเอนหลังพิงเก้าอี้มะฮอกกานีอย่างอ่อนแรง ฮั่วตู้จากไปได้ครู่หนึ่งแล้ว แต่ฝ่ามือและหลังของนางยังคงมีเหงื่อเย็นๆ ไหลซึม ความรู้สึกหวาดกลัวยังคงปกคลุมไปทั่วร่าง

นางรู้ตัวดีว่าสิ่งที่ฮั่วตู้ทำเมื่อครู่นี้ ไม่ใช่เพื่อปกป้องหรือให้อำนาจแก่นางแต่อย่างใด

แล้วเขาต้องการสิ่งใดกันแน่?

นางไม่อาจหยั่งถึง

ก่อนหน้านี้ ฮั่วซู่เคยบอกนางว่า ฮั่วตู้คือหมาป่า

ไม่สิ นางเกรงว่าจะร้ายยิ่งกว่านั้นเสียอีก เพียงแค่เขานั่งอยู่ตรงนั้น ก็สามารถสร้างแรงกดดันจนน่าหายใจไม่ออก...

"คุณหนู!"

เล่อจื่อได้สติกลับคืนมา เห็นหลี่เหยาจ้องมองนางด้วยสีหน้ากังวล

"เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ บ่าวเห็นทหารองครักษ์คุมตัวหลี่มาม่ากับพวก..."

"เจ้าเห็นหรือไม่ว่าพวกเขาถูกพาตัวไปที่ใด"

หลี่เหยาส่ายหน้า "ทหารองครักษ์หน้าตาเย็นชา บ่าวไม่กล้าแม้แต่จะมอง พูดอะไรถึงเรื่องตามไปเจ้าคะ"

นางหยุดครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "เช่นนั้น ให้บ่าวไปสืบดูดีหรือไม่เจ้าคะ"

"ไม่ต้อง" เล่อจื่อสั่งเสียงเข้ม "เรื่องนี้เจ้าไม่ควรล่วงรู้ และห้ามเอ่ยปากกับผู้ใดข้างนอก เข้าใจหรือไม่"

ในตำหนักตะวันออกอันกว้างใหญ่แห่งนี้ ใครเล่าจะกล้าเล่นตุกติกใต้จมูกของฮั่วตู้

หลี่มาม่าเพิ่งพูดจาเหลวไหลไปไม่กี่คำ เขาก็รู้ทันที นางยังจะมีหน้าไปทำสิ่งใดอีก

หลังจากหลี่เหยาพยักหน้ารับคำ นางก็หยิบขนมที่ห่ออยู่ในแขนเสื้อออกมา มองใบหน้าซีดเซียวของเล่อจื่อ แล้วถามเบาๆ

"เช่นนั้น คุณหนูยังจะทานขนมนี้อีกหรือไม่เจ้าคะ"

"ทาน!"

ความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เล่อจื่อสั่งให้หลี่เหยาชงชาร้อนๆ มาหนึ่งกา แล้วกินกับขนม

ขนมนี้เนื้อหยาบ รสชาติก็ไม่ได้ดีนัก นางกินไปได้เพียงไม่กี่คำก็รู้สึกติดคอ แต่เมื่อคิดถึงอาหารกลางวันมื้อใหญ่ นางจึงไม่กล้ากินจนอิ่ม

ชาร้อนๆ ไหลลงสู่กระเพาะ ทำให้ร่างกายค่อยๆ อบอุ่นขึ้น ไอร้อนจากถ้วยชาลอยขึ้นมาปะทะดวงตา ทำให้นางมองเห็นภาพพร่าเลือน

"จื่อจื่อ...จงมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี ลืมเรื่องราวทั้งหมดเสีย อย่า...อย่าคิดแก้แค้น"

นี่เป็นคำพูดสุดท้ายที่ท่านพ่อหวงซูกล่าวกับนาง

นางสามารถทำตามสัญญาได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

นางจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี

นับจากนี้ไป นางจะไม่ปล่อยให้ตนเองต้องหิวโหย หนาวเหน็บ หรือเจ็บป่วย นางจะพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไป

แต่ทว่า—

ความแค้นจากการตกเป็นเมืองขึ้น นางไม่มีวันลืมเลือน

ความแค้นจากการสูญสิ้นแผ่นดิน นางไม่มีวันลืมเลือน

เมื่อนางก้าวออกจากตำหนักใหญ่ ห่อกายด้วยเสื้อคลุมผ้าฝ้ายสีขาวราวหิมะ เกล็ดหิมะก็เริ่มโปรยปรายลงมาภายนอก

อาภรณ์ชั้นในของนางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ที่ไหลรินจากแผ่นหลัง เมื่อต้องเผชิญกับสายลมหนาว เล่อจื่อ อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เท้าที่ก้าวเดินกลับตำหนักพักจึงเร่งเร็วขึ้น

แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไกล ก็มีร่างบางปรากฏขึ้นขวางทางนางไว้ เมื่อนางหยุดเดิน นางกำนัลผู้นั้นก็คุกเข่าลง ก้มศีรษะคำนับเบื้องหน้านาง

"บ่าว ขอบพระทัยพระชายาที่ทรงช่วยชีวิต!"

ช่วยชีวิต?

เล่อจื่อขมวดคิ้ว "เจ้าเป็นผู้ใด"

นางกำนัลเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นดวงตาที่ใสกระจ่าง แววตาแดงก่ำ ใบหน้าซีดเซียว แต่ด้วยรูปโฉมงดงามแต่กำเนิด จึงไม่ได้ดูน่าเกลียด

เล่อจื่อรู้สึกคุ้นหน้าหญิงผู้นี้อยู่บ้าง

"บ่าวชื่อจิงซินเพคะ"

ที่แท้ก็คือนาง นางกำนัลที่ตั้งใจไปดูผ้าปูนอนบนเตียงในห้องบรรทมนี่เอง?

นางคงไม่รู้ว่า อันซวนได้ช่วยนางไว้...

"ลุกขึ้นก่อนเถิด" เล่อจื่อมองพื้นดินที่เย็นเยียบแล้วเอ่ย

"ผู้ใดบอกเจ้าว่าข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้"

"ทหารองครักษ์พาพวกเราไปได้ครึ่งทาง ก็ปล่อยตัวบ่าว บอกว่าพระชายาขอความเมตตาให้บ่าวเพคะ" จิงซินยังไม่ทันลุกขึ้น ก็โค้งคำนับเล่อจื่ออีกครั้ง น้ำตาคลอเบ้า

"บ่าวถูกหลี่มาม่าบังคับ ให้ใส่ร้ายพระองค์และพระชายา เป็นความผิดร้ายแรง บ่าวขอขอบพระทัยพระชายาที่ทรงเมตตา"

ดูเหมือนอันซวนจงใจปิดบังนาง

"ลุกขึ้นเถิด" เล่อจื่อสั่งหลี่เหยาให้ช่วยพยุงนางขึ้น แล้วถามว่า

"ตอนนี้เจ้าประจำอยู่ที่ใด"

"กราบทูลพระชายา บ่าวประจำอยู่ที่ห้องเครื่องเพคะ"

เล่อจื่อพยักหน้า "เช่นนั้นก็กลับไปเถิด ช่วงนี้อากาศหนาวเย็น จงสวมใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่น"

จิงซินพยักหน้ารับคำ โค้งคำนับอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป

หิมะเริ่มตกหนักขึ้น เกล็ดหิมะโปรยปรายลงบนเส้นผมสีดำขลับและขนตาของเล่อจื่อ นางรีบสาวเท้าเดินกลับตำหนักบรรทม

เมื่อก้าวเข้าไปในตำหนัก สายตาสำรวจไปรอบๆ เล่อจื่อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

โชคดีที่ฮั่วตู้ไม่ได้อยู่ในตำหนัก

หลี่เหยาช่วยนางเปลี่ยนอาภรณ์ที่เปียกชื้น สวมชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนให้นาง หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ห่มเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวราวหิมะให้นาง

ความหนาวเย็นค่อยๆ จางหายไป

ไม่นานนัก ก็มีนางกำนัลเข้ามาในตำหนัก เชิญนางไปยังห้องอาหารเพื่อเสวยอาหารกลางวัน

ต่างจากอาหารเช้า บัดนี้บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารรสเลิศนานาชนิด ฮั่วตู้คงไม่คุ้นเคยกับการมีคนอยู่รอบข้างขณะรับประทานอาหาร บรรดานางกำนัลและขันทีจึงถอยออกไปรอรับคำสั่งอยู่ด้านนอกตำหนัก

ในห้องอาหารจึงเหลือเพียงนางกับฮั่วตู้

เล่อจื่อค่อยๆ รับประทานทีละคำ ทีละคำ ด้วยท่าทางเคร่งขรึม

บุรุษที่นั่งอยู่ข้างๆ วางตะเกียบเงินลง "เล่อจื่อ"

เมื่อได้ยินเขาเอ่ยชื่อ เล่อจื่อจึงรีบวางตะเกียบเงินลงเช่นกัน เงยหน้ามองเขา

"ฝ่าบาท มีสิ่งใดจะรับสั่งเพคะ"

ฮั่วตู้หัวเราะเบาๆ "เจ้าไม่ชอบพูดจา หรือว่าเจ้ากลัวข้ากันแน่"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บัลลังก์รัก บัลลังก์แค้น   บทที่ 65นางเพียงต้องการเกาะเขาไว้ด้วยความเอาแต่ใจ โดยไม่คิดจะปล่อยมือ…

    นางแค่อยากจะแนบชิดเขา ไม่อยากปล่อยมือ...เมื่อร่างทั้งร่างถูกดึงเข้าสู่ความมืดมิด ร่างกายก็เหมือนถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งถูกแช่ในน้ำแข็ง อีกส่วนหนึ่งตกลงไปในกองเพลิง แต่ความคิดของเล่อจื่อกลับแจ่มชัด...ท่ามกลางความร้อนและความหนาว ร่างกายของนางถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดที่คุ้นเคย นางแนบชิดอกของเขา ฟังเสียงหัวใจของเขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ไหลเข้าสู่ร่างกาย รวมตัวกันที่หัวใจที่เต้นผิดจังหวะ ค่อยๆ สงบลงคนโง่...แม้จะมีพลังภายในสูงส่งเพียงใด ก็ไม่ควรใช้อย่างไม่ระมัดระวังเล่อจื่ออยากจะห้ามเขา จึงพยายามจะเอ่ยปาก แต่กลับพบว่า นางส่งเสียงไม่ออก หากนางจำไม่ผิด ไข้ลมพิษร้าย ทำให้เกิดอาการพูดไม่ได้เช่นนั้น นางจะพูดไม่ได้อีกแล้วหรือทันใดนั้น ริมฝีปากอุ่นๆ ก็ทาบทับลงมา แนบริมฝีปากของนางอย่างแผ่วเบา ราวกับปลอบโยน และลูบไล้ไปพร้อมๆ กัน ท่ามกลางความเจ็บปวดและชาหนึบ นางรู้สึกถึงริมฝีปากของเขาที่กำลังจูบความเจ็บปวดค่อยๆ บรรเทาลง เล่อจื่อรู้สึกเพียงว่า ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เสื้อผ้าบางๆ ติดผิวหนัง เหนียวเหนอะหนะ นางรู้สึกว่

  • บัลลังก์รัก บัลลังก์แค้น   บทที่ 64 ฝ่าบาทไม่ควรมา

    ภายในห้องเงียบสงัด แม้แต่เสียงน้ำตาที่หยดลงบนหน้าตักก็ยังได้ยินอย่างชัดเจนเล่อจื่อยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้า แล้วหันไปจุดเทียนสีแดงบนโต๊ะ นางสูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ"ฝ่าบาทไม่ควรมา"ฮั่วตู้ไม่พูด สีหน้าก็ไม่เปลี่ยน แต่มือที่จับไม้เท้าหยกขาวกลับกำแน่น จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะอย่างช้าๆ หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาจากกองกระดาษมากมาย..."เสิ่นหวยยังคงต้องใช้แผนการนี้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อฝ่าบาทมาก" เล่อจื่อเห็นว่าเขาหยิบแผ่นไหนขึ้นมา จึงอธิบายแผนการของนางเบาๆ"และหากท่านต้องการดึงเสิ่นหวยมาเป็นพวก ต้องเริ่มจากเสิ่นชิงเหยียน ฝ่าบาทสามารถ..."กระดาษทั้งแผ่นถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในมือของฮั่วตู้ ร่วงหล่นลงพื้น มองไม่ออกว่าเขียนอะไรไว้ เล่อจื่อเบิกตากว้าง รู้สึกโกรธ คำพูดทั้งหมดที่อยากจะพูดถูกปิดกั้น"เหตุใดจึงไม่บอก" ฮั่วตู้นั่งลง หันหน้าเข้าหานาง ดวงตาคมจ้องมองนาง รออยู่ครู่หนึ่ง เห็นว่านางไม่พูด เขาก็เบนสายตาไปที่กระดาษที่เหลืออยู่บนโต๊ะ กวาดตามอง...หืม นี่อะไรกัน จดหมายลาตาย?และเมื่อครู่ น้ำเสียงของ

  • บัลลังก์รัก บัลลังก์แค้น   บทที่ 63 ถอยไป

    จิงซินที่ยืนอยู่ข้างๆ ตกใจกับโทสะของฮั่วตู้ นางมองแผ่นหลังตรงของคุณหนู นึกถึงความร้อนผิดปกติจากแขนของคุณหนูตอนที่พยุงเมื่อครู่ ยิ่งรู้สึกกังวลใจนางอยากพยุงคุณหนูไปพักผ่อนที่ห้อง แต่ฝ่าบาทยืนขวางทางอยู่ ทั้งสองต่าง ไม่มีใครยอมหลีกทาง...เอาไงดี!นางเหลือบมองอันซวนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฝ่าบาท พบว่าเขาก็กำลังมองนางอยู่เช่นกัน นางอดตกใจไม่ได้ท่านอันซวน... จิงซินจำได้ว่าช่วงนี้นางยุ่งมาก จึงมักบังเอิญเจอท่านอันบ่อยๆ แม้ท่านอันจะไม่ค่อยพูด แต่ก็ช่วยนางไว้มากมาย นางจึงทำขนมไปขอบคุณเขาเป็นครั้งคราวนางคิดว่า นางกับอันซวนก็นับว่ามีความสัมพันธ์ฉันมิตรใช่หรือไม่?นางจึงลองส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากอันซวนอันซวนเข้าใจความหมายของนางในทันที ใบหน้าของเขาเรียบเฉย แต่ในใจกลับปั่นป่วนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ก่อนที่นางจะความจำเสื่อมจนถึงตอนนี้ นางลืมทุกอย่าง แม้ในยามยากลำบากที่สุด จิงซินก็ไม่เคยขอร้องใคร...นี่เป็นครั้งแรกอันซวนไม่อาจปฏิเสธที่จะช่วยนางได้เขาก้าวไปข้างหน้า กราบทูลฝ่าบาทผู้เอาแน่เอานอนไม่ได้ "ถอยไป..."

  • บัลลังก์รัก บัลลังก์แค้น   บทที่ 62 เจอแล้ว

    ลมหายใจอุ่นๆ รินรด เล่อจื่อก้มหน้าลงอย่างขวยเขิน จุมพิตของเขาร่วงลงบนหน้าผากของนาง...แผ่วเบา ทิ้งไว้เพียงความอบอุ่นแม้ในห้องจะมีเตาผิง แต่ยามค่ำคืนอากาศก็ยังคงหนาวเย็น ฮั่วตู้โอบกอดเล่อจื่อเบาๆ นอนลงเคียงข้างกัน แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมกายทั้งสอง ผ้าห่มในวัดค่อนข้างหยาบ ไม่นุ่มนวลเหมือนในจวน เล่อจื่อพลิกตัว ขมวดคิ้วเล็กน้อยผ้าห่มหยาบเสียดสีกับลำคอ ทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัวเมื่อเห็นดังนั้น ฮั่วตู้จึงดึงผ้าห่มออกจากตัวนาง จ้องมองลำคอขาวเนียน เพียงชั่วครู่ ผิวขาวผ่องก็แดงระเรื่อ เขาไม่ลังเลที่จะถอดเสื้อคลุมสีแดงเข้มออก คลุมลำคอที่โผล่พ้นผ้าห่มของนาง ก่อนจะห่มผ้าให้เรียบร้อยเสื้อผ้าของเขาคลุมกายนาง กลิ่นหอมคุ้นเคยอบอวลอยู่ปลายจมูก ทำให้นางรู้สึกเคลิบเคลิ้ม... แต่นางไม่อยากคิดถึงสาเหตุที่ทำให้นางรู้สึกเช่นนั้นเล่อจื่อหลับตาลงเบาๆ แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางครุ่นคิดถึงเรื่องของเสิ่นชิงเหยียน นางร่ายแผนการทั้งหมดในใจออกมา แล้วเปรียบเทียบอย่างรอบคอบ"...แต่ถ้าเป็นเช่นนี้ หากเสิ่นชิงเหยียนเปลี่ยนใจกลางคัน พวกเราจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ..."

  • บัลลังก์รัก บัลลังก์แค้น   บทที่ 61 เอาแต่ใจ

    ม่านเตียงทิ้งตัวลง ปิดบังร่างสองร่างที่แนบชิด เล่อจื่อผละออกจากอ้อมกอดของฮั่วตู้ หายใจหอบปร่า ดวงตาเหลือบไปเห็นปลายขาของทั้งสองที่แนบชิดกัน ผ่านเนื้อผ้าบางเบานางสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายเย็นเยียบของเขา ก่อนจะยกนิ้วมือขึ้นแตะริมฝีปากอย่างเผลอไผล ความอบอุ่นจากจุมพิตยังคงติดตรึงอยู่"ยังคงรำลึกถึงรสจุมพิตอยู่รึ" เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเย้าหยอกเล่อจื่อหันไปมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ เขาก็กำลังจ้องมองนางเช่นกัน แถมยังเลียนแบบนาง ยกนิ้วมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอีกด้วยช่าง.. เจ้าเล่ห์นัก!"วันนี้ชดใช้หนี้หมดแล้วหรือยังเพคะ" นางเม้มริมฝีปาก แก้มแดงระเรื่อ เอื้อมมือไปคว้าชายแขนเสื้อของเขา ดึงเบาๆ"ฝ่าบาท กลับมาเถิดเพคะ!"ฮั่วตู้จ้องมองนาง ความขัดเขินของนางทำให้เขาพึงพอใจยิ่งนัก รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าคมคายเขาจับมือนางไว้ ดึงเข้ามาในอ้อมกอดอย่างแผ่วเบา เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "ไล่ข้าไปรึ"เล่อจื่อวางมือบนอกเขา พยายามผลักออก แต่เมื่อรู้ว่าไร้ผล นางจึงยอมแพ้"หม่อมฉันไหนเลยจะกล้าไล่ฝ่าบาทเพคะ" นางพูดอย่างงอนๆเขามักจะเอ

  • บัลลังก์รัก บัลลังก์แค้น   บทที่ 60 ทวงหนี้

    เสิ่นชิงเหยียนกลับไร้อารมณ์ นางจัดปกเสื้อผ้าให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย แล้วนั่งลง จากนั้นก็ยิ้มให้เล่อจื่อที่กำลังตกตะลึง"เจ้าเห็นชัดเจนแล้วหรือ นี่คือคนที่เจ้าคอยช่วยเหลือ"เล่อจื่อรู้สึกตัว ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ"ฮั่ว... ฮั่วซู่ทำหรือ"รอยแดงเข้มเหล่านั้นน่าตกใจ ดูไม่เหมือนถูกตี...แต่ทำไมถึงดูคุ้นๆความทรงจำผุดขึ้นในหัว เล่อจื่อนึกถึงหนังสือที่แม่นมนำมาให้นางดูก่อนวันแต่งงาน... ในนั้นวาดภาพมากมาย ล้วนบิดเบี้ยวและน่าเกลียด ทำให้นางหวาดกลัวในคืนแต่งงานร่องรอยบนร่างกายของผู้หญิงในหนังสือเล่มนั้นคล้ายกับรอยแดงบนตัวของเสิ่นชิงเหยียนมากดังนั้น ไม่ใช่ถูกตี แต่ถูกทารุณตอนร่วมรัก..."ในเมื่อเจ้ากับข้าต่างก็แต่งงานแล้ว ย่อมต้องเข้าใจเรื่องบางเรื่อง" เสิ่นชิงเหยียนแสยะยิ้มอย่างดูถูกตัวเอง จากนั้นก็มองเล่อจื่อ"ข้าตาบอด แต่เจ้า..."ในแววตาของเสิ่นชิงเหยียนเต็มไปด้วยความสงสัย นางไม่เข้าใจความแค้นจากการทำลายล้างแค้วนและการฆ่าล้างตระกูล ในสายตาขององค์หญิงแห่งแคว้นหลี่คนนี้ นางเทียบไม่ได้กับผู้ชายคนหนึ่งหรือแต่...นางม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status