แชร์

บทนำ ฝันร้าย 5

ผู้เขียน: LIttlelion
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-07 21:45:42

ตกดึกข้านั่งหลุบตามองท้องตัวเองด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโกรธ เกลียด แค้น ตั้งใจจะหลีกหนีออกไปอยู่ที่อื่น พอคลอดออกมาก็จะมอบเด็กให้เป็นบุตรคนเล็กของท่านพ่อ นี่คือแผนการที่ผุดขึ้นมาในหัวก่อนหน้านี้

แต่คำกล่าวของเจี่ยเจียกลับลบล้างความคิดเห็นแก่ตัวนี้ เด็กที่เกิดมาไม่ผิด ที่ผิดคือบุรุษต่ำทรามผู้นั้น

เอาเถิด…วันนี้ยังไม่อาจทำใจได้ พลันพออุ้มท้องไปประเดี๋ยวก็เกิดความผูกพันขึ้นมาเอง ข้ากล่าวปลอบใจตนเองอยู่นานก็ถึงคราเข้านอน สูดดมกลิ่นหอมของสมุนไพรคลายความเครียดที่พ่อบ้านหมิงนำมาให้ยามเย็น และนอนหลับสนิทลงไปในที่สุด

ความมืดที่จมดิ่งและเงียบสงบ แต่มิใช่ว่าจะไม่มีพายุ เปรียบดั่งใจมนุษย์ ความกลัวที่เกิดขึ้นจากการทรมาน ความเจ็บที่เกิดขึ้นจากการไม่ยินยอม และการยัดเยียดในสิ่งที่ไม่ต้องการ เป็นสิ่งที่ส่งผลตรงกับจิตใจและความรู้สึกของคนเรา

ภายนอกที่สงบนิ่ง หากจิตใจและความรู้สึกยังจดจำ มันยังฝังรากลึกอยู่ภายใต้จิตใจของพวกเขา

ไป๋ซิงหนี่ว์เองก็เป็นเช่นนั้น ความเจ็บปวดนี้ถูกระบายออกมาจากจิตใต้สำนึกยามนางนอนหลับ ทุกค่ำคืนฝันร้ายนั้นจะวกกลับมาใหม่ ต้นขาทั้งสองสั่นระริกแนบเข้าหากัน ฝ่ามือจิกลงที่นอนเกร็งจนเห็นเส้นเลือด

ความเจ็บทางกายที่ไม่ยินยอม และทางใจที่ถูกยัดเยียด มิต้องเอ่ยถึงเลยว่าสำหรับครั้งแรกของสตรีจะโหดร้ายแค่ไหน มันปวดร้าวฉีกขาด เจ็บแสบมากเพียงใด เมื่อมิได้มีความรู้สึกร่วมด้วย ยังต้องใช้เวลาในการรักษาตัวอยู่นาน และลำบากในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก

ความเลวร้ายทั้งหมดคือสิ่งที่จิ้นฝานทิ้งเอาไว้ให้กับนาง นางที่ไม่เคยข้องแวะกับเขา หรือยุ่งเกี่ยวกับเขาแม้แต่น้อย นางที่แทบไม่เคยสนทนาด้วย แต่ไฉนกลับเป็นที่ระบายอารมณ์ใคร่ของเขาไปได้

ณ กลางดึกนี้ ดวงหน้างามซีดเซียวทรุดโทรมตามสภาพจิตใจ นอนกระสับกระส่าย เหงื่อผุดเต็มกรอบหน้า และแผ่นหลัง เสียงคร่ำครวญที่ดังลอดออกปากริมฝีปากแห้ง คำกล่าวเว้าวอนขอความเห็นใจจากปีศาจชั่วช้าที่นางเผชิญอยู่ในฝัน ฝ่ามือใหญ่ของมันเอื้อมเข้ามาใกล้ ดวงหน้าหยิ่งทระนงกำลังยิ้มเยาะบีบแขนนางเอาไว้แน่น

ความเจ็บปวดนี้ถ้าไม่รู้สึกหรือเจอด้วยตนเอง ไม่ละเอียดลออต่อความนึกคิดหรือเห็นใจแล้วไซร้ ก็ไม่อาจเข้าใจความทุกข์ที่นางเผชิญอยู่ได้ มันถือเป็นฝันร้ายตามหลอกหลอนให้ทรมานใจ ราวกับเป็นเงาตามตัวมิมีผิด

“ข้าเจ็บ...ปล่อยข้าคุณชายจิ้น!” พรึบ! ข้าสะดุ้งกายตื่นขึ้นมากลางดึกจนกลายเป็นเรื่องปกติ นอนหายใจเข้าออกๆ ให้ใจเย็นลง แล้วยกแขนเช็ดเหงื่อที่ไหลเปียกหน้า

มันถึงคราที่ข้าจะต้องจริงจังต่อความรู้สึกตัวเองเสียที มิเช่นนั้นอาจจะส่งผลต่อเด็กในท้องได้ ถ้านอนหลับครึ่งๆ กลางๆ เช่นนี้

วันรุ่งขึ้น

ข้าตื่นแต่เช้าขึ้นมาอ้วกด้วยอาการแพ้ท้อง หาใช่เพราะอาการเครียดอย่างที่เคยคิดเอาไว้ เมื่อจัดการตัวเองเข้าที่แล้วจึงเดินไปร่วมกินมื้อเช้าที่ตัวคฤหาสน์อย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว

ข้ามองถ้วยข้าวตนเอง ใจจดใจจ่อเพื่อจะหาวิธีรักษาอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นทุกๆ คืน เพราะเวลานี้ตัวข้าหาใช่คนเดียวเหมือนเมื่อก่อน ตั้งใจว่าจะดูแลเด็กที่เกิดมาให้ดี และไม่ทำร้ายเขา ผู้บริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งวุ่นวายมันมิใช่ความผิดของเขาที่ต้องมาร่วมรับกรรมนี้

ไป๋ซิงหนี่ว์อยู่ในความคิดของตนเอง เหม่อมองถ้วยข้าว ส่วนมือก็คีบอาหารร่วงหล่นวนเวียนอยู่เช่นนั้น ทำให้ไป๋มี่อิงที่นั่งสนทนาหยอกเย้ากับเหล่าฮูหยินทั้งสองนั่นคือ เยี่ยเปาและจิวเซียนจึงเอ่ยขึ้น

“เม่ยเหม่ย…วันนี้ออกไปเที่ยวเล่นที่โรงเตี๊ยมหรือไม่ วันนี้ข้าจะพาจิวเซียนและคุณชายเยี่ยไปด้วย ถ้าไปกันหลายๆ คนคงจะสนุกสนานกันมิน้อย”

“เจี่ยเจีย…” ข้าได้สติคืนกลับ ลังเลใจอยู่ว่าจะไปดีหรือไม่ แต่เกือบหนึ่งเดือนมานี้ก็เอาแต่อยู่ในคฤหาสน์ ข้าควรจะออกไปเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย อย่างน้อยๆ ข้าควรจะไปพบปะผู้คน ดีกว่าอุดอู้จมอยู่แต่ในความคิดของตนเอง ถึงได้กล่าวตกลงออกไป

“ไปเจ้าค่ะ”

“เยี่ยมไปเลย…” ไป๋มี่อิงกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง เวลารวบรัดเข้ามาทุกที ปล่อยรั้งไว้นานกว่านี้มีหวังท้องไป๋ซิงหนี่ว์คงโตขึ้นจนเห็นได้ชัดเจน นางต้องรีบจัดการให้เสร็จภายในสามเดือนนี้

เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จข้าจึงขอตัวกลับไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ อืม...ว่าแต่แต่งกายเช่นไรดี ข้าเลือกหยิบอาภรณ์ที่ออกแบบเรียบง่ายสามชุด จากนั้นมินานก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับเสียงสาวใช้ของเจี่ยเจีย

“เสี่ยวเมิ่งเองเจ้าค่ะคุณหนูรอง คุณหนูใหญ่ส่งข้ามาเป็นบ่าวประจำตัวดูแลท่าน” เสี่ยวเมิ่งเอ่ย

“เข้ามาเลย ข้ามิได้ขัดไม้” ข้าตอบนาง

“ว่าแต่คุณหนูทำอันใดอยู่หรือเจ้าคะ” เสี่ยวเมิ่งเอ่ยถามคุณหนู

“กำลังเลือกชุดอยู่ เจ้าว่าข้าควรจะใส่สีไหนดี ระหว่างสีเหลืองกับสีฟ้า” ข้าเอ่ยถาม

“สีไหนก็เหมาะกับคุณหนูทั้งนั้นเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวเมิ่งปากหวานกล่าวเอาใจ

“ตอบมา ข้าต้องการให้เจ้าเลือก มิใช่มากล่าวเอาใจเช่นนี้” ข้าเอ่ยไปตามตรง

เสี่ยวเมิ่งยิ้มแห้งๆ นางลืมนึกไปเลยว่าคุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองนั้นต่างกัน คุณหนูใหญ่อะลุ่มอล่วยอะไรก็ได้ อีกทั้งยังใจดี แต่คุณหนูรองนั่นค่อนข้างเนี้ยบเป็นพิเศษ ถ้าจะกล่าววาจาหยอกล้อเล่นด้วยจะถูกตอกกลับตรงไปตรงมาเช่นนี้

“แฮ่ม...สีเหลืองก็ดีนะเจ้าคะ ดูสดใสดี” เสี่ยวเมิ่งกระแอมคอก่อนจะกล่าวออกไป

“เอาสีเหลืองตามเจ้ากล่าว...ประเดี๋ยวมาช่วยทำผมให้ข้าด้วย” ข้ากล่าวจบก็เดินไปหลังฉากไม้กั้นฉลุลายเถาวัลย์องุ่น ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้เรียบร้อย และเดินกลับมานั่งโต๊ะเครื่องแป้ง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๒ ความจริงที่มาพร้อมความจำใจ / 3

    ส่วนตัวข้าก็สบายตัว ทานอาหารได้คล่องคอมากขึ้น ถึงแม้จะยังมีอาการแพ้ท้องอยู่ก็ตามที หรืออาจจะเป็นเพราะคำแนะนำก่อนหน้านี้ที่ช่วยทำให้สบายใจมากขึ้นก็อาจเป็นไปได้ คำแนะนำของเขาคล้ายกับยาในรูปแบบหนึ่งเจิ้งเหรินอี้ที่นั่งฝั่งตรงข้ามเห็นสีหน้าชื่นมื่นสดใสขึ้นของคุณหนูรองไป๋ ก็ก้มหน้าลงยกจอกชาขึ้นดื่ม แย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย และทอดสายตามองดูนางรำด้านหน้าต่อส่วนจิ้นฝานลุกจากที่นอน จัดอาภรณ์เข้าที่แล้วก็เดินออกจากกระโจมเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้เขาเดินไปนั่งโต๊ะด้านหน้าสุด ซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างโต๊ะของเสนาบดีฝ่ายขวา และยังได้เอ่ยทักทายเสนาบดีจางออกไปสองสามประโยค“ซือจื๋อมานั่งโต๊ะเดียวกันเถิด” เสนาบดีจางเอ่ยเรียกอย่างเป็นมิตร“ขอรับ” จิ้นฝานรับคำ ลุกขึ้นไปร่วมโต๊ะและนั่งหลังตรง หลุบตามองบ่าวที่กำลังเทสุราลงจอกให้เขาเหตุใดต้องเป็นสุรา เพราะอากาศหนาวสุราจึงช่วยดับความหนาวภายในร่างกายลงได้หลายส่วน พวกเขาจึงนิยมนั่งจิบกันเรื่อยๆ ขณะล้อมวงสนทนาสายลมยามดึกพัดผ่าน ทำให้เปลวไฟในคบเพลิงวูบไหว สายลมนี้พัดเอากลิ่นหอมอ่อนๆ ของสุราในมือจิ้นฝานลอยเข้าจมูกมันเป็นกลิ่นหอมที่เหม็นชวนให้ลมในท้องก่อตัวเป็นพายุ ร

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๒ ความจริงที่มาพร้อมความจำใจ / 2

    “ซิงหนี่ว์ เมื่อครู่คุณชายจิ้นมองทางนี้ด้วย” หลิงจูเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ เขย่าแขนเสื้อสหายเบาๆ“เหอะๆ” ข้าเพียงหัวเราะแห้งในคอ เขยิบกายหันหลังให้กับคุณชายจิ้นแทน วันนี้อากาศสดใส ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ นับว่าเป็นวันดี เช่นนั้นแล้วจำเป็นต้องมองแต่สิ่งที่สบายใจและเป็นมงคล หากเห็นของอัปมงคล วันนี้อาจจะวิบัติเอาได้ทางด้านจิ้นฝานรับสุราต้มร้อนๆ ขึ้นมาเป่าไปได้สองลม เพื่อให้ความอบอุ่นคลายหนาวยามเช้า พลันก็ย่นคิ้วเข้า ขยับจอกสุราขึ้นมาจ่อจมูก ทำสีหน้ากระอักกระอ่วน และวางลงไปบนโต๊ะตามเดิมเสนาบดีจางเห็นท่าทางไม่สู้ดีของเขาจึงเอ่ยทักออกไปด้วยความสงสัย“สุรามิถูกปากหรือซือจื๋อ”“กลิ่นมิค่อยถูกจมูกขอรับ” จิ้นฝานตอบไปตามตรง“กลิ่นก็ปกติดีนี่” เสนาบดีจางเอ่ย ยกจอกสุราขึ้นมาดม เงยหน้าขึ้นมองจิ้นฝานอย่างแปลกใจ และเอ่ยขึ้นมาใหม่“ซือจื๋อลองยกขึ้นมาดมดูใหม่เถิด ถ้ากลิ่นยังเหมือนเดิมอาจจะเป็นจอกสุราที่ล้างไม่สะอาดกระมัง จะได้ให้บ่าวมาเปลี่ยนให้ใหม่”“ขอรับ” จิ้นฝานที่คิ้วยุ่ง หลุบตาลงยกจอกสุราขึ้นมาดมเฮือกหนึ่ง ท้องไส้ก็พลันปั่นป่วนขึ้นมาเสียดื้อๆท่านเสนาบดีจางทำตาโต ตกใจมองสีหน้าดำแดงที่เปลี่ยนมาอมเขียวร

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๒ ความจริงที่มาพร้อมความจำใจ / 1

    ๒ความจริงที่มาพร้อมความจำใจเขาผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบาและยืดกายขึ้น ปล่อยมือของนางวางลงช้าๆ และกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น“มีอาการทุกวันไหม”“เกือบทุกวันเจ้าค่ะ” ข้าตอบอย่างเข้าใจในคำถามของเขา“มีอาการอันใดอีกนอกจากอาเจียน” เจิ้งเหรินอี้กลับมาทำสีหน้ายิ้มแย้มตามเดิมเอ่ยถามนางอีก“ไม่ค่อยอยากอาหาร ส่วนมากที่กินเข้าไปคือต้องกินอย่างหลีกเลี่ยงมิได้” ข้าตอบเสร็จก็เม้มปากเข้า มองสีหน้าเป็นมิตรของบุรุษตรงหน้า“อืม...อาการข้างเคียงช่วงนี้ท่านมีเรื่องให้คิดหนักหรือ หยินภายในจึงมิสมดุลเช่นนี้” เจิ้งเหรินอี้กล่าวช้าๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนลงและฟังรื่นหู“มีเจ้าค่ะ จะส่งผลร้ายหรือไม่เจ้าคะ” ข้าเอ่ยถามอย่างร้อนใจ"มากเกินจำเป็นก็ส่งผลร้าย ขนาดคนที่มีร่างกายดีก็ทรุดได้เช่นกัน” เจิ้งเหรินอี้กล่าวจบ ริมฝีปากบางก็ปิดสนิท และยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เข้าใจในความทุกข์ของนางที่เก็บเอาไว้“ข้า…” เสียงแผ่วเบาลอดออกจากปาก หลุบตามองท้องตนเอง พยายามจะไม่คิด แต่มิอาจลบล้างความคิดและความทรงจำได้เลย และเงยหน้าขึ้นไปเอ่ยกับหมอเจิ้ง“ข้าควรจะทำเช่นไรดีเจ้าคะ”“คุณหนูไป๋หมายถึงร่างกายหรือสภาพจิตใจ” เจิ้งเหรินอ

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑ เผชิญดาวร้าย / 12

    “โป๊ยกั๊กนี่นำไปต้มดื่มทุกวันกับน้ำชา ไม่เกินสามวันจะเป็นปกติตามเดิม เจ้าเพียงแค่ข้อเท้าเคล็ดเท่านั้น ข้านำติดกายมาด้วยเพียงเล็กน้อย ถ้าหมดก็ไปขอเอาได้จากในครัว” เจิ้งเหรินอี้กล่าว“จริงหรือเจ้าคะ!” เสี่ยวเมิ่งกล่าวขึ้นเสียงดังอย่างดีใจ นางเพียงข้อเท้าเคล็ดเท่านั้น นึกว่าจะหักเสียแล้ว บ่าวน้อยกล่าวขึ้นในใจ“ฮ่าๆ จริงสิ ข้าจะโป้ปดเจ้าให้ได้อันใด” เจิ้งเหรินอี้หัวเราะก่อนจะเอ่ยตามอย่างขบขันเสี่ยวเมิ่งฉีกยิ้มกว้างก้มหัวขอบใจอีกสามรอบ ส่วนเจิ้งเหรินอี้ก็ยืนประกบมือไว้ด้านหน้าขา และเลื่อนสายตาไปมองคุณหนูตระกูลไป๋ ก่อนจะกล่าวออกไปอีก“ตาท่านแล้ว แต่ข้าต้องขอออกไปล้างมือก่อนสักครู่” เขาหลุบตามองเท้าเสี่ยวเมิ่ง เป็นนัยแฝงไปด้วยข้าเบิกตาขึ้นเล็กน้อย กำมือใต้แขนเสื้อ หายใจติดขัด ก่อนจะพยักหน้ารับเขาอย่างเข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจในยามนี้จะให้หลิงจูสหายคนสนิทนี้ออกไปด้านนอกนั้น ควรจะใช้วิธีอันใดถึงจะดูแนบเนียนมากที่สุด พอหมอเจิ้งหมุนกายเดินออกจากห้องไป ก็ผุดความคิดหาข้ออ้างได้ออก“หลิงจู ข้าหิวข้าวยิ่งนัก” ข้าแสร้งกล่าวเสียงอ่อน เดินกุมท้องไปนั่งด้านข้างของนาง“ซิงหนี่ว์ เจ้ายังมิได้กินข้าวตั้งแต่

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑ เผชิญดาวร้าย / 11

    “ใช่เจ้าค่ะ” หลิงจูเอ่ยขึ้นอีกเจิ้งเหรินอี้ยิ้มรับอย่างเป็นมิตรและเอ่ยขึ้น “แม่นางมีธุระอันใดกับข้าหรือ”“กล่าวไปสิซิงหนี่ว์” หลิงจูกระทุ้งข้อศอกเบาๆ ไปด้านข้าง“ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ข้ามีนามว่าไป๋ซิงหนี่ว์ ส่วนนี่หลิงจู จะรบกวนให้ท่านหมอมาตรวจดูอาการของบ่าวคนสนิทให้เสียหน่อย”เจิ้งเหรินอี้ที่ยังแย้มยิ้มกว้างอยู่นั้น ก็เอียงหน้าลงด้านข้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลุบตามองสตรีงามตรงหน้า พลางใช้หัวครุ่นคิดไปด้วยว่า ‘ไป๋’ ใช่แซ่หนึ่งในสิบตระกูลมหาอำนาจลำดับที่หนึ่งหรือไม่ แต่นับว่าหายากที่เจ้านายจะใส่ใจดูแลบ่าว เขาจึงพยักหน้าตอบรับอย่างสุภาพ พร้อมกับผายมือออกไปด้านหน้า“เชิญแม่นางไป๋นำทาง”“ขอบใจมากเจ้าค่ะ ที่ไม่รังเกียจตรวจดูอาการบ่าวของข้า” ข้าขอบใจแทนเสี่ยวเมิ่ง หมอหลวงนั้นเปรียบดั่งขุนนาง พวกเขาตรวจให้เพียงบุคคลชั้นสูง ไม่มีทางที่จะลดตัวลงมาตรวจอาการบ่าวเช่นนี้ได้“แม่นางไป๋กล่าวเกินไปแล้ว” เจิ้งเหรินอี้กล่าวอย่างเป็นมิตร เดินมาขนาบข้างไป๋ซิงหนี่ว์“มิทราบว่าหมอหลวงมีนามว่าอันใดหรือเจ้าคะ เมื่อครู่พวกข้าเสียมารยาทมิได้เอ่ยถามชื่อกลับ” หลิงจูชะโงกหน้าจากอีกฝั่งไปถาม“ข้ามีนามว่าเจิ้งเหรินอ

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑ เผชิญดาวร้าย / 10

    เป็นไปตามที่จิ้นฝานคิดเอาไว้ เช้าวันที่หนึ่งเขาสะดุ้งกายตื่นขึ้นมาเพราะเสียงอาเจียนของไป๋ซิงหนี่ว์ ลากยาวจนเกือบสองชั่วยาม เขานอนฟังเสียงนั้นเอาแขนหนุนหัวสองข้าง ทอดมองเพดานอย่างทอดถอนใจด้วยความที่มีนิสัยสันโดษ ไม่ชอบสุงสิงกับผู้อื่นที่ไม่สนิท จึงออกไปพบปะสนทนากับขุนนางด้านนอกเพียงเล็กน้อย และเข้ามาเก็บตัวต่อในห้อง ตลอดทั้งวันเขาจะได้เสียงอาเจียนของนางเป็นพักๆ จึงเป็นการรบกวนเขาค่อนข้างมากด้วยเช่นกัน“เคร้ง!” พลันก็มีเสียงเขวี้ยงบางสิ่งที่กระทบเข้ากับผนังห้อง ตามมาด้วยเสียงตะโกนขึ้นสูงของสตรีที่เขาชังหน้า“ว้ายยย เสี่ยวเมิ่ง! ไปเอาอาหารมาใหม่ที ข้าไม่ไหวแล้ว” น้ำเสียงนี้บ่งบอกถึงความไม่พอใจ และเอาแต่ใจของไป๋ซิงหนี่ว์ที่เขาสัมผัสได้บุรุษที่แหงนหน้ามองเพดาน มีหนังสือหนึ่งเล่มเปิดหน้าเอาไว้วางบนอก ริมฝีปากหนาปริออกกล่าวออกมาอย่างไร้เสียง“เรื่องมากยิ่งนัก”คำกล่าวนี้ล้วนมาจากความนึกคิดของตนเองจากการคาดการณ์ แต่เขามิอาจรู้ได้ว่าหลังกำแพงไม้นี้ เหตุการณ์จริงๆ เกิดอะไรขึ้นกันแน่จากนั้นเสียงทั้งหมดก็กลับมาเงียบสงบตามเดิม ไร้เสียงสนทนาโวยวายของนางต่ออีก ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องข้างๆ กัน แต่จะได

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status