Share

เจ้าน้ำตาลปั้นสี่ไม้

last update Last Updated: 2025-05-13 15:41:04

๑๓

เจ้าน้ำตาลปั้นสี่ไม้

วันนี้หลันเฟิงตัวน้อยมีความสุขมาก เพราะเป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่เขาได้เข้าเมืองมาเที่ยวเล่นกับท่านแม่ ชุนเอ๋อร์เห็นลูกน้อยมีความสุขนางก็พลอยมีความสุขตามไปด้วย

“ท่านแม่ เฟิงเอ๋อร์อยากกินน้ำตาลปั้น”

ชุนเอ๋อร์พยักหน้ารับแล้วจูงมือหลันเฟิงเข้าไปเลือกซื้อน้ำตาลปั้นร้านหาบเร่ ด้วยความที่มีหลายรูปร่างไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ ผีเสื้อ เสือ มังกร ดูน่ารักมากจนหลันเฟิงเลือกไม่ถูก

“น่ารักหมดเลยขอรับท่านแม่ แต่ว่าเฟิงเอ๋อร์ซื้อได้กี่อันขอรับ”

ใจจริงหลันเฟิงอยากได้ทุกอัน ทว่าไม่อยากให้ท่านแม่เสียเงินเยอะ เขาจึงอยากได้อันที่ชอบที่สุด ให้ท่านแม่กำหนดขอบเขตมาเลย

“แม่ไม่ได้กลัวว่าจะเปลืองเงิน แต่กลัวลูกทานไม่หมด ซื้อทีละอันดีหรือไม่ ทานหมดแล้วค่อยซื้อใหม่”

หลันเฟิงคิดว่าตนทานหมดแน่ แต่ก็เลือกทำตามคำพูดของนาง

“เช่นนั้นเฟิงเอ๋อร์ขอเลือกมังกรขอรับ โตขึ้นเฟิงเอ๋อร์จะเป็นมังกรที่น่าเกรงขาม”

กล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจในตนเอง มือน้อยรับน้ำตาลปั้นมาจากคนขาย เขาอ้าปากกำลังจะอมน้ำตาล แต่ในตอนนั้นเองที่รู้สึกว่
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   มาได้ถูกจังหวะ(จบบริบูรณ์)

    ๙๒มาได้ถูกจังหวะ แม้จะโดนปฏิเสธแล้ว แต่อี้เฟยก็ไม่คิดจะหนีไปไหน ยังคงคอยตามเฝ้าตามมองชุนเอ๋อร์อยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส ครั้งไหนที่เจอหน้ากันตรง ๆ เขาจะตีหน้าเศร้าใช้สายตาอ้อนขอความรักอยู่เช่นนั้นจนคนที่หัวเสียแทนเป็นหลันเฟิง นั่นเพราะว่าเขาตัวกับมารดาตลอด การที่ต้องมาทนมองบุรุษร่างใหญ่โตทำตัวเหมือนหมาตัวน้อยคอยเดินตามต้อย ๆ ทำเขาขนลุกขนพองไปทั้งตัว ไม่เพียงอี้เฟยที่โดนชุนเอ๋อร์ปฏิเสธมาเท่านั้น มู่หรงเซว่ฮวาก็โดนหลันเฟิงปฏิเสธนับครั้งไม่ถ้วน นั่นทำให้คนนอกอย่างสามหนุ่ม โจวฉือเหอ เกาจี้เฉินและซ่งเหวยไม่รู้จะนับถือคนที่ตามตื้อหรือคนที่โดนปฏิเสธดี ‘คนใจแข็ง’ กับ ‘คนตื้อเท่านั้นที่ครองโลก’ ส่วนจางจงกว่าน หลังจากที่รู้ความจริงก็นอนไม่หลับไปหลายคืน สิ่งที่ช่วยปลอบประโลมใจเขาเห็นทีจะมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็คือการเห็นอี้เฟยถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า เรื่องมันควรจบลงแค่นั้น ‘ไม่มีใครได้ลงเอยกับใคร’ จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง ชุนเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาด้วยสภาพร่างกายไม่ปกติ หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็กำลังจะเดินเข้ามาที่ห

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   สองแม่ลูกใจอมหิต

    ๙๑สองแม่ลูกใจอมหิต หลังจากที่หลันเฟิงกล่าวว่า ‘แล้วเจ้าจะเสียใจ’ ลู่จั๋วหรานก็ต้องเสียใจจริง ๆ เมื่อพัดของรักของหวงของหายากในยุทธภพโดนกระชากออกจากมืออย่างง่ายดาย นี่ไม่ใช่การขโมยอาวุธของผู้อื่นเพื่อตัดกำลังเท่านั้น แต่ยังทำลายอาวุธจนไม่เหลือซาก ทีนี้จะจัดการเจ้าของอาวุธก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป “ทำกันแรงเกินไปแล้ว กะจะฆ่ากันให้ตายเลยหรืออย่างไร!” ลู่ฮูหยินร้องไห้สะอึกสะอื้นให้กับอาการบาดเจ็บของบุตรชาย ในหัวนึกถึงภาพที่หลันเฟิงใช้พลังมารซัดลู่จั๋วหรานเพียงครั้งเดียวก็กระเด็นตกเวลาทีจนกระอักเลือด แค่คิดนางก็ยิ่งโกรธหลันเฟิง! นี่ไม่เพียงทำให้สำนักเยว่ซือเสียชื่อที่ทายาทของสำนักเสียท่าได้เร็วขนาดนี้เท่านั้น แต่ยังเพิ่มชื่อเสียงให้กับหลันเฟิงอีกด้วย เมื่อผู้คนรู้ว่าหลันเฟิงเป็นหัวหน้าพรรค รูปหล่อ ฝีมือดี ยิ่งเป็นการเพิ่มชื่อเสียงให้เขา บางคนจากที่ไม่เปิดใจยอมรับพรรคมาร ก็เปลี่ยนเป็นเปิดใจมากขึ้น “แค่ก ๆ ท่านแม่ขอรับ การแข่งขัน ย่อมมีแพ้มีชนะ ฝีมือลูกด้อยกว่า แพ้เช่นนี้ก็ถูกแล้ว” ลู่จั๋วหรานพูดด้วยน้ำ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   อี้เฟยได้เลือด

    ๙๐อี้เฟยได้เลือด ชุนเอ๋อร์ตกใจกับภาพที่เห็นมาก ยกสองมือขึ้นปิดปาก ตะลึงค้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สายตาจับจ้องร่างสูงที่กำลังจะลงจากเวทีประลอง มือสองข้างกดทับแผลห้ามเลือดไว้ ครู่ต่อมาก็มีคนพาเขาแยกไปทางหนึ่ง “ไม่ตามไปหรือ” ชุนเอ๋อร์หันมามองหน้าเฉียนจิ่นหง อย่างขอความมั่นใจ “เขากำลังไปทำแผล ข้าไปรบกวนเช่นนี้จะดีหรือ” “ดีสิเจ้าคะ ไปเจ้าค่ะ หากท่านแม่ไม่กล้าไปคนเดียว เดี๋ยวข้าไปเป็นเพื่อน” ได้รับการสนับสนุนถึงเพียงนี้ ชุนเอ๋อร์จึงพยักหน้ารับมีความมั่นใจมากขึ้น “เดี๋ยวข้ามานะเจ้าคะพี่เฉียน” เฉียนจิ่นหงพยักหน้า มองตามทั้งสองไปจนลับตาก่อนที่จะหายตัวไปจากอัฒจันทร์ ทำเอาคนที่จับจ้องมาที่เขาอยู่พอดีถึงกับขยี้ตา หนึ่งในนั้นกล่าวขึ้นมาว่า… “หรือเขาจะเป็นเทพเซียนจริงอย่างที่สตรีผู้นั้นกล่าวไว้ น่าคิด ๆ” ณ กระโจมทำแผล “แผลไม่ได้ลึกมาก แต่ระวังการขยับเขยื้อนด้วยจะดีที่สุด” หมอชราผู้ทำแผลให้อี้เฟยกล่าวเตือน ความหมายคือการประลองยุทธ์ในครั้งนี้เขาอย่าร่วมการแข่งขันอีกเลยจะดีกว่า “ข้าไ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   การประลอง

    ๘๙การประลอง ทางด้านหลันเฟิงและสมาชิกพรรคมารไฮ้เซินทั้งเก้าคนที่จะต้องประลองยุทธ์กับเก้าสำนักถูกจัดให้นั่งล้อมเป็นวงกลมของเวทีการประลอง ทั้งสิบสำนักจะต้องต่อสู้กันแบบคู่ต่อคู่ ในห้าคู่นี้ สำนักไหนชนะมากกว่ากันสำนักนั้นจะเป็นฝ่ายเข้าสู่รอบต่อไป ฝั่งแพ้ตกรอบ ส่วนห้าสำนักสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบมาจะเป็นการแข่งเพื่อวัดความแข็งแกร่ง แต่ละสำนักจะต้องเลือกสองคนที่เก่งที่สุดในพรรคออกมายืนบนเวทีเพื่อสู้กับอีกแปดคนที่เป็นต่างพรรค รอบนี้สามารถงัดเอาวิชาเร้นลับ เคล็ดวิชาประจำตัวมาใช้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัดเหมือนรอบแรกที่บังคับให้ใช้เฉพาะพลังยุทธ์และอาวุธธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ความตื่นเต้นอยู่ในรอบนี้ ใคร ๆ ก็อยากเห็นเคล็ดกระบวนวิชาลับของผู้อื่นทั้งสิ้น อยู่ที่ผู้เข้าแข่งขันแล้วว่าจะงัดออกมาให้ชมหรือไม่ ก่อนเข้ามาทุกคนก็คาดหวังว่าจะเห็นนัดล้างแค้นระหว่างสำหนักเยว่ซือกับพรรคมารไฮ้เซิน ไม่ต้องทนรอคอย เพราะสองสำนักนี้ได้สู้กันตั้งแต่รอบแรก จะเป็นใครที่เข้ารอบ จะเป็นใครที่ตกรอบ ต้องรอชม! “การประลองของคู่แรกระหว่างพรรคมา

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   วันประลองยุทธ์

    ๘๘วันประลองยุทธ์ งานประลองยุทธ์ถูกจัดขึ้นที่สนามประลองที่ใหญ่ที่สุดของพระราชวัง มีการเปิดประตูวังหลวงเอาไว้ให้ประชาชนได้เข้าชม เวทีการประลองอยู่ตรงกลางสุด สำนักยุทธ์ทั้งหมดสิบสำนักจากสี่แคว้นที่เข้าร่วมการประลองจะนั่งอยู่ข้างสนามใกล้ชิดกับเวทีประลองที่สุด ผู้ชมจะนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ล้อมส่วนของสนามไว้อีกที ส่วนที่นั่งของเชื้อพระวงศ์แคว้นหนานไฮ้จะอยู่สูงสุดตำแหน่งหันหน้าเข้าเวทีประลองพอดี หนึ่งในสิบสำนักยุทธ์ที่ทุกคนให้ความสนใจคงไม่พ้นสำหนักเยว่ซือ หนึ่งเพราะชื่อเสียงสำนักที่ดังไปทั่วสี่แคว้นใหญ่ สองเพราะสำนักนี้เพิ่งโดนหัวหน้าพรรคมารไฮ้เซินถล่มไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ทุกคนจึงคาดหวังว่าจะเกิดเรื่องสนุกขึ้นระหว่างพวกเขา! ทางด้านทางเข้าของพระราชวัง มีประชาชนมารอยืนต่อแถวหลายลี้เพื่อตรวจหาอาวุธก่อนเข้าพระราชวัง เสียงเฮอึกทึกที่ดังออกมาข้างนอกบ่งบอกว่าการประลองยุทธ์ได้เริ่มขึ้นแล้ว สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่ยังเข้าไปในพระราชวังไม่ได้ยิ่ง หนึ่งในคนที่ยืนต่อแถวรอก็คือชุนเอ๋อร์ ใบหน้างดงามโดดเด่นกว่าใครหันหลังให้ค

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   จะทรมานใจข้าไปถึงไหน

    ๘๗จะทรมานใจข้าไปถึงไหน งานประลองยุทธ์จะจัดขึ้นวันพรุ่งนี้เป็นวันแรก ตอนนี้สมาชิกพรรคมารไฮ้เซินกำลังสรุปกันเป็นครั้งสุดท้ายว่าจะส่งใครขึ้นประลองบ้าง โดยเบื้องต้นมีหลันเฟิง จางจงกว่าน โจวฉือเหอ เกาจี้เฉิน ซ่งเหวยและสมาชิกพรรคอีกสี่คน ส่วนคนสุดท้ายที่วางตัวไว้ตั้งแต่แรกกลับไม่ยอมลงการประลอง เขาให้เหตุผลว่า ‘เดี๋ยวเสียโฉม’ แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ ประชุมวันนี้เจ้าตัวกล่าวว่าขอลงการประลองด้วยคน สีหน้าที่พูดตอนนั้นดูห่อเหี่ยว ไม่มีชีวิตชีวา แตกต่างกับปกติที่มักจะมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กวนอารมณ์อยู่เสมอ “เจ้าเป็นอะไรอีกอี้เฟย ถ้าลงประลองแล้วทำสีหน้าซังกระตายแบบนี้อย่าลงเลย ขัดตาข้านัก!” จางจงกว่านมุ่นคิ้วเพราะขัดใจ คิดว่าอี้เฟยไม่อยากลงประลองยุทธ์ มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ดีที่สุดว่าตนเป็นอะไร เขาจ้องหน้าจางจงกว่านนิ่ง ๆ ไม่่ต่อล้อต่อเถียงเหมือนเคย จากนั้นก็ถอนหายใจใส่ ในหัวนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน… หลังจากที่ทุกคนทานข้าวเสร็จแล้ว ชุนเอ๋อร์ขอเวลาแวะร้านหนังสือชั่วครู่ หลันเฟิงตามใจแล้วรออยู่ด้านนอกร้านเพื่อให้มารดาได้มีเวลาอิสระในการเลือกซื้อ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   จับได้แล้ว

    ๘๖จับได้แล้ว “ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งจะต้องมาทำอะไรแบบนี้” “ชีวิตคนเราก็แบบนี้แหละ ถ้าทุกอย่างได้ดั่งใจไปเสียหมด มันก็ไม่เรียกว่าชีวิตสิ…แต่เดี๋ยวนะ! ข้าไม่ได้ชวนเจ้ามาด้วย ถ้าไม่มีใจจะทำ ประตูอยู่นั่น เดินออกไปแล้วปิดให้ด้วย” สองคนที่ตอบโต้กันในขณะนี้คืออี้เฟยและมู่หรงเซว่ฮวา ย้อนไปตอนที่ทั้งคู่เห็นชุนเอ๋อร์กับหลันเฟิงที่หน้าประตูรั้ว พวกเขาตอบคำถามของหลันเฟิงด้วยการบอกว่าบังเอิญเจอกัน ก่อนที่ หลันเฟิงจะขอตัวพาชุนเอ๋อร์ไปทานข้าวที่โรงเตี๊ยม ‘พวกเราจะไปทานข้าวที่โรงเตี๊ยมแบบส่วนตัว’ เพราะคำว่า ‘ส่วนตัว’ ทำให้พวกเขาทั้งสองต้องแอบตามทั้งคู่มาที่โรงเตี๊ยมแทน อี้เฟยลงทุนเช่าห้องพิเศษข้าง ๆ ชุนเอ๋อร์และหลันเฟิง เพื่อแอบฟังทั้งคู่สนทนากัน “มู่หรงเซว่ฮวาสะกดคำว่ายอมแพ้ไม่เป็นหรอก แล้วที่แนบหูเข้ากับฝาผนังอยู่นานสองนาน ได้ยินอะไรสักอย่างหรือไม่” อี้เฟยผละจากผนังที่กั้นระหว่างห้องตนเองกับห้องชุนเอ๋อร์ ดวงตาเปลี่ยนเป็นหวานเยิ้มล่องลอยไปอีกแล้ว “ได้ยินสิ ชัดมากด้วย ชุนเอ๋อร์บอกว่ารักข้าและจะรักตลอดไป

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ

    ๘๕ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ ตั้งแต่กลับมาจากตลาดในวันนั้น ชุนเอ๋อร์ก็ไม่ได้ออกจากจวนไปไหน ไม่ได้พบเจอใครนอกจากบุตรชายที่จะแวะเข้ามาในช่วงหัวค่ำของทุกวันแล้วออกจากจวนไปในช่วงเช้า ก่อนจะไปก็ไม่ลืมซื้ออาหารเช้ามาทิ้งไว้บนโต๊ะในครัวให้นางด้วย ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้หลายวัน นอกจากอากาศกับการมีผู้คุ้มกันเดินไปเดินมาแล้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน นางยังคงปลูกผัก ลงดอกไม้ ดูแลสวน ทำกิจกรรมแบบเดิมได้ไม่รู้เบื่อ ทั้งยังให้หลันเฟิงสรรหาเมล็ดพันธุ์พืชต่าง ๆ มาให้อีกด้วย “ท่านแม่” เสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้ชุนเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนแล้วหันไปทำหน้าสงสัยใส่บุตรชาย อาหารเช้าข้ายังไม่ย่อยเลย เหตุใดมาเร็วนัก “เหตุใดกลับเร็วนัก หรือว่ามีปัญหา” หลันเฟิงส่ายหน้า เดินเข้ามาดึงพลั่วอันเล็กออกจากมือมารดา จากนั้นก็ช่วยล้างมือให้พร้อมโดยที่ไม่กล่าวอะไรออกมาทั้งสิ้น ระหว่างที่กำลังถูกช่วยล้างมืออยู่ในถังน้ำ ชุนเอ๋อร์ก็เงยหน้ามองเขา สำรวจหาร่องรอยความผิดปกติบนใบหน้าเรียบเฉยของบุตรชาย “ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นขอรับท่านแม่ เฟิงเอ๋อร

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   หนานไฮ้จะจัดงานใหญ่

    ๘๔หนานไฮ้จะจัดงานใหญ่ เมืองหลวงแคว้นหนานไฮ้เล็กนิดเดียว เรื่องที่หลันเฟิงประสบพบเจอในวันนี้ ไม่กี่ชั่วยามก็ดังทั่วเมือง เป็นหัวข้อให้ชาวบ้านพูดคุยกันสนุกปาก ใครที่เห็นเหตุการณ์แต่ไม่รู้จักหลันเฟิงก็จะตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า ‘ชายองอาจกับโฉมสะคราญทั้งสอง’ แต่เผอิญ! สมาชิกของพรรคกลับเห็นเหตุการณ์วันนี้ด้วย มีหรือที่จะเก็บงำไว้คนเดียว แต่งตั้งตัวเองเป็นเจ้ากรมข่าวประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนในพรรคได้ทราบทันที และช่วงเวลาที่ทุกคนอยู่รวมตัวกันมากที่สุดก็เป็นช่วงหัวค่ำที่โรงครัวใหญ่ เหมาะเหลือเกิน ทานอาหารไปด้วยฟังเรื่องประกอบไปด้วย แปะ ๆ ๆ “พวกเรา ๆ ขอความสนใจสักครู่ ข้ามีเรื่องจะมาประชาสัมพันธ์” เสียงปรบมือพร้อมกับเสียงตะโกนดังก้องของสมาชิกพรรคทำให้อีี้เฟย จางจงกว่านและโจวฉือเหอหันไปมองด้วยความสนใจ “จะนินทาใครอีกล่ะ” อี้เฟยเห็นสีหน้าของเจ้ากรมข่าวก็ทราบแล้วว่าเป็นเรื่องแนวใด “รู้หรือไม่ว่าวันนี้ข้าไปได้ยินข่าวดีอะไรมา” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งเพื่อดูท่าทีของสหายร่วมพรรคว่าสนใจต่อเรื่องที่ตนกำลัง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status