Share

บทที่ 9

last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-13 15:38:49

เข้าครัว

เหตุการณ์เมื่อวานจบลงได้ไม่ใช่เพราะว่าปรับความเข้าใจ แต่เป็นเพราะว่าหลังจากที่ชุนเอ๋อร์เดินออกไปกลางทุ่งนาได้ไม่ถึงเค่อ ฝนที่ไม่มีเค้าว่าจะตกลงมาเลยก็ดันตกลงมาเสียงั้น

กลายเป็นหลันเฟิงที่ต้องถอดชุดคลุมของตัวเองออกแล้วใช้วิชายุทธ์ขั้นสูงวิ่งเข้ามาหาชุนเอ๋อร์แล้วพากลับเข้าเรือนโดยที่ไม่เปียกฝนเลยสักนิด นางทั้งตกใจทั้งตื่นตาตื่นใจ แค่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานก็รู้สึกภูมิใจในตัวบุตรชายแล้ว

“วันนี้จะทำอะไรให้เด็ก ๆ ทานดีนะ”

วันนี้ชุนเอ๋อร์ตื่นเช้ากว่าปกติ นางตั้งใจจะทำอาหารเช้าให้ชายหนุ่มทั้งหลายได้ชิม เมื่อแปรงฟันล้างหน้าแต่งตัวเสร็จแล้วก็ออกจากเรือนนอนตรงไปเรือนครัว

“ใครเข้าครัวแต่เช้า”

ชุนเอ๋อร์เห็นควันไฟลอยออกมาจากเรือนครัวทั้งยังได้ยินเสียงสะเก็ดไฟแตกถี่ ๆ

“เสี่ยวเฉินทำอาหารหรือ”

นางคาดเดา จนกระทั่งเดินเข้ามาในครัวแล้วเห็นร่างสูงกำลังง่วนอยู่กับการซาวข้าว...

“เสี่ยวเฉิน”

แล้วนางก็ทายถูก!

เกาจี้เฉินจับจังหวะฝีเท้าของชุนเอ๋อร์ได้ตั้งแต่แรกแล้ว พอนางเอ่ยทักเขาจึงหันไปผงกศีรษะให้เป็นการทักทาย เมื่อซาวข้าวเสร็จแล้วก็เอาหม้อไปตั้งเตาเตรียมล้างผักต่อ

“ทำอะไรทานหรือ เสี่ยวกูกุช่วยอะไรได้บ้าง”

เกาจี้เฉินมองไปรอบ ๆ ใจจริงเขาอยากให้นางนั่งอยู่เฉย ๆ แต่เห็นสายตาหวังจะผ่อนแรงเขาแล้ว จึงได้ผายมือไปที่ผักแทน

“ล้างผัก”

“ได้เลย”

ชุนเอ๋อร์ยิ้มรับ นางเห็นเกาจี้เฉินเดินออกไปจากครัว สักพักก็เดินเข้ามาอีกครั้งพร้อมถือปลาตัวใหญ่มาด้วยสามตัว

“โอ้! นี่...”

ที่นี่ไม่มีตลาด เขาไปจับปลาตั้งแต่ยังไม่สว่างเลยหรือ

“จับตั้งแต่เมื่อวาน”

เกาจี้เฉินเห็นสายตาตั้งคำถามของนางจึงได้ตอบให้นางหายข้องใจ จัดการขอดเกล็ดปลาด้วยความชำนาญจนชุนเอ๋อร์ตะลึง

“เสี่ยวเฉินทะลวงไส้ปลาเก่งนัก นอกจากรสชาติอาหารจะอร่อยแล้วยังรู้จักวิธีการจัดการวัตถุดิบด้วย ยอดฝีมือจริง ๆ”

คนถูกชมชะงักไป ในใจคิด...

ยอดฝีมืออะไรนะ ทะลวงไส้ปลาหรือ

“เสี่ยวกูกุ ปกติข้าไม่ทะลวงไส้ปลา…”

แต่ทะลวงพุงคนมากกว่า

เกาจี้เฉินเก็บคำพูดสุดท้ายเอาไว้ในใจ เขาเห็นสีหน้าดีใจของนางแล้วหว่างคิ้วพลันขมวดเข้าหากัน

มีอันใดให้น่าดีใจหรือ

“อ้อ! ว่าแต่เสี่ยวเฉินจะทำน้ำแกงปลาใช่หรือไม่ ส่วนผักหั่นแล้วผัดกับน้ำมัน”

เกาจี้เฉินพยักหน้ารับ ชุนเอ๋อร์จึงได้เสนอหน้าที่ของตัวเองเพิ่ม “เช่นนั้นเสี่ยวกูกุทำเอง”

หนึ่งชั่วยามต่อมา

“โอ้โฮ! อาหารน่าทานทั้งนั้นเลยขอรับ เสี่ยวกูกุทำเองหรือ”

จางจงกว่านเป็นคนแรกที่เข้ามานั่งที่โต๊ะรับประทานอาหาร เขาเห็นชุนเอ๋อร์กำลังจัดโต๊ะกับข้าวอยู่คนเดียวจึงเข้าใจว่านางเป็นคนทำอาหารทั้งหมด

“ก็ไม่ใช่ทั้งหมด”

จางจางกว่านทำหน้าสงสัย แต่เมื่อเห็นเกาจี้เฉินยกหม้อมาจึงได้รู้ว่าใครเป็นพ่อครัวร่วมในอาหารมื้อเช้า

“ยกมาเป็นหม้อเลย”

ชุนเอ๋อร์ทำหน้าตกใจ อยู่คนเดียวมานาน ทานอาหารน้อย หากนางทานคนเดียว หม้อนี้ต้องแบ่งทานสามวันเป็นอย่างต่ำ

“เสี่ยวกูกุไม่คิดว่าพวกเราจะทานเยอะกระมัง เดี๋ยวต่อไปก็ชินขอรับ พวกเราทานเป็นหม้อกันแบบนี้เลย”

อือ! สมกับเป็นชายวัยเจริญพันธุ์

เวลาผ่านไปไม่นาน หลันเฟิงและโจวฉือเหอก็เดินเข้ามาในครัว ชุนเอ๋อร์ได้กลิ่นสะอาดมาจากตัวพวกเขาจึงทราบว่าเพิ่งอาบน้ำกันมา

“เพิ่งกลับมาจากการฝึกยุทธ์ขอรับท่านแม่”

ชุนเอ๋อร์พยักหน้ารับเบา ๆ จากนั้นก็หันไปมองจางจงกว่าน

เหมือนเพิ่งตื่นนอนเลย

“เจ้านี่ถ้าไม่บังคับก็ไม่ทำหรอกขอรับเสี่ยวกูกุ”

โจวฉือเหอตอบชุนเอ๋อร์เพราะอ่านท่าทางของนางออก ร่างสูงหย่อนก้นนั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับจางจงกว่าน

สีหน้าข้าอ่านง่ายขนาดนี้เลยหรือ

เมื่อจัดเตรียมตะเกียบ ถ้วยและช้อนเอาไว้ซดน้ำแกงเสร็จแล้วทุกคนก็เริ่มทานอาหาร ชุนเอ๋อร์ตักหนึ่งคำแล้วเคี้ยวช้า ๆ ดูปฏิกิริยาของทุกคนตอนทานผัดผักที่นางปรุงรสเอง

“อือ รสชาติดี”

คนทำเป็นปลื้ม เห็นทุกคนทานอย่างเอร็ดอร่อยนางก็พลอยเจริญอาหารไปด้วย

ที่จริงอาหารรสชาติทั่วไป แต่พอได้ทานร่วมกับทุกคนแล้วชุนเอ๋อร์รู้สึกว่าความอร่อยเพิ่มขึ้นหลายระดับ

ชุนเอ๋อร์ยังไม่ได้ทานน้ำแกงปลา เมื่อเห็นหลันเฟิงซดน้ำแกงก็เอ่ยถามรสชาติ

“เป็นอย่างไรบ้าง ฝีมือการทะลวงไส้ปลาของเสี่ยวเฉิน”

“แค่ก ๆ”

หลันเฟิงถึงกับสำลักในทันที ในหัวเขาตอนนี้เห็นเป็นภาพของเกาจี้เฉินกำลังจ้วงแทงศัตรูอยู่ด้วยความบ้าระห่ำ

ดวงตาคมกริบมองเกาจี้เฉิน เริ่มสงสัยแล้วว่าเขาใช้วิธีการใดในการขอดเกล็ดปลา มารดาถึงได้กล่าวว่า ‘ทะลวงไส้’ ออกมาได้

เกาจี้เฉินอ่านสายตาหลันเฟิงออกตอบเสียงเรียบ

“ข้าควักไส้ปลาแบบปกติ”

“มีแบบไม่ปรกติด้วยหรือ”

ชุนเอ๋อร์หันไปถามบุตรชายด้วยสีหน้างุนงง หลันเฟิงยิ้มแทนคำตอบ ใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาสีขาวใส่ถ้วยให้ชุนเอ๋อร์

“ท่านแม่ลองชิมเนื้อปลา”

“อ้อ เฟิงเอ๋อร์ก็ทานเยอะ ๆ”

หลังจากนั้นบนโต๊ะอาหารก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะทุกคนตั้งใจทานอาหาร เมื่อทานเสร็จแล้วก็พากันไปนั่งเล่นตากลมที่ศาลาข้าง ทุ่งนา

หลันเฟิงและโจวฉือเหอเอาหมากล้อมของชุนเอ๋อร์มาเล่นโดยมีจางจงกว่านมองดูอยู่เงียบ ๆ

ส่วนชุนเอ๋อร์นั้นขลุกอยู่ในครัวกับเกาจี้เฉิน เพราะเขาบอกว่าจะทำขนมกุ้ยฮวาให้นางได้ลองชิม นางเลยถือโอกาสนี้ขอเรียนรู้วิธีการทำ

“ขนมกุ้ยฮวาหอม ๆ มาแล้ว”

ชุนเอ๋อร์ถือถาดขนมเข้ามาในศาลาโดยมีเกาจี้เฉินเดินถือถาดน้ำชาหนัก ๆ ตามหลังมาด้วย

“ท่านแม่ทำเป็นแล้วใช่หรือไม่”

หลันเฟิงมองชุนเอ๋อร์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เห็นนางยิ้มไม่หุบจึงคิดว่านางทำเป็นแล้ว

“ตอนนี้ยัง แต่ต่อไปต้องทำเป็นแน่ แม่จดสูตรไว้แล้ว”

“ขอรับท่านแม่ เดี๋ยวเฟิงเอ๋อร์จะซื้อแป้งมาไว้ให้เพิ่ม”

ชุนเอ๋อร์ชะงัก ในใจคิด...

เฟิงเอ๋อร์ยังจำเหตุกาณ์นั้นได้สินะ

สมัยหนีมาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ ชุนเอ๋อร์เคยทำครัวไหม้ไปหลายครั้ง ตอนนี้อาหารคาวเริ่มพัฒนาฝีมือแล้ว แต่อาหารหวานยังต้องฝึกฝนต่อ

“เสี่ยวเฉิน!”

อยู่ ๆ จางจงกว่านก็เรียกเกาจี้เฉินด้วยท่าทางจริงจัง ทุกคนจับจ้องไปที่เขาเป็นสายตาเดียว

ส่วนเกาจี้เฉินมุ่นคิ้วทันทีเมื่อโดนจางจงกว่านเรียกเช่นนี้ จ้องหน้าเขานิ่ง ๆ รอฟัง

“ข้าอยากขอเจ้าแต่งงาน คนอะไรรสมือดีเป็นบ้า ของคาวเลิศรสของหวานหอมทุกคำที่เคี้ยว”

จางจงกว่านทานไปชมไป ส่วนผู้ที่ได้รับคำชมกลับมองจางจงกว่านด้วยหางตา ท่าทางจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน

“ข้าจะไม่เข้าครัวอีกตลอดชีวิต”

ทุกคนหัวเราะให้กับคำพูดของเกาจี้เฉินไม่เว้นคนที่จะขอผู้อื่นแต่งงาน ชุนเอ๋อร์หัวเราะจนน้ำตาไหล ในใจคิด...

เสี่ยวกว่านกับเสี่ยวเฉินตลกมาก
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 103

    บางคนเกิดมาเพื่อทำลายชีวิตของผู้คน แต่สำหรับบางคนนั้นก็เกิดมาเพื่อทำหน้าที่เป็น ‘พี่เลี้ยงเด็ก’ สำหรับจางจงกว่าน ก่อนคลอดเขาปฏิญาณตนไว้แล้วว่าให้ตายอย่างไรก็จะไม่แตะต้องบุตรชายของอี้เฟยเป็นอันขาด (หากเป็นเด็กผู้ชาย) เพราะในใจเขาคิดว่า เด็กผู้ชายคนนี้ก็คงจะน่าชังไม่ต่างจากพ่อของเขา

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 102

    ๙๒มาได้ถูกจังหวะ แม้จะโดนปฏิเสธแล้ว แต่อี้เฟยก็ไม่คิดจะหนีไปไหน ยังคงคอยตามเฝ้าตามมองชุนเอ๋อร์อยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส ครั้งไหนที่เจอหน้ากันตรง ๆ เขาจะตีหน้าเศร้าใช้สายตาอ้อนขอความรักอยู่เช่นนั้นจนคนที่หัวเสียแทนเป็นหลันเฟิง นั่นเพราะว่าเขาตัวกับมารดาตลอด การที่ต้องมาทนมองบ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 101

    “เจ้านี่!” ด้วยไม่อยากเป็นฝ่ายดึงแขนมารดา จึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วแกะนิ้วของอี้เฟยออกเสียเลย คนในพรรคที่ไม่รู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาความคิดเห็นต่างกัน บ้างก็พากันผิวปากแซวอี้เฟย บ้างก็ว่าหลันเฟิงช่างหวงญาติสาวถึงเพียงนี้ แต่สำหรับเกาจี้เฉินและโจวฉือเหอนั้นนิ่งอึ้ง ไม่

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 100

    ๙๑สองแม่ลูกใจอมหิต หลังจากที่หลันเฟิงกล่าวว่า ‘แล้วเจ้าจะเสียใจ’ ลู่จั๋วหรานก็ต้องเสียใจจริง ๆ เมื่อพัดของรักของหวงของหายากในยุทธภพโดนกระชากออกจากมืออย่างง่ายดาย นี่ไม่ใช่การขโมยอาวุธของผู้อื่นเพื่อตัดกำลังเท่านั้น แต่ยังทำลายอาวุธจนไม่เหลือซาก ทีนี้จะจัดการเจ้าของอาวุธก็ไม่ใช่เ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 99

    “เหมือนสตรีผู้นั้นจะมีปัญหากับท่านนะขอรับ ให้ข้าไปจัดการให้หรือไม่” อี้เฟยยกนิ้วชี้ไปทางสตรีที่ว่าตรง ๆ ชุนเอ๋อร์มองตามปลายนิ้วยาวไปก็ถึงกับถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย “ฮูหยินคนปัจจุบันของอดีตสามีข้าเอง ไม่รู้จะจับผิดอะไรกันนักหนา ก่อนเข้างานก็ป่าวประกาศกับชาวบ้านว่าข้าเล่นชู้กับพี่

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 98

    ๙๐อี้เฟยได้เลือด ชุนเอ๋อร์ตกใจกับภาพที่เห็นมาก ยกสองมือขึ้นปิดปาก ตะลึงค้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สายตาจับจ้องร่างสูงที่กำลังจะลงจากเวทีประลอง มือสองข้างกดทับแผลห้ามเลือดไว้ ครู่ต่อมาก็มีคนพาเขาแยกไปทางหนึ่ง “ไม่ตามไปหรือ” ชุนเอ๋อร์หันมามองหน้าเฉียนจิ่นหง อย่างขอความมั่น

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status