Share

บทที่ 8

last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-13 15:37:27

เด็กขี้อิจฉา

นานทีเดียวกว่าหลันเฟิงจะปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้ โจวฉือเหอเห็นเขานั่งนิ่งเงียบมาสักพักแล้วจึงได้เดินเข้ามาสนทนาด้วย

“เหล่าต้าอย่ารู้สึกแย่ไปเลย ข้าเองก็คิดไม่ต่างจากท่าน”

หลันเฟิงเงยหน้ามองโจวฉือเหอ เมื่อหันไปมองเกาจี้เฉินแล้วเขาพยักหน้าให้จึงทราบว่าไม่ใช่ตนเท่านั้นที่หลงคิดว่าลูก ๆ ของชุนเอ๋อร์มีความหมายตามตัว

“เมื่อครู่ข้าไปนับไก่ของเสี่ยวกูกุมา ขนาดเอาไปแจกเพื่อนบ้านแล้วยังมีตั้งสามสิบตัว ไม่ธรรมดาเลยสตรีคนนี้”

จางจงกว่านเดินเข้ามานั่งในเรือนร่วมกับสหาย เทชาลงถ้วยดื่มดับกระหาย ทว่าในตอนที่กำลังเป่าชาไล่ความร้อนกลับสัมผัสได้ว่าถูกสายตาสามคู่จับจ้อง เขาจึงวางถ้วยชาลงโต๊ะแล้วเอ่ย

“ทำไมหรือ”

มองขนาดนี้ใครจะดื่มลง

“จงกว่าน ตอนแรกเจ้าคิดว่าลูกของเสี่ยวกูกุคืออะไร” โจวฉือเหอเป็นฝ่ายถามแทนใจทุกคน

“อ้อ ตอนแรกข้าคิดว่าเป็นน้องหมาน้องแมว แต่ใครจะไปคิดว่าเสี่ยวกูกุหมายถึงไก่”

เขาหยุดพูดเพียงเท่านั้นเพราะติดหัวเราะ

“คิดไปแล้วก็แปลกดีเหมือนกัน เมื่อก่อนคนในพรรคบอกว่าข้าบ้าหรือเปล่าที่เรียกหมาแมวว่าน้อง มาตอนนี้ข้าว่าตัวเองไม่ได้ประหลาดคนแล้วนะ เพราะขนาดเสี่ยวกูกุยังเรียกไก่ว่าลูกเลย”

จางจงกว่านหัวเราะร่วน จนกระทั่งสังเกตเห็นสายตาของทุกคนจึงหยุดหัวเราะ

“เหตุใดมองหน้าข้าเช่นนั้น”

ที่เขาขนลุกที่สุดคือสายตาของหลันเฟิง ในใจคิด...นี่ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ

“เฮ้อ~เอาเถอะ! แล้วท่านแม่ล่ะ”

เป็นเขาเข้าใจผิดไปเอง หลันเฟิงจึงไม่อยากเอาโทสะไปลงที่คนอื่น ถามถึงมารดาตนแทนเรื่อง ลูก ๆ น้อง ๆ

“กำลังให้อาหารไก่อยู่ขอรับ”

“อ้อ”

หลันเฟิงรับคำสั้น ๆ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วกลับไปโรงเรือนที่ใช้ขังไก่ พอไปถึงก็ได้ยินเสียงมารดาร้องว่า...

“กุ๊ก ๆ ว่าไงจ๊ะ กุ๊ก ๆ”

“ท่านแม่”

หลันเฟิงเรียกมารดาเสียงเบา ใบหน้าผุดรอยยิ้มเมื่อได้ยินมารดาทำเสียงเล็กเสียงน้อย ล่าสุดที่เขาได้ยินนางใช้เสียงลักษณะนี้ก็ตอนที่เขาอายุ 10 หนาว

“ท่านแม่”

ชุนเอ๋อร์ไม่ได้ยินเสียงเรียกเพราะเสียงไก่กว่ายี่สิบตัวดังกลบ หลันเฟิงจึงเพิ่มระดับเสียง คราวนี้ทำร่างบางสะดุ้งตกใจ มือข้างที่ว่างยกขึ้นทาบหน้าอก

“เฟิงเอ๋อร์ แม่ตกใจหมดเลย น้องก็ตกใจด้วย ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูก” ชุนเอ๋อร์เอ่ยเสียงหวานเชื่อมแล้วย่อกายลงไปรับลูกเจี๊ยบเข้าสู่อุ้งมือ

หลันเฟิงตัดพ้อเมื่อเห็นมารดาโอ๋ไก่ไม่โอ๋เขา กอปรกับเหตุการณ์เมื่อครู่จึงได้พรั่งพรูความในใจ

“ก็ใช่สิ! เฟิงเอ๋อร์ตัวโตมากแล้ว ท่านแม่ก็เลยไม่เอ็นดูเฟิงเอ๋อร์แบบเมื่อก่อน”

ชุนเอ๋อร์ชะงักเมื่อได้ยินบุตรชายกล่าวเช่นนั้น นางค่อย ๆ ช้อนตามองหลันเฟิงจึงเห็นว่าเขาก็ตกใจในสิ่งที่ตนเองกล่าวออกมาเช่นกัน

“เฟิงเอ๋อร์น้อยใจแม่หรือ”

“เอ่อ ท่านแม่ คือว่า…”

ชุนเอ๋อร์วางลูกเจี๊ยบลงที่เดิม จากนั้นก็เดินไปสวมกอดหลันเฟิงหลวม ๆ หากเป็นเมื่อก่อนเวลาที่นางกอดเขา นางจะชอบลูบศีรษะเขาเล่นทุกครั้ง แต่ยามนี้เขาตัวโตกว่านางมาก มือบางจึงได้ลูบที่แผ่นหลังของเขาขึ้นลงแทน

“ไม่ต้องน้อยใจไปหรอก เด็ก ๆ เหล่านี้ก็คือตัวแทนของลูกทั้งนั้น เมื่อก่อนแม่อยู่คนเดียวไม่มีใครให้พูดด้วย เพื่อนที่ดีที่สุดของแม่รองจากท่านลุงเฉียนก็คือพวกเขานะ”

คำพูดไม่กี่ประโยคทำหลันเฟิงเปลี่ยนอารมณ์ น้ำเสียงที่แฝงความเศร้าหมองของนางทำให้ใจแกร่งคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นบีบเคล้น

“ท่านแม่ เฟิงเอ๋อร์ขอโทษขอรับ เฟิง…”

“ขอโทษแม่ทำไม”

ชุนเอ๋อร์ผละออกจากเขา สบตาบุตรชายอยากให้เขาได้เห็นสายตาแห่งความรัก

“ไม่มีอันใดให้ต้องขอโทษ หากย้อนเวลากลับไปได้แม่ก็ยังเลือกเส้นทางเดิม เพราะฉะนั้นอย่าได้โทษตัวเอง”

“ท่านแม่...”

หลันเฟิงเรียกมารดาเสียงอ่อน ชุนเอ๋อร์จึงสำทับอีกประโยค

“ลูกต้องทำงานคุ้มกันภัยมิใช่หรือ เมื่อมันสามารถเป็นอาชีพเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของลูกได้ แม่ก็ดีใจแล้ว”

กล่าวให้เขาดีใจได้ก็คือท่านแม่ กล่าวให้เขาเสียใจได้ก็คือท่านแม่ ในยุทธภพนี้ไม่มีใครสามารถทำกับเขาแบบนี้ได้อีกแล้ว

“แดดตอนบ่ายเริ่มแรงขึ้นแล้ว เราเข้าเรือนกันเถิดขอรับ”

ชุนเอ๋อร์พยักหน้ารับ หลันเฟิงยื่นมือมาจับมือมารดาพานางเดินเข้าไปในเรือน ภาพแรกที่ดึงสายตาของชุนเอ๋อร์คือภาพของจางจงกว่านที่กำลังกัดผิงกั๋ว[1]ลูกใหญ่เข้าปาก

“เอี่ยวอูอุอาแอ้ว” (เสี่ยวกูกุมาแล้ว)

จางจงกว่านกล่าวเรียกชุนเอ๋อร์ทั้ง ๆ ที่ในปากยังมีเนื้อผิงกั๋วอยู่ จังหวะที่เขาพูดมีน้ำลายผสมน้ำผิงกั๋วกระเด็นออกมาจากปากด้วย เกาจี้เฉินที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ รีบลุกขึ้นหลบแทบไม่ทัน

“เสี่ยวกว่าน กลืนก่อนก็ได้ เดี๋ยวก็ติดคอหรอก”

ชุนเอ๋อร์หัวเราะเบา ๆ แล้วเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิมของเกาจี้เฉิน

“เป็นเสี่ยวกูกุที่ไม่นึกรังเกียจเสี่ยวกว่าน”

ชุนเอ๋อร์ยิ้ม “เสี่ยวกูกุจะรังเกียจได้อย่างไร” จากนั้นก็เอื้อมมือไปลูบศีรษะของเขาอย่างเอ็นดู ถ้านางยังมีสามีอยู่ นางก็อยากมีบุตรที่หน้าตาน่ารักแบบนี้อีกสักคนหนึ่งเหมือนกัน

“ท่านแม่!”

หลันเฟิงเรียกชุนเอ๋อร์เสียงดังจนนางสะดุ้งตัวโยน จางจงกว่านเองก็ตกใจเช่นกัน เขาไม่ได้ตกใจเสียงหลันเฟิง แต่เขาตกใจสายตาที่มองมายังเขามากกว่า

“เฟิงเอ๋อร์ เรียกกันเบา ๆ ก็ได้ อยู่ห่างกันแค่นี้เอง”

หลันเฟิงสูดหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนลมหายใจออกมา

“ท่านแม่ เฟิงเอ๋อร์มีอะไรจะคุยด้วยขอรับ”

กล่าวจบก็ไม่รอให้ชุนเอ๋อร์ตอบรับหรือปฏิเสธ เดินนำชุนเอ๋อร์ออกไปจากเรือนแล้ว

“ปกติเฟิงเอ๋อร์อารมณ์แปรปรวนแบบนี้ตลอดเลยหรือ”

ชุนเอ๋อร์ถามเหล่าสหายของบุตรชายอย่างข้องใจ ในความคิดของนาง เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน ไม่เว้นแม้แต่หลันเฟิง

“ปกติเหล่าต้าไม่ค่อยแสดงอารมณ์หรอกขอรับ แต่ช่วงนี้นับว่าแปรปรวนจริง ๆ” จางจงกว่านเป็นคนตอบคำถามแทนทุกคน

“งั้นหรือ” ชุนเอ๋อร์พยักหน้ารับจากนั้นก็เดินตามบุตรชายออกไป

จางจงกว่านเดินออกไปมองสองแม่ลูก เห็นแผ่นหลังของหลันเฟิงเดินเร็วไปกลางทุ่งนา ไม่ไกลกันนั้นมีชุนเอ๋อร์เดินตามออกไปติด ๆ

จางจงกว่านส่ายหน้าให้พวกเขาแล้วเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม

“ที่แท้ท่านประมุขก็เป็นเด็กขี้อิจฉา เห็นเสี่ยวกูกุเอ็นดูข้ามากกว่าก็เลยอารมณ์เสียใส่กัน พวกเจ้าเห็นว่าอย่างไร”

-_- โจวฉือเหอ

-_- เกาจี้เฉิน

[1] ผิงกั๋ว หมายถึง แอปเปิ้ล
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 103

    บางคนเกิดมาเพื่อทำลายชีวิตของผู้คน แต่สำหรับบางคนนั้นก็เกิดมาเพื่อทำหน้าที่เป็น ‘พี่เลี้ยงเด็ก’ สำหรับจางจงกว่าน ก่อนคลอดเขาปฏิญาณตนไว้แล้วว่าให้ตายอย่างไรก็จะไม่แตะต้องบุตรชายของอี้เฟยเป็นอันขาด (หากเป็นเด็กผู้ชาย) เพราะในใจเขาคิดว่า เด็กผู้ชายคนนี้ก็คงจะน่าชังไม่ต่างจากพ่อของเขา

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 102

    ๙๒มาได้ถูกจังหวะ แม้จะโดนปฏิเสธแล้ว แต่อี้เฟยก็ไม่คิดจะหนีไปไหน ยังคงคอยตามเฝ้าตามมองชุนเอ๋อร์อยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส ครั้งไหนที่เจอหน้ากันตรง ๆ เขาจะตีหน้าเศร้าใช้สายตาอ้อนขอความรักอยู่เช่นนั้นจนคนที่หัวเสียแทนเป็นหลันเฟิง นั่นเพราะว่าเขาตัวกับมารดาตลอด การที่ต้องมาทนมองบ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 101

    “เจ้านี่!” ด้วยไม่อยากเป็นฝ่ายดึงแขนมารดา จึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วแกะนิ้วของอี้เฟยออกเสียเลย คนในพรรคที่ไม่รู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาความคิดเห็นต่างกัน บ้างก็พากันผิวปากแซวอี้เฟย บ้างก็ว่าหลันเฟิงช่างหวงญาติสาวถึงเพียงนี้ แต่สำหรับเกาจี้เฉินและโจวฉือเหอนั้นนิ่งอึ้ง ไม่

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 100

    ๙๑สองแม่ลูกใจอมหิต หลังจากที่หลันเฟิงกล่าวว่า ‘แล้วเจ้าจะเสียใจ’ ลู่จั๋วหรานก็ต้องเสียใจจริง ๆ เมื่อพัดของรักของหวงของหายากในยุทธภพโดนกระชากออกจากมืออย่างง่ายดาย นี่ไม่ใช่การขโมยอาวุธของผู้อื่นเพื่อตัดกำลังเท่านั้น แต่ยังทำลายอาวุธจนไม่เหลือซาก ทีนี้จะจัดการเจ้าของอาวุธก็ไม่ใช่เ

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 99

    “เหมือนสตรีผู้นั้นจะมีปัญหากับท่านนะขอรับ ให้ข้าไปจัดการให้หรือไม่” อี้เฟยยกนิ้วชี้ไปทางสตรีที่ว่าตรง ๆ ชุนเอ๋อร์มองตามปลายนิ้วยาวไปก็ถึงกับถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย “ฮูหยินคนปัจจุบันของอดีตสามีข้าเอง ไม่รู้จะจับผิดอะไรกันนักหนา ก่อนเข้างานก็ป่าวประกาศกับชาวบ้านว่าข้าเล่นชู้กับพี่

  • บุตรชายข้าเป็นประมุขพรรคมาร   บทที่ 98

    ๙๐อี้เฟยได้เลือด ชุนเอ๋อร์ตกใจกับภาพที่เห็นมาก ยกสองมือขึ้นปิดปาก ตะลึงค้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สายตาจับจ้องร่างสูงที่กำลังจะลงจากเวทีประลอง มือสองข้างกดทับแผลห้ามเลือดไว้ ครู่ต่อมาก็มีคนพาเขาแยกไปทางหนึ่ง “ไม่ตามไปหรือ” ชุนเอ๋อร์หันมามองหน้าเฉียนจิ่นหง อย่างขอความมั่น

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status