๙
ไปเก็บเห็ดในป่า
ชุนเอ๋อร์ไม่ชอบการเป็นแม่ครัวอย่างหนึ่งตรงที่ว่า ต้องคอยคิดอยู่ตลอดว่ามื้อต่อไปจะทำอะไรดี หากทำแล้วคนอื่นจะชอบหรือไม่ หากทานแล้วไม่ถูกปากผู้ทานคนทำก็เสียใจ
การเป็นแม่ครัวไม่ง่าย!
“จะทำอะไรให้เด็ก ๆ ดีนะ”
ชุนเอ๋อร์ไม่ทานมื้อเย็น แต่หากหิวมากแตงกวาสักลูกก็อยู่ท้องแล้ว ทว่าบุรุษวัยเจริญพันธุ์ไม่เหมือนกัน หากพวกเขาไม่ได้ทานต้องไม่สบายท้องแน่ นางไม่อาจเอาความสบายของตัวเองเป็นตัวตั้ง
“ไม่คิดแล้ว ไปถามเลยดีกว่า!”
ชุนเอ๋อร์เดินออกจากครัวตรงไปยังศาลาข้างทุ่งนาที่หนุ่ม ๆ ทั้งหลายกำลังนั่งเล่นหมากล้อมกันอยู่ ด้วยเห็นพวกเขากำลังมีสมาธิ นางจึงนั่งมองอย่างเงียบ ๆ ไม่รบกวน
“ท่านแม่คิดอะไรอยู่ขอรับ”
หลันเฟิงมองชุนเอ๋อร์ตั้งแต่นางเดินเข้ามาในศาลาแล้ว มองเพียงแวบเดียวก็ทราบว่านางมีเรื่องให้คิดไม่ตก
“แม่กำลังคิดรายการอาหารมื้อเย็นอยู่...เสี่ยวเฉิน! เย็นนี้เราจะทำอะไรกันดี”
คนถูกถามตอบกลับมาสั้น ๆ
“ไก่ผัดเผ็ด”
“ไก่ผัดเผ็ด!”
เมื่อได้ฟังคำตอบของเขา ชุนเอ๋อร์ถึงกับใบหน้าแข็งค้างไปเลย ในใจคิด...
ไก่ผัดเผ็ดที่ว่าคงไม่ใช่ไก่ในเร้าข้าใช่หรือไม่
“ไก่ผัดเผ็ดหรือ ข้าอยากกิน ๆ”
จางจงกว่านสนับสนุน แต่พอเห็นชุนเอ๋อร์หันหน้ามาตัดพ้อใส่ จากท่าทางดีใจเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบ ถามด้วยความไม่เข้าใจว่า...
“เอ่อ…ทำไมหรือเสี่ยวกูกุ”
“เสี่ยวกูกุเลี้ยงไก่ ทานไม่ลงหรอก!”
ตั้งแต่เลี้ยงไก่มาชุนเอ๋อร์ไม่เคยทานไก่เลย ตัวไหนที่มอบให้คนอื่นไปเลี้ยงต่อก็ขอร้องไม่ให้ฆ่า
หากนางทราบว่าใครผิดสัญญา นางจะไม่สนทนากับคนผู้นั้นอีก เหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่ง
“ข้าจะไปล่าไก่ป่า ไม่เอาไก่ท่านหรอก”
“จริงหรือ” ชุนเอ๋อร์ถามย้ำซึ่งเขาก็พยักหน้ารับ นางจึงค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย
แต่พอตกเย็นถึงเวลาที่ต้องทานข้าวจริง ๆ ชุนเอ๋อร์ก็ยังมองไก่ป่าผัดเผ็ดบนโต๊ะอาหารอย่างมีข้อกังขา ใช้ตะเกียบคีบไม่กี่คำก็วางลงโต๊ะ
“เสี่ยวกูกุอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะ”
หลันเฟิงไม่รั้งมารดาเพราะรู้ว่านางไม่ทานมื้อเย็น แค่นางคีบอาหารไปหลายคำเขาก็ดีใจแล้ว
ด้านโจวฉือเหอและจางจงกว่านนั้นหัวเราะขบขัน เพราะทราบว่าชุนเอ๋อร์ไปไหน
เกาจี้เฉินเองก็มีรอยยิ้มติดมุมปาก กล่าวกับทุกคนว่า...
“แอบไปนับจำนวนไก่อีกแล้ว”
เช้าวันต่อมา
“สามสิบตัวเท่าเดิม โล่งอก!”
“แอบมานับไก่อีกแล้วหรือขอรับเสี่ยวกูกุ”
ชุนเอ๋อร์ตกใจกับเสียงผู้มาใหม่ พอหันหลังไปมองก็เห็นว่าจางจงกว่านกำลังมองนางด้วยสีหน้าขบขัน
วันนี้จางจงกว่านตื่นเช้ากว่าเมื่อวาน เขาเห็นชุนเอ๋อร์เดินมาที่เร้าไก่จึงได้เดินตามนางมา
แอบมานับจำนวนไก่จริง ๆ ด้วย
“รู้ได้อย่างไรว่าเสี่ยวกูกุมานับไก่อีกแล้ว ท่าทางชัดเจนเพียงนั้น”
“เพียงนั้นเลยขอรับ”
จางจงกว่านหัวเราะเบา ๆ กับท่าทีของนาง จากนั้นก็เอ่ยเรื่องที่เขาตั้งใจจะบอกนางตัั้งแต่เมื่อวาน
“เมื่อวานจี้เฉินบอกว่าบนภูเขามีเห็ดเยอะเลย เราขึ้นไปเก็บเห็ดกันดีหรือไม่ เสี่ยวกว่านจะพาท่านย่างเห็ดคลุกด้วยพริกสูตรพิเศษ”
“เสี่ยวกูกุไม่เคยขึ้นเขาเลย น่าสนุกดี”
เป็นความจริงที่ชุนเอ๋อร์ไม่เคยได้ขึ้นเขาเลย
เวลาต้องการฝืนมาหุงหาอาหาร นางจะเก็บเฉพาะตรงตีนเขาเป็นส่วนใหญ่ ไม่ก็หาเอาบริเวณป่าแถวนี้
“เสี่ยวกว่านจะเป็นพรานป่าเอง เสี่ยวกูกุไม่ต้องกลัวหลงนะขอรับ เราจะได้ทั้งเห็ดและลงจากภูเขาอย่างปลอดภัย”
ชุนเอ๋อร์ยิ้มให้กับท่าทางมั่นใจของเขาทั้งยังตอบเอาใจว่า
“เสี่ยวกูกุเชื่อ ดูก็รู้ว่าเสี่ยวกว่านเป็นคนมีความสามารถ ว่าแต่คนอื่นจะไปด้วยกันหรือไม่”
“หากเสี่ยวกูกุไปทุกคนก็ต้องไปขอรับ”
หนึ่งชั่วยามต่อมา...
แล้วก็เป็นอย่างที่จางจงกว่านกล่าวเอาไว้ ทุกคนจะขึ้นเขาไปเก็บเห็ดด้วยกัน
หลันเฟิงเตรียมของหลายอย่างให้ชุนเอ๋อร์ไม่ว่าจะเป็น มีด สมุนไพร ยารักษาแมลงกัดต่อยหรือสัตว์มีพิษ น้ำดื่ม เสื้อผ้าสำรองและอะไรอื่น ๆ
ชุนเอ๋อร์พลันมีรางสังหรณ์ว่าจะได้ไปหลายวัน!
“เฟิงเอ๋อร์ แม่ต้องขนไปทั้งหมดนี่เลยหรือ”
หลันเฟิงพยักหน้ารับ ในความคิดเขาเผื่อไว้ก่อนไม่เสียหาย เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดกับเราได้ทุกเมื่อ
“เสี่ยวกูกุ เหล่าต้า ข้าพร้อมแล้ว”
จางจงกว่านเตรียมของไปไม่กี่อย่าง หนึ่งในนั้นคือผงพริกพิเศษเอาไว้ย่างเห็ดก็ดี ย่างสัตว์ป่าก็ดี แค่เหยาะผงพริกไปที่วัตถุดิบแล้วเอาไปย่างไฟ สุกแล้วก็สามารถทานได้เลย
“เฟิงเอ๋อร์ เสี่ยวกว่านเตรียมของไปน้อยยิ่ง”
หลันเฟิงเหลือบไปมองจางจงกว่านครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปสนใจอย่างอื่น
“แล้วแต่เขาเถิดขอรับ”
“อ้อ”
เมื่อหลันเฟิงไม่เปลี่ยนใจ ชุนเอ๋อร์ก็ตามใจเขา เอาทุกอย่างใส่ไว้ในถุงย่ามแล้วแบกขึ้นกลางหลัง
“ไป! แม่ก็พร้อมแล้ว”