/ โรแมนติก / บุปผาต้องมนตร์ / Chapter 12. ข้าจะรอเจ้า

공유

Chapter 12. ข้าจะรอเจ้า

last update 최신 업데이트: 2024-11-16 20:58:35

“คุณชายจ้าว!”

“มันตายแล้วละ” เขากล่าวย้ำเพราะเข้าใจไปว่านางกลัวจนขยับเท้าเดินต่อไม่ได้  นี่นางคงไม่ได้รอให้เขาประคองนางเดินหรอกใช่ไหม?

“ท่านทำมันตาย!” นางตวาดด้วยความโมโห

“เป็นข้า แล้วอย่างไร ถึงมันจะมีพิษหรือไม่ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นงูก็ไว้ใจไม่ได้” จ้าวจิ่นสือทำเสียงหงุดหงิด “ข้าควรได้รับคำขอบคุณหรือไม่”

“ท่านจะมาทวงคำขอบคุณทำไมกัน ในเมื่องูตัวนี้มันตายแล้ว!” นางเกรี้ยวกราดอย่างลืมรักษากิริยา “ข้ากำลังคิดจะจับมันเป็นๆ อยู่นะ”

“จับงูเป็นๆ?” เขาขมวดคิ้วแล้วตัดสินใจกระโดดลงจากหลังม้า เขาเพิ่งกลับจากบ้านตระกูลเหวิน ผ่านเส้นทางนี้เห็นเพียงมีงูอยู่เบื้องหน้าหญิงสาว แต่ไม่รู้ว่าหญิงที่ยืนอยู่คนนี้คือบุตรสาวของท่านหมอมู่ 

“ใช่! ข้า-ต้อง-การ-งู-เป็น-เป็น” 

นางพูดเน้นย้ำทุกคำแล้วถลึงตามอง เมื่อเขาก้าวมาหยุดยืนเบื้องหน้าทำให้นางรู้สึกได้ทันทีว่าความสูงของนางนั้นแค่ปลายคางของเขาเอง จ้าวจิ่นสือไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินนัก ปกติผู้หญิงเจองูก็เอาแต่กรีดร้องน่ารำคาญ ไม่ว่าจะงูตัวเล็กหรือตัวใหญ่ มีพิษหรือไม่มีพิษ นอกจากเคอหลิ่งหลินแล้ว เขาก็เพิ่งเคยเจอผู้หญิงที่ไม่กรีดร้องแต่เกรี้ยวกราดที่เขาไปฆ่างูตัวนั้นตายสนิท

“ทำดีไม่ได้ดี ไม่ช่วยเสียก็ดีหรอก” เขาพึมพำแต่จงใจให้นางได้ยิน เดินไปหยิบมีดสั้นของตัวเองออกจากหัวงูเจ้าปัญหาตัวนั้น เก็บมีดสั้นเข้าที่แล้วมองนางด้วยหางตา

“ตำราที่ยืมไป หวังว่าเจ้าคงไม่ลืมเอามาคืนหรอกนะ”

“แน่นอน ข้ายืมสิ่งใดมา ย่อมนำกลับไปคืนในสภาพเดิมไม่มีชำรุดแน่” นางโต้กลับอย่างหงุดหงิด นี่เขาพาลหาเรื่องนางใช่หรือไม่

“ข้ายังไม่เห็น คงเชื่อที่เจ้าพูดไม่ได้” เขาโต้กลับไม่ลดละ นึกแปลกใจที่ตนเองเสียเวลาต่อปากต่อคำกับนางเช่นนี้

“อีกสองวัน ข้าจะเอาหนังสือไปคืน ท่านอยู่รอตรวจทุกหน้ากระดาษได้เลย!” นางพูดเสียงขุ่น ตวัดสายตาไม่แสดงอาการหวาดกลัวและนอบน้อมอย่างที่เคยเป็นมา

“ได้ ข้าจะรอเจ้า” เขากระตุกยิ้มที่มุมปากแล้วกระโดดขึ้นหลังม้า กระตุกบังเหียนแล้วควบม้าออกไปอย่างรวดเร็วไม่มีการหันมามองนางที่ยืนอยู่กับฝุ่นที่เขาทิ้งไว้

มู่ฟางเหนียงยกมือขึ้นโบกไปมาไล่ฝุ่นที่รู้ว่าเขาจงใจแกล้งนาง นางมองงูตัวนั้นที่ตายสนิทแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ ใช้เสื้อเก่าที่ถือมา จับมันห่อใส่ผ้านั้นแล้วอุ้มมันกลับบ้านไปด้วย ถึงตายแล้วก็ยังใช้ได้อยู่ เพียงแค่เสียดายที่ไม่ได้รีดเอาพิษงูออกมาใช้ทำยาแก้พิษ

ผู้ชายอะไรกัน โต้เถียงกับผู้หญิงแบบไม่ยอมรับความผิดของตนเอง แล้วยังมีหน้ามาทวงคำขอบคุณจากนางอีก!.

            อาชาสง่างามมาถึงจวนแม่ทัพจ้าวแล้ว ร่างสูงก็กระโดดลงมาแล้วส่งม้าให้ผู้ดูแลนำม้าไปพักที่คอก จ้าวจิ่นสือไม่มีบ่าวคนสนิทติดตามตัวเหมือนคุณชายบ้านอื่น ขนาดเคอหลิ่งหลินยังมีสาวใช้ประจำตัว แต่เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับตัวเขานัก จึงเลือกที่จะทำอะไรด้วยตนเอง แต่เขายังมีพ่อบ้านตู้ที่เป็นเหมือนคนดูแลเขาแบบส่วนตัว เรียกว่ามองตาก็รู้ว่าเขาต้องการอะไร เมื่อเดินเข้าไปด้านในก็พบพ่อบ้านที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว

            “มีอะไร” 

            “นายท่านสั่งมาว่า ถ้าคุณชายกลับมาให้รีบไปพบที่ห้องอักษรขอรับ”

            “เดี๋ยวนี้เลยรึ”

            “ขอรับ”

            ชายหนุ่มเพียงพยักหน้ารับแล้วเดินตรงไปที่ห้องอักษร ระหว่างนั้นเขาเดินผ่านห้องพักของเคอหลิ่งหลิน อยากแวะไปดูนางเสียหน่อย แต่ก่อนออกไปเขาก็แวะไปแล้ว ว่างเมื่อไหร่ หรือเดินผ่านกี่ครั้งเขาก็แวะทุกที อาจเพราะเหตุนี้ทำให้ท่านพ่อถึงต้องสั่งให้พ่อบ้านมารอแจ้งให้เขาทราบ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องไปหาบิดาอยู่แล้ว เขาจึงตัดใจไม่ไปที่ห้องของเคอหลิ่งหลินแล้วเดินตรงไปหาท่านพ่อทันที และดูเหมือนท่านจะรออยู่ก่อนแล้วจริงๆ

            “ท่านพ่อ”

            “มาแล้วรึ”  

แม่ทัพจ้าวเงยหน้าขึ้นแล้วปรายตาไปที่เก้าอี้กลม ลูกชายนั่งลงอย่างเข้าใจความหมายพร้อมรินน้ำชาให้ตนเอง การที่ไม่มีคนรับใช้อยู่ใกล้บริเวณนี้แสดงว่าท่านไม่ต้องการให้ผู้ใดได้ยินเรื่องที่จะสนทนา

            “ลูกได้พบกับเหวินเฮ่าหลันแล้ว สอบถามตามที่ท่านพ่อต้องการทราบแล้วขอรับ” เขารายงานทันทีหลังจิบน้ำชาไปแล้ว “อย่างที่ท่านพ่อคาดคิดไว้ แม้ชายแดนจะสงบเรียบร้อยดี แต่กองคาราวานขนสินค้ามีการเคลื่อนไหวผิดปกติขอรับ ลูกคิดว่าอาจมีทหารแฝงตัวมาดูลาดเลาชายแดนของเรา”

            “และอาจจะเข้าไปถึงเมืองหลวง” ผู้เป็นพ่อพูดเสริม “แม้ชนเผ่าน้อยใหญ่จะยอมสวามิภักดิ์แต่ก็นิ่งนอนใจมิได้”

            “ลูกก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”

            “หลิ่งหลินยังไม่ฟื้น หรือต่อให้นางฟื้น พ่อก็ไม่ส่งนางไปสอดแนมที่ใดอีก คราวนี้เห็นทีต้องส่งเจ้าไปดูความเคลื่อนไหวของชนเผ่าโดยรอบ เจ้ารับมือไหวอยู่ใช่ไหม”

            “แน่นอนขอรับ” ใบหน้าคมคายมีรอยยิ้มปรากฏ ดีใจที่ได้ช่วยงานเต็มที่ แม้เขาจะมีตำแหน่งรองแม่ทัพ ทว่าหลายคนยำเกรงเพราะเขาเป็นบุตรชายคนเดียวของแม่ทัพจ้าวซื่อก่วง เขาหวังให้การทำงานหนักของตนนั้นได้ประกาศชื่อเสียงของตนเอง

            “ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้จักเจ้ามากนัก ปะปนไปกับเหล่าพ่อค้าสืบดูความเคลื่อนไหวต่างๆ แล้วกลับมารายงาน แต่หลังจากนั้นพ่อมีความคิดจะให้เจ้าไป เผ่าเอ้อหลุนชุน”

            “เผ่าเอ้อหลุนชุน? สายของเราเพิ่งกลับมาไม่ใช่รึท่านพ่อ” เขาเองก็นั่งฟังการรายงานของสายที่กลับมาจากเผ่าเอ้อหลุนชุนพร้อมกับบิดาของตน

            “เผ่าเอ้อหลุนชุนเพิ่งเปลี่ยนผู้นำคนใหม่ อายุอานามก็มากกว่าเจ้าแค่สองหรือสามปี ทว่ากลับมีชื่อเสียงเกรียงไกรเป็นวีรบุรุษของเหล่าผู้คนในชนเผ่า นิสัยของผู้นำคนใหม่ไม่มีความยำเกรงต่อคนจากราชสำนัก หากวันข้างหน้ากระด้างกระเดื่องก็จะสร้างปัญหาได้ แต่ตอนนี้ปัญหายังไม่เกิด กระโตกกระตากเข้าไปก็จะกลายเป็นเผยให้เห็นว่าเราจับตามองอยู่ เจ้าไปในฐานะลูกของข้า ไม่ใช่ในฐานะรองแม่ทัพเพื่อสานสัมพันธ์ไมตรี อ้างว่าฝึกปรือฝีมือหรืออะไรก็ได้ เป็นการเดินทางแบบส่วนตัว แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นเจ้าต้องยืดอกยอมรับว่ามิเกี่ยวข้องกับทางกองทัพเป็นเด็ดขาด หน้าที่นี้เจ้าจะรับไหวอยู่หรือไม่”

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  136.  จบ

    องค์ชายไท่หยางมักมีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าซีดเซียวเสมอ ซึ่งมองเพียงผิวเผินจะเข้าใจว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังใบหน้าและร่างกายอ่อนแอนี้กุมความลับที่ใช้ต่อรองกับเขาได้ดียิ่งนัก เขาเองก็ได้สัญญาการซื้อขายกับทางการหลายรายการเพราะการแนะนำของคุณชายเฉิน“แล้วนี่คุณชายเฉิน อ้อ! ไม่สิ! องค์ชายไท่หยางนึกสนุกอย่างไรถึงอยากได้หน้ากากอสูรที่ดูน่ากลัวเช่นนี้”“ก็คงไม่ต่างจากเจ้าที่เบื้องหน้าเป็นคุณชายเจ้าสำราญเช่นกัน”“พระองค์กล่าวเช่นนี้ เห็นทีว่ากระหม่อมคงไม่มีทางหลีกเลี่ยงแล้วกระมัง” เหวินเฮ่าหลันกลับรู้สึกพอใจกับท่าทางเปิดเผยขององค์ชายไท่หยาง“ร่างกายของข้าไม่ค่อยแข็งแรงนัก จึงมีเรื่องที่ต้องทำให้เรียบร้อยก่อน... แต่การเคลื่อนไหวในฐานะขององค์ชายไท่หยางทำได้ลำบากนัก จึงอยากจะรบกวนเจ้าหาช่างดีๆ ทำหน้ากากอสูรนี่ให้ข้า”“พระองค์จะเอาไว้ใช้เอง?”เหวินเฮ่าหลันได้คำตอบเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก หลังจากนั้นเขาหาช่างที่ไว้ใจได้สั่งทำหน้ากากอสูร แต่ไม่รู้สิ่งใดดลใจเขาให้ช่างทำสองอัน เมื่อส่งมอบหน้ากากอสูรนั่นให้องค์ชายไท่หยาง ไม่นานนักก็ได้ยินข่าวว่ามีบุรุษลึกลับภายใต้หน้ากากอสูรออกอาละวาดเล่น

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  135.  บุปผาพยศรัก

    ปีศาจน้อย! จ้าวจิ่นสือขบกรามแน่น นางเรียนรู้ที่จะหยอกล้อเขาเช่นเดียวกับที่เขาทำกับนาง เขาไม่อาจทานทนไฟปรารถนาที่เผาไหม้อยู่นี้ได้อีก ขยับร่างกายรวดเร็วรุนแรงและลึกล้ำ เป็นนางที่พาเขาให้เตลิดโบยบินไปในค่ำคืนวิวาห์ที่อุ่นร้อน ราวกับวิหคคู่ที่โบยบินในเวิ้งฟ้า หยอกล้อราวกับทั้งโลกมีเพียงแค่เขากับนางเท่านั้น ร่างสองร่างสอดประสานแทบเป็นหนึ่งเดียว ชายหนุ่มส่งเสียงคำราม ในขณะที่หญิงสาวหวีดร้องออกมาอย่างสุขสม แล้วเขาจึงผ่อนร่างนางลงนอนกอดอย่างรักใคร่นางปิดเปลือกตาหอบใจแรงแล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจตัวเองจนเกือบจะเป็นปกติจ้าวจิ่นสือมองหญิงคนในรักในวงแขน ยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมของนางให้พ้นใบหน้า หนึ่งชีวิตได้พานพบผู้คนมากมาย แต่มีเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นเจ้าของเสียงในหัวใจ เขาก้มหน้าสูดกลิ่นหอมของนางให้กลิ่นกายของนางไหลเวียนในตัวเขา นางคือหญิงสาวของเขาแต่เพียงผู้เดียว“ฟางเหนียง ข้ารักเจ้า”ผ่านเรื่องราวมากมายฟันฝ่ามาด้วยกันจนมีวันนี้ แต่แท้จริงแล้วทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น นางคิดถึงกลองป๋องแป๋งอันนั้น นางจะเก็บรักษาเอาไว้ให้ลูกๆ ได้ดู ของขวัญล้ำค่าที่เชื่อมโยงหัวใจของคนสองคนให้ได้มาใกล้ชิดกั

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter  134.  บทส่งท้าย2. 

    “ท่าน...” นางถูกดวงตาร้อนแรงของเขาจ้องมองจนลืมคำพูดตัวเองไปเสียสิ้น “อืม”เขาจ้องมองนาง ไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายที่ได้มองใบหน้านี้เลยสักคราเดียว คิดไม่ออกเลยว่าหากไม่มีนางเคียงข้างแล้ว เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เห็นทีเรื่องนี้คงต้องเก็บเป็นความลับไว้ให้ลึกที่สุด ไม่เช่นนั้นนางจะเอาแต่ใจตัวเองเกินไป รู้ว่าอย่างไรเขาก็ต้องจำนนยอมแพ้พ่ายต่อสายตาคู่นี้ของนาง “ข้า... ข้าต้องปรนนิบัติท่าน... พี่” คืนนี้นางเป็นภรรยาของเขาอย่างถูกต้องแล้ว ควรทำหน้าที่ของตนเองถึงจะถูก แต่มือเล็กก็สั่นเทา ยื่นไปหมายจะช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่อาการเงอะงะของนางเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมา ทำให้นางฉุนกึกขึ้นมา แล้วเงยหน้าขึงตาใส่อย่างดุดัน “ใช่สิ! ข้าทำไม่เก่งนี้ เรื่องแบบนี้ข้าคุ้นเคยเสียเมื่อไหร่ล่ะ” นางหงุดหงิดโมโห อารมณ์นางช่วงนี้ขึ้นๆ ลงๆ แปรปรวนชอบกล “ไม่เป็นไร น้องหญิงอยากทำอะไรก็ตามใจเจ้าเถิด” เขากลั้นหัวเราะแต่กลายเป็นยิ้มกรุ้มกริ่มแทน ปล่อยให้มือเล็กช่วยถอดเสื้อตัวนอก พอนางลุกขึ้นจะเอาเสื้อของเขาไปแขวน ตัวเองก็เสียหลักเพราะนั่งตัวเกร็งอยู่ตั้งนา

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter   133.  บทส่งท้าย 1.

    หญิงสาวนั่งก้มหน้า มองปลายเท้าที่สวมรองเท้าสีแดงสดสวยปักรูปหงส์อย่างงดงามประณีต เสียงครื้นเครงด้านนอกไม่ได้ช่วยให้นางลดอาการตื่นเต้นลงได้เลย ยามมองผ่านผ้าคลุมหน้าสีแดงสดนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องหอราวกับถูกย้อมด้วยสีแดง นางจึงหลุบตาลงก้มมองปลายเท้าของตนแทน เพียงหนึ่งเดือนหลังเสร็จภารกิจลับของจ้าวจิ่นสือ ด้วยความช่วยเหลือขององค์ชายไท่หยาง ทำให้ทั้งสองได้รับราชโองการพระราชทานสมรส แม้มู่ฟางเหนียงจะเป็นเพียงหญิงสาวสามัญชน แต่ด้วยความรักใคร่ที่รองแม่ทัพจ้าวจิ่นสือมีให้นางนั้นเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว นางทั้งเขินทั้งอาย แต่ก็ดีใจที่ฮูหยินอี้ซิ่วรักและเอ็นดูนางราวกับเป็นลูกสาวแท้ๆ ท่านพ่อของนางก็พลอยวางใจว่านางจะอยู่ที่จวนแม่ทัพจ้าวได้อย่างไม่ทุกข์ร้อนใจอันใด “เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว ต่อไปนี้ทำอะไรก็เชื่อฟังพ่อแม่สามีของเจ้าให้ดี” “ท่านพ่อ” นางกลั้นน้ำตา คราวนี้ได้แยกกันอยู่แล้วจริงๆ ท่านพ่อของนางมีใจรักใคร่น้าเสี่ยวหลิว เสร็จงานแต่งงานของนางแล้วก็จะกลับไปเมืองหลวง ช่วยน้าเสี่ยวหลิวดูแลโรงเตี๊ยมหมื่นบุปผาและรักษาคนเจ็บป่วยเช่นเคย ส่วนนางเองก็ได้รั

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 132. ไม่อยากเชื่อ

    “ท่าน... ระ.. รักข้า..” นางแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเขาหัวเราะเบาๆ อาศัยจังหวะที่นางไม่เป็นตัวของตัวเองลอกคราบเสื้อผ้าออกเหลือเพียงเอี๊ยมปิดบังทรวงอกที่สะท้อนหอบหายใจแรงกับกางเกงชั้นในตัวน้อย มือกร้านลูบไล้เรียวขาของนาง ไอร้อนจากกายของเขาทำให้นางแทบไม่รู้สึกว่าตัวเองเกือบจะเปลือยเปล่าอยู่แล้ว“ข้า... เข้าใจว่า... ท่าน ระ รัก พี่หลิ่งหลิน” นางรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีพูดออกไปเขาผงกศีรษะรับแล้วกลับยิ้มให้นาง “ก่อนนั้นข้าคิดเช่นนั้น แต่เมื่อเจอเจ้า ข้าก็รู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นเช่นไร”หัวใจของนางแทบหยุดเต้นไป แต่กระนั้นก็ยังหวาดหวั่นอยู่ “แต่ท่านเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ ท่านจะรับข้าไว้ในฐานะใดเล่า”“ข้าย่อมให้เจ้าเป็นภรรยา” มือใหญ่เลื่อนขึ้นจากต้นขาด้านในสู่กลีบบุปผาอ่อนบาง “ข้าจ้าวจิ่นสือจะมีภรรยาเพียงผู้เดียวก็คือเจ้า”“ท่านจะไม่มีหญิงอื่นอีกหรือ?” นางกะพริบตามองหน้าเขา ค้นหาความจริงใจในทุกถ้อยคำ “ข้าไม่ได้หวังตำแหน่งใด ข้าเพียงไม่อาจแบ่งสามีกับผู้อื่นได้”“เจ้าทำให้ข้ารักเจ้าจนไม่มีที่ว่างให้ผู้อื่นแล้ว” แตะกลีบดอกไม้เบาๆ แล้วกระซิบเสียงพร่า แท่งศิลาใต้ตักของนางเริ่มร้อนระอุ“อย

  • บุปผาต้องมนตร์   Chapter 131. อย่ามายุ่งกับข้า 

    “นึกแล้วเชียว” นางพึมพำ ไม่รอถามอะไรเขาทั้งนั้น ขยับเสื้อของเขาออกกว้างเพื่อจะได้จัดการล้างแผลและใส่ยาให้ใหม่ ขณะนั้นเอง เสียงเรียกชื่อนางอย่างเกรงใจก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามา เสี่ยวเอ้อที่รอพานางไปส่งที่พักก็ต้องตกใจเพราะเห็นมู่ฟางเหนียงกำลังเปลื้องผ้าชายหนุ่มอยู่ แต่เขามองไม่เห็นบาดแผลจึงคิดไปเองว่าทั้งสองกำลัง...“ข้าจะรอข้างนอก แม่นางมู่เสร็จธุระแล้วโปรดเรียก”นางเพียงหันไปพยักหน้ารับ เพราะใจจดจ่อกับบาดแผล พอเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นสายตาของเขาก้มมองนางอยู่ก่อนแล้วผู้หญิงคนนี้ วุ่นวายกับเขานัก! จ้าวจิ่นสือได้แต่บ่นในใจ แต่ก็ยอมให้นางแกะผ้าพันแผลและทำความสะอาดที่บริเวณชายโครงซ้ายของเขา“โรคทางใจรักษายากนัก” นางรำพึง“อย่ามาทำเป็นรู้ดี” เขาแค่นเสียงในลำคอ รินสุราใส่จอกให้ตนเอง แต่นางกลับยื่นมือไปคว้าแย่งไว้“ระหว่างที่รักษาแผลนี้อยู่ งดดื่มสุราทุกชนิด” นางถลึงตาสั่งเขา “ข้ารักษาให้ท่านได้เพียงบาดแผลภายนอก แต่ในใจที่เจ็บปวดของท่านนั้น ท่านคงต้องใช้เวลาเยียวยารักษาเอง”“ข้าจะดื่ม” เขาท้าทายนาง“ถือว่าข้าเตือนแล้ว ท่านอยากให้แผลเน่าอยู่ภายในก็ตามใจท่านเถิด” นางปิดบาดแผลให้เขาเรียบร้อย “ท่าน

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status