Home / อื่น ๆ / บุปผาพันธนาการ / ตอนที่ 4 สอบสวน

Share

ตอนที่ 4 สอบสวน

Author: Bosskerr
last update Huling Na-update: 2025-09-08 21:23:35

เมื่อเขาเดินผ่านห้องขัง ซูฮวาอิ๋นก็เงยหน้าขึ้น แววตาไม่ได้ท้าทายดังเช่นยามเช้า แต่หากนิ่งลึกและประเมิน

“วันของผู้ชนะ เป็นอย่างไรบ้างเล่าท่านขุนนางเจิ้ง”

“เจ้าอยากให้ข้าชนะหรืออยากให้ความจริงชนะเล่า” เขาถามกลับ

ซูฮวาอิ๋นยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก “ความจริงมิได้ชนะทุกครั้งที่ปรากฏ แต่ผู้คนมักเชื่อในสิ่งที่ถูกจัดวางให้เชื่อ” นางเอ่ยช้า ๆ ราวกำลังสาธยายบทกวี

“แล้วท่านเล่า เชื่อในสิ่งใดมากกว่ากัน”

เจิ้งหลินอวี่ไม่ตอบ เขาวางห่อผ้าขาวเล็ก ๆ ผ่านช่องเหล็กด้านล่าง

“ข้าวต้มร้อนกับบ๊วยเกลือเล็กน้อย กินเสีย จะได้มีแรงตอบคำถามในวันพรุ่งนี้”

ซูฮวาอิ๋นมองห่อผ้า ความอบอุ่นจากไอร้อนลูบไล้ปลายนิ้ว โสตประสาทของนางได้ยินก้องอยู่เพียงเสียงที่เบาเสียจนคล้ายกระซิบ เสียงทุ้มเรียบของเขาเมื่อครู่ เชื่อในสิ่งใด? คำถามนั้นพาดผ่านโซ่ตรวนในอกของนางไปชั่ววูบ

นางค่อย ๆ รับห่อผ้า “ขอบคุณท่านขุนนางเจิ้ง” เสียงของนางเบาจนแทบเป็นลมหายใจ

เจิ้งหลินอวี่ขยับมุมเสื้อคลุม “พรุ่งนี้ ยามเฉิน ข้าจะมาถามต่อ” เขาหันหลังเดินจากไป เงายาวของเขาทอดผ่านเปลวตะเกียง ริมกระดาษในใจที่เขาเพิ่งเปิดอ่าน ในนั้นเขียนด้วยลายมือที่คุ้นตาของผู้มีอำนาจที่ยังติดอยู่ในความคิด

สามวัน หากยังไม่สารภาพ ให้ส่งตัวให้ศาลต้าหลี่พิพากษาเสีย ผู้ที่ไม่อาจใช้ได้ ก็อย่าปล่อยให้อยู่ต่อไป

ข้อความจากกระดาษนั่นไม่ใช่การบอกกล่าว หากแต่เป็นคำสั่งเด็ดขาดจากเจ้าของลายมือชื่อที่เขียนไว้ท้ายกระดาษ

เฉินเหยาเหยา...

นั่นคือชื่อของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย!

ลมใต้ดินพัดผ่าน เสียงครืดคราดของเหล็กคล้ายดั่งคำขู่ที่ไม่ต้องออกเสียง

ยามดึกสงัด เจิ้งหลินอวี่หยุดยืนลำพังที่ระเบียงคุมขัง มองตะเกียงเรียงรายราวดวงไฟภูตผี ภาพสลัวหนึ่งผุดวาบเข้ามาเด็กชายตัวน้อยล้มลงบนหิมะ เลือดที่ขมับซึมอุ่นท่ามกลางหนาวเหน็บ เสียงใครคนหนึ่งฮัมทำนองโบราณกล่อมให้หลับตา กลิ่นดอกเหมยกลางหิมะหวานละมุน

เขาสะบัดสติกลับคืน ริมฝีปากขึงตึง ฝันซ้ำอีกแล้ว เพราะสตรีผู้นั้นร้องเพลงในคืนฝนตกหรือเพราะแววตานั้น ? เขากำมือแน่น หยุดลมหายใจตัวเองให้กลับมาเที่ยงตรงดังเดิม

“ข้าคือขุนนางกรมสอบสวน หน้าที่ของข้าคือ หาความจริง ไม่ใช่มองความจริงอย่างตามใจ”

ทว่าสัจจะที่เขาสาบานไว้กลับสั่นไหวเล็กน้อย พอ ๆ กับเปลวไฟตะเกียงที่สู้ลมหายใจตัวเอง

วันรุ่งขึ้น ยามเฉินมาตามนัด ห้องสอบสวนเล็กถูกจัดไว้เรียบง่าย โต๊ะไม้เตี้ย เก้าอี้สองตัว ตะเกียงหนึ่งดวง และกาน้ำชาร้อนที่เพิ่งยกลงจากเตา ไอน้ำขาวพุ่งออกมาเป็นเส้นชัดในแสงสลัว เจิ้งหลินอวี่กางแผ่นบันทึกใหม่วางเรียงต่อหน้า

“วันนี้ข้าจะถามต่อ ก่อนงานเลี้ยง เมื่อสามวันก่อนหน้า เจ้าไปที่ใด ไปพบผู้ใดบ้าง พูดเรื่องใด ตอบมาให้ละเอียดที่สุด”

ซูฮวาอิ๋นประสานมือไว้บนตัก ท่าทีสงบแต่สายตาแน่วแน่ไม่ถอย

“ข้าอยู่ที่จวนตระกูลซู ท่องบทกลอนในสวนไผ่ยามเช้า ฝึกพิณยามบ่าย รับแขกสองรายยามโพล้เพล้ สหายของท่านพ่อข้าจากกรมคลัง และศิษย์พี่จากสำนักคีตา ทั้งสองต่างก็มาเยี่ยมเยือนทักทาย”

“ชื่ออะไร”

“ท่านกงซุนไป๋ จากกรมคลัง และศิษย์พี่ไป๋อี้หลาง จากสำนักคีตา” นางเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง “ในคืนก่อนงานเลี้ยง ข้าถูกนางกำนัลจากวังหลวงเชิญให้ไปคัดเลือกบทเพลงที่จะบรรเลงสำหรับรับเสด็จ ข้าไปตามนัด บรรเลงให้ขันทีตรวจหนึ่งบท ก่อนจะถูกสั่งให้กลับ”

เจิ้งหลินอวี่ก้มตาเขียน “ขันทีคนใด”

“ก็เจียงเต๋อ” นางเอ่ยอย่างชัดเจน “เขาตรวจพลิกหลังพิณของข้าอยู่พักหนึ่ง กล่าวว่าต้องตรวจให้แน่ใจว่าจะไม่มีของต้องห้ามซุกซ่อน”

ริมพู่กันของเจิ้งหลินอวี่หยุดกลางอากาศวูบหนึ่ง เจียงเต๋อ อีกแล้ว เขาเชิดสายตาขึ้น

“เขาถามสิ่งใดกับเจ้าอีกหรือไม่”

“ถามถึงบทเพลงที่ข้าชอบบรรเลงในยามฝนตก” ซูฮวาอิ๋นยิ้มนิด ๆ คล้ายเย้าตัวเอง

“ข้าตอบว่า กลิ่นเหมยกลางหิมะ เพราะในคืนที่หนาวเหน็บ หากมีเสียงพิณคละเคล้ากลิ่นเหมย จะทำให้ใจคนสงบ ”

เจิ้งหลินอวี่เผลอเบนสายตาเพียงชั่วแล่น ราวถูกเงาของบางสิ่งสะกิด

“พูดต่อ”

“แล้วก็ไม่มีสิ่งใดอีก ข้าถูกส่งกลับจวน วันรุ่งขึ้นจึงไปงานเลี้ยงพร้อมท่านพ่อ”

เจิ้งหลินอวี่พยักหน้าเรียบ เขากดตราประทับสีชาดที่มุมกระดาษ แล้วส่งต่อให้ทหารรับไป

“ดี”

เขาหันไปสั่งการ “ให้คนไปตามกงซุนไป๋และไป๋อี้หลางมาสอบสวนในวันนี้ ตรวจประวัติและเส้นทางไปกลับของทั้งสองตลอดสามวัน ให้ละเอียดเทียบชั่วยาม และ...” เขาชะงักวูบเดียว “สืบความเป็นมาเจียงเต๋อทุกหน้าชีวิต ตรวจสอบวงศ์ตระกูลและทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นแบบผิดปกติในปีนี้”

คำสั่งไหลลื่นราวกับกระบี่ครูดฝัก ทหารผู้น้อยกว่าโค้งรับแล้วจากไป

ยามสายล่วงเลย คนสองคนที่ซูฮวาอิ๋นเอ่ยถึงถูกนำมาที่ห้องสอบต่างคนต่างเวลา กงซุนไป๋ ชายผู้มีหนวดเคราบาง ใบหน้าเรียบคง ให้การตรงตามที่นางบอกแทบทุกถ้อยคำ ทว่าหัวคิ้วเขากระตุกเล็กน้อยเมื่อถูกถามถึงเจียงเต๋อ เขาบอกว่ารู้จักเพียงผ่านพิธีเท่านั้น ไม่เคยข้องเกี่ยว

ส่วนไป๋อี้หลาง ศิษย์พี่จากสำนักคีตา สวมชุดเนื้อดีสะอาดกริบ ดวงตาเจ้าเล่ห์วาบวับ เขาเล่าว่ามาเยี่ยมซูฮวาอิ๋นเพราะจะขอยืมตำราทำนองเก่า และชมว่าเสียงพิณของนางในยามฝนตก เปรียบดั่งกลีบเหมยโปรย คำสรรเสริญที่คุ้นกับประโยคเมื่อครู่ของซูฮวาอิ๋นอย่างประหลาด

เจิ้งหลินอวี่เก็บงำความคิดไว้ ทว่าให้คนติดตามทั้งสองในเงาอีกชั้น มันเป็นสัญชาตญาณของคนสอบสวนที่ชอบเดินทวนกระแสลม

ย่ำยามบ่าย เขากลับไปยังห้องขังซูฮวาอิ๋นอีกครา นางกำลังก้มลงผูกเส้นด้ายเก่า ๆ ที่ชายเสื้อของตนเอง ดวงตานิ่งลึกเหมือนน้ำค้างค้างอยู่บนใบสน

“รู้หรือไม่” เขาเอ่ยโดยไม่บอกที่มา “คนสองคนที่เจ้ากล่าวถึง ให้การตรงกับเจ้าแทบทุกคำ แม้แต่จังหวะหยุดหายใจ ก็คล้ายกันราวกับฝึกท่องมา”

ซูฮวาอิ๋นเงยหน้าขึ้น “เช่นนั้นใช่หรือไม่ว่า ความจริงของเราทั้งหมดถูกใครบางคนเขียนให้เหมือนกันเพื่อทำให้ดูน่าเชื่อถือ”

คำว่าเขียนทำให้เจิ้งหลินอวี่นึกถึงถ้วยที่ห่อผ้าขาว กล่องแยก บันทึกพิธี ทุกอย่างไม่ใช่แค่การจัดวางของจริง หากคือการจัดวาง เรื่องเล่า ให้กลืนกินหัวใจผู้ฟัง เขาเทน้ำชาใส่ถ้วยดินเผาเล็ก ๆ ผ่านช่องเหล็ก

“เจ้าจะไม่สารภาพใด ๆ ใช่หรือไม่ แม้จะแลกด้วยการมีชีวิต”

“ข้าคงไม่อาจเรียกสิ่งที่ไม่เคยทำว่าความผิด เพื่อแลกชีวิตได้” นางตอบ “ชีวิตที่หัวใจเป็นเรือนจำของตนเอง อยู่ไปจะมีประโยชน์อันใด”

ประโยคนั้นเหมือนเชือกฟางเส้นบางที่ผูกบางสิ่งในอกเขาไว้ เจิ้งหลินอวี่นิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนวางถ้วยชา เงยหน้าขึ้นตรง

“คืนนี้ ข้าต้องตรวจสถานที่อีกสองแห่ง กองคลังตำหนักและห้องเก็บป้ายตรา เมื่อเสร็จแล้วข้าจะกลับมา”

นางเลิกคิ้วบาง “กลับมาทำไม”

“เพื่อถามต่อ” เขาตอบเรียบ

“มิใช่เพื่อฟังเพลงหรือ” นางหัวเราะเบา ๆ ขยับปลายนิ้วราวจะตั้งสายพิณซึ่งตอนนี้ไม่มีอยู่ในห้องขัง

เจิ้งหลินอวี่ไม่ตอบ เขาหันหลัง เสียงรองเท้ากระทบหินดังเป็นจังหวะมั่นคง ราวเคาะประตูคำตอบทีละบาน

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • บุปผาพันธนาการ   ตอนที่ 37 เช้าวันใหม่หลังพายุ

    กลางดึกคืนนั้น ฟ้ากลับมืดครึ้มอย่างไม่ทันตั้งตัว สายลมแรงหอบเมฆดำเข้าปกคลุมหมู่บ้านสะพานบัว ฟ้าแลบสว่างวาบก่อนเสียงฟ้าร้องกึกก้องตามมา ฝนเม็ดโตโปรยลงไม่หยุดราวกับสวรรค์เทน้ำทั้งฟ้าเสียงสุนัขเห่าหอนดังระงม ผู้ใหญ่บ้านเถาเซิ่งรีบลุกขึ้นตะโกนปลุกชาวบ้านให้ช่วยกันปิดหน้าต่าง เก็บเสบียง และนำสัตว์เลี้ยงเข้าคอก ฝนถาโถมลงบนหลังคาฟางจนดังสนั่นในเรือนเล็ก ซูฮวาอิ๋นรีบจุดตะเกียง สวมเสื้อคลุมแล้วหันไปมองเจิ้งหลินอวี่ที่ยืนพิงประตู หน้าต่างไม้ถูกลมตีจนเปิดออกแทบหลุด“เจ้าคิดว่าจะร้ายแรงหรือไม่” นางถามด้วยเสียงสั่นน้อย ๆเจิ้งหลินอวี่เพ่งมองท้องฟ้ามืดสนิท ดวงตาคมวาวด้วยความเคร่งเครียด“เป็นพายุใหญ่แน่ เราต้องไปดูเขื่อนดินอีกครั้ง ไม่งั้นอาจซ้ำรอยเดิม”ซูฮวาอิ๋นใจหายวาบ “แต่กลางดึกเช่นนี้ ”เขาหันมาสบตานางตรง ๆ น้ำเสียงหนักแน่น“ข้าไม่ปล่อยให้หมู่บ้านนี้ตกอยู่ในอันตราย เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปเอง”นางก้าวเข้ามากุมแขนเขาแน่น“ไม่! เจ้าเคยเสี่ยงมาแล้วครั้งหนึ่ง ข้าไม่อาจนั่งรออยู่เฉยได้”สายตาของทั้งคู่ปะทะกันในแสงตะเกียงสลัว เสียงลมคำรามโอบล้อมรอบเรือน ราวกับฟ้ากำลังทดสอบคำมั่นที่เพิ่งให้กันกลางลานเ

  • บุปผาพันธนาการ   ตอนที่ 36 คำมั่นกลางลานเหมย

    ฤดูใบไม้ผลิผ่านไปอย่างงดงาม ต้นเหมยที่หน้าสวนแตกกิ่งใบอ่อนสีเขียวชอุ่ม ดอกสีขาวและชมพูโรยลงบนลานดินจนดูราวกับปูพรมจากฟ้า เด็ก ๆ ที่มาเรียนหนังสือต่างวิ่งเล่นท่ามกลางกลีบเหมยร่วงด้วยเสียงหัวเราะสดใสวันนี้เป็นวันพักการสอน ซูฮวาอิ๋นจึงเตรียมกาน้ำชาและขนมถั่วตัดมานั่งเล่นกลางลานใต้ต้นเหมยใหญ่ นางสวมชุดผ้าฝ้ายสีอ่อน ผมถูกรวบขึ้นอย่างเรียบง่าย ใบหน้าที่เคยผ่านทุกข์ยากกลับฉายความสงบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเจิ้งหลินอวี่เดินเข้ามาเงียบ ๆ ในมือถือหนังสือเก่าเล่มหนึ่ง เขานั่งลงเคียงข้าง มองเด็ก ๆ ที่วิ่งไล่จับกันอยู่ไกล ๆ ก่อนเอ่ยเสียงทุ้ม“นานมาแล้ว ข้าเคยคิดว่าชีวิตข้ามีไว้เพียงแบกหน้าที่ แต่วันนี้ ข้ารู้แล้วว่าหน้าที่ของข้าจริง ๆ คือการอยู่เคียงข้างเจ้า”ซูฮวาอิ๋นยกถ้วยชาให้เขา ดวงตาสุกใสสะท้อนแสงแดดอุ่น“ท่านพูดเหมือนจะสารภาพคำมั่นอะไรสักอย่าง”เจิ้งหลินอวี่ยกคิ้วเล็กน้อย “ก็ใช่ วันนี้ข้าอยากให้เจ้าได้ฟัง”ซูฮวาอิ๋นหัวเราะเบา ๆ มือบางประคองถ้วยชาของตนไว้แนบอก“งั้นข้าจะฟังอย่างตั้งใจ”สายลมอ่อนพัดกลีบเหมยปลิวลงมาราวกับฝนโปรย เจิ้งหลินอวี่วางหนังสือลงแล้วหันมาสบตานางตรง ๆ“ซูฮวาอิ๋น ข้าสาบานต

  • บุปผาพันธนาการ   ตอนที่ 35 งานแต่งเล็ก ๆ กลางหมู่บ้าน

    ฤดูใบไม้ผลิปีนั้นหมู่บ้านสะพานบัวอบอวลด้วยกลิ่นหอมของดอกเหมยที่บานสะพรั่งทั้งทุ่ง แสงแดดยามเช้าอาบไล้หลังคาฟางและรั้วไม้ไผ่จนเป็นสีทองอุ่น ผู้คนในหมู่บ้านต่างพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น เพราะวันนี้มิใช่วันธรรมดา แต่เป็นวันที่ทุกคนรอคอย...วันแต่งของแม่นางซูกับคุณชายเจิ้ง...แต่เดิมซูฮวาอิ๋นเคยเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ หากแต่งงานย่อมต้องหรูหราในจวนขุนนาง มีแขกเหรื่อนับร้อยนับพัน แต่ครานี้งานแต่งกลับเรียบง่ายที่สุดในชีวิต และนั่นคือสิ่งที่นางปรารถนาที่สุดเช้าตรู่ สตรีชาวบ้านหลายคนพากันมาช่วยแต่งตัวให้นางในเรือนเล็ก ๆ ผมยาวดำสนิทถูกรวบขึ้นอย่างเรียบง่าย ประดับด้วยปิ่นไม้ไผ่แทนปิ่นทองคำ เสื้อคลุมผ้าฝ้ายสีชมพูอ่อนถูกเย็บปักด้วยลายดอกบัวโดยมือของหญิงชราในหมู่บ้านเด็กหญิงตัวน้อยร้องอุทานเสียงใส“ท่านอาจารย์สวยราวกับเทพธิดาเลย!”ซูฮวาอิ๋นหัวเราะเบา ๆ แก้มแดงระเรื่อ“ไม่หรอก ข้าเป็นเพียงสตรีธรรมดา แต่วันนี้เป็นวันที่หัวใจข้าเบิกบานที่สุด”ด้านนอกเรือน เจิ้งหลินอวี่สวมชุดผ้าป่านสีขาวสะอาด ผูกสายคาดเอวผ้าไหมที่ชาวบ้านช่วยกันทอ มือใหญ่ยังไม่คุ้นกับการยืนให้ใครแต่งองค์ทรงเครื่อง แต่เมื่อเขาเงยหน้ามองทุ่งท

  • บุปผาพันธนาการ   ตอนที่ 34 แขกจากวังหลวง

    เช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้าเหนือหมู่บ้านสะพานบัวแจ่มใสเป็นพิเศษ ลมฤดูร้อนพัดเอื่อย กลีบดอกเหมยที่ปลิวจากสวนเล็ก ๆ ของซูฮวาอิ๋นโปรยลงตามทางดินราวกับโรยเกล็ดหิมะสีชมพูซูฮวาอิ๋นกำลังนั่งสอนเด็ก ๆ ที่ สวนที่ไม่มีประตู อย่างตั้งใจ เสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วคลอไปกับเสียงพู่กันขีดลงบนกระดานไม้ทันใดนั้น เสียงเกือกม้าดังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ตึก ตึก ตึก ทำให้ทุกคนเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน เด็กชายคนหนึ่งอุทานเสียงดัง“มีแขกมา!”กลุ่มทหารในชุดเกราะเบาม้าสีน้ำตาลเข้มปรากฏขึ้นตรงทางเข้าหมู่บ้าน ฝุ่นแดงคลุ้งขึ้นตามฝีเท้า พวกชาวบ้านเริ่มแตกตื่นเพราะไม่คุ้นเคยกับภาพเช่นนี้“พวกเขามาจากวังหลวงหรือ” เสียงกระซิบดังระงมผู้นำขบวนคือชายหนุ่มสง่างามในชุดผ้าไหมสีกรมท่า ปักลายมังกรเงินประดับไหล่ ใบหน้าอ่อนเยาว์แต่แฝงความเด็ดขาด ดวงตาแหลมคมกวาดมองไปรอบ ๆซูฮวาอิ๋นเพียงเห็นเสี้ยวหน้า ก็จำได้ทันที หัวใจสั่นไหว องค์ชายรององค์ชายรองหยุดม้าที่กลางลาน แววตาคมกริบเมื่อสบเข้ากับซูฮวาอิ๋น ริมฝีปากยกยิ้มบาง“ในที่สุดข้าก็หาพบเจ้าแล้ว ฮวาอิ๋น”เด็ก ๆ รีบวิ่งไปหลบหลังเจิ้งหลินอวี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่รู้ตัว ชาวบ้านต่างก้าวถอยเล็กน้

  • บุปผาพันธนาการ   ตอนที่ 33 ชายทุ่งในยามพระจันทร์เต็มดวง

    คืนเดือนเพ็ญแรกของฤดูร้อน หมู่บ้านสะพานบัวสว่างด้วยแสงจันทร์กลมโตที่ลอยเหนือขอบเขา แสงสีเงินสาดลงบนทุ่งข้าวสาลีที่กำลังตั้งท้องเป็นระลอกคลื่นราวกับทะเลสีทอง เสียงแมลงกลางคืนขับขานประสานกับเสียงน้ำไหลใต้สะพานบัว เกิดเป็นท่วงทำนองสงบที่โอบกอดหัวใจผู้คนในหมู่บ้านเล็ก ๆ นี้หลังมื้อค่ำ เถาเซิ่งผู้ใหญ่บ้านจุดกองไฟกลางทุ่ง ชาวบ้านต่างมานั่งล้อมเป็นวงใหญ่ เด็ก ๆ วิ่งไล่จับกันจนเสียงหัวเราะดังลั่น บางคนร้องเพลงพื้นบ้าน บางคนตีกลองไม้ตามจังหวะสนุกสนาน กลายเป็นงานเล็ก ๆ ที่ทุกคนร่วมกันสร้างขึ้นเองซูฮวาอิ๋นยืนอยู่ริมทุ่ง ผ้าคลุมบางสะบัดไหวตามลม นางเงยหน้ามองดวงจันทร์ที่ส่องสว่าง พลันรู้สึกได้ถึงความเงียบสงบที่ต่างจากวังหลวงโดยสิ้นเชิง นี่คือความสุขแท้จริง เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความหมายเจิ้งหลินอวี่เดินเข้ามาข้าง ๆ ร่างสูงสง่างามในชุดผ้าป่านสีเข้ม ดวงตาคมสะท้อนแสงจันทร์ เขายื่นถ้วยน้ำชาสมุนไพรให้นาง“ดื่มสิ คืนนี้อากาศแม้จะอุ่น แต่ลมก็ยังแรง”ซูฮวาอิ๋นรับถ้วยมา ดื่มคำเล็ก ๆ แล้วเงยหน้ามองเขา แสงจันทร์ทำให้ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนกว่าเคย“เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าเราจะมีวันที่ได้ยืนอยู่ที่ทุ่งเช่นนี้ โด

  • บุปผาพันธนาการ   ตอนที่ 32 อาจารย์กับศิษย์ตัวน้อย

    แสงเช้าส่องลอดม่านหมอกบางเหนือหมู่บ้านสะพานบัว ไก่ขันตอบกันจากคอกโน้นถึงคอกนี้ เสียงครกตำข้าวดัง ตึก ตึก ตึก ประสานกับเสียงหัวเราะเด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นริมทางดินในสวนที่ไม่มีประตู วันนี้คึกคักกว่าทุกวัน ซูฮวาอิ๋นนั่งอยู่ตรงโต๊ะไม้เตี้ย ๆ ข้างกระดานดำที่ชาวบ้านช่วยกันทำขึ้น นางถือพู่กัน ขีดเส้นอักษรตัวใหญ่ ๆ ช้า ๆ แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยน“วันนี้เราจะเรียนเขียนคำว่าบ้านกันนะ”เด็ก ๆ ร้องตามเป็นเสียงเดียวกัน “บ้าน!”นางยิ้มบาง มองดวงตาใส ๆ ที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น“บ้าน ไม่ใช่แค่เรือนที่มีหลังคา หากคือที่ที่มีคนรอเรา มีเสียงหัวเราะ และมีความอบอุ่นอยู่ข้างใน”เด็กหญิงตัวน้อยที่เคยเขียนชื่อแม่ได้แล้ว ยกมือถาม“แล้วบ้านของท่านน้าซูอยู่ที่ไหนหรือเจ้าคะ”คำถามนั้นทำให้นางชะงักไปครู่หนึ่ง แต่แล้วริมฝีปากก็คลี่ยิ้มอ่อนโยน“บ้านของข้า...อยู่ที่ตรงนี้ อยู่กับทุกคน และอยู่กับคน ๆ หนึ่งที่ข้าคอยให้กลับมาทุกค่ำวัน”เสียงเด็ก ๆ หัวเราะคิกคัก บางคนหันไปแซว“ต้องเป็นคุณชายเจิ้งแน่ ๆ ใช่ไหม!”ใบหน้าของซูฮวาอิ๋นขึ้นสีแดงระเรื่อ แต่ดวงตานางกลับเป็นประกายสว่างอย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้ขณะเดียวกัน เจิ้งหลิน

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status