เมื่อขบวนเกี้ยวของใต้เท้าอันฉีเดินทางเข้าสู่เมืองฉีซาน ตะวันก็โพล้เพล้ แสงสีทองสาดส่องลงบนถนนในเมืองที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนสัญจรไปมา เมืองฉีซานเป็นหัวเมืองสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดของดินแดนทางเหนือ และเป็นเมืองประตูสู่ภาคกลาง เมืองนี้จึงคึกคักเป็นพิเศษ รถม้าวิ่งกันขวักไขว่ บ้านเรือนร้านค้าเรียงรายตามสองฝั่งถนน
ถนนในตัวเมืองใหญ่ไม่มาก แต่ก็กว้างพอให้รถเทียมม้า และรถบรรทุกของสองคันแล่นสวนกันได้
เมื่อขบวนเกี้ยวใต้เท้าอันฉี ที่นำขบวนโดยบุรุษหนุ่มสง่างามควบม้าสีขาวพันธุ์ดี ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึม ดวงตาคมกวาดไปรอบ ๆ เมือง บุรุษรูปงามผู้นี้ คือ “อันเหว่ย” บุตรชายเพียงคนเดียวของผู้ที่นั่งอยู่ในเกี้ยว
ใต้เท้าอันฉี หรือ ใต้เท้าฉี สอดมือเปิดม่านหน้าต่างข้างเกี้ยวขึ้นมองดูร้านร่วงข้างทาง แล้วดวงหน้าน้อย ๆ ของดรุณีก็เบียดขึ้นมาส่องอย่างอยากรู้อยากเห็นบ้าง
“โอ้ว ว้าว นี่เขาเรียกว่าเมืองรึ”
หลันฮวา ดรุณีวัยแรกที่ใต้เท้าฉีเก็บมาจากป่าบนภูเขา ร้องถามขึ้นอย่างตื่นเต้น
“ใช่ แล้ว และคืนนี้ก็อนุญาตให้เจ้าเที่ยวชมเมืองได้อย่างอิสระ หากเจ้าต้องการอยู่ที่นี่ก็ตามใจเจ้า หรือหากเจ้าอยากไปเมืองหลวงกับข้า เจ้าก็มากลับมา ข้าจะพักเมืองนี้สักคืน เมื่อรุ่งสางจึงจะออกเดินทางต่อ”
“ขอบคุณท่านมากใต้เท้าฉี”
หลันฮวาซุกหน้าน้อย ๆ ลงบนแผงอกหยุ่น ๆ เพราะความเหี่ยวย่นของผิววัยชรา
“ฮ่า ๆ ฮ่า”
ใต้เท้าฉีหัวเราะชอบใจ การมีภริยาเด็ก ๆ มันดีแบบนี้นี่เอง
หยุด!
เสียงทุ้มร้องสั่งให้หยุดเกี้ยว สักครู่พ่อบ้านจึงวิ่งเข้ามาใกล้ ๆ แล้วบอกกับผู้เป็นนายว่า
“ใต้เท้าฉี ถึงโรงเตี๊ยมแล้วขอรับท่าน”
“อ่อ”
ใต้เท้าฉีก้าวลงมาจากเกี๊ยว ตามด้วยดรุณีน้อย เสื้อสีขาวของนางยับยู่ยี่ ที่กระโปรงมีรอยเปื้อนสีแดงเป็นดวง ๆ สายตาคมกริบของพ่อบ้านมองปราดเดียวก็รู้ว่า ผู้เป็นนายของจะเปิดพรหมจรรย์ของดรุณีป่าผู้นี้อย่างดุเดือดน่าดู
“โอ้โหหหหห ผู้คนเต็มไปหมดเลย”
หลันฮวาอุทานอย่างตื่นเต้น
“ในตลาดมีอะไรให้เจ้าชม และซื้อเยอะแยะ ข้าจะให้รางวัลเจ้าไปเที่ยวแล้วกัน พ่อบ้าน”
ประโยคสุดท้ายใต้เท้าฉีเรียกพ่อบ้านผู้รู้ใจ เพียงแค่สบตาผู้เป็นนาย พ่อบ้านก็ควักเงินออกมาห้าร้อยตำลึงให้แก่หลันฮวา
“เอาไปซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนนะ เจ้าอยากใช้อย่างไรก็สุดแล้วแต่เจ้า นี่เป็นรางวัลที่เจ้าเล่นเกมชนะ ฮ่า ฮ่า”
ใต้เท้าฉีหันไปเอ่ยกับดรุณีป่าอย่างอารมณ์ดี
“ขอบคุณใต้เท้ามาก ขอบคุณ”
ดรุณีป่ารับเงินแล้ว กระโดดโลดเต้นออกไปตามท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ร่างน้อยๆ หายลับไปในฟูงชน
“นางไปแล้วรึท่านพ่อ”
ผู้เป็นลูกชายควบม้าเทียบข้างเกี้ยวเอ่ยถามเมื่อเห็นสาวน้อยวิ่งหายลับตาไป
“นางจะไป นางจะมา ก็สุดแล้วแต่ใจนาง ฮึ ฮึ”
“เราจะพักกันที่นี่ พ่อบ้านช่วยจัดการที”
อันเหว่ย เอ่ยเข้าเรื่องทันที เขาไม่ชอบทำอะไรให้เสียการ และไม่ชอบการสนทนาเปล่าประโยชน์
“ขอรับคุณชาย”
พ่อบ้านรับคำแล้ววิ่งเข้าไปติดต่อห้องพักในโรงเตี๊ยม
“เจ้าก็เหมือนกันอันเหว่ย หัดปล่อยชีวิตไปตามสายลมบ้าง เจ้าเห็นไหม? คนไร้การศึกษาอย่างสาวชาวป่าอย่างหลันฮวายังรู้จักตักตวงความสุขใส่ตัว”
ใต้เท้าอันฉีลูบเคราเบา ๆ ขณะสนทนากับบุตรชาย
“ชีตข้าก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องหาความยุ่งยากอะไร”
“ฮ่าๆ สุขบนกรอบบรรทัดฐานที่แม่เจ้าวางไว้นะรึ ฮ่า ๆ”
“ข้าก็ว่ากรอบที่ท่านแม่วางไว้รอบคอบและมั่นคงดี เป็นท่านเสียอีกที่ทำตัวเหมือนอยู่ในกรอบ แต่พอได้โอกาสเมื่อไหร่ท่านก็โลดเต้นราวกับปลาได้น้ำ แบบนี้ไม่เหนื่อยกว่ารึท่านพ่อ”
“ฮ่า ๆ พอ ๆ คุยกับเจ้าแล้วปวดกบาล”
“แฮ่ ๆ ใต้เท้า คุณชาย ได้ห้องพักเรียบร้อยแล้ว เชิญคุณชายพักผ่อนได้ตามสบาย ส่วนคอกม้าอยู่ที่หลังโรงเตี๊ยมนี่เองขอรับ”
พ่อบ้านรีบวิ่งออกมาแจ้งข่าว เมื่อจัดการเรื่องที่พักเรียบร้อย
“ดี”
อันเหว่ยร้องขึ้นคำเดียวแล้วกระทุ้งสีข้างเจ้าม้าคู่ใจให้มันวิ่งเข้าไปที่คอกม้าหลังโรงเตี๊ยม ทั้งวันเขาอยู่บนหลังม้ารู้สึกปวดเหมื่อยไปหมดอยากจะรีบนอนพักให้หายเหนื่อย แล้วตื่นขึ้นมาทบทวนตำราเพื่อเข้าสอบจองหงวน
เมื่อบุตรชายออกไปแล้ว ใต้เท้าฉีจึงกระซิบถามกับพ่อบ้านว่า
“เรื่องที่ให้จัดการเรียบร้อยหรือไม่?”
“ข้าให้ม้าเร็วเดินทางมาจองบุปผางามไว้ให้เรียบร้อยแล้วขอรับ อิอิ”
พ่อบ้านเบาเสียงตอบอย่างรู้ใจนาย
“ดี ดีมาก เดี๋ยวข้าขึ้นไปอาบน้ำให้หอมฟุ้งเสียก่อน คืนนี้ข้าจะได้ฝันดี ปี้นางฟ้าทั้งคืน ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ”
ใต้เท้าฉีหัวเราะจนเครากระเพื่อม
เมื่อตะวันลาลับขอบฟ้า แสงดาวแสงเดือนสาดส่องประกายระยิบระยับที่แสงตะวัน ยามนี้ผู้คนต่างเข้าสู่เคหาบ้านเรือนจุดใต้จุดเทียนเพื่อไล่ความมืดมิด เห็นเป็นแสงวับแวมออกมาตามร่องประตูหน้าต่าง แต่บนถนนถนนใจกลางเมืองฉีซาน กลับสว่างไสวไปด้วยแสงไฟโคมกระดาษที่ประดับประดาไปตามตึกสูงของหอมู่ตานนับร้อย ๆ ดวงหน้าประตูหอนางโลมอันดับหนึ่งประดับประดาด้วยบรรดามวลบุปผาแห่งหอมู่ตาน บรรดาสาวงามวัยแรกแย้มหัวร่อต่อกระซิกกันระหว่างยืนรอรับบรรดาบุรุษที่แสวงหาความรื่นรมย์ยามค่ำคืน
เสียงหัวเราะใส ๆ ของบรรดาสาวงามปนกับเสียงเพลงพิณไม่ขาดสาย ช่างเป็นเสียงที่เชิญชวนให้ชายทุกนามต้องมนต์เสน่หา ย่างกายเข้าสู่ดินแดนสวรรค์หอมู่ตานได้อย่างง่ายดาย
หยุดเกี้ยวววววววววว
เสียงร้องสั่งผลแบกเกี้ยวให้หยุดฝีเท้าดังขึ้น เมื่อเกี้ยวของใต้เท้าฉีเทียบที่หน้าประตูหอมู่ตาน เมื่อเกี้ยวหยุดสนิท พ่อบ้านประจำตระกูลอัน ก็เดินเร็ว ๆ เข้าใกล้เกี้ยว โคมไฟที่ถือนำทางแกว่งไกวตามแรงเดิน“ใต้เท้าขอรับ ถึงหอมู่ตานแล้ว ขอรับ”
สิ้นเสียงพ่อบ้าน มืออวบอ้วนก็เปิดม่านออกแล้วก้าวลงมา
ทันทีที่ร่างอวบอ้วนของใต้เท้าฉีปรากฏบรรดาสาว ๆ ต่างวิ่งถลาเข้าต้อนรับ พร้อมกับส่งเสียงเจื้อยแจ้วว่า
“อ้ายยยยย ใต้เท้า ยินดีต้อนรับคร่า”
“อุ๊ยใต้เท้า ท่านช่างมีสง่ามาก”
“ใต้เท้าคะ ท่านมาจากเมืองใด แล้วต้องการอะไรเป็นพิเศษไหม”
ผู้ถูกสาวงามรุมล้อมหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างพึงพอใจ ที่นางน้อย ๆ ใบหน้างาม ๆ หน้าอกนิ่ม ๆ เบียดแทรกตามเนื้อตัวให้เกิดความรู้สึกคึกเป็นพิเศษ
“อะ อะ อ่าซ์ อร้ายยยยยยยยยยยย”สิ้นเสียงครวญคราง เรือนร่างโชกเหงื่อของทั้งคู่ก็สั่นสะท้านราวกับถูกไฟฟ้าซ็อต ทั้งสองนิ่งค้างซึมซาบความซาบซ่านให้เต็มทรวง ก่อนจะจบบทสวาททะลวงหอยของแม่ทัพด้วยการจูบบดลึกวาบหวามฝากความหวานให้ตราตรึงใจและแล้ววันแต่งตั้งองค์จักรพรรดินีอย่างเป็นทางการพื้นที่ท้องพระโรงลามไปจนถึงประตูวังด้านหน้าเต็มไปด้วยบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ เข้าร่วมถวายพระพรและเป็นสักขีพยานในการรับตำแหน่งอันสูงส่งเมื่อเสียงแตรเสียงประทัดดังสนั่นขึ้นเป็นสัญญาณการเริ่มพิธี เสียงแซ่เซ็งพูดคุยของเหล่าขุนนางทั้งหลายต่างสงบลง พร้อมกับยืนในแถวรอรับการเสด็จขึ้นบัลลังก์ไม่ช้าร่างงดงามในชุดจักรพรรดิเต็มยศก็ปรากฏบนพรมสีแดงที่ทอดยาวสู่ราชบัลลังก์ท่อนล่างเป็นกระโปรงยาวสีแดงปักมังกรที่ฐานด้านล่าง ชายกระโปรงยาวระพื้น ยามก้าวเดินสะบัดไหวดูราวกับมังกรโลดแล่นในสายน้ำแยงชี ผ้าคล้องไหล่สีทองอร่ามคลุมเป็นสายยาวที่แขนทั้ง 2 ข้าง เสื้อชั้นนอกแขนกว้างปักลายกุหลาบดิ้นทอง แขนเสื้อที่ยาวลงมาถึงสะโพกพลิ้วไหวตามจังหวะย่างก้าว เนื้อแพรพรรณล้วนทักทอจากช่างฝีมือดีที่สุดในแผ่นดิน !!“แม่ทัพใหญ่จางหย่งขอเข้าเฝ้า!!!”
ตับ ตับ ตับ ตับๆๆๆๆๆๆ“อะ อ่า อ๊า อร้ายยยยยยยย”ซ๊วบบบบบบบบบบบบบบบบบบพรวดดดดดดดดดดดดดดดด“อร้ากกกกกกกกกก”มังกรยักษ์พ่นพิษอุ่นซ่านเข้าเต็มโพรงหอยพร้อมกับเสียงครางระงมจนถึงสวรรค์ของทั้งคู่ ร่างอรชรกระตุกงึกๆ เกร็งเสียวสุดขีด สะโพกแกร่งของแม่ทัพหนุ่มผู้หิวกระหายตอกตรึงรูหอยบดแน่น ปล่อยให้จิตวิญญาณของตนล่องลอยไปแสนไกล ในไม่ช้าเรือนร่างกำยำก็ค่อยๆ เอนซบลงอกอวบๆ ทั้งคู่หอบหายใจกระเส่า“อ่า ข้าไม่เคยกินสุราอร่อยขนาดนี้มาก่อน”แม่ทัพรำพันกระซิบแนบเนื้อนวล บนโต๊ะกลมใหญ่กลางกระโจม เขาไม่คิดว่าการเดินทางกลับวังหลวงครั้งนี้จะได้พบเทพธิดาที่นำพาเข้าสู่สรวงสวรรค์อย่างไม่คาดฝัน“ข้าก็ไม่เคยถูกมังกรยักษ์จ้วงกระหน่ำได้ถึงใจขนาดนี้เช่นกัน โอ้แม่ทัพสมแล้วที่ท่านเป็นยอดชาตรี”เหมยกุ้ยพลิกตัวขึ้น ดุ้นมังกรยักษ์จึงหลุดออกจากร่องหอย“อ่า”ร่างอรชรค่อยๆ เลื้อยกายลงมาที่หว่างกำยำ จนสบเข้ากับลำตัวของมันเยิ้มไปด้วยน้ำทิพย์สีขาวขุ่น“มังกรท่านใหญ่น่ากินเหลือเกิน”เหมยกุ้ยถึงกับอุทานกระเส่าเมื่อเจอหัวดุ้นสีน้ำตาลไหม้อาบช่ำด้วยน้ำทิพย์ เส้นเลือดปูดโปนยังเต้นตุบๆ ลิ้นเรียวเล็กแลบเลียริมฝีปากตนอย่างห
ยิ่งลิ้นสากสอดแทง... น้ำหวานยิ่งทะลักจนฉ่ำปาก เขาดูดดื่มตักตวงความหวานฉ่ำที่ทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสายแผล็บๆ แผล็บ ๆ “อะ.... อือ... อะ อ่า จะแตกแล้ว อ่อยยยยยย”ปากใหญ่ร้อนฉ่ายังคงขบเม้มกลีบเนื้อหอยเต็มปากเต็มคำ ลิ้นร้อนฉ่าแทงเข้าแทงออกรัวๆ เร่งจังหวะตามเสียงกระเส่าของนาง ยิ่งดูด ยิ่งเลียน้ำหอยฉ่ำ ๆ ยิ่งไหลทะลัก ร่างอรชรบิดส่ายบ่งบอกว่าเจ้าของร่างกำลังเสียวซ่านมากแค่ไหนจ๊วบบบบบบ จ๊วบบบบบบจ๊วบบบบบบแผล็บๆ แผล็บ ๆ แฮ่กๆ แฮ่กๆ“โอ้วววววววว ท่านแม่ทัพ ไม่ไหวววว แล้ววววว อร้ายยยย”เหมยกุ้ยแอ่นสะโพกหยัด มือเรียวขยุ้มผมดกดำของเขาให้แนบชิดร่องสาว ร่างอรชรกระตุกเกร็งงึก ๆ ริมฝีปากสีแดงสดเผยอค้างครางออกมาผะแผ่วด้วยความเสียวซ่านที่แผ่ซ่านไปทั้งกายสาว“อร้ายยยยยยยยยยย”พรวดดดดดดดดดดดด น้ำหอยแตกพรวดทะลักง่ามขา รูหอยขมิบตอดอากาศอย่างหิวโหย ซ่านกระสันอยากให้มังกรจ้วงแทงแทบขาดใจ เหมยกุ้ยครางกระเส่าขมิบตอดความว่างเปล่าไม่ยอมหยุด นางลอยขึ้นสวรรค์ชั้นหนึ่งไปแล้ว“อะ อ่า อือ อ่อยยยยยย”“อู้ววว.. อ่า... เหมยกุ้ย... เงี่ยนมากแล้วสินะ นำทะลักเลยนะ โอ้ววววว”แม่ทัพหยัดกายขึ้นแลบล
“เชิญชิมสุราชั้นเลิศจากข้า... เหมยกุ้ย มอบเป็นของขวัญแด่ท่านแม่ทัพ”มือใหญ่ยึดข้อมือเล็กกางออก แล้วร่างใหญ่ก็ถาโถมเข้าใส่ร่างเล็กที่นอนแผ่หลาบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว“เหมยกุ้ยยยยยยย ฮ่า ๆ เหมยกุ้ย”จ๊วบ!ซู้ดดดด จ๊วบ“อะ อ่า หือ อ่า”ลิ้นสากร้อนระอุแทรกเข้าไปในโพรงปากอุ่น มันตวัดลิ้นเล็กให้ตอบสนองเขาอย่างเร่าร้อนเลือดในกายนางร้อนระอุ เผยอเรียวปากขึ้น ตอบรับลิ้นร้อนที่แทรกเข้ามา และหยัดร่างเข้าเบียดกายแข็งแกร่งทันทีซู้ดดดด จ๊วบจ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ“อืม อ่า จ๊วบ”ร่างอรชรใต้ร่างใหญ่กำยำบิดส่าย อย่างซ่านกระสันเมื่อแม่ทัพหนุ่มบรรจงจูบด้วยลิ้นร้ายอย่างหื่นกระหาย ลิ้นร้อนควาญรีดน้ำหวานในโพรงนางจนหมดสิ้น แล้วลามเลียมาถึงติงหูเกิดความสยิวแผ่ซ่านจนขนอ่อนของนางลุกซู่ทั้งกายจนครางกระเส่าออกมา“อร้ายยยย อ่า หือ”แผล็บ! จ๊วบ!ปากร้อนระอุของแม่ทัพใหญ่ลามเลียเลื้อยลากมาถึงซอกคอขาวผ่อง ลิ้นร้อนตวัดเลียกลืนกินสุราในเนื้อนวลมาเรื่อยๆ มือใหญ่ร้อนฉ่าดึงทึ้งอาภรณ์นางออกจนเกิดรอยแยกของเสื้อคลุม หน้าอกอวบอิ่มเผยชูชันอวดเต้าสล้างกลมกลึงเฉิดฉายอยู่ตรงหน้าแม่ทัพหนุ่มจับจ้องอกอวบๆ ของนางอย่างหลงใหล
แม่ทัพใหญ่ยืนนิ่งราวกับถูกสาป เขาคาดว่าจะได้กลิ่นคาวเลือดและการสู้รบซึ่งเป็นสิ่งที่เขาถนัด แต่สิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ คือ สาวงาม งามที่สุดที่เขาเคยพบยิ่งยามที่ร่างอรชรเยื้องย้ายขยับกายเข้าใกล้ กลิ่นหอมฟุ้งลอยอบอวลไปทั่วทั้งกระโจม ใจของแม่ทัพใหญ่เต้นตึกตักระส่ำ เต้นแรงยิ่งกว่าการเห็นกองทัพศัตรูนับแสนอยู่ตรงหน้าสติของแม่ทัพใหญ่หลุดลอยลืมสิ้นว่าตนมาที่กระโจมน้อยนี้เพื่อสิ่งใด หัวใจของเขามันวาบหวามเคลิบเคลิ้ม แม้มือเรียวของนางเอื้อมเข้าสัมผัสมือใหญ่ เขาก็ยอมให้นางนำพาแต่โดยดี“ท่านแม่ทัพเชิญทางนี้เถิด”เหมยกุ้ยจูงร่างสูงใหญ่ให้นั่งลงที่โต๊ะกลมกลางกระโจม ที่มีสำหรับอาหารและเหล้าชั้นดีไว้เพียบพร้อม หากแม่ทัพใหญ่มีสติมากพอเขาจะประเมินสถานการณ์ตรงหน้าว่าคือ กลลวง แต่เหตุไฉนร่างกายของเขากลับวูบไหวยอมนั่งลงตามคำสั่งนางแต่โดยดี“ขออภัยท่านแม่ทัพที่ข้าน้อยบังอาจมารบกวนท่าน”เหมยกุ้ยชวนคุยระหว่างรินสุราเลิศรสลงในจอก“อะ เอ่อ ไม่เป็นไร เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นแม่ทัพ?”แม่ทัพใหญ่จางหย่งตอบอย่างเงอะงะ หลายเดือนที่ผ่านมาเขากรำศึกทั้งวันทั้งคืนเจอแต่บรรดาทหารหนุ่มๆ นี่เป็นคืนแรกที่เขา
“หากผู้ใดแพร่งพรายเรื่องในพระตำหนักนี้ออกไป มันผู้นั้นจะมีสภาพเป็นเหมือนนายทหารผู้นี้!”ปากสีแดงสดเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็น“หากผู้ใดสวามิภักดิ์ต่อข้า มันผู้นั้นจะยังคงนอนหลับกินอิ่มอยู่ในตำหนักแห่งนี้เหมือนเช่นเคย!”องค์จักพรรดินี จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน!บรรดาข้าทาสบริวารต่างคุกเข่าหมอบลงถวายความจงรักภักดี ไม่มีใครไม่รักชีวิต!เมื่อผู้เป็นนายเก่าสิ้นวาสนา นกน้อยที่ไร้ผู้ปกครองย่อมบินหาคอนเกาะที่มั่นคงกว่ามันคือสัจธรรมของชีวิต“ฮ่าๆ ทุกคนจงฟัง!”เสียงประกาศก้อง ร่างอรชรในชุดสีทองกรุยกรายยืดกายขึ้นองครักษ์ทั้งสองยืนเคียงข้าง“ขอให้พวกเจ้าทุกคนจงปฏิบัติหน้าที่ของตนเองเหมือนเช่นเคยปฏิบัติมา อีกไม่เกิน 1 ชั่วยาม พระชายาก็จะฟื้น แต่จะกลายเป็นคนไร้สติ ให้พวกเจ้าทุกคนบอกกล่าวต่อๆ กันออกไปว่า -พระชายาโศกเศร้าเพราะสูญเสียพระสวามีจนเสียสติ-”น้อมรับพระบัญชา!“ระหว่างที่เจ้าเฝ้าพระตำหนักพระชายามีผู้ใดเล็ดลอดคาบข่าวไปบอกแม่ทัพใหญ่หรือไม่?”เหมยกุ้ยเอ่ยถามหลี่เจี๋ยขณะเสด็จกลับตำหนักของตน“ไม่มีแม้แต่เงาเส้นหนึ่ง”องครักษ์หนุ่มตอบ“ดีมาก ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้ดูแลพระตำหนักของพระชายาเพราะข้ายังไม่ไว