ホーム / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่12เปิดหน้าทวงสินเดิม

共有

ตอนที่12เปิดหน้าทวงสินเดิม

last update 最終更新日: 2025-07-19 12:30:01

ภายในห้องโถง บรรยากาศยังคงอึมครึมมืดครึ้ม ไม่มีใครกล้าเอ่ยวาจา อวี้จิ้งปลายสายตาเย็นชามองภรรยาที่นั่งหน้าซีดอยู่ข้างกาย

"เจ้า! ช่างดีนัก หึ"

เซิ่งซื่อที่เห็นสามีมองนางด้วยสายตาเย็นชาและดุดันก็พลันหน้าถอดสี ร่างบางสั่นสะท้านเล็กน้อย รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจนน้ำตาคลอ นางเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง มองอีกฝ่ายอย่างตัดพ้อ ก่อนจะเบือนสายตาหันมาทางอวี้หลันด้วยสีหน้าราวกับรู้สึกผิดอย่างถึงที่สุด

"เป็นแม่ที่เลอะเลือน มองคนไม่ออก ปล่อยให้บ่าวชั่วพวกนั้นล่วงเกินหลันเอ๋อร์ถึงเพียงนี้"

เซิ่งซื่อเอ่ยเสียงสั่นเครือเจือสะอื้นแผ่วเบา ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดหางตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอ ราวกับคนที่สะเทือนใจอย่างสุดซึ้ง

"แม่ผิดต่อหลันเอ๋อร์แล้ว"

สีหน้าของเซิ่งซื่อเต็มไปด้วยความเศร้าสลด หากใครมองเพียงผิวเผินก็คงหลงนึกว่านางเสียใจจริงๆ

เหอะ เลอะเลือน มองคนไม่ออก หญิงนางนี้ช่างกล้าพูดได้อย่างไม่อายปาก

เป็นนาง ที่จงใจส่งคนพวกนั้นมาจับตามองเรือนฮวาหงตั้งแต่แรกไม่ใช่หรอกหรือ 

แล้วอีกอย่าง ใครเป็นลูกของนางกัน ลูกของนางนั่งโง่งมอยู่ตรงนั้นต่างหาก

อวี้หลันปรายตามองอวี้เหมยและอวี้คุนที่นั่งหน้าซีดตัวสั่นไม่กล้าเอ่ยวาจาออกมาแม้แต่ครึ่งคำ ก่อนทั้งสองจะพากันขอตัวกลับเรือนตัวเอง เพราะไม่อาจทนต่อบรรยากาศกดดันได้ไหว ทิ้งมารดาของตนให้เผชิญกับโทสะของบิดาเพียงผู้เดียวเสียอย่างนั้น

อวี้หลันหันกลับมาสบตากับมารดาของพวกเขานิ่ง แววตาของนางไม่เผยความรู้สึกใดๆ มีเพียงรอยยิ้มบางเบาที่ประดับอยู่บนใบหน้า ราวกับกำลังชมดูละครน้ำเน่า แต่ฝีไม้ลายมือการแสดงของเซิ่งซื่อยังนับว่าห่างไกลจากนักแสดงมือทองที่นางเคยเจอมามากนัก

"ข้าไม่คิดถือโทษโกรธเคืองใครทั้งนั้นเจ้าค่ะ โดยเฉพาะฮูหยิน" 

"ท่านที่ลำบากดูแลจวน ดูแลท่านพ่อ ดูแลบุตรชายหญิง ทั้งยังมีบ่าวไพร่อีกหลายสิบชีวิต ย่อมต้องมีผิดพลาดบ้างเป็นธรรมดา"

เสียงหวานของอวี้หลันเอ่ยอย่างอ่อนโยนเช่นกัน ผู้อื่นเชี่ยวชาญการเสแสร้งใช้มารยา นางเองก็ใช่ว่าจะเสแสร้งไม่เป็น หากแต่ในดวงตากลับมีประกายบางอย่างซ่อนอยู่ ทั้งดูท้าทาย และรู้เท่าทัน ซึ่งก็มีเพียงเซิ่งซื่อเท่านั้นที่ได้เห็น

เซิ่งซื่อเห็นเช่นนั้นถึงกับหรี่ตามอง เด็กคนนี้...คิดจะเปิดศึกกับนางอย่างนั้นหรือ 

ที่ผ่านมานางไม่เคยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเกลียดชังลูกเลี้ยง นางไม่เคยผลักไสหรือเอารัดเอาเปรียบ ไม่คิดลงมือเองให้เปลืองแรง กับเด็กหญิงที่ไร้ประโยชน์เช่นอวี้หลัน

เพียงแค่ปล่อยให้อีกฝ่ายค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตาของทุกคนอย่างแนบเนียน ปล่อยให้บ่าวไพร่เมินเฉย ปล่อยให้บุตรสาวและบุตรชายของตนแกล้งนางบ้างตามอำเภอใจ

ปล่อยให้เวลาค่อยๆ ลบเลือนตัวตนของบุตรสาวภรรยาเอกผู้ล่วงลับให้จางหายราวกับไม่มีอยู่จริง

จากนั้นนางก็เริ่มลงมือวางยาอีกฝ่ายอย่างเงียบเชียบ ใช้เวลาอย่างใจเย็น ก่อนจะค่อยๆ แทรกแซงและยึดกุมอำนาจในจวนเอาไว้ทีละน้อย

ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนการทุกอย่าง ไม่คิดว่าการที่เร่งให้เด็กคนนี้ตายเร็วขึ้นในวันนั้น นางกลับไม่ตาย ทั้งยังกล้าลุกขึ้นมาต่อต้านและท้าทายตนอย่างเปิดเผยเช่นนี้

เซิ่งซื่อไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เด็กสาวที่เคยอ่อนแอ ขี้กลัว ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาผู้อื่น จะกล้าลุกขึ้นเชิดหน้าสบตานางอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทั้งยังไร้ซึ่งความเกรงกลัว

แววตาคู่นั้นนิ่งสงบเย็นชา เยือกเย็นไร้ระลอกคลื่นราวกับทะเลสาบในฤดูหนาว สงบจนชวนให้รู้สึกหนาวสะท้านอย่างประหลาด

ในอกของเซิ่งซื่อพลันไหววูบ ราวกับถูกสายลมเย็นจัดพัดผ่านแผ่นหลังโดยไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกนั้นคลุมเครือ ทั้งเย็นวาบ ทั้งสั่นไหว นางไม่อาจบอกได้ว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร แต่ความแน่นอนเพียงหนึ่งเดียวในยามนี้คือ

ลูกเลี้ยงของนางผู้นี้ เก็บซ่อนเขี้ยวเล็บมาตลอด

คิดได้เช่นนั้น เซิ่งซื่อพลันตื่นตัว นางเองก็ใช่จะไร้เขี้ยวเล็บ ไม่เช่นนั้นจะสามารถยืนหยัดมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร 

เซิ่งซื่อสูดลมหายใจเข้าแผ่วเบา พยายามคลี่ยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูฝืนจนกระด้าง พิลึกพิลั่นอย่างปิดไม่มิด มือใต้แขนเสื้อกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ทว่าน้ำเสียงที่เอ่ยออกมากลับอ่อนหวานนุ่มนวล ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"หลันเอ๋อร์ช่างรู้ความยิ่งนัก เช่นนั้นแม่จะคัดเลือกบ่าวส่งไปให้เจ้าใหม่ ดีหรือไม่"

อวี้หลันยังคงยิ้มบาง แต่ดวงตาที่ดูอ่อนโยนกลับนิ่งลึกยากจะหยั่งถึงจนน่าหวั่นใจ

"ไม่กล้ารบกวนฮูหยิน เรื่องนี้หากปล่อยให้เป็นภาระของฮูหยินอีก ก็คงหนักหนาเกินไป"

นางตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แฝงความสุภาพ แต่แววตากลับไม่หลบเลี่ยง มองสบกับเซิ่งซื่ออย่างเปิดเผย

เซิ่งซื่อเม้มปากแน่น จ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตา พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร จะบอกว่านางจัดการดูแลจวนไม่ได้เรื่องอย่างนั้นหรือ 

อวี้หลันไม่คิดจะใส่ใจท่าทางคับข้องใจของเซิ่งซื่อ นางค่อยๆ ผินหน้าหันไปทางผู้เป็นบิดา

"ความจริงลูกมีอีกเรื่องที่จะแจ้งท่านพ่อเจ้าค่ะ"

รองเสนาบดีอวี้เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า

"หลันเอ๋อร์ยังมีเรื่องใดหรือ"

อวี้หลันประสานมือไว้เบื้องหน้า ท่าทางนุ่มนวลเปราะบาง

"เรือนฮวาหงเดิมเป็นเรือนของท่านแม่ เป็นสิ่งเดียวที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ลูกได้ระลึกถึง ลูกจึงอยากขออนุญาตท่านพ่อ เป็นผู้ดูแลจัดการทุกอย่างในเรือนฮวาหงด้วยตัวเอง"

หญิงสาวเว้นจังหวะเล็กน้อย เหลือบตามองเซิ่งซื่อปราดหนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ

"และลูกอยากจะขอดูแลสินเดิมของท่านแม่เองด้วยเจ้าค่ะ"

ทันทีที่คำพูดจบลง สีหน้าของเซิ่งซื่อก็พลันชะงัก รอยยิ้มที่ยังติดอยู่บนใบหน้าราวกับแข็งค้างชั่วขณะ ก่อนที่นางจะรีบเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง เสียกิริยาไปเล็กน้อยอย่างไม่ทันคิด

"จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน"

เมื่อรู้ตัวว่าหลุดกิริยาไป เซิ่งซื่อก็รีบข่มกลั้นอารมณ์จนแน่นขนัดในอก นางพึ่งจะได้รับมอบให้ดูแลทรัพย์สินทั้งหมดในจวน ได้ถือครองกุญแจคลังสมบัติเมื่อวานนี้เอง

เซิ่งซื่อพยายามตั้งสติ กลบเกลื่อนความรู้สึกและสีหน้าที่แสดงออกไปก่อนหน้านั้นอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงที่เปล่งออกมาคราวนี้แม้จะยังอ่อนโยน แต่กลับแฝงความฝืนทนอย่างชัดเจน

"หลันเอ๋อร์ยังอ่อนวัยนัก เรื่องในเรือนจุกจิกวุ่นวาย หากดูแลเองอาจเหน็ดเหนื่อยเกินไป อีกอย่าง ตอนนี้ข้าก็เป็นฮูหยินของจวน หน้าที่เหล่านี้ล้วนเป็นข้าที่จะต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว"

อวี้หลันยังคงยิ้มบางไม่เปลี่ยน สีหน้าดูอ่อนโยน ทว่าดวงตากลับเรียบนิ่งราวกับไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

นางขยับริมฝีปากเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ทว่าสะกิดใจผู้ฟังได้ไม่ยาก

"ฮูหยินจะกล่าวว่าข้ายังอ่อนเยาว์คงไม่ได้ คงมิใช่ข้ออ้างที่เหมาะนักกระมัง ท่านคงไม่ลืมนะเจ้าคะ ว่าต้นเดือนหน้าคือวันปักปิ่นของข้า"

ถ้อยคำนั้น ทำเอาเซิ่งซื่อชะงักไปชั่วขณะ แต่ก็ยังคงคัดค้าน

"แต่เรื่องเช่นนั้นมีใครเขาทำกัน นั่นไม่เท่ากับเจ้าต้องการแยกเรือนหรอกหรือ"

อวี้หลันหันไปสบตาเซิ่งซื่อตรงๆ ดวงตานิ่งลึกไร้ความหวั่นเกรง น้ำเสียงของนางยังคงอ่อนโยน ทว่ามั่นคงชัดเจน

"ฮูหยินกล่าวหนักไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ต้องการแยกเรือน เพียงแต่จะขอดูแลของของมารดาด้วยตัวเองเท่านั้น"

นางกล่าวจบก็หันไปมองผู้เป็นบิดา พลางก้มศีรษะลงเล็กน้อยอย่างนอบน้อม เอ่ยขอคำยินยอมจากอีกฝ่ายโดยตรง โดยไม่เปิดช่องให้เซิ่งซื่อต่อรองอีกต่อไป

"ลูกหวังว่าท่านพ่อจะอนุญาตเจ้าค่ะ"

อวี้จิ้งนิ่งไปครู่หนึ่ง สายตาของเขาจับจ้องไปยังบุตรสาวอยู่ตลอด แม้ใบหน้าจะเรียบเฉย แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา ราวกับกำลังไตร่ตรองบางอย่างอยู่ในใจ

เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ อวี้จิ้งใช่ว่าจะมองไม่ออก เขาเฝ้าดูอยู่เงียบๆ และรู้ดีว่าการที่บุตรสาววางหมากเช่นนี้ก็เพื่อจะดูท่าทีของเขาเช่นกัน นางคงไม่เชื่อใจในตัวบิดาผู้นี้เสียแล้ว

อวี้จิ้งรู้ดีว่าบุตรสาวของเขาเปลี่ยนไปแล้ว นางไม่ได้เป็นเด็กสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ขี้อาย ขลาดกลัว และเอาแต่หลบตาผู้อื่นอีกต่อไปแล้ว

บัดนี้นางกล้าสบตาเขาอย่างมั่นคง บางครั้งแววตาของนางเยือกเย็นและแน่วแน่จนเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะท้านในอก

แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะไม่ได้เอาใจใส่นางมากนัก ไม่ได้ใกล้ชิดจนเรียกว่ารู้จักกันดี แต่ในฐานะบิดา เขาก็ยังมองเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้นได้อย่างชัดเจน แววตาของหลันเอ๋อร์ไม่เหมือนเดิม

อวี้จิ้งทอดมองไปยังดวงหน้าสงบนิ่งนั้น ความรู้สึกบางอย่างไหววูบขึ้นในใจ ยิ่งมองก็ยิ่งคล้ายกับตัวเขาในอดีต 

ก่อนที่เขาจะกลายเป็นคนเย็นชา แข็งกระด้าง และร้ายกาจเช่นทุกวันนี้ เขาก็เคยผ่านความเจ็บปวด ความอัปยศ และการถูกเหยียบย่ำดูถูกเหยียดหยามมานับครั้งไม่ถ้วน

บุตรสาวของเขา เด็กคนนี้ ก็เช่นเดียวกัน

นางผ่านความเจ็บปวด ความสูญเสีย และความอยุติธรรมมามากมายเช่นกัน

ยิ่งคิดถึงเรื่องการแต่งงานของนางที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ยิ่งทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ในที่สุด เขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

"ได้ พ่ออนุญาต จงดูแลเรือนฮวาหงและสินเดิมของมารดาเจ้าให้ดี"

สิ้นคำพูดนั้น ห้องทั้งห้องก็เงียบงันไปชั่วขณะ 

เซิ่งซื่อถึงกับเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นสามีด้วยความตกตะลึง มือใต้แขนเสื้อกำแน่นจนข้อนิ้วขาว 

"ทะ ท่านพี่ แต่ว่า..."

ยังไม่ทันที่เซิ่งซื่อจะเอ่ยคัดค้านใดๆ อวี้จิ้งกลับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"พอได้แล้ว อย่างไรเสียสิ่งเหล่านี้ก็ต้องเป็นของหลันเอ๋อร์อยู่แล้ว คิดเสียว่ามอบให้นางก่อนเวลาก็แล้วกัน"

ถ้อยคำที่เปล่งออกมาแม้ไม่ดังนัก แต่ก็หนักแน่นและเด็ดขาด

เซิ่งซื่อแม้จะไม่อยากยินยอมแต่ก็ไม่อาจเอ่ยทักท้วงสิ่งใดต่อได้อีก

ขณะที่อวี้หลันลุกขึ้นยืนอย่างสงบ ใบหน้ายังประดับรอยยิ้มอ่อนบาง 

"ลูกขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ"

สีหน้าของนางสดใสราวกับไม่ได้ทำให้ใครขัดข้องหมองใจ ทำราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น จากนั้นก็เอ่ยถ้อยคำที่ทำให้ผู้อื่นแทบกระอักเลือด

"เช่นนั้น ประเดี๋ยวข้าจะให้ฉิงหว่านนำใบรายการสินเดิมของท่านแม่ไปส่งให้นะเจ้าคะ อีกสามวันรบกวนฮูหยินช่วยตรวจสอบ แล้วส่งมายังเรือนฮวาหงด้วยเจ้าค่ะ"

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่16เมื่อต้องเผชิญหน้า

    ในที่สุด หลี่จื้อหยวนก็ฝืนยกเท้าขึ้น ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าสงบนิ่ง ทว่าภายในกลับเต็มไปด้วยคลื่นอารมณ์ที่โถมซัดไม่หยุด และเพียงก้าวเท้าเข้าไปเพียงไม่กี่ก้าว สายตาของเขาก็มองเห็นนางแต่ไกล โดยที่ไม่ต้องมองหาเลยด้วยซ้ำ หัวใจของเขากระตุกวูบ ความรู้สึกผิดปะปนกับความคิดถึงแล่นเข้ามาพร้อมกันอย่างโหดร้ายคนที่อยู่ภายในศาลาเมื่อรู้ว่าองค์ชายห้าหลี่จื้อหยวนเสด็จมาก็รีบออกมารอรับเสด็จ ยกโขยงกันออกไปรออย่างพร้อมเพรียง หนึ่งในนั้นย่อมมีอวี้หลัน ซึ่งเพิ่งจะทรุดกายนั่งลงได้ไม่นาน นางยังไม่ทันจะได้ยกชาขึ้นจิบดับกระหายเลยด้วยซ้ำ ก็ต้องฝืนลุกขึ้นอีกครั้งริมฝีปากภายใต้ผ้าคลุมหน้าจึงเม้มเข้าหากันแน่นด้วยความขัดเคืองใจปนหงุดหงิดคนโบราณนี่ช่างยุ่งยากจริงๆ ใครจะมาใครจะไป ก็ต้องยกโขยงออกไปต้อนรับกันให้วุ่นอวี้หลันสบถในใจอย่างเบื่อหน่ายแต่เหตุใด นามขององค์ชายผู้นี้จึงรู้สึกคุ้นหูนัก เหมือนจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนคิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองฉิงหว่านที่ติดตามอยู่เบื้องหลัง คิดจะถามอีกฝ่ายว่าคนผู้นั้นเป็นใคร แต่พอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้องใจราวกับจะร้องไห้ของสาวใช้คนสนิทก็พลันกระจ่

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่15พบเจอกันอีกครั้ง

    หลังจากขันทีจากวังหลวงกลับไปแล้ว เสียงกระซิบก็เริ่มดังขึ้นรอบบริเวณเรื่องขององค์ชายห้ากับตระกูลอวี้ นับเป็นสิ่งที่ผู้คนในเมืองหลวงต่างเคยกล่าวถึงกันอยู่ไม่น้อยหลายปีก่อน อวี้หลันบุตรีคนรองที่เกิดจากฮูหยินตระกูลไป๋เคยถูกวางตัวให้เป็นคู่หมั้นหมายขององค์ชายห้าหลี่จื้อหยวน บุตรชายลำดับที่ห้าแห่งฮ่องเต้ผู้ทรงอำนาจกับฮองเฮาองค์ปัจจุบันแม้สัญญาหมั้นนั้นจะยังไม่ถูกประกาศอย่างเป็นทางการจากราชสำนัก แต่ก็มีการตกลงกันระหว่างฮองเฮากับสกุลอวี้ เป็นคำมั่นที่กล่าวกันต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ด้วยชื่อเสียงของท่านรองเสนาบดีฝ่ายพิธีการในขณะนั้น ทั้งยังเกี่ยวดองกับตระกูลไป๋ที่ทรงอำนาจในเมืองหลวง การหมั้นหมายระหว่างบุตรสาวกับองค์ชายราชวงศ์จึงไม่ใช่เรื่องเกินเอื้อมแต่แล้ว…ทุกอย่างกลับพังทลายลงในพริบตาตระกูลฝั่งมารดาของคุณหนูรองอวี้หลัน ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่กลับต้องโทษ เครือญาติถูกกวาดล้าง สินทรัพย์ถูกยึด ส่วนผู้ที่เหลือรอดถูกถอดยศปลดตำแหน่งแม้ตัวอวี้หลันจะยังมีสถานะเป็นบุตรีของรองเสนาบดี แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบ้านเดิมมารดาของนางกลับกลายเป็นมลทินในสายตาผู้อื่นในเวลาไม่นาน การหมั้นหมายที่เคย

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่14ราชโองการ

    งานเลี้ยงช่วงเย็นของจวนรองเสนาบดีจัดขึ้นในสวนด้านทิศตะวันออก งดงาม หรูหราตระการตาไปทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นพุ่มดอกเหมยที่แต่งแต้มทั่วศาลา เสียงดนตรีบรรเลงแผ่วเบาจากมุมหนึ่งของเรือน กลิ่นหอมจากบุปผานานาพันธุ์คลุ้งในอากาศ และอาหารหรูหรารสเลิศหลายสิบชนิดถูกจัดเรียงไว้บนโต๊ะอย่างงดงาม ทุกอย่างล้วนแสดงถึงฐานะของเจ้าภาพได้อย่างชัดเจนบ่าวไพร่เดินกันขวักไขว่ บรรดาแขกสูงศักดิ์เริ่มทยอยเดินทางมาร่วมงานพร้อมรอยยิ้มแขกเหรื่อที่มาร่วมงานล้วนเป็นผู้มีฐานะสูงส่งในเมืองหลวง ทั้งตระกูลขุนนางและตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจและอิทธิพล แม้งานเลี้ยงจะถูกจัดขึ้นเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับเซิ่งซื่อ แต่ความจริงแล้ว ทุกคนต่างก็ล้วนมีจุดประสงค์ของตนเอง บางคนหวังสร้างสายสัมพันธ์ บางคนหวังหาโอกาสผูกสัมพันธ์ หรือแม้แต่เล็งเห็นประโยชน์จากฝ่ายตรงข้าม ทุกอย่างล้วนเป็นเกม เป็นหมากทางการเมืองบรรดาบุรุษแยกตัวออกไปยังศาลาอีกด้านหนึ่ง พูดคุยกันเรื่องบ้านเมือง อำนาจ และถกเถียงกันเรื่องราชสำนัก แววตาแต่ละคนต่างสังเกตชั่งน้ำหนักว่าใครมีแนวโน้มจะก้าวหน้ากว่ากันในอนาคตทางฝั่งสตรีกลับมีบรรยากาศต่างออกไป เหล่าฮูหยินและคุณหนูจากตระกูลใหญ่

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่13เปิดศึก

    สายลมยามสายพัดผ่านสวนดอกเหมยภายในเรือนฮวาหงอย่างแผ่วเบา กลีบดอกสีแดงสดปลิวว่อนราวภาพวาดงดงามในความฝัน อวี้หลันนอนหลับตาพริ้มอยู่บนตั่งคนงามหน้าชานเรือน บนใบหน้าแต่งแต้มรอยยิ้มน้อยๆ ราวกับกำลังฝันดี ข้างกายมีฉิงหว่านกำลังบีบนวดให้อย่างเอาอกเอาใจทว่าภายในเรือนฮูหยินเอกของจวนรองเสนาบดีกลับร้อนระอุดั่งถูกโยนเข้ากองเพลิงเสียงถ้วยชาราคาแพงกระแทกพื้นแตกกระจายสะท้อนก้องไปทั่วเรือน ความเงียบงันหลังจากนั้นปรากฏเสียงลมหายใจหอบถี่ปนสะอื้นของหญิงผู้หนึ่งที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่กลางห้องเซิ่งซื่อกัดฟันแน่น ดวงหน้าแปรเปลี่ยนจากความสง่างามอ่อนโยนเป็นบิดเบี้ยวด้วยเพลิงโทสะวันนี้ควรจะเป็นวันของนาง วันเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นเพื่อยกย่องสถานะและเกียรติยศของนางในฐานะฮูหยินเอก นางสมควรที่จะโดดเด่นและเชิดหน้าขึ้นสูงได้อย่างเต็มภาคภูมิ แต่กลับกลายเป็นวันแห่งหายนะ ทุกอย่างพังลงอย่างไม่เป็นท่า ทั้งนางยังพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ถูกเหยียบย่ำต่อหน้าบ่าวไพร่ทั้งจวน"อวี้หลัน นังเด็กสารเลว"เสียงของเซิ่งซื่อหลุดออกมาจากลำคอด้วยความเกลียดชังสุดขีด ตั้งแต่ที่แต่งเข้าจวนรองเสนาบดีมา นี่นับเป็นครั้งที่สองที่นางโกรธจนแทบคลั่งและเ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่12เปิดหน้าทวงสินเดิม

    ภายในห้องโถง บรรยากาศยังคงอึมครึมมืดครึ้ม ไม่มีใครกล้าเอ่ยวาจา อวี้จิ้งปลายสายตาเย็นชามองภรรยาที่นั่งหน้าซีดอยู่ข้างกาย"เจ้า! ช่างดีนัก หึ"เซิ่งซื่อที่เห็นสามีมองนางด้วยสายตาเย็นชาและดุดันก็พลันหน้าถอดสี ร่างบางสั่นสะท้านเล็กน้อย รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจนน้ำตาคลอ นางเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง มองอีกฝ่ายอย่างตัดพ้อ ก่อนจะเบือนสายตาหันมาทางอวี้หลันด้วยสีหน้าราวกับรู้สึกผิดอย่างถึงที่สุด"เป็นแม่ที่เลอะเลือน มองคนไม่ออก ปล่อยให้บ่าวชั่วพวกนั้นล่วงเกินหลันเอ๋อร์ถึงเพียงนี้"เซิ่งซื่อเอ่ยเสียงสั่นเครือเจือสะอื้นแผ่วเบา ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดหางตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอ ราวกับคนที่สะเทือนใจอย่างสุดซึ้ง"แม่ผิดต่อหลันเอ๋อร์แล้ว"สีหน้าของเซิ่งซื่อเต็มไปด้วยความเศร้าสลด หากใครมองเพียงผิวเผินก็คงหลงนึกว่านางเสียใจจริงๆเหอะ เลอะเลือน มองคนไม่ออก หญิงนางนี้ช่างกล้าพูดได้อย่างไม่อายปากเป็นนาง ที่จงใจส่งคนพวกนั้นมาจับตามองเรือนฮวาหงตั้งแต่แรกไม่ใช่หรอกหรือ แล้วอีกอย่าง ใครเป็นลูกของนางกัน ลูกของนางนั่งโง่งมอยู่ตรงนั้นต่างหากอวี้หลันปรายตามองอวี้เหมยและอวี้คุนที่นั่งหน้าซีดตัวส

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่11กำจัดหนูสกปรก

    หลังจากทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูเหมือนจะสงบลงชั่วครู่ แต่ความสงบนั้นกลับอยู่ได้ไม่นานอวี้เหมยที่ถูกบังคับให้กลืนเลือดไหนเลยจะอดใจไม่ให้เอ่ยสิ่งใดออกมาได้ สายตาของนางเหลือบมองการแต่งกายอันแสนเรียบง่ายของน้องสาวต่างมารดา สายตากวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาไม่ปิดบังความดูแคลน ก่อนจะยกยิ้มบาง เอ่ยถ้อยคำเชือดเฉือนออกมาทันที"น้องรองช่างสมถะเสียเหลือเกิน วันงานเลี้ยงของท่านแม่ทั้งที กลับแต่งกายเรียบง่ายเสียจนนึกว่าเป็นสาวใช้จากเรือนใดหลงเข้ามา"คำพูดนั้นทำเอาทุกคนบนโต๊ะถึงกับชะงัก แม้รอยยิ้มของอวี้เหมยจะดูละมุน แต่แววตากลับฉายชัดว่าไม่คิดจะไว้ไมตรีอวี้หลันเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาหวานลึกล้ำดั่งสายน้ำ มองสบอีกฝ่ายอย่างสงบ ไม่มีความหวั่นไหวแม้แต่น้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนโยนประหนึ่งไม่ได้ถือสาหาความในขณะที่อวี้จิ้งนั่งเงียบ สีหน้าของเขาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันทีที่ได้ยินคำพูดของบุตรสาวคนโต สายตาเหลือบมองอวี้หลัน ก่อนจะกวาดตามองการแต่งกายของนางอย่างพิจารณาหัวคิ้วของรองเสนาบดีขมวดแน่นอย่างไม่อาจปกปิดในทุกปี ทุกๆ เทศกาล เสื้อผ้าและเครื่องประดับล้วนถูกส่งไปย

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status