ホーム / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่14ราชโองการ

共有

ตอนที่14ราชโองการ

last update 最終更新日: 2025-07-21 06:19:31

งานเลี้ยงช่วงเย็นของจวนรองเสนาบดีจัดขึ้นในสวนด้านทิศตะวันออก งดงาม หรูหราตระการตาไปทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นพุ่มดอกเหมยที่แต่งแต้มทั่วศาลา เสียงดนตรีบรรเลงแผ่วเบาจากมุมหนึ่งของเรือน กลิ่นหอมจากบุปผานานาพันธุ์คลุ้งในอากาศ และอาหารหรูหรารสเลิศหลายสิบชนิดถูกจัดเรียงไว้บนโต๊ะอย่างงดงาม ทุกอย่างล้วนแสดงถึงฐานะของเจ้าภาพได้อย่างชัดเจน

บ่าวไพร่เดินกันขวักไขว่ บรรดาแขกสูงศักดิ์เริ่มทยอยเดินทางมาร่วมงานพร้อมรอยยิ้ม

แขกเหรื่อที่มาร่วมงานล้วนเป็นผู้มีฐานะสูงส่งในเมืองหลวง ทั้งตระกูลขุนนางและตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจและอิทธิพล 

แม้งานเลี้ยงจะถูกจัดขึ้นเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับเซิ่งซื่อ แต่ความจริงแล้ว ทุกคนต่างก็ล้วนมีจุดประสงค์ของตนเอง บางคนหวังสร้างสายสัมพันธ์ บางคนหวังหาโอกาสผูกสัมพันธ์ หรือแม้แต่เล็งเห็นประโยชน์จากฝ่ายตรงข้าม ทุกอย่างล้วนเป็นเกม เป็นหมากทางการเมือง

บรรดาบุรุษแยกตัวออกไปยังศาลาอีกด้านหนึ่ง พูดคุยกันเรื่องบ้านเมือง อำนาจ และถกเถียงกันเรื่องราชสำนัก แววตาแต่ละคนต่างสังเกตชั่งน้ำหนักว่าใครมีแนวโน้มจะก้าวหน้ากว่ากันในอนาคต

ทางฝั่งสตรีกลับมีบรรยากาศต่างออกไป เหล่าฮูหยินและคุณหนูจากตระกูลใหญ่ พวกนางต่างเฉิดฉันในชุดงดงาม ราวกับกำลังประชันกัน เครื่องประดับอัญมณีวิบวับราวดวงดาว ทุกคนล้วนแต่งกายงดงาม สะท้อนรสนิยมและฐานะอย่างชัดเจน พวกนางยืนรวมกลุ่มเป็นกลุ่มเล็กๆ คุยกันเสียงเบา แว่วเสียงหัวเราะอ่อนหวานเจือเสน่ห์จริตตามแบบหญิงงามผู้สูงศักดิ์

ในบทสนทนานั้น บ้างพูดถึงฤดูใหม่ ดอกไม้ใบหญ้า และความนิยมล่าสุดจากร้านตัดเย็บและร้านเครื่องประดับชื่อดัง บ้างแอบเมียงมองคุณชายจากตระกูลดีๆ บางคนก็เอ่ยถึงข่าวซุบซิบในเมืองหลวงอย่างออกรส

บรรยากาศทั้งหมดคล้ายงานรื่นเริง แต่มวลอารมณ์แฝงไว้ด้วยการจับตามองและแข่งขันทางสังคมอย่างแยบยล

เซิ่งซื่อในชุดผ้าไหมปักลายสีเขียวเข้ม สตรีผู้เคยเป็นเพียงฮูหยินรอง บัดนี้นั่งอยู่ในตำแหน่งของ "ฮูหยินเอก" อย่างสมภาคภูมิ สง่างามตรงตำแหน่งเจ้าภาพ พูดคุยอยู่กับเหล่าฮูหยินขุนนางจวนอื่นในศาลา รอยยิ้มอ่อนหวานประดับอยู่บนใบหน้าราวกับนางลืมไปแล้วว่าตนเคยร้องไห้แทบขาดใจเมื่อตอนกลางวัน

วันนี้ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังอวี้เหมยที่เปล่งประกายยิ่งกว่าผู้อื่น นางสวมชุดกระโปรงบานสีแดงปักดิ้นทองละเอียดอ่อน ประดับด้วยเครื่องทองล้ำค่าเต็มยศ ทั้งปิ่นปักผม สร้อยคอ กำไล และต่างหู ทุกชิ้นล้วนแสดงถึงฐานะและการเตรียมตัวมาอย่างดี

อวี้เหมยอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าคุณหนูสูงศักดิ์ที่ครั้งหนึ่งนางเคยอยากจะคบค้าสมาคมด้วย แต่เพราะนางเป็นเพียงบุตรีของภรรยารองจึงมักจะถูกเมินเฉยใส่เสมอ วันนี้กลับเป็นพวกนางที่ต้องเข้ามาหาตนเอง ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มอย่างประณีตจึงเชิดขึ้นเล็กน้อย ท่วงท่าที่แสดงออกนั้นสง่างาม รับคำชมด้วยรอยยิ้มพอเหมาะ ไม่มากไม่น้อยจนน่าเกลียด วางตัวสมเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์แห่งจวนรองเสนาบดี

บรรยากาศกำลังดำเนินไปอย่างสุนทรี ทุกคนพูดคุยชื่นชมเจ้าภาพ ก่อนที่เสียงหัวเราะแผ่วเบาจะตามมาอย่างชื่นมื่น

เซิ่งซื่อยิ้มรับคำชมอย่างหน้าชื่นตาบาน พลางพยักหน้าให้บ่าวไพร่คอยเติมชาและจัดของว่างให้แขกไม่ขาดตกบกพร่อง สมกับเป็นฮูหยินที่แสนงดงามและสมบูรณ์แบบจนไร้ที่ติ

แต่บรรยากาศอันสุนทรีก็ต้องหยุดลงชั่วขณะ เมื่อเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นตรงด้านหน้าศาลา

สายตาทุกคู่หันไปมองโดยไม่ได้นัดหมาย

หญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาอย่างช้าๆ นางสวมชุดกระโปรงยาวสีชมพูอ่อนดั่งไข่มุก ปักลายผีเสื้อด้วยไหมสีเงินบางเบาราวกับมีชีวิต ผืนผ้าพลิ้วไหวแผ่วเบาตามลม แค่เพียงแวบแรกก็ชวนให้ผู้พบเห็นต้องหยุดหายใจ

เส้นผมดำขลับเรียบลื่นดังแพรไหม ถูกรวบขึ้นเกล้าเป็นมวยเตี้ยกลางท้ายทอย ทรงผมเรียบง่ายแต่ชดช้อย งดงามอย่างมีรสนิยม รอบมวยผมนั้นมีผ้าแพรไหมสีชมพูอ่อนสีเดียวกับชุดผูกเอาไว้ ปลายผ้าห้อยระย้าลงมาตามแนวผมเล็กน้อย ขับให้นางยิ่งดูอ่อนหวาน 

บนศีรษะของนางไม่มีเครื่องประดับหรูหราใด นอกจากปิ่นไม้ด้ามบางสลักลายเมฆ เสียบคั่นมวยผมไว้ให้กระชับ ช่วยขับให้ภาพลักษณ์ของนางแลดูอ่อนโยน งามบริสุทธิ์ ราวกับกลีบดอกไม้แรกแย้มกลางฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งจากทรงผมของนางเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นทรงผมที่นิยมในหมู่คุณหนูตระกูลดีที่ยังไม่ผ่านพิธีปักปิ่น 

เมื่อก้าวย่างเข้าสู่งานเลี้ยง บรรดาแขกเหรื่อต่างหันมองด้วยความชื่นชม ว่าคุณหนูผู้นี้แม้ยังไม่ผ่านพิธีปักปิ่น หากแต่กลับเฉิดฉายได้อย่างงดงามสมวัย งามบริสุทธิ์ ไร้ความเก้อเขินหรือเกินตัว ความงามที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง ดั่งบทกวีแผ่วเบาที่ติดตรึงอยู่ในใจผู้อ่าน

ถึงแม้บนใบหน้าจะมีผ้าโปร่งคาดไว้ครึ่งล่าง แต่กลับปกปิดไม่ได้เลยว่าภายใต้ผืนผ้านั้นมีใบหน้างามพิสุทธิ์เพียงใด ใบหน้าเรียวเล็กดูอ่อนละมุน แววตาของนางสดใสทอประกาย ทุกอิริยาบถของนางงดงามดั่งบุปผา เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งวัยเยาว์ที่งดงามน่าหลงใหล งามจับใจ ราวหยาดน้ำค้างกลางแสงจันทร์ 

งามแบบที่ไม่ต้องพยายาม 

หากวันหนึ่งนางเติบโตเป็นสตรีเต็มตัว และได้ผ่านพิธีปักปิ่นอย่างสมบูรณ์ ความงามนี้คงล่มเมืองได้ไม่ยาก

และแม้แต่อวี้เหมยที่แต่งตัวงดงามในวันนี้ ยังถูกกลบแสงลงโดยไม่ทันรู้ตัว

"นั่นคือคุณหนูรองอวี้หลันอย่างนั้นหรือ"

ใครบางคนพึมพำขึ้นแผ่วเบา ก่อนอีกหลายเสียงจะตามมาด้วยความสงสัยใคร่รู้

เซิ่งซื่อที่เพิ่งยกถ้วยชาขึ้นจิบ ถึงกับชะงักมือกลางอากาศ ลมหายใจสะดุดวูบไปครู่หนึ่ง ดวงตาเบิกเล็กน้อยอย่างไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปรากฏตัวในรูปลักษณ์เช่นนี้ ทั้งที่เมื่อกลางวันยังคล้ายคนป่วยใกล้ตายอยู่เลย 

เซิ่งซื่อรีบปรับสีหน้า ฝืนยิ้มอ่อนออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยน ในขณะที่มือนั้นลอบหยิกบุตรสาวไปทีหนึ่ง เตือนให้นางรีบเก็บสีหน้าที่เริ่มบิดเบี้ยวของตน

"หลันเอ๋อร์มาแล้วหรือ"

เสียงทักทายของเซิ่งซื่อฟังดูอ่อนโยน อบอุ่นดั่งมารดาผู้แสนเมตตา

อวี้หลันเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าที่สง่างาม นิ่งสงบ นางย่อตัวลงเล็กน้อย คำนับต่อเหล่าผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่โดยรอบอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เสียงของนางนุ่มนวลอ่อนหวาน

"ขออภัยที่หลันเอ๋อร์มาช้าเจ้าค่ะ"

เซิ่งซื่อรีบวางถ้วยชาลง แล้วยกมือขึ้นโบกราวกับบอกว่าไม่เป็นไร

"มาเถอะ มานั่งนี่เร็วเข้า"

ท่าทางและถ้อยคำของเซิ่งซื่อ ช่างสมกับตำแหน่งแม่เลี้ยงผู้แสนดี ไม่มีที่ติแม้แต่น้อย

อวี้หลันกระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ ดวงตาคู่งามปรายมองผู้เป็นมารดาเลี้ยง พลางนึกชมในใจอย่างอดไม่ได้

หญิงนางนี้ ช่างตีหน้าเก่งยิ่งนัก... ภายนอกดูอ่อนโยนละมุนละไมราวแม่พระ แต่ในใจคงอยากฉีกข้าเป็นชิ้นๆ แล้วกระมัง

แม้ในใจจะนึกเย้ยหยันเพียงใด อวี้หลันก็ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมา นางเพียงย่อกายคำนับเล็กน้อยอย่างนุ่มนวลสงบเสงี่ยม ตามมารยาทของคุณหนูในตระกูลขุนนางผู้ดี ก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าสงบเรียบเฉย กวาดตามองสองแม่ลูกเพียงครู่เดียว แล้วหมุนกายอย่างสง่างามไปนั่งยังที่นั่งซึ่งจัดเตรียมไว้ให้

ท่วงท่าของนางงามสง่าเย็นตา ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเปี่ยมด้วยความมั่นใจที่แฝงความสูงศักดิ์ ไม่ใช่ความอวดดี แต่เป็นแรงกดดันเงียบๆ ที่ทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตา

ทว่าแม้ดวงตาคู่นั้นจะเพียงแค่มองผ่านเท่านั้น แต่กลับทำให้สองแม่ลูกใบหน้าเห่อร้อนแดงก่ำ ราวกับโดนตบหน้าเข้าอย่างจัง ใบหน้าที่แต่งแต้มอย่างบรรจงพลันร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ราวกับแววตาเรียบนิ่งคู่นั้นมองทะลุความคิดในใจพวกนางจนหมดเปลือก

อวี้เหมยกำชายเสื้อแน่น ลอบหันไปกระซิบเรียกมารดาเบาๆ

"ท่านแม่..."

เซิ่งซื่อฝืนยิ้มบาง รู้ดีว่าบุตรสาวกำลังกังวลสิ่งใด ริมฝีปากแทบไม่ขยับขณะตอบกลับเสียงต่ำ

"อย่าได้เผยพิรุธออกมา...นางไม่กล้าหรอก"

แต่แม้จะพูดเช่นนั้น สีหน้าเรียบเฉยของนางก็บิดเบี้ยววูบหนึ่งเมื่อสบเข้ากับแววตาสงบของอวี้หลันที่ยังคงนั่งนิ่งเหมือนรูปสลักใต้ร่มผ้าเบาบาง

เครื่องประดับที่ประดับเต็มร่างของพวกนาง บัดนี้คล้ายหนักอึ้งเกินทน เมื่อเจ้าของที่แท้จริงของมันปรากฏตัว และเพิ่งจะทวงทุกอย่างคืน

บรรยากาศในศาลาคล้ายจะนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ทว่ารอบกายกลับคล้ายมีแรงปะทะบางอย่างที่มองไม่เห็นแผ่ซ่านออกมาอย่างเงียบงัน แขกสตรีที่นั่งอยู่โดยรอบต่างแอบส่งสายตามองกันไปมา บางคนยกถ้วยชาขึ้นจิบ บ้างก็กระแอมเบาๆ เพื่อกลบเกลื่อนความอึดอัดที่เริ่มคืบคลาน

มีใครบ้างที่จะมองไม่ออก ถึงแม้เซิ่งซื่อจะยิ้มแย้มอ่อนโยน ราวมารดาผู้แสนดีมีเมตตา แต่น้อยคนนักที่จะเชื่อในภาพลวงตานั้น เหล่าสตรีชนชั้นสูงในที่นี้มีใครบ้างไม่เคยพบเจอหรือได้ยินเรื่องระหองระแหงระหว่างแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยง 

แม่เลี้ยงแสนดีมีเมตตา ลูกเลี้ยงเชื่อฟัง

ในสายตาของพวกนาง กลับแลเห็นเพียงละครปาหี่ฉากหนึ่งเท่านั้น

 พวกนางล้วนเคยผ่านเรื่องราวเช่นนี้ หรือไม่ก็ได้ยินจนชาชินอยู่แล้ว และต่างรู้ดีว่าใต้รอยยิ้มนั้นอาจแฝงไว้ด้วยเล่ห์กลมากมาย

ไม่มีใครกล่าวอะไรออกมาตรงๆ แต่สายตานั้นต่างลอบสังเกตอย่างเงียบๆ เพราะรู้ดีว่าท่าทางรักใคร่นั้นไม่ได้ราบรื่นอย่างที่แสดงออกมา

ส่วนอวี้หลันที่นั่งนิ่งอยู่นั้นกลับไม่แสดงท่าทีใดๆ นางดูสงบเสงี่ยม อ่อนโยน และไม่ผิดแผกจากบุตรีชนชั้นสูงแม้แต่น้อย

แต่แล้วท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มอึมครึม เสียงขันทีหลวงที่เดินทางมาพร้อมราชโองการก็ดังขึ้น ทำให้ผู้คนในงานพากันหยุดพูดคุยแล้วลุกขึ้นมาคุกเข่ารับราชโองการ

"ตามพระราชประสงค์ของฝ่าบาท ด้วยเห็นว่าองค์ชายห้าเติบโตเป็นหนุ่มฉกรรจ์ถึงวัยสมควรออกเรือน ครอบครัวรองเสนาบดีอวี้จิ้งมีคุณงามความดีรับใช้แผ่นดินมายาวนาน และบุตรีของรองเสนาบดีอวี้จิ้งมีคุณสมบัติเหมาะสม สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นว่าที่ชายาในอนาคต จึงมีพระราชโองการ ประกาศการหมั้นหมายระหว่างองค์ชายห้าหลี่จื้อหยวน กับ คุณหนูใหญ่อวี้เหมย บุตรสาวของรองเสนาบดีฝ่ายพิธีการ รอฤกษ์งามยามดีแต่งเข้าเป็นสะใภ้หลวง จบราชโองการ"

เมื่อเสียงประกาศราชโองการจบลง ความเงียบปกคลุมอยู่ชั่วขณะ ก่อนสายตาทุกคู่จะหันไปยังบุตรสาวตระกูลอวี้ทั้งสองที่อยู่เบื้องหลังบิดามารดา

อวี้เหมยแม้จะแสดงท่าทีสงบเสงี่ยม หากแต่แววตากลับเปล่งประกายแห่งความปลาบปลื้ม ยากจะปิดซ่อนความยินดีเอาไว้ได้ 

ขณะที่เซิ่งซื่อผู้เป็นมารดาเพียงคลี่ยิ้มบางๆ อย่างสง่างาม แม้จะไม่ได้กล่าวอะไร แต่ในใจกลับโห่ร้อง เปี่ยมล้นไปด้วยความยินดีล้นปรี่

นางเหลือบมองลูกเลี้ยงด้วยสายตาสาแก่ใจ แววตาเยาะเย้ยแผ่วเบาอย่างผู้มีชัย

ส่วนนายท่านของจวน รองเสนาบดีอวี้จิ้งถูกรุมล้อมด้วยเหล่าบุรุษที่เข้ามาร่วมแสดงความยินดี แม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้มประดับเอาไว้ แต่สายตาของเขากลับจ้องมองไปยังบุตรสาวคนรองด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกผิด

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่16เมื่อต้องเผชิญหน้า

    ในที่สุด หลี่จื้อหยวนก็ฝืนยกเท้าขึ้น ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าสงบนิ่ง ทว่าภายในกลับเต็มไปด้วยคลื่นอารมณ์ที่โถมซัดไม่หยุด และเพียงก้าวเท้าเข้าไปเพียงไม่กี่ก้าว สายตาของเขาก็มองเห็นนางแต่ไกล โดยที่ไม่ต้องมองหาเลยด้วยซ้ำ หัวใจของเขากระตุกวูบ ความรู้สึกผิดปะปนกับความคิดถึงแล่นเข้ามาพร้อมกันอย่างโหดร้ายคนที่อยู่ภายในศาลาเมื่อรู้ว่าองค์ชายห้าหลี่จื้อหยวนเสด็จมาก็รีบออกมารอรับเสด็จ ยกโขยงกันออกไปรออย่างพร้อมเพรียง หนึ่งในนั้นย่อมมีอวี้หลัน ซึ่งเพิ่งจะทรุดกายนั่งลงได้ไม่นาน นางยังไม่ทันจะได้ยกชาขึ้นจิบดับกระหายเลยด้วยซ้ำ ก็ต้องฝืนลุกขึ้นอีกครั้งริมฝีปากภายใต้ผ้าคลุมหน้าจึงเม้มเข้าหากันแน่นด้วยความขัดเคืองใจปนหงุดหงิดคนโบราณนี่ช่างยุ่งยากจริงๆ ใครจะมาใครจะไป ก็ต้องยกโขยงออกไปต้อนรับกันให้วุ่นอวี้หลันสบถในใจอย่างเบื่อหน่ายแต่เหตุใด นามขององค์ชายผู้นี้จึงรู้สึกคุ้นหูนัก เหมือนจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนคิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองฉิงหว่านที่ติดตามอยู่เบื้องหลัง คิดจะถามอีกฝ่ายว่าคนผู้นั้นเป็นใคร แต่พอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้องใจราวกับจะร้องไห้ของสาวใช้คนสนิทก็พลันกระจ่

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่15พบเจอกันอีกครั้ง

    หลังจากขันทีจากวังหลวงกลับไปแล้ว เสียงกระซิบก็เริ่มดังขึ้นรอบบริเวณเรื่องขององค์ชายห้ากับตระกูลอวี้ นับเป็นสิ่งที่ผู้คนในเมืองหลวงต่างเคยกล่าวถึงกันอยู่ไม่น้อยหลายปีก่อน อวี้หลันบุตรีคนรองที่เกิดจากฮูหยินตระกูลไป๋เคยถูกวางตัวให้เป็นคู่หมั้นหมายขององค์ชายห้าหลี่จื้อหยวน บุตรชายลำดับที่ห้าแห่งฮ่องเต้ผู้ทรงอำนาจกับฮองเฮาองค์ปัจจุบันแม้สัญญาหมั้นนั้นจะยังไม่ถูกประกาศอย่างเป็นทางการจากราชสำนัก แต่ก็มีการตกลงกันระหว่างฮองเฮากับสกุลอวี้ เป็นคำมั่นที่กล่าวกันต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ด้วยชื่อเสียงของท่านรองเสนาบดีฝ่ายพิธีการในขณะนั้น ทั้งยังเกี่ยวดองกับตระกูลไป๋ที่ทรงอำนาจในเมืองหลวง การหมั้นหมายระหว่างบุตรสาวกับองค์ชายราชวงศ์จึงไม่ใช่เรื่องเกินเอื้อมแต่แล้ว…ทุกอย่างกลับพังทลายลงในพริบตาตระกูลฝั่งมารดาของคุณหนูรองอวี้หลัน ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่กลับต้องโทษ เครือญาติถูกกวาดล้าง สินทรัพย์ถูกยึด ส่วนผู้ที่เหลือรอดถูกถอดยศปลดตำแหน่งแม้ตัวอวี้หลันจะยังมีสถานะเป็นบุตรีของรองเสนาบดี แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบ้านเดิมมารดาของนางกลับกลายเป็นมลทินในสายตาผู้อื่นในเวลาไม่นาน การหมั้นหมายที่เคย

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่14ราชโองการ

    งานเลี้ยงช่วงเย็นของจวนรองเสนาบดีจัดขึ้นในสวนด้านทิศตะวันออก งดงาม หรูหราตระการตาไปทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นพุ่มดอกเหมยที่แต่งแต้มทั่วศาลา เสียงดนตรีบรรเลงแผ่วเบาจากมุมหนึ่งของเรือน กลิ่นหอมจากบุปผานานาพันธุ์คลุ้งในอากาศ และอาหารหรูหรารสเลิศหลายสิบชนิดถูกจัดเรียงไว้บนโต๊ะอย่างงดงาม ทุกอย่างล้วนแสดงถึงฐานะของเจ้าภาพได้อย่างชัดเจนบ่าวไพร่เดินกันขวักไขว่ บรรดาแขกสูงศักดิ์เริ่มทยอยเดินทางมาร่วมงานพร้อมรอยยิ้มแขกเหรื่อที่มาร่วมงานล้วนเป็นผู้มีฐานะสูงส่งในเมืองหลวง ทั้งตระกูลขุนนางและตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจและอิทธิพล แม้งานเลี้ยงจะถูกจัดขึ้นเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับเซิ่งซื่อ แต่ความจริงแล้ว ทุกคนต่างก็ล้วนมีจุดประสงค์ของตนเอง บางคนหวังสร้างสายสัมพันธ์ บางคนหวังหาโอกาสผูกสัมพันธ์ หรือแม้แต่เล็งเห็นประโยชน์จากฝ่ายตรงข้าม ทุกอย่างล้วนเป็นเกม เป็นหมากทางการเมืองบรรดาบุรุษแยกตัวออกไปยังศาลาอีกด้านหนึ่ง พูดคุยกันเรื่องบ้านเมือง อำนาจ และถกเถียงกันเรื่องราชสำนัก แววตาแต่ละคนต่างสังเกตชั่งน้ำหนักว่าใครมีแนวโน้มจะก้าวหน้ากว่ากันในอนาคตทางฝั่งสตรีกลับมีบรรยากาศต่างออกไป เหล่าฮูหยินและคุณหนูจากตระกูลใหญ่

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่13เปิดศึก

    สายลมยามสายพัดผ่านสวนดอกเหมยภายในเรือนฮวาหงอย่างแผ่วเบา กลีบดอกสีแดงสดปลิวว่อนราวภาพวาดงดงามในความฝัน อวี้หลันนอนหลับตาพริ้มอยู่บนตั่งคนงามหน้าชานเรือน บนใบหน้าแต่งแต้มรอยยิ้มน้อยๆ ราวกับกำลังฝันดี ข้างกายมีฉิงหว่านกำลังบีบนวดให้อย่างเอาอกเอาใจทว่าภายในเรือนฮูหยินเอกของจวนรองเสนาบดีกลับร้อนระอุดั่งถูกโยนเข้ากองเพลิงเสียงถ้วยชาราคาแพงกระแทกพื้นแตกกระจายสะท้อนก้องไปทั่วเรือน ความเงียบงันหลังจากนั้นปรากฏเสียงลมหายใจหอบถี่ปนสะอื้นของหญิงผู้หนึ่งที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่กลางห้องเซิ่งซื่อกัดฟันแน่น ดวงหน้าแปรเปลี่ยนจากความสง่างามอ่อนโยนเป็นบิดเบี้ยวด้วยเพลิงโทสะวันนี้ควรจะเป็นวันของนาง วันเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นเพื่อยกย่องสถานะและเกียรติยศของนางในฐานะฮูหยินเอก นางสมควรที่จะโดดเด่นและเชิดหน้าขึ้นสูงได้อย่างเต็มภาคภูมิ แต่กลับกลายเป็นวันแห่งหายนะ ทุกอย่างพังลงอย่างไม่เป็นท่า ทั้งนางยังพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ถูกเหยียบย่ำต่อหน้าบ่าวไพร่ทั้งจวน"อวี้หลัน นังเด็กสารเลว"เสียงของเซิ่งซื่อหลุดออกมาจากลำคอด้วยความเกลียดชังสุดขีด ตั้งแต่ที่แต่งเข้าจวนรองเสนาบดีมา นี่นับเป็นครั้งที่สองที่นางโกรธจนแทบคลั่งและเ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่12เปิดหน้าทวงสินเดิม

    ภายในห้องโถง บรรยากาศยังคงอึมครึมมืดครึ้ม ไม่มีใครกล้าเอ่ยวาจา อวี้จิ้งปลายสายตาเย็นชามองภรรยาที่นั่งหน้าซีดอยู่ข้างกาย"เจ้า! ช่างดีนัก หึ"เซิ่งซื่อที่เห็นสามีมองนางด้วยสายตาเย็นชาและดุดันก็พลันหน้าถอดสี ร่างบางสั่นสะท้านเล็กน้อย รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจนน้ำตาคลอ นางเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง มองอีกฝ่ายอย่างตัดพ้อ ก่อนจะเบือนสายตาหันมาทางอวี้หลันด้วยสีหน้าราวกับรู้สึกผิดอย่างถึงที่สุด"เป็นแม่ที่เลอะเลือน มองคนไม่ออก ปล่อยให้บ่าวชั่วพวกนั้นล่วงเกินหลันเอ๋อร์ถึงเพียงนี้"เซิ่งซื่อเอ่ยเสียงสั่นเครือเจือสะอื้นแผ่วเบา ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดหางตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอ ราวกับคนที่สะเทือนใจอย่างสุดซึ้ง"แม่ผิดต่อหลันเอ๋อร์แล้ว"สีหน้าของเซิ่งซื่อเต็มไปด้วยความเศร้าสลด หากใครมองเพียงผิวเผินก็คงหลงนึกว่านางเสียใจจริงๆเหอะ เลอะเลือน มองคนไม่ออก หญิงนางนี้ช่างกล้าพูดได้อย่างไม่อายปากเป็นนาง ที่จงใจส่งคนพวกนั้นมาจับตามองเรือนฮวาหงตั้งแต่แรกไม่ใช่หรอกหรือ แล้วอีกอย่าง ใครเป็นลูกของนางกัน ลูกของนางนั่งโง่งมอยู่ตรงนั้นต่างหากอวี้หลันปรายตามองอวี้เหมยและอวี้คุนที่นั่งหน้าซีดตัวส

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่11กำจัดหนูสกปรก

    หลังจากทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูเหมือนจะสงบลงชั่วครู่ แต่ความสงบนั้นกลับอยู่ได้ไม่นานอวี้เหมยที่ถูกบังคับให้กลืนเลือดไหนเลยจะอดใจไม่ให้เอ่ยสิ่งใดออกมาได้ สายตาของนางเหลือบมองการแต่งกายอันแสนเรียบง่ายของน้องสาวต่างมารดา สายตากวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาไม่ปิดบังความดูแคลน ก่อนจะยกยิ้มบาง เอ่ยถ้อยคำเชือดเฉือนออกมาทันที"น้องรองช่างสมถะเสียเหลือเกิน วันงานเลี้ยงของท่านแม่ทั้งที กลับแต่งกายเรียบง่ายเสียจนนึกว่าเป็นสาวใช้จากเรือนใดหลงเข้ามา"คำพูดนั้นทำเอาทุกคนบนโต๊ะถึงกับชะงัก แม้รอยยิ้มของอวี้เหมยจะดูละมุน แต่แววตากลับฉายชัดว่าไม่คิดจะไว้ไมตรีอวี้หลันเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาหวานลึกล้ำดั่งสายน้ำ มองสบอีกฝ่ายอย่างสงบ ไม่มีความหวั่นไหวแม้แต่น้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนโยนประหนึ่งไม่ได้ถือสาหาความในขณะที่อวี้จิ้งนั่งเงียบ สีหน้าของเขาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันทีที่ได้ยินคำพูดของบุตรสาวคนโต สายตาเหลือบมองอวี้หลัน ก่อนจะกวาดตามองการแต่งกายของนางอย่างพิจารณาหัวคิ้วของรองเสนาบดีขมวดแน่นอย่างไม่อาจปกปิดในทุกปี ทุกๆ เทศกาล เสื้อผ้าและเครื่องประดับล้วนถูกส่งไปย

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status