Home / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่13เปิดศึก

Share

ตอนที่13เปิดศึก

last update Last Updated: 2025-07-19 12:30:37

สายลมยามสายพัดผ่านสวนดอกเหมยภายในเรือนฮวาหงอย่างแผ่วเบา กลีบดอกสีแดงสดปลิวว่อนราวภาพวาดงดงามในความฝัน อวี้หลันนอนหลับตาพริ้มอยู่บนตั่งคนงามหน้าชานเรือน บนใบหน้าแต่งแต้มรอยยิ้มน้อยๆ ราวกับกำลังฝันดี ข้างกายมีฉิงหว่านกำลังบีบนวดให้อย่างเอาอกเอาใจ

ทว่าภายในเรือนฮูหยินเอกของจวนรองเสนาบดีกลับร้อนระอุดั่งถูกโยนเข้ากองเพลิง

เสียงถ้วยชาราคาแพงกระแทกพื้นแตกกระจายสะท้อนก้องไปทั่วเรือน ความเงียบงันหลังจากนั้นปรากฏเสียงลมหายใจหอบถี่ปนสะอื้นของหญิงผู้หนึ่งที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่กลางห้อง

เซิ่งซื่อกัดฟันแน่น ดวงหน้าแปรเปลี่ยนจากความสง่างามอ่อนโยนเป็นบิดเบี้ยวด้วยเพลิงโทสะ

วันนี้ควรจะเป็นวันของนาง วันเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นเพื่อยกย่องสถานะและเกียรติยศของนางในฐานะฮูหยินเอก นางสมควรที่จะโดดเด่นและเชิดหน้าขึ้นสูงได้อย่างเต็มภาคภูมิ แต่กลับกลายเป็นวันแห่งหายนะ ทุกอย่างพังลงอย่างไม่เป็นท่า ทั้งนางยังพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ถูกเหยียบย่ำต่อหน้าบ่าวไพร่ทั้งจวน

"อวี้หลัน นังเด็กสารเลว"

เสียงของเซิ่งซื่อหลุดออกมาจากลำคอด้วยความเกลียดชังสุดขีด ตั้งแต่ที่แต่งเข้าจวนรองเสนาบดีมา นี่นับเป็นครั้งที่สองที่นางโกรธจนแทบคลั่งและเสียอาการเช่นนี้ 

และทั้งสองครั้งล้วนเกิดจากสองแม่ลูกสารเลวนั่น

ครั้งแรกคือตอนที่นางรับรู้ว่าไป๋ซูเหยาตั้งครรภ์ ทั้งที่ไม่มีทีท่าว่าจะตั้งครรภ์มาก่อน ความฝันของนางพังทลายลงทันที เส้นทางอำนาจที่ควรจะราบรื่นไร้ผู้ขัดขวาง กลับพังครืนลงต่อหน้าต่อตา 

และครั้งนี้ นางไม่คิดไม่ฝันว่าผู้ที่ทำให้นางแทบกระอักเลือดจะกลายเป็นบุตรสาวของนังผู้หญิงคนนั้น

สองแม่ลูกนี่ ควรตายตกตามกันไปซะ

เซิ่งซื่อกำหมัดแน่น เส้นเลือดบนหลังมือปูดโปน ดวงตาเปล่งประกายเย็นเยียบและเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม

นางเคยกำจัดไป๋ซูเหยาให้พ้นทางมาได้แล้วครั้งหนึ่ง แล้วจะยากอะไรกับการกำจัดเด็กเมื่อวานซืนอย่างอวี้หลันบุตรสาวของอีกฝ่าย

คิดจะเป็นศัตรูกับนางอย่างนั้นหรือ

ช่างไร้เดียงสานัก

"อย่าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไว้"

เซิ่งซื่อเอ่ยเสียงกดต่ำ เต็มไปด้วยความอัดอั้นคับแค้น

ทว่าในวินาทีนั้น น้ำตาร้อนผ่าวก็ไหลรินออกมาเงียบๆ จากดวงตาคู่งามของนาง

ผู้ที่ทำให้นางเจ็บปวดจนต้องหลั่งน้ำตากลับไม่ใช่อวี้หลัน หากแต่เป็น อวี้จิ้ง สามีของนางเอง

วันนี้เขาเลือกที่จะยืนอยู่ข้างเด็กคนนั้น โดยไม่สนใจว่านางจะรู้สึกอย่างไร สิ่งที่เขาทำ เจ็บเสียยิ่งกว่าการถูกตบหน้าเสียอีก 

เซิ่งซื่อยกมือขึ้นปาดน้ำตาแรงๆ เหมือนจะลบล้างความอ่อนแอและความเจ็บปวดทั้งหมดทิ้งไป

นางรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับอวี้จิ้ง ตั้งแต่ต้นไม่เคยมีคำว่า "รัก" หากแต่คือ พันธะทางการเมืองและผลประโยชน์ 

อวี้จิ้งต้องการแรงสนับสนุนจากตระกูลเซิ่งเพื่อเส้นทางสู่ตำแหน่งและอำนาจ ส่วนนางและตระกูลต้องการฐานอำนาจเพื่อขยายอิทธิพล เป็นบันไดสู่อำนาจ

แรกเริ่มเดิมที อวี้จิ้งไม่รัก นางก็ไม่ต้องการความรัก สิ่งที่นางต้องการคือ อำนาจ ชื่อเสียง เงินทอง และความมั่นคง

แต่นานวันเข้าจิตใจของนางก็หวั่นไหว นางหลงรักสามีของตัวเองอย่างถอนตัวไม่ขึ้น 

จากที่เคยต้องการแค่ฐานะและอำนาจ นางกลับอยากได้ "หัวใจ" ของเขา นางทำทุกอย่างเพื่อเป็นภรรยาเพียงคนเดียวที่เขาจะรักและเลือก ทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้ครอบครองเขาเพียงผู้เดียว นางปรารถนาเขา ไม่ใช่เพียงในฐานะสามีตามพันธะ แต่นางต้องการเป็นผู้เดียวที่ได้ครอบครองหัวใจของเขา

แต่วันนี้ เขากลับพิสูจน์ให้นางเห็นแล้วว่า ไม่ว่านางจะพยายามเพียงใด นางก็ไม่เคยแทนที่คนที่ตายไปแล้วได้เลย ในหัวใจของเขาไม่เคยมีนางอยู่เลย 

แต่ก็ใช่ว่านางจะพ่ายแพ้ไปเสียทุกอย่าง แม้ในใจจะยังร้อนรุ่มด้วยเพลิงโทสะที่ยากจะดับลง แต่นางรู้ดีว่าเกมนี้ยังไม่จบ และนางยังไม่ใช่ผู้แพ้ นางจะทำให้อวี้จิ้งรู้ว่า นางต่างหากที่จะทำให้เขาไปถึงจุดหมายที่เขาวาดหวังไว้ได้

เซิ่งซื่อทิ้งกายลงนั่งอย่างสง่างามบนตั่งไม้หอม ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เชิดหน้าขึ้น แววตาเริ่มกลับมามีประกายอีกครั้ง 

คิดถึงข่าวที่พี่ชายของนางซึ่งรับราชการในหน่วยองครักษ์วังหลวงส่งมา มุมปากของเซิ่งซื่อก็พลันยกยิ้มอย่างเย็นชา ทำให้นางพอจะคลายโทสะลงได้บ้าง 

บุตรสาวของนางคือคนที่ฮองเฮาทรงเลือกให้ยืนเคียงข้างองค์ชายห้า

เรื่องนี้จะคืนศักดิ์ศรีให้กับนาง

ใบหน้างามที่ก่อนหน้านี้บิดเบี้ยวด้วยโทสะ กลับแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานสง่างามดังเดิมราวกับเป็นคนละคน ก่อนจะเปล่งเสียงเรียกบ่าวไพร่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่แฝงอำนาจ

"ใครอยู่ข้างนอก เข้ามานี่หน่อย มาช่วยข้าอาบน้ำแต่งตัว" 

บ่าวคนสนิทรีบก้าวเข้ามาทันทีด้วยสีหน้าลนลาน เซิ่งซื่อไม่เอ่ยอะไรต่อ เพียงแต่หันหน้าไปทางกระจกทองเหลือง หยิบปิ่นปักผมหยกล้ำค่าขึ้นมาถืออย่างอ่อนช้อย

ดวงตาของเซิ่งซื่อสะท้อนความเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยเพลิงแค้นที่โหมกระหน่ำไม่หยุด

งานเลี้ยงเย็นนี้นางจะทวงคืนทุกความเจ็บช้ำที่นางได้รับ นางจะให้นังเด็กนั่นลิ้มรสของความผิดหวัง และการสูญเสีย ก่อนที่นางจะมอบความเมตตาส่งมันไปพบมารดาในปรโลก

รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามของเซิ่งซื่อ ดูอ่อนหวาน นุ่มนวล สง่างามตามแบบฉบับฮูหยินผู้สูงศักดิ์ หากแต่ภายในซ่อนคมดาบที่พร้อมกำจัดศัตรูให้สิ้นซาก

เซิ่งซื่อค่อยๆ ปลดเครื่องประดับบนศีรษะออกทีละชิ้น เสียงโลหะกระทบกันเบาๆ ดังขึ้นเป็นจังหวะ เมื่อปิ่นปักผมและต่างหูชิ้นสุดท้ายถูกวางลงบนถาดเงิน นางปล่อยให้เส้นผมดำขลับยาวสลวยของตนทิ้งตัวลงมา ยกมือขึ้นลูบมันแผ่วเบาอย่างทะนุถนอม แล้วหันไปสั่งบ่าวข้างกาย

"เตรียมชุดผ้าไหมสีเขียวปักดิ้นทองให้ข้า ข้าจะใส่ชุดนั้น"

ชุดผ้าไหมสีเขียวปักดิ้นทองชุดนั้น นางตั้งใจเก็บไว้ใช้ในโอกาสพิเศษ เพราะเป็นหนึ่งในชุดที่ตัดเย็บอย่างประณีตที่สุด ลวดลายบนชุดเปรียบดังเถาวัลย์ทองที่เลื้อยพันไปรอบกาย ดูอ่อนช้อยงดงาม ทั้งยังตัดเย็บจากผ้าไหมล้ำค่าหายาก

วันนี้นางจะปรากฏตัวอย่างสมศักดิ์ศรีในฐานะฮูหยินใหญ่ของจวนรองเสนาบดี และว่าที่แม่ภรรยาขององค์ชายห้า

ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็อย่าหวังว่าจะมาข่มนางได้อีกต่อไป

ในขณะที่ผู้อื่นกำลังวางแผนการมากมาย แต่ตอนนี้ในเรือนฮวาหงกลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยกันของสองนายบ่าว 

บรรยากาศภายในเรือนสดใสเป็นพิเศษ ผู้ที่กำลังถูกหมายหัวกลับไม่แม้แต่จะมีร่องรอยของความหวาดหวั่นบนใบหน้า ทั้งที่วันนี้ตนพึ่งจะรังแกผู้อื่นมา

อวี้หลันในชุดคลุมบางสีอ่อนนั่งทอดกายอย่างผ่อนคลายอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แสงแดดยามเย็นที่ลอดผ่านม่านบาง สาดลงกระทบผิวขาวเนียนจนดูเปล่งประกาย 

นางหรี่ตามองผืนผ้าแต่ละชุดที่ฉิงหว่านนำมาให้เลือก แววตาเป็นประกายสนุกสนานเหมือนกับเด็กสาวผู้หนึ่ง เสื้อผ้าและเครื่องประดับในยุคนี้ ล้วนงดงาม ประณีต และล้ำค่า

"ชุดนี้ก็ดี"

อวี้หลันพูดขึ้น ขณะยื่นมือไปลูบชายผ้าเบาๆ

"แต่มุกที่ชายผ้านี่มันเยอะไปหน่อย ดูแล้วรกตา"

ฉิงหว่านหัวเราะคิกขณะถือชุดอีกชุดขึ้นมา

"แล้วสีฟ้านี้เล่าเจ้าคะ ใส่แล้วน่าจะดูอ่อนหวานน่าทะนุถนอมดี"

อวี้หลันส่ายหน้าเบาๆ

"เรียบไปหน่อย เดี๋ยวจะมีคนกล่าวหาว่าข้าสมถะอีก"

ได้ยินเช่นนั้น ฉิงหว่านก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวล

"บ่าวว่างานวันนี้ฮูหยินกับคุณหนูใหญ่คงต้องจ้องเล่นงานคุณหนูแน่เจ้าค่ะ"

อวี้หลันเพียงยกยิ้มบางๆ ขณะหยิบปิ่นทองลวดลายดอกเหมยขึ้นมาพิจารณาในแสงแดด นางไม่ได้มีความกังวลแม้แต่น้อยว่าจะมีใครคิดอย่างไร หรือต้องรับมืออย่างไรต่อไปหลังจากนี้

แม้จะรู้ดีว่างานเลี้ยงวันนี้คงไม่ใช่งานเลี้ยงธรรมดา แต่ในแววตาของนางกลับไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความหวาดกลัวหรือกังวล

หากพวกนางอยากจะเล่น นางก็จะยอมเล่นด้วย

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่43ผู้มาเยือน

    "หลันเอ๋อร์ ขอเวลาข้าสักครู่ได้หรือไม่"เสียงทุ้มต่ำขององค์ชายห้าหลี่จื้อหยวนเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน ทว่าแฝงแววเว้าวอนลึกซึ้ง เขาก้าวขวางเบื้องหน้าในจังหวะที่อวี้หลันหมุนกายจะจากไป หยุดยั้งฝีเท้าเรียวอย่างไม่เปิดโอกาสให้นางหลบเลี่ยงสายตาคมกริบทอดมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่อาจละไปได้ ความคาดหวัง ความลังเล และความเจ็บปวดสลักทับซ้อนในแววตาคู่นั้นราวกับเพียงคำตอบหนึ่งคำจากนาง จะสามารถปลดปล่อยหรือขังเขาไว้ตลอดกาลอวี้หลัน..หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคู่หมั้นในวัยเยาว์ของเขา หญิงสาวที่เขาเคยคิดว่าจะได้ครอบครองและปกป้องแต่ตอนนี้นางกลับไกลจากเขาออกไปทุกทีข่าวลือที่โด่งดังไปทั่วเมืองหลวงอยู่ในตอนนี้ ทำให้เขาไม่อาจทนนิ่งเฉย จนต้องมาปรากฏตัวที่นี่ ยิ่งเมื่อได้เห็น ปิ่นปักผม ที่ปรากฏอยู่บนมวยผมของนาง ดวงตาของเขายิ่งแข็งกร้าวปิ่นนั่นหลี่เหวินหลงผู้เป็นพี่ชายหวงแหนยิ่งกว่าสิ่งใด เป็นสิ่งที่ไม่ควรมอบให้ใครง่ายๆ นอกจากผู้ที่เขา "หมายปอง" อย่างแท้จริงหลี่จื้อหยวนกำมือแน่น ความรู้สึกในใจร้อนรนแทบระเบิดออกมา แต่กลับไม่เอ่ยอันใด นอกจากสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเปิดกล่องเครื่องประดับในมือออก ยื่นไปตรงหน้าอีก

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่42คนว่างงาน

    มาอีกแล้ว คนผู้นี้ว่างงานนักหรืออย่างไรอวี้จิ้งทอดถอนใจยาวตั้งแต่ยังไม่ทันได้จิบชาเช้า ใบหน้านิ่งขรึมเต็มไปด้วยริ้วรอยของความอดกลั้น และกลิ่นอายของความหงุดหงิดปนเวทนาในชะตากรรมของตนรุ่งเช้า ฟ้ายังไม่ทันสว่างดีนัก คนก็มาเยือนถึงหน้าจวนเสียแล้ว"หากไม่มีงานการทำ เหตุใดถึงไม่กลับแดนเหนือไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด"อวี้จิ้งได้เพียงบ่นอยู่ในใจ ฟันกรามกัดแน่นจนขมับเต้นตุบๆ ขณะลุกจากที่นั่ง เดินออกไปต้อนรับแขกผู้สูงศักดิ์ แขกที่เหมือนจะกลายเป็นสมาชิกประจำบ้านเข้าไปทุกทีองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง ยืนตระหง่านราวขุนเขาเช่นเคย ท่าทีสงบนิ่ง เยือกเย็นประหนึ่งนักปราชญ์ผู้สูงส่ง ทั้งที่ความจริงแล้วก็แค่คนไร้ยางอาย หน้าด้านหน้าทนผู้หนึ่ง ที่ทำเอาเจ้าบ้านอย่างเขาแทบกระอักเลือดตาย เมื่อวานกว่าจะต้อนคนส่งกลับได้ก็เล่นเอาเขาแทบจะหัวหลุดจากบ่าอยู่หลายครั้ง"องค์ชายใหญ่มาตั้งแต่เช้าเลยนะพ่ะย่ะค่ะ"อวี้จิ้งเอ่ย พลางฉีกยิ้มบางๆ ที่คล้ายรอยยิ้มของเสือเฒ่ากำลังข่มอารมณ์ แฝงไว้ด้วยคำว่า ‘เจ้าว่างนักหรือ’ ขณะทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท"ใต้เท้าอวี้ พบหน้าข้าแล้วยินดีถึงเพียงนี้เชียว"หลี่เหวินหลงยิ้มรับสีหน้าระร

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่41สนทนาพาที

    เซิ่งซื่อใช่ว่าจะไม่รู้สึกถึงบรรยากาศอึดอัดกดดันที่แผ่คลุมอยู่ภายในห้อง หากแต่นางยังฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเอาไว้ ไม่ว่าสายตาใครจะจับจ้องมายังนางอย่างไร นางก็ยังสงบนิ่งไม่แสดงพิรุธหลายวันมานี้ นางสัมผัสได้ถึงบรรยากาศภายในจวนที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน นางรับรู้ได้ว่าสามีเริ่มมีท่าทีที่ผิดแผกไป ไม่เหมือนเดิมอย่างที่เคย นับตั้งแต่เกิดเรื่องกับอวี้หลัน ทว่าเขากลับยังคงนิ่งเฉยไม่เอ่ยสิ่งใด นั่นยิ่งทำให้นางทั้งหวาดระแวงและไม่อาจวางใจได้ ความเงียบของเขากลับทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งนางรู้ดีว่าคนอย่างอวี้จิ้งไม่ใช่ผู้ที่จะปล่อยผ่านเรื่องใดไปโดยไม่คิดสืบหาความจริง ไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกล่อได้ง่ายนัก และยิ่งเงียบก็ยิ่งน่าหวาดกลัวแต่ถึงอย่างนั้น นางก็ยังพอจะเบาใจอยู่บ้าง อย่างน้อยที่สุดหลานชายของนางก็กลับมาอย่างปลอดภัย และที่สำคัญ เขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดไว้ให้ถูกสาวมาถึงตัวทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุม นางเพียงต้องระวังตัวให้มากพอ และฉลาดพอที่จะไม่ถามถึงรายละเอียดให้มากความ สิ่งที่ไม่รู้ ก็ไม่จำเป็นต้องรู้ สิ่งที่รู้ นางก็เลือกจะซ่อนไว้ลึกสุดใจ ไม่ให้แม้แต่น้ำเสียงหรือแววตาเผลอเผยพิรุธออ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่40ศึกชิงนาง

    หลังจากพิธีปักปิ่นอย่างเป็นทางการในช่วงเช้าผ่านพ้นไป ตกเย็นก็ควรจะเป็นเวลาของคนในครอบครัว แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้วอวี้จิ้งเพิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงคำกล่าวที่ว่าเชิญเทพมาง่าย แต่ส่งกลับไปแสนยาก ก็ในวันนี้เองรองเสนาบดีผู้มากบารมี ปลายสายตาเหลือบมองบุรุษหนุ่มผู้สูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะด้วยสีหน้าอึมครึม เขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำใดออกมา เพราะแม้จะเงียบ แต่หนวดที่กระตุกอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาวาววับที่ราวกับจะพ่นลูกไฟออกมาได้ทุกเมื่อ ก็ฟ้องหมดทุกอย่างและถึงจะเป็นเช่นนั้นอีกฝ่ายกลับยังนั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์ หาได้รู้ถึงความผิดของตัวเอง ประหนึ่งว่าเขาคือเจ้าของเรือน มิหนำซ้ำยังทำตัวกลมกลืนอย่างยิ่งราวกับคนในครอบครัวไม่ขัดเขิน ไม่เกรงใจ ไม่ถ่อมตนกระทำตัวเหมือนเขยของบ้านข้าเข้าไปทุกทีหึ…กล้าดียังไงแน่นอนว่าอวี้จิ้งได้แต่คิดในใจเท่านั้น ไม่มีวันกล้าเอ่ยออกมาเพราะบุรุษตรงหน้านั้น หาใช่ใครอื่นไกล แต่คือ องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงการกระทำของอีกฝ่ายในวันนี้สร้างความขุ่นเคืองใจให้เขาอย่างยิ่ง แต่แม้จะรู้สึกไม่พอใจเพียงใด ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหยางฮูหยินผู้เฒ่า ซึ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่39วันปักปิ่น

    แสงอรุณอ่อนในฤดูใบไม้ผลิส่องพาดแนวหลังคาเรือน บรรยากาศทั่วทั้งจวนรองเสนาบดีเต็มไปด้วยความคึกคัก ภายในเรือนใหญ่ของตระกูลอวี้อบอวลด้วยกลิ่นหอมของไม้จันทน์บ่าวไพร่ในจวนสีหน้าสดชื่นแจ่มใส ขะมักเขม้นจัดเตรียมพิธีมงคล ข้าวของเครื่องใช้ล้วนถูกจัดเรียงตามตำราโบราณเรือนหลักของจวนอวี้ในวันนี้ถูกประดับประดาด้วยผ้าแพรไหมสีมงคล ลวดลายดอกเหมยปักดิ้นทองสะท้อนแสงแดดระยิบระยับ กลิ่นหอมของชาดอกไม้ที่ลอยอบอวลในอากาศ สร้างบรรยากาศละมุนละไมวันนี้คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณหนูรองอวี้ในที่สุดวันปักปิ่นของอวี้หลันก็มาถึง พิธีในวันนี้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติบุตรีขุนนางฝ่ายพิธีการ เรียกได้ว่าเป็นงานเลี้ยงที่หรูหราและงดงามที่สุดในรอบหลายปีของเมืองหลวง อวี้หลันในชุดผ้าไหมเนื้อละเอียดสีชมพูอมทองปักลวดลายดอกโบตั๋นอย่างประณีต เนื้อผ้าไหมพลิ้วไหวรับแสงแดดอ่อนยามเช้า ปลายแขนเสื้อขลิบดิ้นทอง ชุดตัวยาวรัดช่วงเอวด้วยสายผ้าแพรสีแดงสด ด้านข้างห้อยพู่หยกล้ำค่า เงาผ้าพลิ้วไหวราวกลีบดอกไม้ต้องลมตามจังหวะก้าวเดิน ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังสตรีน้อยผู้เป็นบุตรีของรองเสนาบดีหญิงสาวย่างก้าวด้วยท่วงท่าที่เปี่ยมไ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่38ความจริงเริ่มกระจ่าง

    เซิ่งซื่อนั่งนิ่งอยู่ในเรือนใหญ่ของตนเอง บรรยากาศภายในเรือนที่เคยสงบร่มรื่น บัดนี้กลับอึดอัดและหนักแน่นประหนึ่งมีเงาทึบปกคลุม มือที่ถือพัดเริ่มกำแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว แววตาเคร่งเครียดขณะฟังรายงานจากบ่าวคนสนิท เสียงนั้นเบาราวกระซิบ แต่ทุกคำกลับฟังชัดเจนยิ่งในหูของนาง"คุณหนูรองกลับมาถึงจวนเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ มิได้รับบาดเจ็บใดๆ ทั้งสิ้น"คำบอกเล่านั้น ดังก้องในใจจนมือที่กำพัดเริ่มสั่นอวี้หลันกลับมาแล้ว อีกทั้งยังไม่เป็นอะไรเลย"ข่าวว่า...องค์ชายใหญ่เป็นผู้ช่วยชีวิตคุณหนูรองเอาไว้ด้วยพระองค์เองเจ้าค่ะ"เสียงในห้องเงียบงันชั่วอึดใจ"องค์ชายใหญ่"เซิ่งซื่อทวนคำเบาๆ อย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ความหวาดหวั่นคละคลุ้งในอกองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง คนผู้นี้อีกแล้วหรือพัดในมือของนางถูกบีบจนแทบจะแหลกคามือ แววตาที่เคยสั่นไหวเปลี่ยนเป็นขุ่นมัวในฉับพลัน ริมฝีปากที่เคลือบชาดเอาไว้บางๆ เม้มแน่นจนแทบเป็นเส้นตรงทั้งที่แผนการถูกวางไว้อย่างดี หลานชายที่เก่งกาจของนางไม่เคยที่จะทำงานผิดพลาด ทุกอย่างที่ควรจะจบลงอย่างเงียบงัน กลับพังครืนเพราะการปรากฏตัวของบุรุษเพียงผู้เดียวและยิ่งแย่กว่านั้น…ข่าวนี้กำลังจะถูก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status