หน้าหลัก / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่29พี่น้องพบหน้า

แชร์

ตอนที่29พี่น้องพบหน้า

ผู้เขียน: ฉู่เฉียว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-15 16:36:53

หลี่เหวินหลงหยัดยิ้มมุมปาก รอยยิ้มบางเฉียบที่ไม่อาจอ่านได้ว่ากำลังดูแคลน หรือเพียงเพลิดเพลินไปกับการจับตามองผู้อื่นดิ้นพล่าน

ในสายตาของเขา เซิ่งซื่อก็ไม่ต่างจากแมลงตัวหนึ่งที่กำลังพยายามปีนป่ายหลีกหนีเปลวเพลิงที่ลุกลามใกล้ตัว ยิ่งดิ้นรน...ยิ่งเผยจุดอ่อน

ดวงเนตรคมกริบใต้คิ้วคมเข้ม ทอดมองสตรีที่พยายามคลี่ยิ้มอ่อนโยนกลบเกลื่อนความหวาดหวั่น ท่าทางเสแสร้งนั้นไม่ต่างจากฉากละครตื้นเขินที่เขาเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนจากมารดาเลี้ยงของตน

เขาถึงว่ากันว่าคนประเภทเดียวกันจึงมักจะอยู่ร่วมกันได้

สายตาของเขาจึงมองเซิ่งซื่อไม่ต่างจากมองซากเนื้อชิ้นหนึ่งที่ยังมีลมหายใจ เขาไม่เร่งเวลาชำระแค้น เพราะรู้ดีว่า… การให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงฝีเท้าแห่งหายนะคืบคลานทีละก้าวนั้นทรมานยิ่งกว่าความตาย จากนั้นเขาจะโยนพวกมันลงหลุมในคราวเดียว

หลี่เหวินหลงกระตุกยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะเบือนหน้าจากภาพเหล่านั้นอย่างไม่ไยดี เขาไม่ได้ให้ความสนใจสตรีตรงหน้าอีกว่านางจะเสแสร้งต่อไปอย่างไร

เพราะทันทีที่สัมผัสได้ถึงเสียงฝีเท้าเร่งร้อนที่กำลังมุ่งตรงมาทางนี้ สายพระเนตรคมกริบก็เบนจากทุกคนในห้อง ไปยังบานประตูห้องโถงโดยฉับพลัน

แผ่นหลังกว้างของเขาคล้ายจะเหยียดตรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว แววตาที่มักนิ่งขรึมและเย็นชามีประกายบางอย่างไหววูบ ราวกับผืนน้ำที่ถูกรบกวน

เขากำลังรอใครบางคน...

และการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยนั้น ก็ล้วนไม่รอดพ้นจากสายตาของอวี้เฉินที่จับจ้องมาตั้งแต่ต้น

เด็กหนุ่มหรี่ตามองบุรุษผู้ที่เป็นนายเหนือหัวอย่างคลางเคลงใจ

ดูเหมือนผู้ที่กำลังจะก้าวเข้ามา คือจุดหมายในการมาเยือนจวนอวี้ขององค์ชายใหญ่ในครั้งนี้

ท่ามกลางบรรยากาศกระอักกระอ่วนที่อบอวลทั่วทั้งห้องโถง ความเงียบงันคล้ายจะกดทับทุกลมหายใจ ความคิดมากมายแล่นวูบผ่านในหัวของแต่ละคน ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตนเอง

และในชั่วขณะที่ความตึงเครียดกำลังพอกพูนขึ้น เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าประตู ดึงสายตาทุกคู่ให้หันไปยังทิศทางนั้นโดยไม่รู้ตัว ราวกับกระแสลมเย็นพัดเข้ามาตัดความอึดอัดในห้องให้ขาดสะบั้น

อวี้หลันก้าวเข้ามาด้วยความตื่นเต้นยินดี ดวงตากลมโตทอประกาย เต็มไปด้วยความตื้นตัน ริมฝีปากที่คลี่ยิ้มบางสั่นไหวน้อยๆ หัวใจของนางเต้นแรงเสียจนได้ยินเพียงเสียงนั้นอยู่ในอก

สายตาที่เปี่ยมด้วยความยินดีจับจ้องเพียงร่างของเด็กหนุ่มเบื้องหน้าที่ยืนอยู่ข้างกายบิดาเท่านั้น นางไม่แม้แต่จะปรายตามองผู้อื่นแม้แต่น้อย 

 น้องชายที่นางไม่ได้พบเจอมาแปดปีเต็ม ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความปิติที่แทบเอ่อล้นออกมาจากแววตา

"พี่หญิง"

อวี้เฉินจ้องมองนางไม่ต่างกัน

น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเบาราวกระซิบ แต่กลับดังก้องในใจของอวี้หลันยิ่งกว่าคำใด

ถ้อยคำธรรมดา...ที่มักจะได้ยินในห้วงความฝัน เสียงที่นางเฝ้ารอ หวังว่าจะได้ยินอีกครั้ง

หัวใจของอวี้หลันพลันสั่นระริก น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ขณะริมฝีปากยังคงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มที่มีไว้เพียงเพื่อเขา

"อาเฉิน"

อวี้หลันเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา ขณะก้าวเท้าเดินตรงไปหาเขาอย่างไม่ลังเล

ยังไม่ทันที่นางจะเดินไปถึง อวี้เฉินก็ก้าวออกมาหาด้วยรอยยิ้ม เขายื่นมือมากอบกุมมือนางเอาไว้ในทันที

ฝ่ามือของอวี้เฉินสั่นไหวน้อยๆ แต่มั่นคงและแน่วแน่

อวี้หลันชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงกุมมือนั้นไว้แน่น

มือของเขาอุ่นมาก...แต่เต็มไปด้วยร่องรอยหยาบกร้าน เขาคงผ่านการฝึกฝนและใช้ชีวิตยากลำบากมาไม่น้อย

ทว่าสัมผัสนั้นกลับอ่อนโยนเหลือเกิน แผ่วเบาราวกับกลัวว่านางจะเลือนหายไปหากเขาบีบแรงเกินไปแม้เพียงนิด

เพียงแค่ได้เห็นเขายืนอยู่ตรงหน้า ทุกความเจ็บปวดและความรู้สึกคั่งค้างในใจ คล้ายถูกชะล้างลงในห้วงเวลาเดียวกันจนหมดสิ้น หัวใจที่หนักอึ้งพลันเบาสบายราวกับได้หลุดพ้นจากพันธนาการ สายใยระหว่างพี่น้องที่ขาดหาย เชื่อมโยงหากันผูกกันแน่นอีกครั้ง อย่างไม่มีสิ่งใดกั้นขวางได้อีกต่อไป

อวี้หลันเงยหน้ามองเขาอย่างตั้งใจ ใบหน้าที่มีเค้าโครงคล้ายคลึงกับนาง แตกต่างกันก็เพียงความแข็งแกร่งและห้าวหาญเช่นบุรุษ เขาเติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัว สูงกว่านางไปมากโขแล้ว

อวี้หลันมองสบตาน้องชาย รอยยิ้มละมุนคลี่ขึ้นบนริมฝีปากของทั้งสอง ดวงตาของนางพราวหยาดน้ำ มือของทั้งสองกุมกันไว้แน่น ราวกับไม่ยอมให้โชคชะตาใดมาแยกจากกันได้อีก 

"เจ้า...กลับมาแล้วจริงๆ"

เสียงของนางแผ่วเบาสั่นเครืออย่างไม่เคยเป็น ทั้งน้ำตาและรอยยิ้มหลอมรวมอยู่บนใบหน้า ถ้อยคำนั้นก็เพียงพอจะสั่นคลอนหัวใจที่ด้านชาไปนานของอวี้เฉิน

เขาพยักหน้าเล็กน้อย ใบหน้ายังเรียบขรึมดังเดิม แต่ดวงตานั้นแดงเรื่อเล็กน้อยไม่แพ้พี่สาว

"ข้ากลับมาแล้วขอรับ พี่หญิง"

เสียงทุ้มนุ่มของอวี้เฉินดังขึ้น คำพูดแสนเรียบง่ายแต่หนักแน่น ต่างคนต่างก็คิดที่จะปกป้องกันและกัน

และเพียงประโยคเดียวนี้...ก็มากพอจะทำให้น้ำตายิ่งเอ่อขึ้นในดวงตาของอวี้หลัน ความโดดเดี่ยวทั้งชีวิตก่อนและชีวิตนี้คล้ายจะหายไปเพราะคนตรงหน้า

นางพยักหน้าเบาๆ ขณะยิ้มทั้งน้ำตา ใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกที่มิอาจบรรยาย  

"อะแฮ่ม!"

เสียงกระแอมไอเบาๆ ดังขึ้นจากใครคนหนึ่ง บรรยากาศอบอุ่นที่อบอวลไปด้วยความตื้นตันเมื่อครู่พลันสะดุด อารมณ์ทั้งหมดราวกับถูกตัดขาดในพริบตาเดียว

อวี้หลันชะงักเล็กน้อย ดวงตาที่คลอด้วยน้ำตากะพริบถี่ ก่อนจะหันไปมองตามเสียงนั้น 

อยากจะรู้นักว่าใครกันช่างเสียมารยาท ขัดอารมณ์ซึ้งใจของผู้อื่น 

แต่คนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้นางแทบจะลืมหายใจ เกือบสำลักน้ำลายตัวเอง

ร่างสูงในชุดเกราะสีดำสนิทนั่งอยู่ไม่ไกล สายตาคมกริบจ้องมองมาด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก แผ่นหลังบอบบางคล้ายจะเหยียดตรงขึ้น คราวนี้ไม่ใช่เพราะความยินดี แต่เพราะความตึงเครียดที่ค่อยๆ แผ่ซ่านออกมา

เจ้าผู้กำกับเฮงซวยนั่น มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

อวี้หลันหลบสายตาของอีกฝ่าย ก่อนจะหันไปมองฉิงหว่านที่ยืนอยู่ตรงมุมห้อง สาวใช้คนสนิทของนางผู้กำลังยิ้มกว้าง ปลื้มใจจนแทบจะน้ำตาคลอ ราวกับได้ชมฉากลูบหัวหมาป่าแต่ไม่ถูกกัด

อวี้หลันถลึงตามองอีกฝ่าย สายตาฉายแววตำหนิอย่างแผ่วเบา คล้ายจะเอ่ยว่า 

เหตุใดถึงไม่บอกข้าว่ามีผู้อื่นอยู่ด้วย...

ฉิงหว่านที่รู้ตัวว่ากำลังโดนสายตาคาดโทษมองมา รีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน นางกะพริบตาปริบๆ ขณะส่งสัญญาณกลับไปทางผู้เป็นนายว่า

บ่าวยังไม่ทันจะได้พูดเลย ท่านก็เดินฉับๆ ออกไปก่อนแล้วนี่นา...

อวี้เฉินค่อยๆ ปล่อยมือพี่สาวออกอย่างช้าๆ ก่อนจะก้าวถอยหลังเล็กน้อย ราวกับดึงตัวเองกลับคืนจากห้วงความรู้สึกที่โถมเข้ามาเมื่อครู่ แม้หัวใจจะยังอ่อนไหวจากการได้พบพี่สาว แต่สัญชาตญาณบางอย่างกลับค่อยๆ ทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง

เขาหรี่ตามองผู้เป็นนาย สายตาคมของอวี้เฉินเฝ้าจับจ้องอากัปกิริยาเล็กน้อยทุกอย่างของอีกฝ่าย โดยเฉพาะแววพระเนตรที่ทอดมองพี่สาวของเขานานเกินควร

อวี้เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว ไม่ใช่เพราะสงสัย แต่เพราะรู้ดีว่าองค์ชายใหญ่ผู้ถือตัว มักไม่แสดงความสนใจต่อผู้ใดง่ายๆ หากยอมเสียเวลาเพียงชั่วพริบตาให้ใครคนหนึ่ง แปลว่าบุคคลนั้นต้องเป็นคนที่พระองค์ให้ความสนใจอย่างยิ่ง

และที่น่าขัดหูขัดตายิ่งกว่า คือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บางเบาที่เริ่มคลี่ขึ้นบนใบหน้าของพระองค์ ยามที่ทอดมองพี่สาวของเขา ทำให้หัวใจของอวี้เฉินกระตุกขึ้นเล็กน้อย

ขณะเดียวกัน รองเสนาบดีอวี้จิ้งซึ่งนั่งมองบุตรสาวบุตรชายด้วยแววตาอ่อนโยน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นอย่างที่หาดูได้ยาก การได้เห็นบุตรทั้งสองกลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง…สำหรับเขา นั่นคือของขวัญล้ำค่า

เขาลุกขึ้นยืนเอ่ยแนะนำผู้สูงศักดิ์น้ำเสียงนุ่มนวล เพื่อคลี่คลายบรรยากาศ

"องค์ชายใหญ่พ่ะย่ะค่ะ... นี่คืออวี้หลัน บุตรสาวคนรองของกระหม่อม พี่สาวฝาแฝดของอาเฉินพ่ะย่ะค่ะ"

จากนั้นจึงหันไปทางบุตรสาว กล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนยิ่งกว่า

"หลันเอ๋อร์ นี่คือองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง พระองค์เป็นผู้ที่ดูแลอวี้เฉินมาตลอดแปดปี"

ถ้อยคำแนะนำของบิดาดังขึ้นอย่างเรียบง่าย หากแต่ในโสตประสาทของอวี้หลันกลับดังสะท้อนก้องราวฟ้าผ่า

องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง

ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ความตกตะลึงพุ่งวูบเข้าเกาะกุมในอกทันที นางไม่เคยคิดเลยว่า บุรุษผู้ที่นางเคยปะทะฝีมืออย่างดุเดือดในค่ำคืนนั้น เขาไม่เพียงหน้าตาเหมือนกับคนที่นางชิงชัง แต่ยังเป็นบุคคลที่สูงศักดิ์ถึงเพียงนี้

ใจเย็น... เขาคงจำนางไม่ได้

อวี้หลันพยายามสะกดใจตัวเองให้ตั้งมั่น หายใจเข้าออกช้าๆ ในตอนนั้นนางปิดหน้าปิดตาอย่างมิดชิด เขาย่อมไม่มีทางล่วงรู้ ว่านางคือคนเดียวกับคนที่คิดสังหารเขา

อวี้หลันรีบประสานมือคำนับตามมารยาท สีหน้าดูนุ่มนวลอ่อนหวานดั่งคุณหนูในห้องหอ ทว่าหัวใจภายในอกกลับเต้นแรงจนแทบสะท้อนออกมาให้เห็น

"อวี้หลัน คารวะองค์ชายใหญ่เพคะ"

เสียงที่เปล่งออกมานุ่มนวล ชัดถ้อยชัดคำ ท่วงท่ากิริยางามสง่าไร้ที่ติ หากแต่หูของผู้ฟังที่เฉียบคมจะสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวแผ่วเบาในน้ำเสียงนั้น ราวกับนางต้องใช้ความพยายามยิ่งยวดในการควบคุมอารมณ์

อวี้หลันหลุบตาลงต่ำอย่างนอบน้อม แต่ไม่ใช่เพราะเกรงกลัวในยศศักดิ์ของอีกฝ่าย หากเพราะที่ไม่กล้าสบตาโดยตรง เพียงกลัวว่าเมื่อสบตากัน สายตาคมกริบที่จ้องมองมานั้นจะสามารถมองทะลุปรุโปร่งจนหมดสิ้น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่30บุรุษไร้ยางอาย

    "ยินดีที่ได้พบกัน... คุณหนูรอง" หลี่เหวินหลงเอ่ยขึ้น น้ำเสียงราบเรียบทุ้มต่ำ ขณะสายพระเนตรยังคงทอดมองอวี้หลันอย่างไม่ลดละ เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย พลางกระตุกยิ้มบางมุมปาก"ไม่ทราบว่าเรา...เคยพบกันมาก่อนหรือไม่"พระสุรเสียงนั้นไม่ได้ดังนัก ทว่าแฝงด้วยโทนเสียงเชื่องช้าและนุ่มลึกอย่างประหลาด แต่กลับชวนให้ใจคนฟังเต้นแรงกว่าเดิมคำถามของเขาดูเหมือนจะธรรมดา แต่สายพระเนตรที่ทอดมองมามีบางอย่างเจืออยู่ คล้ายจับผิด คล้ายแกล้งหยอกเย้า และคล้ายว่ากำลังเพลิดเพลินกับการเห็นนางเก็บอาการไม่อยู่อวี้หลันเม้มปากเล็กน้อย เริ่มไม่มั่นใจว่าเขาจดจำนางได้หรือไม่ หญิงสาวยังไม่ทันได้เอ่ยตอบ เสียงทุ้มหนักของรองเสนาบดีอวี้จิ้งก็ดังขึ้นเสียก่อน ตัดขาดการสนทนาระหว่างบุตรสาวกับบุรุษผู้สูงศักดิ์ตรงหน้า"หลันเอ๋อร์ร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก จึงมักจะเก็บตัวอยู่เพียงในเรือน คงยากที่จะเคยพบเจอองค์ชายใหญ่พ่ะย่ะค่ะ"เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าแฝงความหมายชัดเจนอยู่ในทุกถ้อยคำ อวี้จิ้งหยุดชั่วครู่ ก่อนเสริมด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่ฟังดูหนักแน่นขึ้น"อีกทั้งพระองค์เพิ่งจะกลับมา ยิ่งไม่มีโอกาสพบเจอกันพ่ะย่ะค่ะ"ทุกถ้อยค

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่29พี่น้องพบหน้า

    หลี่เหวินหลงหยัดยิ้มมุมปาก รอยยิ้มบางเฉียบที่ไม่อาจอ่านได้ว่ากำลังดูแคลน หรือเพียงเพลิดเพลินไปกับการจับตามองผู้อื่นดิ้นพล่านในสายตาของเขา เซิ่งซื่อก็ไม่ต่างจากแมลงตัวหนึ่งที่กำลังพยายามปีนป่ายหลีกหนีเปลวเพลิงที่ลุกลามใกล้ตัว ยิ่งดิ้นรน...ยิ่งเผยจุดอ่อนดวงเนตรคมกริบใต้คิ้วคมเข้ม ทอดมองสตรีที่พยายามคลี่ยิ้มอ่อนโยนกลบเกลื่อนความหวาดหวั่น ท่าทางเสแสร้งนั้นไม่ต่างจากฉากละครตื้นเขินที่เขาเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนจากมารดาเลี้ยงของตนเขาถึงว่ากันว่าคนประเภทเดียวกันจึงมักจะอยู่ร่วมกันได้สายตาของเขาจึงมองเซิ่งซื่อไม่ต่างจากมองซากเนื้อชิ้นหนึ่งที่ยังมีลมหายใจ เขาไม่เร่งเวลาชำระแค้น เพราะรู้ดีว่า… การให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงฝีเท้าแห่งหายนะคืบคลานทีละก้าวนั้นทรมานยิ่งกว่าความตาย จากนั้นเขาจะโยนพวกมันลงหลุมในคราวเดียวหลี่เหวินหลงกระตุกยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะเบือนหน้าจากภาพเหล่านั้นอย่างไม่ไยดี เขาไม่ได้ให้ความสนใจสตรีตรงหน้าอีกว่านางจะเสแสร้งต่อไปอย่างไรเพราะทันทีที่สัมผัสได้ถึงเสียงฝีเท้าเร่งร้อนที่กำลังมุ่งตรงมาทางนี้ สายพระเนตรคมกริบก็เบนจากทุกคนในห้อง ไปยังบานประตูห้องโถงโดยฉับพลันแผ่นหลังกว้างขอ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่28เผชิญหน้า

    แสงแดดอ่อนยามสายสาดส่องลอดผ่านม่านโปร่งบางลงมาแตะต้องพื้นหินเย็นเฉียบ เสียงนกร้องไกลๆ คล้ายขับกล่อมให้บรรยากาศยิ่งแจ่มใสยิ่งขึ้น แต่ภายในใจของอวี้หลันกลับคล้ายมีบางสิ่งกำลังคุกรุ่นอยู่เงียบๆ นางนั่งอยู่ยังโต๊ะเตี้ยในศาลากลางน้ำ มือเรียวบางค่อยๆ พลิกหน้าตำราเล่มหนึ่งอย่างช้าๆ แม้แววตาดูสงบนิ่ง ทว่าในห้วงลึกของจิตใจกลับเต็มไปด้วยความคิดมากมาย เสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังใกล้เข้ามา ก่อนที่ฉิงหว่านจะโผล่พ้นแนวพุ่มดอกเหมยแล้วรีบพุ่งตรงมาหาผู้เป็นนาย ใบหน้าของนางเปื้อนเหงื่อ สองแก้มแดงระเรื่อจากการวิ่งสุดฝีเท้า น้ำเสียงตื่นเต้นจนแทบจะกลั้นไม่อยู่"คุณหนู! คุณหนูเจ้าคะ!"อวี้หลันละสายตาจากตำรา เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เอ่ยถามน้ำเสียงราบเรียบเกียจคร้าน"หวานหว่าน มีอะไรหรือ"ฉิงหว่านหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเอ่ยออกมาเสียงสั่นอย่างไม่อาจระงับความตื่นเต้นไว้ได้"คุณชายกลับมาแล้วเจ้าค่ะ! คุณชายใหญ่อวี้เฉิน... กลับมาที่จวนแล้ว!"คำพูดนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจของอวี้หลัน นางนิ่งงันไปชั่วอึดใจราวกับตั้งตัวไม่ทัน นิ้วมือที่กำลังจะเปิดหน้าตำราชะงัก ความเงียบคล้ายจะปกคลุมไปทั่วศาลา ดวงตาสะท้อนแววตื่นตะ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่27ส่งอวี้เฉินกลับจวน

    อวี้จิ้งยืนอยู่หน้าประตูจวน เงยหน้าขึ้นมองขบวนผู้มาเยือน สายตาทอดมองร่างสูงสง่าบนหลังม้าศึกสีดำทะมึน ก่อนสายตาจะเลื่อนมาหยุดอยู่ที่เด็กหนุ่มอีกผู้หนึ่ง ผู้ที่เขาไม่ได้พบหน้ามานานถึงแปดปี แต่กลับจำอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำเด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงเขาอยู่หลายส่วน ส่วนดวงตาคู่นั้นช่างเหมือนกับดวงตาของมารดาไม่มีผิดเพี้ยน อวี้เฉินของเขา เติบโตขึ้นแล้วไม่ใช่เด็กน้อยที่เคยวิ่งตามเขาไปทั่วจวนอีกต่อไป แต่กำลังเติบโตเป็นชายหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยความสง่างามและความมั่นใจ แววตามั่นคง ท่วงท่าดูสุขุมเหมาะสมกับวัยและสถานะรองเสนาบดีอวี้จิ้งมองบุตรชายของตนเนิ่นนาน แววตาที่เคยสงบนิ่งกลับคล้ายแดงเรื่อขึ้นวูบหนึ่ง ก่อนจะกลบซ่อนไว้อย่างแนบเนียนด้วยท่าทีสุขุมตามเคยเมื่ออวี้เฉินกระโดดลงจากหลังม้า เขาก็ก้าวเข้ามาตรงหน้า แล้วคุกเข่าคำนับบิดาอย่างนอบน้อม"ท่านพ่อ"เสียงเรียกนั้นนุ่มลึก ไม่ดังนัก แต่กลับชัดเจนในความรู้สึก คำเรียกเพียงสั้นๆ กลับแทนความรู้สึกมากมายที่เก็บไว้ตลอดหลายปีความคิดถึง ความเคารพ และความเข้าใจที่ไม่ต้องอธิบายด้วยคำพูดเมื่อมองใบหน้าของบุตรชาย ใจของอวี้จิ้งคล้ายจะอบอุ่นขึ้นมาอย่าง

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่26กลับเมืองหลวง

    ในที่สุด...ขบวนทัพจากแดนเหนือก็เดินทางมาถึงเมืองหลวงบรรยากาศภายในเมืองคึกคักราวกับวันมหามงคล เสียงฆ้องแห่งความยินดีดังก้องสะท้อนไปทั่วทุกตรอกซอกซอย เพื่อประกาศการกลับมาขององค์ชายใหญ่ หลี่เหวินหลง และเหล่าทหารกล้าขุนนางฝ่ายที่ภักดีต่อพระองค์ต่างพากันออกมาต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง หลายคนถึงกับน้ำตาคลอ ด้วยความโล่งใจปนปลื้มปิติบนถนนสายหลัก ประชาชนต่างแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสดใส พากันโปรยกลีบดอกไม้ตลอดสองข้างทาง ราวกับหลอมรวมกันเป็นพรมดอกไม้เพื่อต้อนรับวีรบุรุษของแผ่นดินเสียงหัวเราะของเด็กเล็กดังกังวาน แม่ค้าพากันเปิดแผง แจกจ่ายขนมแก่ผู้คนโดยไม่เรียกร้องสิ่งใดตอบแทนผู้คนทั้งเมืองต่างพากันเอ่ยถึงเพียงชื่อเดียว องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง ขุนพลผู้เกรียงไกร ที่นำทัพกลับมาพร้อมชัยชนะ บุรุษผู้เป็นที่รักของประชาชน และเป็นความภาคภูมิใจของแผ่นดินแม้พระองค์จะห่างหายจากเมืองหลวงไปนานหลายปี ทว่า...พระองค์กลับไม่เคยหายไปจากหัวใจของผู้คนเลยแม้แต่น้อยทุกสายตาล้วนจับจ้องไปยังปลายถนน รอคอยแค่เพียงเงาร่างของผู้ที่เปรียบดั่งตะวันยามรุ่งอรุณของชาติบ้านเมืองเสียงฆ้องกลองยังคงดังกระหึ่มเป็นจังหวะต่อเนื่อง ก้อ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่25หมากลับเผยตัว

    นับว่าฉิงสือตัดสินใจได้ถูกต้องยิ่งนักที่ลงมืออย่างรวดเร็ว...เพราะหากเขาช้าไปเพียงก้าวเดียว ข่าวสำคัญที่เพิ่งถูกค้นพบอาจหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดายเพียงแค่เขาลอบเข้าไปในจวนสกุลเซิ่ง ก็พบกับความเคลื่อนไหวบางอย่างที่ไม่ธรรมดาองครักษ์เซิ่งหม่าถง พี่ชายแท้ๆ ของเซิ่งซื่อ กำลังเร่งรีบออกจากจวนทันทีหลังจากได้รับสารลับฉบับหนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียด ประหนึ่งว่ากำลังแบกภาระอันหนักอึ้งฉิงสือไม่รอช้า รีบสะกดรอยตามไปอย่างเงียบเชียบ พบว่าอีกฝ่ายกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่วังหลวงอย่างร้อนรนผิดวิสัย แม้จะไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปถึงพระราชวังชั้นในได้ แต่ก็พอจะจับทิศทางของเซิ่งหม่าถงได้ชัดเจนเซิ่งหม่าถงมุ่งหน้าเข้าสู่ตำหนักจิ้งเหอ ตำหนักที่ประทับของฮองเฮาไม่ผิดแน่ฉิงสือเฝ้าสังเกตอยู่อย่างเงียบงัน รอจนกระทั่งเซิ่งหม่าถงกลับออกมา แล้วมุ่งหน้ากลับจวน เขาลอบตามไปอย่างเงียบๆ จนแน่ใจว่าอีกฝ่ายกลับเข้าจวนโดยไม่มีความเคลื่อนไหวหรือการส่งสารใดต่ออีก จึงรีบเร่งกลับไปรายงานนายของตน รายงานสำคัญในมือของเขา ต้องส่งถึงผู้เป็นนายโดยเร็วที่สุดยามเมื่อความมืดมาเยือน ความเงียบคลี่คลุมทั่วทั้งจวนรองเสนาบดี ราตรียังไม่ทันล่วงเลยไปม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status