Home / รักโบราณ / บุปผาสีชาด / ตอนที่45ข้อเสนอของหลี่เหวินหลง

Share

ตอนที่45ข้อเสนอของหลี่เหวินหลง

last update Last Updated: 2025-09-12 21:17:00

ศาลากลางสวนอันงดงามของจวนอวี้ อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนของดอกเหมยที่เบ่งบานอยู่เต็มสวน รับกับแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านยอดไม้ ให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย 

เสียงลมพัดผ่านใบไม้แผ่วเบา คล้ายจะซ่อนเสียงกระซิบของฤดูกาลไว้ภายใน ขอบสระน้ำใสสะท้อนเงาศาลาและกลีบดอกเหมยที่ปลิวร่วงลงทีละกลีบ ราวกับภาพวาดที่มีชีวิต กลิ่นชาอุ่นค่อยๆ ลอยคลอไปกับสายลมอ่อน ยิ่งทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและละมุนละไม 

ช่างผิดกับบรรยากาศรอบกายของคนที่นั่งอยู่ภายในศาลา ที่ปกคลุมด้วยความเงียบงันอันหนักอึ้ง คล้ายม่านบางเบาที่ซ่อนแรงกดดันหนักหน่วงไว้ภายใน แม้ว่าตอนนี้จะเหลือเพียงสองบุรุษและหนึ่งสตรีเท่านั้น 

องค์ชายห้าหลี่จื้อหยวนถูกคู่หมั้นของเขาลากตัวออกไปอย่างร้อนรน แม้เจ้าตัวจะมีทีท่าไม่เต็มใจก็ตาม สาเหตุนั้นไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งใดอื่น นอกจากแรงกดดันที่แผ่ซ่านออกมาจากองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง ผู้มีฝีปากคมกริบราวคมดาบ แต่ละคำพูดของพระองค์เหมือนจะกรีดผ่านเกราะในใจของผู้ฟังจนไม่เหลือที่ให้หลบหนี 

คุณหนูใหญ่อวี้เหมยผู้อ่อนแอไม่อาจทนรับไหว ใบหน้างามซีดเผือด ร่างกายสั่นเทา จึงรีบฉุดแขนคู่หมั้นของตนออกไปโดยไม่เหลือแม้คำล่ำลา ทิ้งไว้เพียงความเงียบและแรงอึดอัดที่ยังไม่คลายหายไปจากศาลากลางสวนแห่งนี้

พวกเขาทั้งสามที่เหลืออยู่ นั่งเผชิญหน้ากันโดยไม่มีใครเอ่ยวาจา บรรยากาศภายในศาลาสงบเงียบ แรงกดดันที่มองไม่เห็นสาดปะทะกันระหว่างบุรุษทั้งสอง

เสียงน้ำตกจำลองเล็กๆ ไหลลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ กลายเป็นเสียงเดียวที่คั่นกลางความเงียบงันนั้น ก่อนที่สายลมวูบหนึ่งจะพัดกลีบดอกเหมยหล่นลงตรงกลางระหว่างพวกเขา คล้ายเป็นสัญญาณการเริ่มต้น

"ดูท่า คุณชายเซิ่งคงมีเรื่องอยากจะพูด" 

หลี่เหวินหลงยกยิ้มมุมปาก ใบหน้าหล่อเหลาเอียงเล็กน้อยราวกับจะบอกว่าไม่คิดขัดจังหวะ แต่แววตาที่ทอดมองกลับเต็มไปด้วยความยียวนกวนประสาทอย่างจงใจ

"เชิญคุณชายเซิ่งตามสบาย"

องค์ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายคล้ายไม่ใส่ใจอะไร ทว่า คนกลับไม่คิดขยับ ยังคงปักหลักยกชาขึ้นดื่มด้วยท่าทีเรียบเรื่อย ดวงตาคมไม่ยอมละไปไหน สายตาคมกริบยังคงจับจ้องอยู่อย่างนั้น ไม่มีแม้เพียงวูบเดียวที่จะไหวไปทางอื่น เหมือนประกาศว่า 

เจ้าอยากพูดอะไรก็พูด ข้าจะนั่งฟังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน แต่...พูดให้เข้าหูข้าก็แล้วกัน

หลี่เหวินหลงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เสียงหัวเราะนั้นฟังดูไม่ใช่ความขบขัน แต่เป็นความหมายบางอย่างที่ทำให้คำพูดของอีกฝ่ายค้างคาในลำคอทันที

เซิ่งกงซุนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถึงกับมุมปากกระตุก 

ตามสบายอย่างนั้นหรือ… 

เขาคิดมาเสมอว่าตนเองเป็นคนหน้าหนาเกินผู้ใด แต่ในยามนี้กลับต้องยอมรับว่าบุรุษตรงหน้า หน้าหนากว่าเขาหลายเท่านัก

เซิ่งกงซุนแค่นหัวเราะในใจอย่างอับจนด้วยคำพูด 

บอกให้ผู้อื่นตามสบาย แล้วจ้องกันจนไม่มีช่องว่างให้หายใจเช่นนี้ ใครมันจะยังกล้ากล่าวอะไรออกมา

คุณชายเจ้าสำราญเพียงคลี่ยิ้มบางเบา ราวกับมิได้ใส่ใจต่อสายตาของอีกฝ่าย เขายกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างใจเย็น ปล่อยรสขมละมุนไหลผ่านลำคอ หวังดับกระหายและคลายความคับข้องภายในใจ 

บรรยากาศรอบกายคล้ายจะเงียบลงอีกครั้ง ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมา แต่แรงกดดันระหว่างบุรุษทั้งสองกลับหนาแน่นจนแทบมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงยังคงนั่งอย่างสง่างาม แผ่นอกกว้างผึ่งผาย ดวงตาคมดุจเหยี่ยวยังคงจับจ้องอยู่เพียงจุดเดียวอย่างไม่วางตา ราวกับประกาศชัดถึงเจตนารมณ์

ทว่าความเงียบอันหนักอึ้งนั้นกลับทำให้อีกคนทนไม่ไหว เซิ่งกงซุนแม้จะมีรอยยิ้มบางประดับใบหน้า แต่ในใจกลับหัวเราะขื่น ในที่สุดเขาก็ต้องยอมแพ้

"เห็นทีวันนี้คงไม่สะดวกนัก"

ชายหนุ่มถอนหายใจในใจเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ

"คุณหนูรอง วันนี้ข้ารบกวนเวลามามากพอแล้ว เกรงว่าจะเสียมารยาทหากขออยู่ต่อ คงต้องขอตัวกลับก่อน"

เซิ่งกงซุนลุกขึ้นยืน ยกมือประสานคำนับ พร้อมเอ่ยทูลลา

"กระหม่อมไม่กล้ารบกวนเวลาสุนทรีของพระองค์ เช่นนั้นกระหม่อมขอทูลลา"

หลี่เหวินหลงเพียงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ทั้งเยือกเย็นและเกเร พระสุรเสียงสั้นกระชับแต่ทรงอำนาจยิ่งกว่าการขับไล่ออกมาตรงๆ

"เชิญ"

เซิ่งกงซุนหัวเราะเบาๆ ในลำคอโดยไม่กล่าวสิ่งใดอีก ก่อนจะหมุนกายเดินออกจากศาลา ทิ้งไว้เพียงเงาหลังที่หายไปในหมู่ดอกเหมย พร้อมกับบรรยากาศที่คลายตัวลงทีละน้อย

"คนอื่นกลับกันไปหมดแล้ว พระองค์ไม่กลับหรือเพคะ"

เสียงนุ่มนวลของอวี้หลันดังขึ้น ทำลายความเงียบที่ยังคงลอยวนอยู่ภายในศาลา หญิงสาวผู้ลอยตัวอยู่เหนือแรงกดดันทั้งปวง ราวกับไม่ได้ใส่ใจท่าทีไร้สาระของบุรุษทั้งสองตั้งแต่แรก นางเอื้อมมือหยิบกาน้ำชาเทลงถ้วยที่พร่องลงของเขา และเติมให้ของตนเองอย่างไม่รีบร้อน ควันบางเบาจากน้ำชาร้อนลอยคลอในอากาศ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของใบชากระจายออกมาราวกับช่วยปลดเปลื้องความตึงเครียดที่ยังคงค้างคาอยู่รอบกาย

ดวงตาคู่งามเหลือบมองใบหน้างอง้ำของบุรุษผู้สูงศักดิ์ตรงหน้าเพียงชั่วครู่ ก่อนมุมปากจะกระตุกยิ้มบาง

เมื่อครู่ยังทำตัวเป็นอันธพาล เกเรไล่ต้อนผู้อื่นจนพากันถอยร่นแทบไม่ทัน…พอตอนนี้กลับมานั่งนิ่งหน้ามุ่ยราวกับตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม

คนผู้นี้ช่างเหนือความคาดหมายของนางจริงๆ

คำถามนั้นทำให้คนที่ใบหน้างอง้ำอยู่แล้วยิ่งดูไม่สบอารมณ์ ทว่าเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธน้ำชาที่นางรินให้ มือใหญ่ยกถ้วยขึ้นดื่มเงียบๆ สายพระเนตรคมเหลือบมองใบหน้างามครู่หนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนีเล็กน้อยราวกับซ่อนบางอย่างไว้ในใจ น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยตอบในที่สุด 

"ยังไม่อยากกลับ"

ประโยคสั้นๆ เรียบง่าย แต่กลับทำให้บรรยากาศรอบตัวนุ่มนวลลงอย่างน่าประหลาด คล้ายแรงกดดันที่ปกคลุมอยู่เมื่อครู่ถูกกลิ่นชาและคำพูดเรียบง่ายนั้นละลายหายไป อวี้หลันเพียงยกถ้วยขึ้นจิบ แววตาคู่งามแฝงรอยยิ้มบางเบาโดยไม่พูดสิ่งใด

"เซิ่งกงซุนผู้นั้นไว้ใจไม่ได้"

ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาเสียงขรึม ดวงตาคมจับจ้องปฏิกิริยาของหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่อาจปกปิดความใส่ใจ ราวกับต้องการอ่านให้ทะลุว่าคำพูดของตนนั้นสร้างแรงสั่นสะเทือนใดในใจของนางหรือไม่

แต่สิ่งที่หลุดออกมาจากริมฝีปากของนางกลับเหนือความคาดหมายไปไกลเกินกว่าที่เขาคิด

"เขาคือหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าที่สวมหน้ากากคนนั้นเพคะ"

อวี้หลันเอ่ยเสียงเรียบ ใบหน้านิ่งสงบไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ ดวงตาคู่งามสบกับสายพระเนตรคมของคนตรงหน้าอย่างแน่วแน่ ไม่มีแม้เงาความหวาดหวั่นใดๆ ปรากฏอยู่ในแววตานั้น

ความเงียบแผ่คลุมภายในศาลาทันที หลี่เหวินหลงชะงักเพียงเสี้ยวลมหายใจ นิ้วมือที่จับถ้วยชาไว้คล้ายจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ดวงตาคมดุจเหยี่ยวหรี่ลงเล็กน้อย เงาของความคิดวูบผ่านในห้วงลึก เรื่องราวที่เคยกระจัดกระจายปะติดปะต่อเข้าหากันอย่างรวดเร็ว คล้ายภาพปริศนาที่จู่ๆ ก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริง และคิดว่าคนตรงหน้าก็รับรู้ทุกอย่างเช่นกัน

สายพระเนตรคมพลันเลื่อนไปจับจ้องใบหน้านิ่งสงบของสตรีตรงหน้า ความเด็ดเดี่ยวในดวงตาคู่นั้นทำให้หัวใจของบุรุษผู้ไม่เคยหวั่นไหวถึงกับสะท้านวูบในส่วนลึก ริมพระโอษฐ์แคบเคลื่อนเล็กน้อยแฝงประกายเจ้าเล่ห์วูบหนึ่ง ก่อนจะเปล่งเสียงทุ้มต่ำออกมาอย่างเชื่องช้า

"คุณหนูรอง ข้าคิดว่าเจ้า คงจะรู้แล้วใช่หรือไม่ว่ากำลังต่อสู้อยู่กับผู้ใด"

น้ำเสียงจริงจังเอ่ยขึ้น

อวี้หลันพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะยกถ้วยชาแตะริมฝีปากอย่างสงบ ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ คลี่คลายบรรยากาศ ทว่าสายตาของนางกลับไม่ละจากเขา ราวกับกำลังรอว่าเขามีความคิดหรือแผนการใดต่อไปในการรับมือศัตรู

"เอาเช่นนี้ดีหรือไม่"

น้ำเสียงทุ้มต่ำของหลี่เหวินหลงเอ่ยขึ้น ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวเข้ามาหานางด้วยฝีเท้าหนักแน่น เมื่อระยะห่างระหว่างคนทั้งสองค่อยๆ ถูกย่อลง ความรู้สึกบางอย่างกลับแทรกซึมเข้ามาในอากาศ 

อวี้หลันยังคงนั่งนิ่ง แววตาแน่วแน่ไม่หลบเลี่ยงร่างสูงที่กำลังเข้ามาใกล้ทีละน้อย

"ในเมื่อเรามีศัตรูคนเดียวกัน เจ้าเองก็อยากแก้แค้น เช่นนั้นไม่สู้ยืมมือข้ากำจัดศัตรู"

เขาหยุดเล็กน้อย ดวงเนตรคมกริบทอดมองสตรีที่ตั้งใจฟังเขานิ่งงัน

"หรือหากเจ้าจะยืมทั้งเนื้อทั้งตัวของข้า…ข้าก็มิขัด"

เขาไม่ได้เพียงยื่นข้อเสนอ หากแต่เหวี่ยงบ่วงโอบรัดอย่างแยบยล คำพูดนั้นแฝงทั้งความเจ้าเล่ห์และแรงปรารถนา

หลี่เหวินหลงก้าวเข้ามาอีกก้าว เงาร่างสูงใหญ่บดบังร่างบางจนเหมือนโลกทั้งใบเหลือเพียงเขากับนาง ดวงเนตรคมกริบกดลึกลงในดวงตาของอวี้หลัน

"เราแต่งงานกันดีหรือไม่"

ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ในขณะที่อวี้หลันไม่ทันได้ตั้งตัว คำพูดนั้นเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมา อวี้หลันเบิกตากว้าง ราวกับลมหายใจถูกดึงหายไปชั่วขณะ

หญิงสาวชะงักค้าง ดวงตาคู่งามไหววูบวาบอย่างห้ามไม่อยู่ ใบหน้าที่เรียบนิ่งมาตลอดซับสีเลือดจนแดงระเรื่อ นางไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์จะกลายมาเป็นเช่นนี้

"พระองค์พูดอันใดออกมาเพคะ ชีวิตนี้หม่อมฉันไม่คิดที่จะแต่งงาน"

อวี้หลันเอ่ยปฏิเสธออกมาในทันที

หลี่เหวินหลงยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้างาม จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนเรียวปาก แววตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยกระซิบเสียงพร่า 

"เจ้าคิดดูดีๆ สิ หลันเอ๋อร์ จะมีวิธีใดดีเท่าวิธีนี้อีก"

อวี้หลันเม้มริมฝีปากสบตาเขา ไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ยอมรับ ความนิ่งเงียบของนางยิ่งทำให้เขายิ้มกว้างขึ้นอย่างพึงใจ

"เจ้ารู้ดีว่าตำแหน่งพระชายาของข้า จะทำให้เจ้าได้เข้าใกล้ฮองเฮามากขึ้น โดยที่ไม่มีใครขวางเจ้าได้"

หลี่เหวินหลงเห็นประกายลังเลในดวงตาคู่งามก็โน้มตัวลงเล็กน้อย กระซิบเสียงเบาแต่หนักแน่น

"ข้าจะเป็นเกราะและเป็นดาบให้เจ้าเอง"

อวี้หลันจ้องมองอีกฝ่ายเงียบงัน คำพูดที่เปล่งออกมาช้าๆ ราวกับสลักลงกลางอกของนาง ทำให้หัวใจของอวี้หลันพลันเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาในคราวเดียวกัน

นางมองบุรุษมากเล่ห์หน้ามึนตรงหน้าอย่างจนด้วยคำพูด นึกอยากจะทุบอีกฝ่ายให้กระอัก

เขาคิดว่านางเป็นเด็กสามขวบหรืออย่างไร ถึงคิดจะล่อลวงกันเช่นนี้…

บรรยากาศระหว่างทั้งคู่คล้ายจะหยุดนิ่งลง ทุกสิ่งรอบกายเลือนหาย เหลือเพียงแรงสั่นสะเทือนบางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยเป็นถ้อยคำ เจือปนกับความหวานบางอย่างที่ยากจะบรรยาย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่45ข้อเสนอของหลี่เหวินหลง

    ศาลากลางสวนอันงดงามของจวนอวี้ อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนของดอกเหมยที่เบ่งบานอยู่เต็มสวน รับกับแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านยอดไม้ ให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย เสียงลมพัดผ่านใบไม้แผ่วเบา คล้ายจะซ่อนเสียงกระซิบของฤดูกาลไว้ภายใน ขอบสระน้ำใสสะท้อนเงาศาลาและกลีบดอกเหมยที่ปลิวร่วงลงทีละกลีบ ราวกับภาพวาดที่มีชีวิต กลิ่นชาอุ่นค่อยๆ ลอยคลอไปกับสายลมอ่อน ยิ่งทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและละมุนละไม ช่างผิดกับบรรยากาศรอบกายของคนที่นั่งอยู่ภายในศาลา ที่ปกคลุมด้วยความเงียบงันอันหนักอึ้ง คล้ายม่านบางเบาที่ซ่อนแรงกดดันหนักหน่วงไว้ภายใน แม้ว่าตอนนี้จะเหลือเพียงสองบุรุษและหนึ่งสตรีเท่านั้น องค์ชายห้าหลี่จื้อหยวนถูกคู่หมั้นของเขาลากตัวออกไปอย่างร้อนรน แม้เจ้าตัวจะมีทีท่าไม่เต็มใจก็ตาม สาเหตุนั้นไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งใดอื่น นอกจากแรงกดดันที่แผ่ซ่านออกมาจากองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง ผู้มีฝีปากคมกริบราวคมดาบ แต่ละคำพูดของพระองค์เหมือนจะกรีดผ่านเกราะในใจของผู้ฟังจนไม่เหลือที่ให้หลบหนี คุณหนูใหญ่อวี้เหมยผู้อ่อนแอไม่อาจทนรับไหว ใบหน้างามซีดเผือด ร่างกายสั่นเทา จึงรีบฉุดแขนคู่หมั้นของตนออกไปโดยไม่เหลือแม้คำล่ำลา ทิ้งไว้เพียง

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่44ผู้ใดจะคู่ควร

    ภายในห้องหนังสือบรรยากาศคุกรุ่นจนชวนให้อึดอัด บุรุษต่างวัยทั้งสองยืนเท้าสะเอวในท่าเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย แววตาคล้ายจะลุกเป็นไฟหนึ่งคือชายวัยกลางคนที่ใบหน้าดำคล้ำเคร่งขรึม อีกหนึ่งคือบุรุษใบหน้าหล่อเหลาสง่างาม หากใบหน้าในยามนี้ของเขากลับแต้มรอยมึนตึงบูดบึ้งเอาไว้อย่างชัดเจนคนทั้งสองยืนเคียงไหล่กันไร้การแบ่งแยกตำแหน่งสูงต่ำ ต่างจ้องมองไปยังภาพเบื้องหน้าตรงสวนหย่อม ผ่านบานหน้าต่างที่เปิดกว้างสายลมพัดอ่อนๆ พาเสียงหัวเราะเบาๆ ของสตรีลอยมากระทบโสต ภาพของอวี้หลันยื่นมือไปรับของบางอย่างจากบุรุษผู้นั้นด้วยรอยยิ้มทำหลี่เหวินหลงหน้าตึงขึ้นมาทันที เขาขบกรามแน่น คล้ายจะข่มใจไม่ให้สบถออกมา"ใต้เท้าอวี้ท่านเห็นหรือไม่ บุรุษเช่นนั้นหรือที่ท่านพึงใจอยากได้มาเป็นบุตรเขย"องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงเอ่ยขึ้น น้ำเสียงทุ้มต่ำลอดออกจากลำคออย่างเคร่งขรึม ราวกับกำลังสะกดกลั้นโทสะที่กำลังปะทุขึ้นทุกขณะ สายตาคมกริบไม่ละจากภาพตรงหน้าแม้แต่น้อย"เจ้าห้าหรือ... หึ"เขาแค่นเสียงในลำคออย่างดูแคลน "บุรุษจิตใจโลเล เจ้าลูกแหง่นั่นยังไม่หย่านมเลยด้วยซ้ำ"หลี่เหวินหลงเอ่ยพลางขมวดคิ้วมุ่นขณะมองน้องชายต่างมารดา ราวกับภาพ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่43ผู้มาเยือน

    "หลันเอ๋อร์ ขอเวลาข้าสักครู่ได้หรือไม่"เสียงทุ้มต่ำขององค์ชายห้าหลี่จื้อหยวนเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน ทว่าแฝงแววเว้าวอนลึกซึ้ง เขาก้าวขวางเบื้องหน้าในจังหวะที่อวี้หลันหมุนกายจะจากไป หยุดยั้งฝีเท้าเรียวอย่างไม่เปิดโอกาสให้นางหลบเลี่ยงสายตาคมกริบทอดมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่อาจละไปได้ ความคาดหวัง ความลังเล และความเจ็บปวดสลักทับซ้อนในแววตาคู่นั้นราวกับเพียงคำตอบหนึ่งคำจากนาง จะสามารถปลดปล่อยหรือขังเขาไว้ตลอดกาลอวี้หลัน..หญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคู่หมั้นในวัยเยาว์ของเขา หญิงสาวที่เขาเคยคิดว่าจะได้ครอบครองและปกป้องแต่ตอนนี้นางกลับไกลจากเขาออกไปทุกทีข่าวลือที่โด่งดังไปทั่วเมืองหลวงอยู่ในตอนนี้ ทำให้เขาไม่อาจทนนิ่งเฉย จนต้องมาปรากฏตัวที่นี่ ยิ่งเมื่อได้เห็น ปิ่นปักผม ที่ปรากฏอยู่บนมวยผมของนาง ดวงตาของเขายิ่งแข็งกร้าวปิ่นนั่นหลี่เหวินหลงผู้เป็นพี่ชายหวงแหนยิ่งกว่าสิ่งใด เป็นสิ่งที่ไม่ควรมอบให้ใครง่ายๆ นอกจากผู้ที่เขา "หมายปอง" อย่างแท้จริงหลี่จื้อหยวนกำมือแน่น ความรู้สึกในใจร้อนรนแทบระเบิดออกมา แต่กลับไม่เอ่ยอันใด นอกจากสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเปิดกล่องเครื่องประดับในมือออก ยื่นไปตรงหน้าอีก

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่42คนว่างงาน

    มาอีกแล้ว คนผู้นี้ว่างงานนักหรืออย่างไรอวี้จิ้งทอดถอนใจยาวตั้งแต่ยังไม่ทันได้จิบชาเช้า ใบหน้านิ่งขรึมเต็มไปด้วยริ้วรอยของความอดกลั้น และกลิ่นอายของความหงุดหงิดปนเวทนาในชะตากรรมของตนรุ่งเช้า ฟ้ายังไม่ทันสว่างดีนัก คนก็มาเยือนถึงหน้าจวนเสียแล้ว"หากไม่มีงานการทำ เหตุใดถึงไม่กลับแดนเหนือไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด"อวี้จิ้งได้เพียงบ่นอยู่ในใจ ฟันกรามกัดแน่นจนขมับเต้นตุบๆ ขณะลุกจากที่นั่ง เดินออกไปต้อนรับแขกผู้สูงศักดิ์ แขกที่เหมือนจะกลายเป็นสมาชิกประจำบ้านเข้าไปทุกทีองค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลง ยืนตระหง่านราวขุนเขาเช่นเคย ท่าทีสงบนิ่ง เยือกเย็นประหนึ่งนักปราชญ์ผู้สูงส่ง ทั้งที่ความจริงแล้วก็แค่คนไร้ยางอาย หน้าด้านหน้าทนผู้หนึ่ง ที่ทำเอาเจ้าบ้านอย่างเขาแทบกระอักเลือดตาย เมื่อวานกว่าจะต้อนคนส่งกลับได้ก็เล่นเอาเขาแทบจะหัวหลุดจากบ่าอยู่หลายครั้ง"องค์ชายใหญ่มาตั้งแต่เช้าเลยนะพ่ะย่ะค่ะ"อวี้จิ้งเอ่ย พลางฉีกยิ้มบางๆ ที่คล้ายรอยยิ้มของเสือเฒ่ากำลังข่มอารมณ์ แฝงไว้ด้วยคำว่า ‘เจ้าว่างนักหรือ’ ขณะทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท"ใต้เท้าอวี้ พบหน้าข้าแล้วยินดีถึงเพียงนี้เชียว"หลี่เหวินหลงยิ้มรับสีหน้าระร

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่41สนทนาพาที

    เซิ่งซื่อใช่ว่าจะไม่รู้สึกถึงบรรยากาศอึดอัดกดดันที่แผ่คลุมอยู่ภายในห้อง หากแต่นางยังฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเอาไว้ ไม่ว่าสายตาใครจะจับจ้องมายังนางอย่างไร นางก็ยังสงบนิ่งไม่แสดงพิรุธหลายวันมานี้ นางสัมผัสได้ถึงบรรยากาศภายในจวนที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน นางรับรู้ได้ว่าสามีเริ่มมีท่าทีที่ผิดแผกไป ไม่เหมือนเดิมอย่างที่เคย นับตั้งแต่เกิดเรื่องกับอวี้หลัน ทว่าเขากลับยังคงนิ่งเฉยไม่เอ่ยสิ่งใด นั่นยิ่งทำให้นางทั้งหวาดระแวงและไม่อาจวางใจได้ ความเงียบของเขากลับทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งนางรู้ดีว่าคนอย่างอวี้จิ้งไม่ใช่ผู้ที่จะปล่อยผ่านเรื่องใดไปโดยไม่คิดสืบหาความจริง ไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกล่อได้ง่ายนัก และยิ่งเงียบก็ยิ่งน่าหวาดกลัวแต่ถึงอย่างนั้น นางก็ยังพอจะเบาใจอยู่บ้าง อย่างน้อยที่สุดหลานชายของนางก็กลับมาอย่างปลอดภัย และที่สำคัญ เขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดไว้ให้ถูกสาวมาถึงตัวทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุม นางเพียงต้องระวังตัวให้มากพอ และฉลาดพอที่จะไม่ถามถึงรายละเอียดให้มากความ สิ่งที่ไม่รู้ ก็ไม่จำเป็นต้องรู้ สิ่งที่รู้ นางก็เลือกจะซ่อนไว้ลึกสุดใจ ไม่ให้แม้แต่น้ำเสียงหรือแววตาเผลอเผยพิรุธออ

  • บุปผาสีชาด   ตอนที่40ศึกชิงนาง

    หลังจากพิธีปักปิ่นอย่างเป็นทางการในช่วงเช้าผ่านพ้นไป ตกเย็นก็ควรจะเป็นเวลาของคนในครอบครัว แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้วอวี้จิ้งเพิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงคำกล่าวที่ว่าเชิญเทพมาง่าย แต่ส่งกลับไปแสนยาก ก็ในวันนี้เองรองเสนาบดีผู้มากบารมี ปลายสายตาเหลือบมองบุรุษหนุ่มผู้สูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะด้วยสีหน้าอึมครึม เขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำใดออกมา เพราะแม้จะเงียบ แต่หนวดที่กระตุกอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาวาววับที่ราวกับจะพ่นลูกไฟออกมาได้ทุกเมื่อ ก็ฟ้องหมดทุกอย่างและถึงจะเป็นเช่นนั้นอีกฝ่ายกลับยังนั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์ หาได้รู้ถึงความผิดของตัวเอง ประหนึ่งว่าเขาคือเจ้าของเรือน มิหนำซ้ำยังทำตัวกลมกลืนอย่างยิ่งราวกับคนในครอบครัวไม่ขัดเขิน ไม่เกรงใจ ไม่ถ่อมตนกระทำตัวเหมือนเขยของบ้านข้าเข้าไปทุกทีหึ…กล้าดียังไงแน่นอนว่าอวี้จิ้งได้แต่คิดในใจเท่านั้น ไม่มีวันกล้าเอ่ยออกมาเพราะบุรุษตรงหน้านั้น หาใช่ใครอื่นไกล แต่คือ องค์ชายใหญ่หลี่เหวินหลงการกระทำของอีกฝ่ายในวันนี้สร้างความขุ่นเคืองใจให้เขาอย่างยิ่ง แต่แม้จะรู้สึกไม่พอใจเพียงใด ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหยางฮูหยินผู้เฒ่า ซึ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status