Beranda / รักโบราณ / บุปผาหยกหวนคืนบ้าน / บทที่ 4 : บุปผาต้องใจ (1/3)

Share

บทที่ 4 : บุปผาต้องใจ (1/3)

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-02 18:05:33

กลับสู่ปัจจุบัน...

ค่ำคืนแห่งการตัดสินใจอันน่าหวาดหวั่นผ่านพ้นไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันและคำถามที่ไร้คำตอบแขวนอยู่ในอากาศ เช้าวันต่อมา แสงแดดอ่อนๆ ส่องลอดผ่านผ้าใบเก่าๆ ของกระโจมที่พักชั่วคราวของคณะงิ้วไป๋จิ้งหยวน กลิ่นดินชื้นหลังฝนพรำเมื่อคืนและกลิ่นควันไฟจากครัวกลางลอยปะปนกัน สร้างบรรยากาศที่คุ้นเคยของการใช้ชีวิตร่อนเร่ แต่สำหรับไป๋อวี้ฮวาแล้ว เช้านี้ทุกอย่างกลับดูแปลกตาไปหมด

นางนั่งนิ่งอยู่หน้ากระจกทองเหลืองบานเล็ก อาเจินกำลังบรรจงสางผมยาวสลวยของนางอย่างแผ่วเบา แต่สติของอวี้ฮวากลับล่องลอยไปไกล ภาพของคฤหาสน์ตระกูลเหลียนอันโอ่อ่า คำพูดทาบทามที่อ่อนโยนแต่หนักแน่นของท่านเหลียนและภรรยา และเหนือสิ่งอื่นใด... แววตาที่เปี่ยมด้วยความหวังอันร้อนแรงของเหลียนอี้เฉิน ยังคงฉายซ้ำไปมาในหัวของนางราวกับภาพติดตา

“อาจารย์พี่หญิง... ท่านดูซีดเซียวเหลือเกินเจ้าค่ะ” อาเจินเอ่ยขึ้นเบาๆ ทำลายความเงียบ “เมื่อคืนคงจะเหนื่อยจากการแสดงมากไปใช่หรือไม่ ให้ข้าไปต้มยาบำรุงให้ดีหรือไม่เจ้าคะ”

อวี้ฮวาเหลือบมองภาพสะท้อนของเด็กสาวผู้ภักดีในกระจก ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ “ข้าไม่เป็นไรหรอก อาเจิน แค่...นอนไม่ค่อยหลับเท่านั้น”

คำพูดนั้นเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว นางไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ความคิดในหัวของนางวิ่งวนสับสนวุ่นวายราวกับพายุ นางควรจะทำอย่างไร? การปฏิเสธคือหนทางที่ปลอดภัยที่สุด คือการปกป้องความลับที่นางใช้ทั้งชีวิตสร้างขึ้นมา แต่การปฏิเสธนั้น... มันหมายถึงการต้องเห็นแววตาที่ผิดหวังของอี้เฉิน หมายถึงการทำลายความเมตตาของท่านหญิงเหลียนผู้เป็นมารดา... และที่สำคัญที่สุด มันหมายถึงการปฏิเสธโอกาสที่คณะงิ้วของท่านลุงไป๋จะได้ปักหลักอย่างมั่นคง ไม่ต้องร่อนเร่ไปตลอดชีวิต

“อวี้ฮวา”

เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นที่หน้ากระโจม ไป๋จิ้งหยวนในชุดผ้าฝ้ายสีเข้มเรียบง่ายเดินเข้ามา ใบหน้าของเขาดูสงบเช่นเคย แต่ในแววตากลับฉายแววครุ่นคิดอย่างเห็นได้ชัด เขามองสบตาอวี้ฮวาผ่านกระจกเงา

“อาเจิน เจ้าออกไปดูความเรียบร้อยข้างนอกก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับอาจารย์พี่ของเจ้าตามลำพัง”

“เจ้าค่ะ ท่านหัวหน้า” อาเจินโค้งกายอย่างนอบน้อมก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ

เมื่อเหลือกันเพียงสองคน ไป๋จิ้งหยวนก็ทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กๆ ตรงข้ามกับอวี้ฮวา เขาไม่ได้เริ่มต้นด้วยคำถาม แต่กลับรินชาอุ่นๆ ให้อวี้ฮวาถ้วยหนึ่ง กลิ่นหอมของใบชาช่วยทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดผ่อนคลายลงได้บ้าง

“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังสับสน” เขาเอ่ยขึ้นในที่สุด “ข้อเสนอของตระกูลเหลียนเมื่อคืนนี้... มันใหญ่เกินกว่าที่พวกเราคนใดจะคาดคิด”

“ท่านลุง...” อวี้ฮวาเอ่ยเสียงแผ่ว “ข้าควรจะทำอย่างไรดี”

ไป๋จิ้งหยวนจิบชาอย่างเชื่องช้า เขาวางถ้วยลงก่อนจะประสานมือไว้บนตัก 

“ในฐานะหัวหน้าคณะ ข้าคงต้องบอกว่านี่คือโอกาสทองที่เราอาจจะไม่มีวันได้พบอีกแล้ว การได้ตระกูลเหลียนอุปถัมภ์ หมายถึงบ้านที่มั่นคง หมายถึงอนาคตของนักแสดงและคนงานอีกหลายสิบชีวิตในคณะของเรา ไม่ต้องทนลำบากย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยๆ อีกต่อไป”

ทุกถ้อยคำของเขาคือความจริงที่อวี้ฮวารู้อยู่แก่ใจ มันคือความฝันสูงสุดของคณะละครเร่ทุกคณะ

“แต่...” ท่านลุงไป๋กล่าวต่อ ดวงตาของเขามองตรงมาที่อวี้ฮวาอย่างลึกซึ้ง “ในฐานะพ่อบุญธรรมของเจ้า ข้าต้องบอกว่าไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าความปลอดภัยและชีวิตของเจ้าอีกแล้ว ความลับที่เจ้ายอมแลกทุกอย่างเพื่อปกป้องมันไว้ คือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด หากการรับข้อเสนอนี้หมายถึงการต้องเสี่ยงให้ความลับนั้นถูกเปิดโปง... ต่อให้ต้องร่อนเร่ไปจนวันตาย ข้าก็ยอม”

น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาในดวงตาของอวี้ฮวา นี่คือครอบครัวของนาง คือคนที่เข้าใจและพร้อมจะปกป้องนางเสมอ

“ข้า... ข้าไม่รู้” นางสารภาพออกมาในที่สุด “ข้ากลัว... กลัวเหลือเกิน แต่เมื่อข้านึกถึงสายตาของท่านอี้เฉิน... และท่านหญิง... ข้าก็รู้สึกผิดอย่างจับใจ เหมือนข้ากำลังจะหลอกลวงพวกเขา...”

นางพูดต่อไม่ได้ แต่ไป๋จิ้งหยวนก็พยักหน้าราวกับเข้าใจทุกอย่าง “ความรู้สึกของมนุษย์เป็นสิ่งที่ซับซ้อนที่สุด ไม่ต้องรีบร้อนหาคำตอบหรอกอวี้ฮวา ค่อยๆ คิดทบทวนให้ดี ไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจเช่นไร ข้าและทุกคนจะยืนอยู่ข้างเจ้าเสมอ”

บทสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น แต่มันก็ทิ้งตะกอนความคิดที่หนักอึ้งไว้ในใจของอวี้ฮวามากยิ่งขึ้น นางไม่ได้แบกรับแค่ความลับของตัวเองอีกต่อไป แต่กำลังแบกรับอนาคตของคนทั้งคณะไว้บนบ่า

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   บทที่ 5: วิวาห์ในกรงทอง (1/2)

    สิบวันก่อนพิธีวิวาห์ ไป๋อวี้ฮวาได้ย้ายเข้ามาพำนักในเรือนรับรองปีกตะวันออกของคฤหาสน์ตระกูลเหลียนตามธรรมเนียม เรือนจันทราสีม่วงแห่งนี้ คือเรือนที่งดงามและเงียบสงบที่สุดในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ มันถูกจัดเตรียมไว้สำหรับนางโดยเฉพาะ ตามคำสั่งของท่านหญิงเหลียนที่ต้องการให้ว่าที่ลูกสะใภ้ได้ปรับตัวและเตรียมตัวอย่างสบายที่สุดทว่าสำหรับอวี้ฮวาแล้ว ทุกย่างก้าวที่เหยียบลงบนพื้นกระเบื้องหยกขัดมัน คือการย้อนกลับสู่กรงทองที่นางเคยจากมา มันคือเรือนเดียวกับที่ ‘เหลียนหยางเหว่ย’ เคยใช้ชีวิตอยู่เมื่อแปดปีก่อน แม้จะถูกตกแต่งใหม่จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม แต่กลิ่นอายของต้นกุ้ยฮวา (ดอกหอมหมื่นลี้) ที่โชยมาจากสวนด้านนอกยังคงเป็นกลิ่นเดิมไม่เปลี่ยน มันคือกลิ่นของอดีต กลิ่นของความทรงจำที่นางพยายามหลีกหนีมาตลอดชีวิต“อาจารย์พี่หญิงเจ้าคะ ดูสิเจ้าคะ ท่านหญิงเหลียนทรงเมตตาพวกเรามากจริงๆ” อาเจินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดวงตาของนางเป็นประกายขณะลูบไล้ผ้าปูเต

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   บทที่ 4 : บุปผาต้องใจ (3/3)

    การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดเกิดขึ้นในเย็นวันหนึ่ง อี้เฉินได้ขออนุญาตท่านลุงไป๋อย่างเป็นทางการ เพื่อจะพาอวี้ฮวาไปเดินเล่นที่ตลาดโคมไฟริมแม่น้ำซึ่งเป็นงานเทศกาลประจำปีของเมือง ไป๋จิ้งหยวนปฏิเสธไม่ได้เพราะนั่นจะดูเป็นการไร้มารยาทอย่างยิ่ง เขาจึงได้แต่ส่งอาเจินให้ติดตามไปด้วยในฐานะพี่เลี้ยงตลาดโคมไฟยามค่ำคืนนั้นงดงามราวกับความฝัน โคมไฟกระดาษหลากสีสันส่องสว่างไสวไปทั่วทั้งบริเวณ เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของผู้คนดังจอแจ แต่สำหรับอวี้ฮวาแล้ว นางกลับรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในฉากละครฉากหนึ่งที่ตนเองไม่ได้เป็นคนเขียนบท“ที่นี่งดงามจริงๆ” อี้เฉินเอ่ยขึ้นขณะที่พวกเขาเดินเคียงข้างกัน โดยมีอาเจินเดินตามอยู่ห่างๆ อย่างสำรวม“เจ้าค่ะ... งดงามมาก” อวี้ฮวาตอบรับ นางดึงผ้าคลุมหน้าให้ต่ำลงเล็กน้อยเพื่อปิดบังใบหน้าจากสายตาของผู้คน“ข้ารู้ว่าท่านอาจจะยังไม่ค

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   บทที่ 4 : บุปผาต้องใจ (2/3)

    การเกี้ยวพาราสีของเหลียนอี้เฉินเริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังในวันต่อๆ มา เขาไม่ใช่บุรุษประเภทที่จะใช้คำพูดหวานเลี่ยนหรือส่งของกำนัลฟุ่มเฟือยเพื่อเอาใจสตรี แต่ทุกการกระทำของเขานั้นเต็มไปด้วยความใส่ใจและความให้เกียรติอย่างแท้จริง มันคือการรุกคืบที่นุ่มนวลแต่ละมุนละไม ทว่ากลับรัดรึงหัวใจของอวี้ฮวาให้แน่นขึ้นทุกขณะเขาไม่ได้มามือเปล่าอีกต่อไป แต่ของที่เขานำมาฝากนั้นไม่ใช่เครื่องประดับหรือแพรพรรณราคาแพง แต่เป็นเทียบยาบำรุงเส้นเสียงชั้นเลิศที่สั่งตรงมาจากหมอหลวงในเมืองหลวง หรือไม่ก็เป็นซุปไก่ตุ๋นโสมที่เขาอ้างว่ามารดาเป็นผู้ปรุงด้วยตนเองเพื่อบำรุงร่างกายให้นักแสดงคนโปรดของนางทุกครั้งที่เขายื่นของเหล่านี้ให้ อวี้ฮวาจะรู้สึกราวกับมีเหล็กร้อนๆ นาบลงกลางใจ นางทำได้เพียงกล่าวขอบคุณและรับมันไว้ด้วยรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อน ขณะที่ในใจนั้นกรีดร้องด้วยความรู้สึกผิดอี้เฉินมาชมการแสดงทุกคืนไม่เคยขาด ที่นั่งแถวหน้าสุดตำแหน่งเดิมของเขาไม่

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   บทที่ 4 : บุปผาต้องใจ (1/3)

    กลับสู่ปัจจุบัน...ค่ำคืนแห่งการตัดสินใจอันน่าหวาดหวั่นผ่านพ้นไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันและคำถามที่ไร้คำตอบแขวนอยู่ในอากาศ เช้าวันต่อมา แสงแดดอ่อนๆ ส่องลอดผ่านผ้าใบเก่าๆ ของกระโจมที่พักชั่วคราวของคณะงิ้วไป๋จิ้งหยวน กลิ่นดินชื้นหลังฝนพรำเมื่อคืนและกลิ่นควันไฟจากครัวกลางลอยปะปนกัน สร้างบรรยากาศที่คุ้นเคยของการใช้ชีวิตร่อนเร่ แต่สำหรับไป๋อวี้ฮวาแล้ว เช้านี้ทุกอย่างกลับดูแปลกตาไปหมดนางนั่งนิ่งอยู่หน้ากระจกทองเหลืองบานเล็ก อาเจินกำลังบรรจงสางผมยาวสลวยของนางอย่างแผ่วเบา แต่สติของอวี้ฮวากลับล่องลอยไปไกล ภาพของคฤหาสน์ตระกูลเหลียนอันโอ่อ่า คำพูดทาบทามที่อ่อนโยนแต่หนักแน่นของท่านเหลียนและภรรยา และเหนือสิ่งอื่นใด... แววตาที่เปี่ยมด้วยความหวังอันร้อนแรงของเหลียนอี้เฉิน ยังคงฉายซ้ำไปมาในหัวของนางราวกับภาพติดตา“อาจารย์พี่หญิง... ท่านดูซีดเซียวเหลือเกินเจ้าค่ะ” อาเจินเอ่ยขึ้นเบาๆ ทำลายความเงียบ “เมื่อคืนคงจะเหนื่อยจากการแสดงมากไปใช่หรือไม่ ให้ข้าไปต้มยาบำรุงให้ดีหรือไม่เจ้าคะ”อวี้ฮวาเหลือบมองภาพสะท้อนของเด็กสาวผู้ภักดีในกระจก ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ “ข้าไม่เป็นไรหรอก อาเจิน แค่...นอนไม่ค่อยหลับเท่านั

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   บทที่ 3: กำเนิดไป๋อวี้ฮวา (2/2)

    เมื่อเห็นความมุ่งมั่นที่แท้จริงในแววตาของเด็กหนุ่ม ยายาก็ตัดสินใจ นางพยุงร่างของหยางเหว่ยให้ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของกระท่อม ที่นั่นมีหีบไม้เก่าแก่ใบหนึ่งวางอยู่ นางเปิดมันออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นชุดงิ้วตัวนางที่งดงามที่สุดชุดหนึ่ง แม้จะเก่าเก็บ แต่ก็ยังคงความวิจิตรตระการตา “หากเจ้าจะเดินบนเส้นทางสายนี้... เหลียนหยางเหว่ยจะต้องตายไปจากโลกนี้เสียก่อน” ยายาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “และต่อจากนี้ไป เจ้าจะต้องผ่านการฝึกฝนที่เจ็บปวดราวกับตายทั้งเป็น” และนรกบนดินของหยางเหว่ยก็ได้เริ่มต้นขึ้น ทุกๆ เช้าก่อนตะวันขึ้น เขาจะต้องตื่นมาฝึกดัดตนเพื่อให้ร่างกายมีความอ่อนช้อย ยายาบังคับให้เขาฉีกขา ยืดเส้น และทำท่าที่ฝืนธรรมชาติของบุรุษจนหยาดน้ำตาไหลอาบใบหน้า ทุกๆ กลางวัน เขาจะต้องฝึกการเดิน การร่ายรำ และการใช้สายตาที่สื่ออารมณ์ ยายาจะเฆี่ยนตีเขาด้วยกิ่งไผ่ทุกครั้งที่ท่วงท่าของเขาแข็งกระด้างเกินไป ทุกๆ เย็น เขาจะต้องฝึกการหายใจและการใช้เสียง เพื่อขับเสียงให้ออกมาสูงและนุ่มนวลราวสตรี มันคือการฝึกฝนที่ทารุณและไม่เคยมีวันหยุดพัก เวลาผ่านไปหนึ่งปี ร่างของหยางเหว่ยในวัยสิบห้าปีเริ่มเปลี

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   บทที่ 3: กำเนิดไป๋อวี้ฮวา (1/2)

    อิสรภาพในจินตนาการนั้นหอมหวานดั่งน้ำผึ้ง แต่ในความเป็นจริง มันกลับขมขื่นดังยาขมและเย็นเฉียบราวกับพายุหิมะเหลียนหยางเหว่ยในวัยสิบสี่ปีค้นพบสัจธรรมข้อนี้ในค่ำคืนที่สามของการหลบหนี ความรู้สึกฮึกเหิมของการได้ทลายกรงทองออกมาจางหายไปอย่างรวดเร็ว ถูกแทนที่ด้วยความหิวโหยที่กัดกินอยู่ในช่องท้องและความเหน็บหนาวที่เสียดแทงเข้ากระดูกทุกข้อ โลกภายนอกที่เคยวาดฝันไว้ว่ากว้างใหญ่และเปี่ยมด้วยโอกาส บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงป่าทึบอันมืดมิดและเส้นทางดินโคลนที่ไร้จุดสิ้นสุดเงินและของมีค่าเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาหยิบฉวยติดตัวมา ถูกขโมยไปจนหมดสิ้นโดยกลุ่มคนพเนจรในวันที่สอง เหลือทิ้งไว้เพียงเสื้อผ้าเก่าๆ ที่ขาดวิ่นและร่างกายที่อ่อนล้าสะบักสะบอม วิชาตัวเบาที่เคยใช้ทะยานข้ามกำแพงสูงใหญ่ บัดนี้กลับไร้ประโยชน์เมื่อพละกำลังถดถอยลงทุกขณะเพราะขาดอาหาร นิ้วมือที่เคยฝันว่าจะใช้เพื่อสร้างสรรค์บทเพลง บัดนี้กลับสั่นเทาและเย็นเฉียบจนแทบไร้ความรู้สึกเขาเดินโซซัดโซเซไปตามทางอย่างไร้จุดหมาย ในหัวมีเพียงความคิดเดียวคือต้องไปให้ไกลที่สุด ไกลจากเงื้อมมือของบิดา ไกลจากชะตากรรมที่น่ารังเกียจนั้นแต่ยิ่งเดิน ร่างกายก็ยิ่งประท้วง สายต

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status