Home / รักโบราณ / บุปผาหยกหวนคืนบ้าน / บทที่ 3: กำเนิดไป๋อวี้ฮวา (2/2)

Share

บทที่ 3: กำเนิดไป๋อวี้ฮวา (2/2)

last update Last Updated: 2025-08-29 08:51:33

เมื่อเห็นความมุ่งมั่นที่แท้จริงในแววตาของเด็กหนุ่ม ยายาก็ตัดสินใจ นางพยุงร่างของหยางเหว่ยให้ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของกระท่อม ที่นั่นมีหีบไม้เก่าแก่ใบหนึ่งวางอยู่ นางเปิดมันออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นชุดงิ้วตัวนางที่งดงามที่สุดชุดหนึ่ง แม้จะเก่าเก็บ แต่ก็ยังคงความวิจิตรตระการตา 

“หากเจ้าจะเดินบนเส้นทางสายนี้... เหลียนหยางเหว่ยจะต้องตายไปจากโลกนี้เสียก่อน” ยายาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “และต่อจากนี้ไป เจ้าจะต้องผ่านการฝึกฝนที่เจ็บปวดราวกับตายทั้งเป็น” 

และนรกบนดินของหยางเหว่ยก็ได้เริ่มต้นขึ้น 

ทุกๆ เช้าก่อนตะวันขึ้น เขาจะต้องตื่นมาฝึกดัดตนเพื่อให้ร่างกายมีความอ่อนช้อย ยายาบังคับให้เขาฉีกขา ยืดเส้น และทำท่าที่ฝืนธรรมชาติของบุรุษจนหยาดน้ำตาไหลอาบใบหน้า 

ทุกๆ กลางวัน เขาจะต้องฝึกการเดิน การร่ายรำ และการใช้สายตาที่สื่ออารมณ์ ยายาจะเฆี่ยนตีเขาด้วยกิ่งไผ่ทุกครั้งที่ท่วงท่าของเขาแข็งกระด้างเกินไป 

ทุกๆ เย็น เขาจะต้องฝึกการหายใจและการใช้เสียง เพื่อขับเสียงให้ออกมาสูงและนุ่มนวลราวสตรี มันคือการฝึกฝนที่ทารุณและไม่เคยมีวันหยุดพัก 

เวลาผ่านไปหนึ่งปี ร่างของหยางเหว่ยในวัยสิบห้าปีเริ่มเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ แม้จะควบคุมอาหารและฝึกฝนอย่างหนัก แต่โครงสร้างของบุรุษก็เริ่มปรากฏขึ้น มีไรหนวดจางๆ ขึ้นให้เห็น 

เขารู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นสัญญาณของการเข้าสู่การเป็นบุรุษเพศเต็มตัว ทรวดทรวองค์เอวที่เคยมีอ้อนแอ้นอรชรประดุจสตรีอาจจะหายไปเมื่อเจริญวัย และไม่อาจกลับมาสู่จุดเดิมได้อีก เขาเองก็รู้สึกชิงชัง การเป็นบุรุษอยู่ไม่น้อย ด้วยเหตุที่บิดาของเขา มิอาจจะเป็นตัวอย่างที่ดีได้สักเท่าไหร่นัก ภาพจำบิดาในฐานะบุรุษจากสายตาและความทรงจำเขาเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว ความก้าวร้าว การใช้อารมณ์รุนแรง การใช้กำลังบังคับ เขารู้สึกกลัวเหลือเกินที่จะกลายเป็นคนเข่นนั้น...

ยายาเองก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าเขากำลังกังวลกับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การเป็นบุรุษฉกรรจ์

คืนหนึ่ง หลังจากที่หยางเหว่ยฝึกซ้อมจนหมดแรง ยายาก็เรียกเขาเข้าไปพบในห้อง นางวางถ้วยยาที่มีกลิ่นฉุนรุนแรงไว้ตรงหน้าเขา 

“ยาอะไรหรือขอรับ ท่านอาจารย์” 

“นี่คือเทียบยาสมุนไพรโบราณที่สืบทอดกันมา” ยายาตอบ “มันจะช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของเจ้า ทำให้ร่างกายของเจ้ายังคงความอรชรดังสตรีไว้ และทำให้ไรหนวดเคราไม่ปรากฏขึ้นอีก” 

นางจ้องลึกเข้าไปในตาของเขา ก่อนจะอธิบายต่อ 

“แต่เมื่อดื่มเข้าไปแล้ว... มันจะเปลี่ยนแปลงร่างกายของเจ้าไปตลอดกาล เจ้าจะไม่มีวันกลับไปเป็นบุรุษโตเต็มวัยที่สมบูรณ์ได้อีก แต่เจ้าก็ไม่อาจเป็นสตรีได้เต็มตัว และเจ้าจะต้องดื่มมันทุกครึ่งเดือนไปตลอดชีวิต หากขาดมันเจ้าอาจจะถึงแก่ชีวิตหรือทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว นี่คือโอกาสสุดท้ายของเจ้าที่จะเปลี่ยนใจ” 

หยางเหว่ยมองถ้วยยาในมือนิ่ง เขานึกถึงใบหน้าอันเกรี้ยวกราดของบิดา นึกถึงเศษขลุ่ยที่แตกหัก และนึกถึงความสุขที่ได้ร่ายรำอยู่หน้ากระจกเงา 

เขาตัดสินใจแล้ว... เขาได้ตายไปจากโลกใบเก่าตั้งแต่วันที่ก้าวเท้าออกจากบ้านหลังนั้นแล้ว 

เขายกถ้วยยาขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดสิ้น ความขมขื่นของมันแล่นพล่านไปทั่วร่าง แต่ในใจของเขากลับรู้สึกสงบอย่างประหลาด 

“นับแต่นี้ไป เหลียนหยางเหว่ยได้ตายไปแล้ว” ยายาเอ่ยขึ้น “เจ้าคือบุปผาที่งดงามแต่แข็งแกร่งราวหยกเนื้อดี ผิวของเจ้าขาวราวกับหยกที่ยังไม่เจียระไน ข้าจะตั้งชื่อให้เจ้าใหม่ว่า อวี้ฮวา (玉花) (บุปผาหยก)” นางหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อ “ส่วนแซ่...เจ้าคือจุดเริ่มต้นใหม่ที่ขาวสะอาด แซ่ ไป๋ (白) ที่แปลว่าสีขาวคงจะเหมาะสมกับเจ้าที่สุด ต่อไปเจ้าคือไป๋อวี้ฮวา” 

เวลาผ่านไปอีกหนึ่งปี ไป๋อวี้ฮวาในวัยสิบหกปีได้ซึมซับทุกสิ่งทุกอย่างที่ยายาสั่งสอนจนหมดสิ้น รูปร่างของเขาบัดนี้ดูอรชรอ้อนแอ้น กิริยาท่าทางอ่อนหวานงดงามจนแทบไม่มีใครดูออกว่าเคยเป็นบุรุษมาก่อน 

เช้าวันหนึ่ง ยายาที่สุขภาพเริ่มทรุดโทรมลงตามวัยได้เรียกเขามาพบ 

“อวี้ฮวา... สิ่งที่ข้าสอนเจ้าได้หมดสิ้นแล้ว ป่าแห่งนี้เล็กเกินไปสำหรับหงส์ฟ้าเช่นเจ้า ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องโบยบินสู่โลกกว้างแล้ว” นางยื่นจดหมายปิดผนึกฉบับหนึ่งให้เขา “นี่คือจดหมายแนะนำตัวถึงสหายเก่าของข้าผู้หนึ่ง เขามีชื่อว่า ไป๋จิ้งหยวน เป็นหัวหน้าคณะงิ้วเร่ร่อนที่เที่ยงธรรมและมีสายตากว้างไกลที่สุดคนหนึ่งที่ข้ารู้จัก จงไปหาเขา แล้วเขาจะดูแลเจ้าเอง ส่วนยานั้นข้าได้ผสมให้เจ้าแล้ว มากพอที่จะปรุงให้เจ้ากินได้อีกหลายปี และสูตรยาข้าก็แนบไปด้วยแล้ว เผื่อสักวันมันหมดไป จะได้หาส่วนผสมเองได้ เจ้าอย่าลืมกินทุกครึ่งเดือนล่ะ” 

การจากลาเต็มไปด้วยความอาลัย อวี้ฮวาคุกเข่ากราบลาอาจารย์และแม่คนที่สองของเขา ก่อนจะออกเดินทางตามลายแทงในจดหมาย 

เขาได้พบกับคณะงิ้วของเร่ร่อนไป๋จิ้งหยวนในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่กำลังจัดงานเทศกาล ท่านลุงไป๋เป็นชายวัยกลางคนที่ดูภายนอกเหมือนพ่อค้าผู้เจนโลก แต่ดวงตาของเขากลับเปี่ยมด้วยปัญญาและความสุขุมเยือกเย็น อวี้ฮวายื่นจดหมายให้เขา 

ไป๋จิ้งหยวนอ่านจดหมายฉบับนั้นอย่างช้าๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพินิจพิจารณา “เด็กสาว” ที่งดงามราวกับภาพวาดตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขามองเห็นความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีที่นอบน้อมนั้น และเขาก็เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่ยายาไม่ได้เขียนลงไปในจดหมาย 

“ข้าจะรับเจ้าไว้” ไป๋จิ้งหยวนกล่าวเรียบๆ “แต่ชีวิตในคณะงิ้วนั้นลำบาก เจ้าจะทนได้รึ” 

“ข้าน้อยทนได้ทุกอย่างเจ้าค่ะ” อวี้ฮวาตอบอย่างหนักแน่น 

ไป๋จิ้งหยวนพยักหน้า ก่อนจะหันไปเรียกเด็กสาวหน้าตาซื่อๆ คนหนึ่งที่คอยยืนรับใช้อยู่ไม่ห่าง 

“อาเจิน! นับแต่นี้ไป เจ้าคือผู้ดูแลส่วนตัวของแม่นางไป๋อวี้ฮวาแต่เพียงผู้เดียว จงดูแลนางให้ดีที่สุด อย่าให้ขาดตกบกพร่อง และอย่าให้ผู้ใดรบกวนนางโดยไม่จำเป็น เข้าใจหรือไม่ และความลับเกี่ยวกับร่างกายนาง เจ้าจะเป็นผู้เดียวที่ล่วงรู้ ห้ามให้คนอื่นรู้ด้วยเด็ดขาด!” 

“เจ้าค่ะ ท่านหัวหน้า!” อาเจินรับคำอย่างแข็งขัน นางมองอวี้ฮวาด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความชื่นชมและเป็นมิตร 

หลายเดือนต่อมา ในโรงละครชั่วคราวเล็กๆ ของเมืองชายแดนแห่งหนึ่ง ท่านลุงไป๋จิ้งหยวนได้ก้าวขึ้นมาบนเวทีและประกาศด้วยน้ำเสียงกึกก้อง 

“และในค่ำคืนนี้ ขอเชิญทุกท่านพบกับนักแสดงคนใหม่ของคณะเรา บุปผาดวงใหม่ที่จะมาเบ่งบานในใจของทุกท่าน... ขอเชิญพบกับนางเอกของเรา!” 

สิ้นเสียงประกาศ ร่างระหงในชุดงิ้วตัวนางที่งดงามก็ก้าวออกมาจากหลังม่านช้าๆ แสงตะเกียงสาดส่องลงมากระทบเครื่องประดับบนศีรษะจนเปล่งประกายระยิบระยับ ไป๋อวี้ฮวากวาดสายตามองผู้ชมที่อยู่เบื้องล่าง หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นและความหวาดหวั่น แต่วินาทีที่เสียงดนตรีโหมโรงดังขึ้น ความกลัวทั้งหมดก็มลายหายไป เหลือเพียงจิตวิญญาณของศิลปินที่รอคอยวันนี้มาทั้งชีวิต 

เขาย่อตัวลงคารวะผู้ชมอย่างอ่อนช้อยงดงาม ก่อนจะเริ่มต้นร่ายรำและขับขานบทเพลง 

เหลียนหยางเหว่ยได้ตายไปแล้วโดยสมบูรณ์ บัดนี้... มีเพียงไป๋อวี้ฮวาเท่านั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   บทที่ 5: วิวาห์ในกรงทอง (1/2)

    สิบวันก่อนพิธีวิวาห์ ไป๋อวี้ฮวาได้ย้ายเข้ามาพำนักในเรือนรับรองปีกตะวันออกของคฤหาสน์ตระกูลเหลียนตามธรรมเนียม เรือนจันทราสีม่วงแห่งนี้ คือเรือนที่งดงามและเงียบสงบที่สุดในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ มันถูกจัดเตรียมไว้สำหรับนางโดยเฉพาะ ตามคำสั่งของท่านหญิงเหลียนที่ต้องการให้ว่าที่ลูกสะใภ้ได้ปรับตัวและเตรียมตัวอย่างสบายที่สุดทว่าสำหรับอวี้ฮวาแล้ว ทุกย่างก้าวที่เหยียบลงบนพื้นกระเบื้องหยกขัดมัน คือการย้อนกลับสู่กรงทองที่นางเคยจากมา มันคือเรือนเดียวกับที่ ‘เหลียนหยางเหว่ย’ เคยใช้ชีวิตอยู่เมื่อแปดปีก่อน แม้จะถูกตกแต่งใหม่จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม แต่กลิ่นอายของต้นกุ้ยฮวา (ดอกหอมหมื่นลี้) ที่โชยมาจากสวนด้านนอกยังคงเป็นกลิ่นเดิมไม่เปลี่ยน มันคือกลิ่นของอดีต กลิ่นของความทรงจำที่นางพยายามหลีกหนีมาตลอดชีวิต“อาจารย์พี่หญิงเจ้าคะ ดูสิเจ้าคะ ท่านหญิงเหลียนทรงเมตตาพวกเรามากจริงๆ” อาเจินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดวงตาของนางเป็นประกายขณะลูบไล้ผ้าปูเต

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   บทที่ 4 : บุปผาต้องใจ (3/3)

    การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดเกิดขึ้นในเย็นวันหนึ่ง อี้เฉินได้ขออนุญาตท่านลุงไป๋อย่างเป็นทางการ เพื่อจะพาอวี้ฮวาไปเดินเล่นที่ตลาดโคมไฟริมแม่น้ำซึ่งเป็นงานเทศกาลประจำปีของเมือง ไป๋จิ้งหยวนปฏิเสธไม่ได้เพราะนั่นจะดูเป็นการไร้มารยาทอย่างยิ่ง เขาจึงได้แต่ส่งอาเจินให้ติดตามไปด้วยในฐานะพี่เลี้ยงตลาดโคมไฟยามค่ำคืนนั้นงดงามราวกับความฝัน โคมไฟกระดาษหลากสีสันส่องสว่างไสวไปทั่วทั้งบริเวณ เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของผู้คนดังจอแจ แต่สำหรับอวี้ฮวาแล้ว นางกลับรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในฉากละครฉากหนึ่งที่ตนเองไม่ได้เป็นคนเขียนบท“ที่นี่งดงามจริงๆ” อี้เฉินเอ่ยขึ้นขณะที่พวกเขาเดินเคียงข้างกัน โดยมีอาเจินเดินตามอยู่ห่างๆ อย่างสำรวม“เจ้าค่ะ... งดงามมาก” อวี้ฮวาตอบรับ นางดึงผ้าคลุมหน้าให้ต่ำลงเล็กน้อยเพื่อปิดบังใบหน้าจากสายตาของผู้คน“ข้ารู้ว่าท่านอาจจะยังไม่ค

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   บทที่ 4 : บุปผาต้องใจ (2/3)

    การเกี้ยวพาราสีของเหลียนอี้เฉินเริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังในวันต่อๆ มา เขาไม่ใช่บุรุษประเภทที่จะใช้คำพูดหวานเลี่ยนหรือส่งของกำนัลฟุ่มเฟือยเพื่อเอาใจสตรี แต่ทุกการกระทำของเขานั้นเต็มไปด้วยความใส่ใจและความให้เกียรติอย่างแท้จริง มันคือการรุกคืบที่นุ่มนวลแต่ละมุนละไม ทว่ากลับรัดรึงหัวใจของอวี้ฮวาให้แน่นขึ้นทุกขณะเขาไม่ได้มามือเปล่าอีกต่อไป แต่ของที่เขานำมาฝากนั้นไม่ใช่เครื่องประดับหรือแพรพรรณราคาแพง แต่เป็นเทียบยาบำรุงเส้นเสียงชั้นเลิศที่สั่งตรงมาจากหมอหลวงในเมืองหลวง หรือไม่ก็เป็นซุปไก่ตุ๋นโสมที่เขาอ้างว่ามารดาเป็นผู้ปรุงด้วยตนเองเพื่อบำรุงร่างกายให้นักแสดงคนโปรดของนางทุกครั้งที่เขายื่นของเหล่านี้ให้ อวี้ฮวาจะรู้สึกราวกับมีเหล็กร้อนๆ นาบลงกลางใจ นางทำได้เพียงกล่าวขอบคุณและรับมันไว้ด้วยรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อน ขณะที่ในใจนั้นกรีดร้องด้วยความรู้สึกผิดอี้เฉินมาชมการแสดงทุกคืนไม่เคยขาด ที่นั่งแถวหน้าสุดตำแหน่งเดิมของเขาไม่

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   บทที่ 4 : บุปผาต้องใจ (1/3)

    กลับสู่ปัจจุบัน...ค่ำคืนแห่งการตัดสินใจอันน่าหวาดหวั่นผ่านพ้นไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันและคำถามที่ไร้คำตอบแขวนอยู่ในอากาศ เช้าวันต่อมา แสงแดดอ่อนๆ ส่องลอดผ่านผ้าใบเก่าๆ ของกระโจมที่พักชั่วคราวของคณะงิ้วไป๋จิ้งหยวน กลิ่นดินชื้นหลังฝนพรำเมื่อคืนและกลิ่นควันไฟจากครัวกลางลอยปะปนกัน สร้างบรรยากาศที่คุ้นเคยของการใช้ชีวิตร่อนเร่ แต่สำหรับไป๋อวี้ฮวาแล้ว เช้านี้ทุกอย่างกลับดูแปลกตาไปหมดนางนั่งนิ่งอยู่หน้ากระจกทองเหลืองบานเล็ก อาเจินกำลังบรรจงสางผมยาวสลวยของนางอย่างแผ่วเบา แต่สติของอวี้ฮวากลับล่องลอยไปไกล ภาพของคฤหาสน์ตระกูลเหลียนอันโอ่อ่า คำพูดทาบทามที่อ่อนโยนแต่หนักแน่นของท่านเหลียนและภรรยา และเหนือสิ่งอื่นใด... แววตาที่เปี่ยมด้วยความหวังอันร้อนแรงของเหลียนอี้เฉิน ยังคงฉายซ้ำไปมาในหัวของนางราวกับภาพติดตา“อาจารย์พี่หญิง... ท่านดูซีดเซียวเหลือเกินเจ้าค่ะ” อาเจินเอ่ยขึ้นเบาๆ ทำลายความเงียบ “เมื่อคืนคงจะเหนื่อยจากการแสดงมากไปใช่หรือไม่ ให้ข้าไปต้มยาบำรุงให้ดีหรือไม่เจ้าคะ”อวี้ฮวาเหลือบมองภาพสะท้อนของเด็กสาวผู้ภักดีในกระจก ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ “ข้าไม่เป็นไรหรอก อาเจิน แค่...นอนไม่ค่อยหลับเท่านั

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   บทที่ 3: กำเนิดไป๋อวี้ฮวา (2/2)

    เมื่อเห็นความมุ่งมั่นที่แท้จริงในแววตาของเด็กหนุ่ม ยายาก็ตัดสินใจ นางพยุงร่างของหยางเหว่ยให้ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของกระท่อม ที่นั่นมีหีบไม้เก่าแก่ใบหนึ่งวางอยู่ นางเปิดมันออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นชุดงิ้วตัวนางที่งดงามที่สุดชุดหนึ่ง แม้จะเก่าเก็บ แต่ก็ยังคงความวิจิตรตระการตา “หากเจ้าจะเดินบนเส้นทางสายนี้... เหลียนหยางเหว่ยจะต้องตายไปจากโลกนี้เสียก่อน” ยายาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “และต่อจากนี้ไป เจ้าจะต้องผ่านการฝึกฝนที่เจ็บปวดราวกับตายทั้งเป็น” และนรกบนดินของหยางเหว่ยก็ได้เริ่มต้นขึ้น ทุกๆ เช้าก่อนตะวันขึ้น เขาจะต้องตื่นมาฝึกดัดตนเพื่อให้ร่างกายมีความอ่อนช้อย ยายาบังคับให้เขาฉีกขา ยืดเส้น และทำท่าที่ฝืนธรรมชาติของบุรุษจนหยาดน้ำตาไหลอาบใบหน้า ทุกๆ กลางวัน เขาจะต้องฝึกการเดิน การร่ายรำ และการใช้สายตาที่สื่ออารมณ์ ยายาจะเฆี่ยนตีเขาด้วยกิ่งไผ่ทุกครั้งที่ท่วงท่าของเขาแข็งกระด้างเกินไป ทุกๆ เย็น เขาจะต้องฝึกการหายใจและการใช้เสียง เพื่อขับเสียงให้ออกมาสูงและนุ่มนวลราวสตรี มันคือการฝึกฝนที่ทารุณและไม่เคยมีวันหยุดพัก เวลาผ่านไปหนึ่งปี ร่างของหยางเหว่ยในวัยสิบห้าปีเริ่มเปลี

  • บุปผาหยกหวนคืนบ้าน   บทที่ 3: กำเนิดไป๋อวี้ฮวา (1/2)

    อิสรภาพในจินตนาการนั้นหอมหวานดั่งน้ำผึ้ง แต่ในความเป็นจริง มันกลับขมขื่นดังยาขมและเย็นเฉียบราวกับพายุหิมะเหลียนหยางเหว่ยในวัยสิบสี่ปีค้นพบสัจธรรมข้อนี้ในค่ำคืนที่สามของการหลบหนี ความรู้สึกฮึกเหิมของการได้ทลายกรงทองออกมาจางหายไปอย่างรวดเร็ว ถูกแทนที่ด้วยความหิวโหยที่กัดกินอยู่ในช่องท้องและความเหน็บหนาวที่เสียดแทงเข้ากระดูกทุกข้อ โลกภายนอกที่เคยวาดฝันไว้ว่ากว้างใหญ่และเปี่ยมด้วยโอกาส บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงป่าทึบอันมืดมิดและเส้นทางดินโคลนที่ไร้จุดสิ้นสุดเงินและของมีค่าเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาหยิบฉวยติดตัวมา ถูกขโมยไปจนหมดสิ้นโดยกลุ่มคนพเนจรในวันที่สอง เหลือทิ้งไว้เพียงเสื้อผ้าเก่าๆ ที่ขาดวิ่นและร่างกายที่อ่อนล้าสะบักสะบอม วิชาตัวเบาที่เคยใช้ทะยานข้ามกำแพงสูงใหญ่ บัดนี้กลับไร้ประโยชน์เมื่อพละกำลังถดถอยลงทุกขณะเพราะขาดอาหาร นิ้วมือที่เคยฝันว่าจะใช้เพื่อสร้างสรรค์บทเพลง บัดนี้กลับสั่นเทาและเย็นเฉียบจนแทบไร้ความรู้สึกเขาเดินโซซัดโซเซไปตามทางอย่างไร้จุดหมาย ในหัวมีเพียงความคิดเดียวคือต้องไปให้ไกลที่สุด ไกลจากเงื้อมมือของบิดา ไกลจากชะตากรรมที่น่ารังเกียจนั้นแต่ยิ่งเดิน ร่างกายก็ยิ่งประท้วง สายต

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status