Compartilhar

บทที่ 2 เงาอสรพิษ

last update Última atualização: 2025-12-07 14:18:30

หลายวันผ่านไปนับจากเหตุการณ์ที่โรงทาน แม้เมืองจินไห่จะยังคงดำเนินไปอย่างมีระเบียบวินัยเช่นเคย แต่ภายในใจของเซี่ย เหยาเหยา กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นางไม่ได้มองเพียงภาพความทุกข์ยากของผู้อพยพด้วยสายตาแห่งความเมตตาสงสารเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่เริ่มมองเห็นโครงสร้างที่ใหญ่กว่านั้น...ความอยู่รอดของคนทั้งเมือง

ทุกครั้งที่นางออกไปช่วยเหลือผู้คนที่โรงทาน นางจะสังเกตเห็นการทำงานของเหล่าทหารและเจ้าหน้าที่ที่เหวิน จ้าวส่งมาจัดระเบียบ พวกเขาปฏิบัติตามคำสั่งของเถี่ย อ้าวเทียนอย่างเคร่งครัด แม้จะดูแข็งกระด้าง แต่ทุกอย่างกลับเป็นไปอย่างราบรื่นและยุติธรรม ผู้อพยพที่แข็งแรงจะถูกคัดแยกไปทำงานตามความถนัด เด็กและคนชราจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ พื้นที่รกร้างนอกเมืองเริ่มถูกไถพรวนเพื่อเตรียมการเพาะปลูก ทุกชีวิตที่เข้ามาในเมืองจินไห่ล้วนมีหน้าที่ของตนเอง ไม่มีใครถูกทอดทิ้ง แต่ก็ไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์เหนือกฎเกณฑ์

นางได้เห็นสัจธรรมในคำพูดของเขา...ความใจดีที่ไร้การควบคุม อาจนำมาซึ่งหายนะได้จริงๆ การปกครองผู้คนนับหมื่นนับแสน ไม่สามารถใช้เพียงความรู้สึกเมตตาได้ แต่ต้องใช้กฎระเบียบที่เข้มแข็งและความเด็ดขาดที่มองการณ์ไกล ภาพของบุรุษบนหลังม้าผู้นั้นซ้อนทับกับภาพความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมืองจินไห่ ทำให้นางเริ่มเข้าใจในสิ่งที่บิดาเคยพูดไว้ ความเย็นชาของเขา...คือเกราะที่ปกป้องคนทั้งเมืองเอาไว้

ณ โรงทานชานเมืองในวันนี้ เซี่ย เหยาเหยายังคงออกมาช่วยเหลือผู้อพยพเช่นเคย แต่นางไม่ได้มาคนเดียว ข้างกายของนางมีสตรีอีกผู้หนึ่งในอาภรณ์สีสันสดใส ใบหน้างดงามไม่แพ้กันแต่กลับมีแววตาที่ซุกซนและร่าเริงกว่า นางคือหลิน ซูซิน บุตรสาวของคหบดีตระกูลหลินผู้มั่งคั่งที่สุดในเมือง และเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเหยาเหยา

"ข้าบอกแล้วว่าเจ้าอย่าคิดมากเลยเหยาเหยา" หลิน ซูซินเอ่ยขึ้นขณะช่วยตักโจ๊กพลางทำหน้าครุ่นคิด "ว่าแต่...ข้าเพิ่งเคยเห็นท่านแม่ทัพเถี่ยใกล้ๆ วันนั้น เขาช่างดูน่าเกรงขามและ...หล่อเหลาเกินกว่าที่ข้าจินตนาการไว้อีกนะ แถมยังมีความคิดลึกซึ้ง ไม่เหมือนพวกทหารหยาบกระด้างทั่วไปเลย"

"ซูซิน! อย่าพูดจาเหลวไหล" เซี่ย เหยาเหยาดุเพื่อนเบาๆ แต่ใบหน้ากลับขึ้นสีระเรื่อ "นั่นเป็นเรื่องของบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวเสียหน่อย"

"ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวรึ?" หลิน ซูซินยิ้มเจ้าเล่ห์ "ถึงเขาจะดูเย็นชา แต่สายตาที่ท่านแม่ทัพมองเจ้าวันนั้นมันไม่ธรรมดาเลยนะ ดูสิ...ถึงจะมีเรื่องวุ่นวายกับชายชราคนนั้น แต่เขากลับจ้องมองและพูดกับเจ้าเพียงคนเดียวราวกับว่าในสายตาของเขามีแค่เจ้าอย่างไรอย่างนั้น บุรุษน้ำแข็งผู้นั้นต้องสนใจในตัวเจ้าแน่ๆ"

"เจ้า!" เซี่ย เหยาเหยาได้แต่ก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาเพื่อนสนิท ในใจของนางก็อดนึกถึงสายตาคมกริบคู่นั้นไม่ได้เช่นกัน แม้จะเย็นชาและตำหนิติเตียน แต่มันก็เป็นความจริงที่ว่าเขามองมาที่นาง...เพียงคนเดียว

ขณะที่สองสาวกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส ในกลุ่มผู้อพยพที่ยืนต่อแถวอยู่ มีชายฉกรรจ์ห้าคนที่มีลักษณะแตกต่างจากผู้อพยพทั่วไป แม้จะสวมเสื้อผ้าเก่าซอมซ่อ แต่ร่างกายของพวกเขากลับบึกบึนแข็งแรง และสายตาที่กวาดมองไปรอบๆ ก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร พวกมันคือเศษเดนที่รอดชีวิตของกองโจร อสรพิษทราย ที่เพิ่งถูกกองทัพพยัคฆ์ทมิฬของเถี่ย อ้าวเทียนบดขยี้ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน พี่น้องของมันถูกสังหารจนเกือบหมดสิ้น ส่วนตัวพวกมันหนีรอดมาได้และแฝงตัวเข้ามาในเมืองจินไห่เพื่อรอวันล้างแค้น

เมื่อพวกมันเห็นว่าสตรีที่งดงามราวกับเทพธิดาผู้นี้คือบุตรสาวของเจ้าเมือง ความคิดชั่วร้ายก็พลันบังเกิดขึ้นในหัว...เถี่ย อ้าวเทียน แม่ทัพผู้โหดเหี้ยมผู้นั้นคือสุนัขรับใช้ของตระกูลเซี่ย หากพวกมันสามารถจับตัวคุณหนูผู้นี้ไปได้ ไม่เพียงแต่จะได้แก้แค้น แต่ยังสามารถใช้เป็นข้อต่อรองเรียกค่าไถ่ก้อนโตได้อีกด้วย พวกมันส่งสัญญาณให้กันเงียบๆ และค่อยๆ ขยับตำแหน่งเข้ามาใกล้จุดที่เซี่ย เหยาเหยายืนอยู่

ทันใดนั้น! ชายคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดก็แกล้งทำเป็นสะดุดล้มลง ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นชั่วขณะ และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ชายอีกสองคนก็พุ่งทะยานเข้าหาเซี่ย เหยาเหยาและหลิน ซูซินจากสองทิศทางราวกับเสือดาวที่ซุ่มรอเหยื่อ!

"กรี๊ด!"

เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากรอบทิศทาง ผู้อพยพต่างแตกฮือหนีตายกันอลหม่าน ทหารยามที่อยู่ใกล้ที่สุดพยายามจะเข้ามาขวาง แต่กลับถูกชายอีกสองคนที่เหลือสกัดไว้ด้วยเพลงดาบที่ดุดันและรวดเร็วอย่างน่าตกใจ

"คุณหนู! หนีเร็ว!" ผิงเอ๋อร์ สาวใช้คนสนิทพยายามจะดึงตัวเซี่ย เหยาเหยาถอย แต่กลับถูกหนึ่งในคนร้ายถีบจนกระเด็นไป

เซี่ย เหยาเหยาตกใจจนหน้าซีด นางดึงหลิน ซูซินที่ตกใจจนตัวแข็งทื่อให้ถอยหลัง แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว ชายฉกรรจ์คนหนึ่งพุ่งเข้ามาถึงตัว มือใหญ่หยาบกร้านของมันกำลังจะคว้าจับแขนของนาง!

ฉึ่ก!

ก่อนที่มือของมันจะสัมผัสถึงตัวนาง พลันมีเงาดำสายหนึ่งพุ่งผ่านร่างของมันไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม โลหิตสดๆ สาดกระเซ็นขึ้นสู่อากาศ ร่างของชายผู้นั้นชาวาบไปทั้งตัว ก่อนจะทรุดลงกับพื้น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อสายตา บนลำคอของมันมีมีดบินเล่มเล็กปักอยู่ลึกจนมิดด้าม!

"ใคร!" หัวหน้ากลุ่มคนร้ายตวาดลั่น

สิ้นเสียงของมัน ร่างสูงสง่าในชุดเกราะสีนิลกาฬก็ปรากฏตัวขึ้นยืนขวางอยู่ตรงหน้าเซี่ย เหยาเหยาและหลิน ซูซินราวกับภูผาเหล็กที่ไม่มีวันทลาย...เถี่ย อ้าวเทียน!

เขาไม่ได้มาคนเดียว ด้านหลังของเขามีอู่ เลี่ย และทหารพยัคฆ์ทมิฬอีกนับสิบนายที่ตามมาสมทบอย่างรวดเร็ว พวกเขากำลังตรวจตราความเรียบร้อยอยู่ไม่ไกล เมื่อได้ยินเสียงความวุ่นวายจึงรีบมาทันที

"พวกเจ้าเป็นใคร?" น้ำเสียงของเถี่ย อ้าวเทียนเย็นเยียบจนทำให้อากาศรอบกายหนาวเหน็บยิ่งกว่าเดิม สายตาของเขาจ้องมองกลุ่มคนร้ายราวกับกำลังมองคนตาย

หัวหน้ากลุ่มคนร้ายรู้ดีว่าภารกิจล้มเหลวแล้ว มันกัดฟันกรอด "ฆ่า!"

สิ้นเสียงคำสั่ง คนร้ายที่เหลืออีกสี่คนก็พุ่งเข้าใส่เถี่ย อ้าวเทียนพร้อมกันโดยไม่คิดชีวิต เพลงดาบของพวกมันประสานกันเป็นตาข่ายหมายจะสังหารเขาในกระบวนท่าเดียว

เถี่ย อ้าวเทียนยังคงยืนนิ่ง เขารอจนกระทั่งดาบเล่มแรกฟาดมาเกือบจะถึงตัว จึงขยับร่างเพียงเล็กน้อยเพื่อหลบหลีกอย่างง่ายดาย พร้อมกับชักดาบยาวที่ข้างเอวออกมาในชั่วพริบตา

เคร้ง! ฉึ่ก! ฉึ่ก!

เสียงโลหะกระทบกันและเสียงดาบที่กรีดผ่านเนื้อหนังดังขึ้นเกือบจะพร้อมกัน ภาพที่ปรากฏต่อสายตาของทุกคนคือ ร่างของคนร้ายสองคนทรุดลงกับพื้นพร้อมกับโลหิตที่ทะลักออกจากบาดแผลฉกรรจ์ ส่วนอีกสองคนที่เหลือถูกอู่ เลี่ยและทหารพยัคฆ์ทมิฬจัดการไปเรียบร้อยแล้ว การต่อสู้จบลงในชั่วอึดใจเดียว!

เซี่ย เหยาเหยายืนตัวสั่นอยู่ด้านหลังแผ่นหลังที่กว้างและอบอุ่นของเขา นางมองเห็นเพียงความดุดันและไร้ความปรานีในการสังหารศัตรู แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เถี่ย อ้าวเทียนหันกลับมามองนาง แววตาที่เคยเย็นชาบัดนี้เต็มไปด้วยความกังวลอย่างปิดไม่มิด "เจ้า...เป็นอะไรหรือไม่?"

นางส่ายหน้าช้าๆ "ข้า...ข้าไม่เป็นไร"

เขากวาดสายตามองสำรวจร่างของนางอย่างรวดเร็ว เมื่อแน่ใจว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ จึงถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่ใบหน้าจะกลับมาเคร่งขรึมดังเดิม เขาหันไปสั่งการอู่ เลี่ยเสียงเข้ม "นำตัวคนที่ยังไม่ตายไปสอบสวนให้ได้ความว่าใครส่งพวกมันมา! และหลังจากนี้ไป ให้จัดทหารฝีมือดีอารักขาคุณหนูเซี่ยตลอดยี่สิบสี่ชั่วยาม! หากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ข้าจะเอาเรื่องพวกเจ้าทุกคน!"

"ขอรับท่านแม่ทัพ!"

จากนั้นเขาก็หันกลับมามองนางอีกครั้ง "กลับไปที่จวนเสีย ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับเจ้าอีกต่อไปแล้ว"

พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไปเพื่อจัดการกับสถานการณ์ที่เหลือ ทิ้งให้เซี่ย เหยาเหยายืนมองตามแผ่นหลังที่องอาจของเขาไปจนลับสายตา หัวใจของนางเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...ภาพที่เขาปรากฏตัวขึ้นมาปกป้องนางในยามคับขันนั้น ได้สลักลึกลงไปในใจของนางเสียแล้ว

Continue a ler este livro gratuitamente
Escaneie o código para baixar o App

Último capítulo

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทพิเศษที่ 4 ยุคสมัยแห่งสันติภาพ

    ห้าปีต่อมา...กาลเวลาได้เคลื่อนผ่านไปดุจสายน้ำที่ไม่เคยไหลย้อนกลับนำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่แผ่นดินต้าหลงอย่างช้าๆ แต่มั่นคง รัชศก "่เถี่ยหลง" ปีที่แปด ได้ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองอย่างแท้จริงเมืองหลวงต้าหลงที่เคยบอบช้ำจากสงครามกลางเมือง บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นมหานครที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาและเจริญรุ่งเรืองที่สุดในแผ่นดิน ถนนหนทางที่เคยว่างเปล่าและเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง บัดนี้กลับกว้างขวางและปูด้วยหินอย่างดี สองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านค้าที่เปิดกิจการอย่างคึกคัก พ่อค้าจากแดนไกลนำขบวนคาราวานอูฐบรรทุกเครื่องเทศและอัญมณีเข้ามาไม่ขาดสาย เสียงต่อรองราคา เสียงหัวเราะของเด็กๆ และเสียงดนตรีจากโรงน้ำชาดังผสมผสานกันเป็นบทเพลงแห่งสันติภาพ ผู้คนจากมณฑลอันเป่ยเดินทางเข้ามาค้าขายและตั้งรกราก แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและสินค้ากับชาวต้าหลงอย่างกลมเกลียว กำแพงที่เคยกั้นพรมแดนได้ทลายลงและกำแพงในใจของผู้คนก็ได้ทลายลงตามไปด้วยภายใต้การปกครองของฮ่องเต้เถี่ยหลง แผ่นดินได้เข้าสู่ยุคสมัยแห่งสันติภาพอย่างแท้จริง พระองค์ทรงเป็นฮ่องเต้ที่น่าเกรงขามในท้องพระโรง แต่ก็ทรงเป็นบิดาแห่งแผ่นดิ

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทพิเศษที่ 3 เมล็ดพันธุ์แห่งอนาคต

    กาลเวลาผ่านไปสามปี...ภายใต้การปกครองของฮ่องเต้เถี่ยหลง และฮองเฮาเซี่ย เหยาเหยา แผ่นดินต้าหลงที่เคยบอบช้ำจากสงครามได้ค่อยๆ ฟื้นคืนชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้งดุจผืนดินที่แห้งแล้งได้รับสายฝนแห่งวสันตฤดู นโยบายลดหย่อนภาษีได้สิ้นสุดลงตามกำหนด แต่ราษฎรกลับไม่รู้สึกเดือดร้อน เพราะบัดนี้พวกเขามีพืชผลเต็มยุ้งฉาง มีสินค้าเต็มร้านค้า และมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า กรมบูรณะแผ่นดินภายใต้การนำของเสนาบดีเหวิน จ้าว ได้ทำงานอย่างแข็งขัน ถนนหนทางที่เคยพังทลายได้รับการซ่อมแซมจนเรียบสนิท สะพานใหม่ที่แข็งแรงทอดข้ามแม่น้ำสายสำคัญ กำแพงเมืองที่เคยเป็นแผลเป็นจากสงครามได้รับการบูรณะจนกลับมาสง่างามยิ่งกว่าเดิมบัณฑิตหน้าใหม่ที่ผ่านการสอบคัดเลือกอย่างโปร่งใสได้เข้ารับตำแหน่งขุนนางตามหัวเมืองต่างๆ พวกเขานำความรู้และความกระตือรือร้นเข้าไปปฏิรูประบบราชการที่เคยเฉื่อยชาและเต็มไปด้วยการทุจริตให้กลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง มณฑลอันเป่ยที่เคยเป็นดินแดนของศัตรู บัดนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินอย่างสมบูรณ์ เส้นทางการค้าสายใหม่ที่ตัดขึ้นได้นำพาความเจริญรุ่งเรืองไปสู่ดินแดนทางเหนืออย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนทุกสิ่งทุกอย่างดำเ

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทพิเศษที่ 2 รุ่งอรุณแห่งราชวงศ์ใหม่

    เสียงระฆังยามเช้าดังกังวานไปทั่วทั้งพระราชวังเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นวันใหม่ หลังจากที่ได้รับสมเด็จพระพันปีหลวงองค์ใหม่ ผู้ซึ่งบัดนี้ได้ประทับอยู่ในตำหนักฉือหนิงที่ได้รับการบูรณะอย่างงดงามที่สุด สมพระเกียรติแห่งมารดาแห่งแผ่นดินภายในห้องบรรทมที่โอ่อ่าและกว้างขวาง ฮ่องเต้หนุ่มเพิ่งจะตื่นจากบรรทม แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าสาดส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามาอาบไล้ร่างเปลือยเปล่าของฮองเฮาเซี่ย เหยาเหยา ที่ยังคงนอนหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของพระองค์อย่างสงบ พระองค์ใช้เวลาชั่วครู่หนึ่งทอดพระเนตรมองใบหน้าอันเป็นที่รักยิ่ง ภาระหนักอึ้งที่รอคอยอยู่ภายนอกห้องนี้ดูเหมือนจะเบาบางลงเสมอเมื่อมีนางอยู่เคียงข้าง พระองค์จุมพิตหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเหล่านางกำนัลและขันทีเข้ามาช่วยพระองค์สวมฉลองพระองค์มังกรเต็มยศอย่างคล่องแคล่วและเงียบกริบ ทุกขั้นตอนล้วนเป็นไปตามแบบแผนที่สืบทอดกันมานับร้อยปี แต่สำหรับเถี่ย อ้าวเทียนแล้ว ความรู้สึกกลับแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง น้ำหนักของผ้าไหมปักดิ้นทองลายมังกรห้าเล็บนี้ ให้ความรู้สึกหนักอึ้งยิ่งกว่าชุดเกราะเหล็กกล้าท

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทพิเศษที่ 1 รอยอดีต

    ยี่สิบกว่าปีก่อน...ค่ำคืนนั้น...เมืองหลวงต้าหลงไม่ได้สว่างไสวไปด้วยแสงโคมไฟเช่นทุกคืน แต่กลับถูกบดบังด้วยเงามืดแห่งการทรยศและความตาย สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสายราวกับหยาดน้ำตาของสวรรค์ ชะล้างคราบเลือดที่เริ่มไหลนองไปตามพื้นศิลาของพระราชวังต้องห้ามภายในตำหนักบูรพาที่เคยโอ่อ่าและเปี่ยมด้วยเกียรติยศ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและเสียงกรีดร้องที่ถูกกลบด้วยเสียงลมพายุที่โหมกระหน่ำอยู่ภายนอก“พระชายา! พวกมันบุกเข้ามาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ทหารองครักษ์ผู้ภักดีนายหนึ่งในสภาพที่โชกเลือด วิ่งเข้ามารายงานพระชายาเอกแห่งองค์รัชทายาทหลงหยวน สตรีผู้ซึ่งเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนยังคงเป็นที่เคารพสูงสุดในตำหนักบูรพา แต่บัดนี้กลับกลายเป็นนักโทษที่รอวันถูกประหาร“แม่ทัพเถี่ยจง...สิ้นแล้ว” เขากล่าวเสียงสั่น น้ำตาไหลปะปนกับเลือดบนใบหน้า “เขาและทหารองครักษ์ที่เหลือยอมสละชีวิตเพื่อซื้อเวลาให้พวกเรา ได้โปรด...ได้โปรดพาองค์ชายน้อยหนีไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ”พระชายาเอกสตรีผู้มีแซ่เดิมว่า ‘เถี่ย’ นางยืนนิ่งราวกับรูปสลักหิน น้ำตาไหลรินลงมาอาบแก้มงามอย่างเงียบงัน นางไม่ได้ร่ำไห้ให้แก่ชะตากรรมของตนเอง แต่ร่ำไห้ให้แก่บุรุ

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทที่ 43 เริ่มต้นราชวงศ์ใหม่ ( End )

    หลายวันผ่านไปนับจากค่ำคืนแห่งการหลอมรวมอันเร่าร้อนแม้เปลวไฟสงครามจะมอดดับลงแล้ว แต่ภายในเมืองหลวงต้าหลง บรรยากาศกลับคุกรุ่นไปด้วยความตึงเครียดทางการเมืองที่มองไม่เห็น แผ่นดินที่บัดนี้แผ่ไพศาลจากการรวมดินแดนเป่ยหมันเข้ามาเป็นมณฑลใหม่ ไม่ต่างอะไรจากพญามังกรไร้เศียร แม้จะมีอำนาจอันน่าเกรงขาม แต่ก็ไร้ทิศทางและขาดผู้บัญชาการที่แท้จริงข่าวการตัดสินใจอันเปี่ยมด้วยเมตตาของเถี่ย อ้าวเทียน ที่มอบสถานะพลเมืองให้แก่ชาวเป่ยหมันได้แพร่กระจายไปทั่วหล้า มันได้ซื้อใจผู้คนในดินแดนใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ได้สร้างความกังวลให้แก่เหล่าขุนนางเก่าแก่ในเมืองหลวง การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เกินไปจำเป็นต้องมีผู้ปกครองที่เด็ดขาดและมีอำนาจเบ็ดเสร็จมาควบคุมสถานการณ์ณ ท้องพระโรงที่กำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เหวิน จ้าว กำลังยืนตรวจดูความคืบหน้าของการก่อสร้างบัลลังก์องค์ใหม่ บัลลังก์เก่าที่ผุพังและเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ก่อนได้ถูกทำลายไปแล้ว บัลลังก์ที่กำลังจะมาแทนที่นั่นยิ่งใหญ่และสง่างามกว่าเดิมหลายเท่าตัว มันถูกแกะสลักขึ้นจากไม้จันทน์ทองคำอันเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่หา

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทที่ 42 การกลับมาของพญามังกร NC

    กาลเวลาผ่านไปนานกว่าสองเดือนสองเดือนที่เปลวไฟแห่งสงครามได้มอดดับลงอย่างสมบูรณ์ สองเดือนที่แผ่นดินต้าหลงได้เริ่มต้นการฟื้นฟูครั้งยิ่งใหญ่ และสองเดือน.ที่หัวใจของสตรีนางหนึ่งเฝ้ารอคอยการกลับมาของบุรุษอันเป็นที่รักบนเส้นทางหลวงที่ทอดยาวมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง เงาทะมึนของกองทัพที่ยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นที่ปลายขอบฟ้า มันคือภาพที่น่าเกรงขามและเปี่ยมด้วยเกียรติยศอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนกองทัพต้าหลงกำลังเดินทางกลับบ้านเถี่ย อ้าวเทียน ในชุดเกราะเต็มยศสีนิลกาฬ ควบม้าสงครามสีดำทมิฬนำอยู่หน้าสุดของกองทัพ ธงมังกรสีดำขลิบทองโบกสะบัดอย่างทระนงอยู่เบื้องหลังเขา แววตาที่เคยเย็นชาและเต็มไปด้วยไอสังหาร บัดนี้กลับฉายแววแห่งความเหนื่อยล้าแต่ก็เปี่ยมด้วยความสงบนิ่งและอำนาจของราชันย์ผู้แท้จริงเบื้องหลังเขาคือเหล่าทหารหาญนับแสนที่เดินทัพกลับมาในฐานะวีรบุรุษ และเชลยศึกราชวงศ์เป่ยหมันที่เดินตามมาในฐานะทาสที่จะต้องมาชดใช้กรรมด้วยแรงงานของตนเองเมื่อกองทัพเดินทางมาถึงหน้าประตูเมืองหลวงเสียงโห่ร้องที่ดังราวกับแผ่นดินจะถล่มก็ได้ดังขึ้นประชาชนนับล้านออกมายืนรอต้อนรับพวกเขาสองข้างทางพวกเขาโยนดอกไม้โปรยปรายกระดาษสี และตะโก

Mais capítulos
Explore e leia bons romances gratuitamente
Acesso gratuito a um vasto número de bons romances no app GoodNovel. Baixe os livros que você gosta e leia em qualquer lugar e a qualquer hora.
Leia livros gratuitamente no app
ESCANEIE O CÓDIGO PARA LER NO APP
DMCA.com Protection Status