Início / รักโบราณ / บุปผาเคียงบัลลังก์รบ / บทที่ 8 ราชโองการประหาร

Compartilhar

บทที่ 8 ราชโองการประหาร

last update Última atualização: 2025-12-07 14:44:54

กาลเวลาในเมืองจินไห่ดูเหมือนจะเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่ทว่าหนักอึ้งดุจหินผาที่กำลังจะร่วงหล่นลงมาจากยอดเขา ข่าวคราวการกลับไปของคณะผู้เชิญราชโองการสร้างความตึงเครียดที่มองไม่เห็นแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง แม้ชาวเมืองจะยังคงใช้ชีวิตตามปกติ แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่านี่คือความสงบก่อนพายุจะมาถึง พวกเขามีศรัทธาในตัวแม่ทัพเถี่ย อ้าวเทียนอย่างเต็มเปี่ยม แต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ว่าอำนาจจากราชสำนักที่อยู่ห่างไกลนั้นจะนำพาหายนะแบบใดมาสู่บ้านของพวกเขา

ณ จวนเจ้าเมือง บรรยากาศยิ่งน่าอึดอัดกว่าที่ใดๆ เจ้าเมืองเซี่ยมีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขานั่งไม่ติดที่ เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องหนังสือราวกับหนูติดจั่น ความกล้าหาญที่เคยลุกขึ้นยืนหยัดเคียงข้างเถี่ย อ้าวเทียนในวันนั้น บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยความวิตกกังวลต่ออนาคตของตระกูลและผู้คนในเมือง

"ท่านพ่อ ท่านอย่าได้กังวลไปเลยเจ้าค่ะ" เซี่ย เหยาเหยาที่นำชาเข้ามาให้กล่าวปลอบโยน นางสังเกตเห็นริ้วรอยบนใบหน้าของบิดาที่ดูเหมือนจะลึกขึ้นกว่าเดิมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา "ท่านแม่ทัพเถี่ยเป็นคนสุขุมรอบคอบ เขาต้องมีแผนรับมือไว้อย่างแน่นอน"

"เหยาเอ๋อร์...เจ้ารู้หรือไม่ว่าการท้าทายราชสำนักนั้นมีโทษร้ายแรงเพียงใด" เจ้าเมืองเซี่ยถอนหายใจยาว "นี่ไม่ใช่แค่การขัดราชโองการสมรส แต่เป็นการประกาศตนเป็นศัตรูกับราชวงศ์โดยตรง พ่อไม่กลัวตาย แต่พ่อกลัวว่าเจ้าและผู้คนบริสุทธิ์ในเมืองนี้จะต้องมาเดือดร้อนไปด้วย"

"แต่การยอมจำนนก็เท่ากับเป็นการส่งข้าไปตายมิใช่หรือเจ้าคะ" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น "และยังเป็นการมอบกองทัพที่เหล่าทหารหาญยอมสละชีพปกป้องให้แก่คนที่ไม่เห็นค่าอีกด้วย หากเป็นเช่นนั้น ข้ายอมตายที่นี่เสียยังจะดีกว่า"

คำพูดที่เด็ดเดี่ยวของบุตรสาวทำให้เจ้าเมืองเซี่ยถึงกับตกตะลึง เขามองเห็นเงาของภรรยาผู้ล่วงลับซ้อนทับอยู่บนร่างของนาง...ความอ่อนโยนที่แฝงไว้ด้วยความเข้มแข็งที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา

ในขณะที่เมืองจินไห่กำลังรอคอยอย่างเงียบงัน พายุลูกแรกจากเมืองหลวงก็ได้พัดมาถึงเร็วกว่าที่คาดไว้

ราชโองการฉบับใหม่ถูกส่งมาถึงเมืองจินไห่อย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้ไม่ได้มาพร้อมกับขบวนที่โอ่อ่าหรูหรา แต่กลับมาพร้อมกับทหารม้าเร็วหลายสิบนายที่เต็มไปด้วยไอสังหาร พวกเขาไม่ได้เข้ามาในเมือง แต่กลับปักหลักอยู่ที่นอกประตูเมืองทิศเหนือ แล้วนำราชโองการสีทองอร่ามม้วนหนึ่งไปติดไว้บนป้ายประกาศขนาดใหญ่ที่หน้าประตูเมือง เพื่อให้ทุกคนที่ผ่านไปมาได้เห็นอย่างชัดเจน

เนื้อหาในราชโองการนั้นสั้นกระชับ แต่ทุกถ้อยคำกลับเฉียบคมและโหดเหี้ยมราวกับใบมีดอาบยาพิษ!

"ราชโองการสวรรค์...แม่ทัพชายแดนใต้ เถี่ย อ้าวเทียน มีจิตใจมักใหญ่ใฝ่สูง เหิมเกริมท้าทายอำนาจเบื้องสูง ขัดขืนราชโองการ และกล่าววาจาลบหลู่ราชวงศ์ ถือเป็นกบฏต่อแผ่นดิน บัดนี้ราชสำนักจึงมีบัญชา ให้ถอดยศและตำแหน่งทั้งหมดของมันออกจากสารบบขุนนาง นับแต่นี้ไป เถี่ย อ้าวเทียน คือกบฏแผ่นดิน ผู้ใดให้ที่พักพิงหรือให้ความร่วมมือ ให้ถือว่าเป็นพวกเดียวกับกบฏ มีโทษประหารเก้าชั่วโคตร! ผู้ใดสามารถเด็ดศีรษะของกบฏเถี่ย อ้าวเทียน มาขึ้นถวายได้ จะได้รับยศถาบรรดาศักดิ์และเงินทองรางวัลอย่างงาม! ประกาศให้ทราบทั่วกัน!"

สิ้นเสียงของนายทหารที่อ่านประกาศ ข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองจินไห่ราวกับไฟลามทุ่ง!

แต่สิ่งที่ราชสำนักคาดไม่ถึงก็คือ แทนที่ชาวเมืองจะเกิดความหวาดกลัว และตีตัวออกห่างจากเถี่ย อ้าวเทียน พวกเขากลับระเบิดความโกรธแค้นออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

"บัดซบสิ้นดี!" ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่เพิ่งอ่านประกาศจบตะโกนก้อง "ท่านแม่ทัพเถี่ยปกป้องพวกเรามานานนับสิบปี ขับไล่โจรป่า ขับไล่พวกโจรสลัด ปกป้องเมืองสังหารศัตรู ทำให้พวกเรามีชีวิตที่สงบสุข แต่ราชสำนักกลับตอบแทนเขาด้วยการตราหน้าว่าเป็นกบฏ! นี่มันสวรรค์ประเภทไหนกัน!"

"ใช่แล้ว! หากไม่มีท่านแม่ทัพ ป่านนี้เมืองจินไห่คงถูกพวกโจรเหยียบย่ำไปนานแล้ว! ราชสำนักเคยส่งทหารมาช่วยเราบ้างไหม! เคยส่งเสบียงมาให้เราบ้างไหม! ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว!"

"ในสายตาข้า ท่านแม่ทัพเถี่ยคือผู้ปกป้องที่แท้จริง! ส่วนคนในเมืองหลวงนั่นแหละคือกบฏที่ทรยศต่อประชาชน!"

เสียงสนับสนุนดังกึกก้องไปทั่วทั้งเมือง ความจงรักภักดีที่ชาวเมืองมีต่อเถี่ย อ้าวเทียนนั้นถูกหล่อหลอมขึ้นจากคุณงามความดีที่จับต้องได้ ไม่ใช่ตำแหน่งลอยๆ ที่ราชสำนักมอบให้ ราชโองการฉบับนี้ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถทำลายความชอบธรรมของเขาได้ แต่กลับยิ่งทำให้ชาวเมืองรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับเขามากขึ้นไปอีก

ข่าวนี้ย่อมไปถึงจวนเจ้าเมืองเช่นกัน เซี่ย เหยาเหยาที่ได้ทราบข่าวจากสาวใช้ถึงกับหน้าถอดสี นางรีบวิ่งไปยังห้องหนังสือของบิดาทันที

"ท่านพ่อ! เรื่องราชโองการ..."

นางเห็นบิดานั่งนิ่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือ ใบหน้าของเขามีสีหน้ากังวลออกมีอย่างชัดเจน "พ่อรู้แล้ว..." เขาตอบเสียงแหบโรย "ราชสำนักลงมือแล้วจริงๆ ...และยังลงมืออย่างโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้"

"แล้ว...แล้วท่านแม่ทัพเล่าเจ้าคะ?" นางถามด้วยความเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง "เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง?"

"พ่อก็ไม่รู้...พ่อไม่รู้อะไรทั้งสิ้น" เจ้าเมืองเซี่ยส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง "นี่คือการประกาศสงครามที่ชัดเจนที่สุด พวกเขากำลังบีบให้เราต้องเลือกข้างอย่างไม่มีทางถอย"

ณ ค่ายพยัคฆ์ทมิฬ บรรยากาศยิ่งร้อนระอุราวกับจะเกิดสงครามขึ้นได้ทุกเมื่อ เหล่าทหารหาญเมื่อได้ทราบข่าวต่างกำหมัดแน่นด้วยความโกรธแค้น พวกเขาเคารพและภักดีต่อแม่ทัพของตนยิ่งกว่าฮ่องเต้ที่อยู่ห่างไกล การกระทำของราชสำนักเปรียบเสมือนการเหยียบย่ำเกียรติและศักดิ์ศรีของพวกเขาทุกคน

"ไอ้พวกสารเลวเมืองหลวง!" อู่ เลี่ยทุบโต๊ะบัญชาการจนเกิดรอยร้าว "พวกมันกล้าทำกับท่านแม่ทัพถึงเพียงนี้ ข้าจะนำทหารบุกไปฆ่าพวกมันให้หมด!"

"ใจเย็นก่อนท่านขุนพลอู่" เหวิน จ้าวกล่าวอย่างสุขุม แม้ในแววตาของเขาจะฉายแววเย็นชาเช่นกัน "นี่เป็นเพียงพายุลูกแรกเท่านั้น ราชสำนักไม่มีทางหยุดอยู่แค่นี้แน่ การที่เราโกรธแค้นจนขาดสติ ก็เท่ากับเดินตามหมากที่พวกมันวางไว้"

เถี่ย อ้าวเทียนยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับว่าราชโองการประหารนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลยแม้แต่น้อย เขายกจอกชาขึ้นจิบอย่างเชื่องช้า ความสงบนิ่งของเขาช่างขัดแย้งกับบรรยากาศที่ร้อนระอุรอบกายอย่างสิ้นเชิง

"แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปขอรับท่านแม่ทัพ?" อู่ เลี่ยถามอย่างร้อนใจ "เราจะปล่อยให้พวกมันตราหน้าท่านว่าเป็นกบฏเช่นนี้เฉยๆ หรือขอรับ!"

เถี่ย อ้าวเทียนวางจอกชาลงเบาๆ "แล้วการเป็นกบฏในสายตาของคนโง่เขลา...มันน่ากลัวตรงไหนกัน?"

คำพูดของเขาทำให้ทั้งอู่ เลี่ยและเหวิน จ้าวถึงกับนิ่งอึ้งไป

"ตำแหน่งแม่ทัพที่ราชสำนักมอบให้ ข้าไม่เคยต้องการมันอยู่แล้ว" เขากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "สิ่งที่ข้าเป็น...คือสิ่งที่เหล่าพี่น้องทหารหาญและประชาชนชาวจินไห่ยอมรับ ไม่ใช่กระดาษแผ่นเดียวที่ส่งมาจากเมืองหลวง"

เขาหันไปมองหน้าขุนพลทั้งสอง "พวกมันต้องการให้เราตื่นตระหนก ต้องการให้เราโกรธแค้นจนขาดสติ และลงมือทำอะไรโง่ๆ เพื่อที่พวกมันจะได้มีข้ออ้างในการกล่าวโทษเราอย่างเต็มที่"

เหวิน จ้าวพยักหน้าเห็นด้วย "เป็นดังที่ท่านแม่ทัพกล่าวขอรับ"

"แต่นี่ไม่ใช่แผน โยนหินถามทาง" เถี่ย อ้าวเทียนกล่าวต่อ แววตาของเขาทอประกายเฉียบคม "พวกมันไม่ได้กำลังทดสอบเรา แต่เป็นเพราะในตอนนี้...นี่คือสิ่งเดียวที่พวกมันทำได้"

"หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ?" อู่ เลี่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

"กองทัพของพวกมันติดพันศึกหนักที่แดนเหนือจนขยับตัวไม่ได้ การจะส่งทัพมาปราบเราในทันทีนั้นเป็นไปไม่ได้" เถี่ย อ้าวเทียนอธิบาย "ดังนั้นพวกมันจึงทำได้เพียงใช้เล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองเช่นนี้เพื่อบีบคั้นเรา หวังว่าจะทำให้เราแตกตื่นและพ่ายแพ้ไปเองจากภายใน นี่ไม่ใช่การลองเชิง แต่เป็นหมากตาเดียวที่พวกมันเหลือให้เดินในตอนนี้"

แววตาของเหวินจ้าวทอประกายวาบขึ้นมาอย่างเข้าใจในทันที "ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง...พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่เห่า แต่ไม่อาจกัดได้!"

"ถูกต้อง" เถี่ย อ้าวเทียนกล่าว "ดังนั้น...สิ่งที่เราต้องทำในตอนนี้ก็คือ ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น"

"อะไรนะขอรับ!" อู่ เลี่ยอุทานอย่างไม่อยากเชื่อหู

"ให้ทหารทุกคนฝึกซ้อมตามปกติ แต่ให้เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันเมืองขึ้นอีกเท่าตัว" เถี่ย อ้าวเทียนสั่ง "ข้าอยากจะรอดูว่าเมื่อหินก้อนแรกที่โยนลงมาไม่สามารถสร้างระลอกน้ำได้อย่างที่พวกมันคาดหวัง...พวกมันจะมีแผนการอะไรต่อไป"

ความสงบนิ่งอันน่าประหลาดของเถี่ย อ้าวเทียนค่อยๆ ส่งผลให้บรรยากาศที่ร้อนระอุในค่ายทหารเย็นลง เหล่าทหารแม้จะยังคงโกรธแค้น แต่เมื่อเห็นผู้นำของตนยังคงสุขุมเยือกเย็น พวกเขาก็กลับมามีสติและเชื่อมั่นในแผนการของเขาอีกครั้ง

คืนนั้น แสงจันทร์สาดส่องลงมาอาบไล้เมืองจินไห่ให้ดูงดงามแต่แฝงไว้ด้วยความเยือกเย็น เถี่ย อ้าวเทียนไม่ได้กลับไปพักผ่อนที่จวนของตน แต่กลับมายืนอยู่บนกำแพงเมืองที่สูงที่สุด ทอดสายตามองออกไปยังทิศที่ตั้งของเมืองหลวงอันห่างไกล

สายลมยามค่ำคืนพัดปะทะใบหน้าของเขา ทำให้เรือนผมสีดำสนิทปลิวไสวเล็กน้อย แววตาที่เคยเรียบเฉยบัดนี้กลับลุ่มลึกจนยากจะหยั่งถึง...ราชโองการประหารรึ? ช่างน่าขันสิ้นดี...ชีวิตของเขา...เขาเกือบจะสูญเสียมันไปตั้งแต่ตอนอายุสามขวบแล้วไม่ใช่หรือ? หากไม่มีท่านลุงเซี่ยและเหล่าทหารหาญผู้ภักดีของบิดาช่วยเหลือไว้ ป่านนี้ร่างของเขาคงกลายเป็นธุลีดินไปนานแล้ว

สิ่งที่ราชสำนักทำในวันนี้...ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย...มันเพียงแค่ตอกย้ำความแค้นที่สุมอยู่ในอกมานานหลายสิบปีให้ลุกโชนยิ่งขึ้นไปอีก!

พายุลูกแรกได้พัดผ่านไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงความโกรธแค้นที่รอวันปะทุ และบัดนี้ ทั้งเมืองจินไห่ต่างกำลังเงี่ยหูรอฟังว่าเสียงของพายุลูกต่อไปจะดังมาจากทิศทางใด

Continue a ler este livro gratuitamente
Escaneie o código para baixar o App

Último capítulo

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทพิเศษที่ 4 ยุคสมัยแห่งสันติภาพ

    ห้าปีต่อมา...กาลเวลาได้เคลื่อนผ่านไปดุจสายน้ำที่ไม่เคยไหลย้อนกลับนำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่แผ่นดินต้าหลงอย่างช้าๆ แต่มั่นคง รัชศก "่เถี่ยหลง" ปีที่แปด ได้ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองอย่างแท้จริงเมืองหลวงต้าหลงที่เคยบอบช้ำจากสงครามกลางเมือง บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นมหานครที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาและเจริญรุ่งเรืองที่สุดในแผ่นดิน ถนนหนทางที่เคยว่างเปล่าและเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง บัดนี้กลับกว้างขวางและปูด้วยหินอย่างดี สองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านค้าที่เปิดกิจการอย่างคึกคัก พ่อค้าจากแดนไกลนำขบวนคาราวานอูฐบรรทุกเครื่องเทศและอัญมณีเข้ามาไม่ขาดสาย เสียงต่อรองราคา เสียงหัวเราะของเด็กๆ และเสียงดนตรีจากโรงน้ำชาดังผสมผสานกันเป็นบทเพลงแห่งสันติภาพ ผู้คนจากมณฑลอันเป่ยเดินทางเข้ามาค้าขายและตั้งรกราก แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและสินค้ากับชาวต้าหลงอย่างกลมเกลียว กำแพงที่เคยกั้นพรมแดนได้ทลายลงและกำแพงในใจของผู้คนก็ได้ทลายลงตามไปด้วยภายใต้การปกครองของฮ่องเต้เถี่ยหลง แผ่นดินได้เข้าสู่ยุคสมัยแห่งสันติภาพอย่างแท้จริง พระองค์ทรงเป็นฮ่องเต้ที่น่าเกรงขามในท้องพระโรง แต่ก็ทรงเป็นบิดาแห่งแผ่นดิ

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทพิเศษที่ 3 เมล็ดพันธุ์แห่งอนาคต

    กาลเวลาผ่านไปสามปี...ภายใต้การปกครองของฮ่องเต้เถี่ยหลง และฮองเฮาเซี่ย เหยาเหยา แผ่นดินต้าหลงที่เคยบอบช้ำจากสงครามได้ค่อยๆ ฟื้นคืนชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้งดุจผืนดินที่แห้งแล้งได้รับสายฝนแห่งวสันตฤดู นโยบายลดหย่อนภาษีได้สิ้นสุดลงตามกำหนด แต่ราษฎรกลับไม่รู้สึกเดือดร้อน เพราะบัดนี้พวกเขามีพืชผลเต็มยุ้งฉาง มีสินค้าเต็มร้านค้า และมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า กรมบูรณะแผ่นดินภายใต้การนำของเสนาบดีเหวิน จ้าว ได้ทำงานอย่างแข็งขัน ถนนหนทางที่เคยพังทลายได้รับการซ่อมแซมจนเรียบสนิท สะพานใหม่ที่แข็งแรงทอดข้ามแม่น้ำสายสำคัญ กำแพงเมืองที่เคยเป็นแผลเป็นจากสงครามได้รับการบูรณะจนกลับมาสง่างามยิ่งกว่าเดิมบัณฑิตหน้าใหม่ที่ผ่านการสอบคัดเลือกอย่างโปร่งใสได้เข้ารับตำแหน่งขุนนางตามหัวเมืองต่างๆ พวกเขานำความรู้และความกระตือรือร้นเข้าไปปฏิรูประบบราชการที่เคยเฉื่อยชาและเต็มไปด้วยการทุจริตให้กลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง มณฑลอันเป่ยที่เคยเป็นดินแดนของศัตรู บัดนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินอย่างสมบูรณ์ เส้นทางการค้าสายใหม่ที่ตัดขึ้นได้นำพาความเจริญรุ่งเรืองไปสู่ดินแดนทางเหนืออย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนทุกสิ่งทุกอย่างดำเ

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทพิเศษที่ 2 รุ่งอรุณแห่งราชวงศ์ใหม่

    เสียงระฆังยามเช้าดังกังวานไปทั่วทั้งพระราชวังเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นวันใหม่ หลังจากที่ได้รับสมเด็จพระพันปีหลวงองค์ใหม่ ผู้ซึ่งบัดนี้ได้ประทับอยู่ในตำหนักฉือหนิงที่ได้รับการบูรณะอย่างงดงามที่สุด สมพระเกียรติแห่งมารดาแห่งแผ่นดินภายในห้องบรรทมที่โอ่อ่าและกว้างขวาง ฮ่องเต้หนุ่มเพิ่งจะตื่นจากบรรทม แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าสาดส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามาอาบไล้ร่างเปลือยเปล่าของฮองเฮาเซี่ย เหยาเหยา ที่ยังคงนอนหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของพระองค์อย่างสงบ พระองค์ใช้เวลาชั่วครู่หนึ่งทอดพระเนตรมองใบหน้าอันเป็นที่รักยิ่ง ภาระหนักอึ้งที่รอคอยอยู่ภายนอกห้องนี้ดูเหมือนจะเบาบางลงเสมอเมื่อมีนางอยู่เคียงข้าง พระองค์จุมพิตหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเหล่านางกำนัลและขันทีเข้ามาช่วยพระองค์สวมฉลองพระองค์มังกรเต็มยศอย่างคล่องแคล่วและเงียบกริบ ทุกขั้นตอนล้วนเป็นไปตามแบบแผนที่สืบทอดกันมานับร้อยปี แต่สำหรับเถี่ย อ้าวเทียนแล้ว ความรู้สึกกลับแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง น้ำหนักของผ้าไหมปักดิ้นทองลายมังกรห้าเล็บนี้ ให้ความรู้สึกหนักอึ้งยิ่งกว่าชุดเกราะเหล็กกล้าท

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทพิเศษที่ 1 รอยอดีต

    ยี่สิบกว่าปีก่อน...ค่ำคืนนั้น...เมืองหลวงต้าหลงไม่ได้สว่างไสวไปด้วยแสงโคมไฟเช่นทุกคืน แต่กลับถูกบดบังด้วยเงามืดแห่งการทรยศและความตาย สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสายราวกับหยาดน้ำตาของสวรรค์ ชะล้างคราบเลือดที่เริ่มไหลนองไปตามพื้นศิลาของพระราชวังต้องห้ามภายในตำหนักบูรพาที่เคยโอ่อ่าและเปี่ยมด้วยเกียรติยศ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและเสียงกรีดร้องที่ถูกกลบด้วยเสียงลมพายุที่โหมกระหน่ำอยู่ภายนอก“พระชายา! พวกมันบุกเข้ามาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ทหารองครักษ์ผู้ภักดีนายหนึ่งในสภาพที่โชกเลือด วิ่งเข้ามารายงานพระชายาเอกแห่งองค์รัชทายาทหลงหยวน สตรีผู้ซึ่งเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนยังคงเป็นที่เคารพสูงสุดในตำหนักบูรพา แต่บัดนี้กลับกลายเป็นนักโทษที่รอวันถูกประหาร“แม่ทัพเถี่ยจง...สิ้นแล้ว” เขากล่าวเสียงสั่น น้ำตาไหลปะปนกับเลือดบนใบหน้า “เขาและทหารองครักษ์ที่เหลือยอมสละชีวิตเพื่อซื้อเวลาให้พวกเรา ได้โปรด...ได้โปรดพาองค์ชายน้อยหนีไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ”พระชายาเอกสตรีผู้มีแซ่เดิมว่า ‘เถี่ย’ นางยืนนิ่งราวกับรูปสลักหิน น้ำตาไหลรินลงมาอาบแก้มงามอย่างเงียบงัน นางไม่ได้ร่ำไห้ให้แก่ชะตากรรมของตนเอง แต่ร่ำไห้ให้แก่บุรุ

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทที่ 43 เริ่มต้นราชวงศ์ใหม่ ( End )

    หลายวันผ่านไปนับจากค่ำคืนแห่งการหลอมรวมอันเร่าร้อนแม้เปลวไฟสงครามจะมอดดับลงแล้ว แต่ภายในเมืองหลวงต้าหลง บรรยากาศกลับคุกรุ่นไปด้วยความตึงเครียดทางการเมืองที่มองไม่เห็น แผ่นดินที่บัดนี้แผ่ไพศาลจากการรวมดินแดนเป่ยหมันเข้ามาเป็นมณฑลใหม่ ไม่ต่างอะไรจากพญามังกรไร้เศียร แม้จะมีอำนาจอันน่าเกรงขาม แต่ก็ไร้ทิศทางและขาดผู้บัญชาการที่แท้จริงข่าวการตัดสินใจอันเปี่ยมด้วยเมตตาของเถี่ย อ้าวเทียน ที่มอบสถานะพลเมืองให้แก่ชาวเป่ยหมันได้แพร่กระจายไปทั่วหล้า มันได้ซื้อใจผู้คนในดินแดนใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ได้สร้างความกังวลให้แก่เหล่าขุนนางเก่าแก่ในเมืองหลวง การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เกินไปจำเป็นต้องมีผู้ปกครองที่เด็ดขาดและมีอำนาจเบ็ดเสร็จมาควบคุมสถานการณ์ณ ท้องพระโรงที่กำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เหวิน จ้าว กำลังยืนตรวจดูความคืบหน้าของการก่อสร้างบัลลังก์องค์ใหม่ บัลลังก์เก่าที่ผุพังและเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ก่อนได้ถูกทำลายไปแล้ว บัลลังก์ที่กำลังจะมาแทนที่นั่นยิ่งใหญ่และสง่างามกว่าเดิมหลายเท่าตัว มันถูกแกะสลักขึ้นจากไม้จันทน์ทองคำอันเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่หา

  • บุปผาเคียงบัลลังก์รบ   บทที่ 42 การกลับมาของพญามังกร NC

    กาลเวลาผ่านไปนานกว่าสองเดือนสองเดือนที่เปลวไฟแห่งสงครามได้มอดดับลงอย่างสมบูรณ์ สองเดือนที่แผ่นดินต้าหลงได้เริ่มต้นการฟื้นฟูครั้งยิ่งใหญ่ และสองเดือน.ที่หัวใจของสตรีนางหนึ่งเฝ้ารอคอยการกลับมาของบุรุษอันเป็นที่รักบนเส้นทางหลวงที่ทอดยาวมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง เงาทะมึนของกองทัพที่ยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นที่ปลายขอบฟ้า มันคือภาพที่น่าเกรงขามและเปี่ยมด้วยเกียรติยศอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนกองทัพต้าหลงกำลังเดินทางกลับบ้านเถี่ย อ้าวเทียน ในชุดเกราะเต็มยศสีนิลกาฬ ควบม้าสงครามสีดำทมิฬนำอยู่หน้าสุดของกองทัพ ธงมังกรสีดำขลิบทองโบกสะบัดอย่างทระนงอยู่เบื้องหลังเขา แววตาที่เคยเย็นชาและเต็มไปด้วยไอสังหาร บัดนี้กลับฉายแววแห่งความเหนื่อยล้าแต่ก็เปี่ยมด้วยความสงบนิ่งและอำนาจของราชันย์ผู้แท้จริงเบื้องหลังเขาคือเหล่าทหารหาญนับแสนที่เดินทัพกลับมาในฐานะวีรบุรุษ และเชลยศึกราชวงศ์เป่ยหมันที่เดินตามมาในฐานะทาสที่จะต้องมาชดใช้กรรมด้วยแรงงานของตนเองเมื่อกองทัพเดินทางมาถึงหน้าประตูเมืองหลวงเสียงโห่ร้องที่ดังราวกับแผ่นดินจะถล่มก็ได้ดังขึ้นประชาชนนับล้านออกมายืนรอต้อนรับพวกเขาสองข้างทางพวกเขาโยนดอกไม้โปรยปรายกระดาษสี และตะโก

Mais capítulos
Explore e leia bons romances gratuitamente
Acesso gratuito a um vasto número de bons romances no app GoodNovel. Baixe os livros que você gosta e leia em qualquer lugar e a qualquer hora.
Leia livros gratuitamente no app
ESCANEIE O CÓDIGO PARA LER NO APP
DMCA.com Protection Status