Share

บทที่ 4

last update Last Updated: 2025-05-26 14:43:01

บทที่ ๔

เข้าใจวิถีก็ดีกว่าอยู่แบบกลวง ๆ

ณ ตำหนักเฉียงหลง

“เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ มีผู้ใดในพระทัยบ้างหรือไม่”

ไท่จื่อฝูจินหลงตรัสถามเสด็จพ่อถึงพิธีการตรวจสอบพลังธาตุของเมื่อวานขณะที่เข้าเฝ้าอย่างเป็นปกติของทุกวัน

ฝูหวงตี้เงยหน้าขึ้นจากฎีกา ถามพระโอรสด้วยคำถาม คำพูดเป็นกันเองบ่งบอกระดับความสนิมสนมของทั้งสองคน

“เจ้าเห็นว่าอย่างไร”

“มีเข้าตาอยู่หลายคนพ่ะย่ะค่ะ ขันทีที่ทำหน้าที่จดรายชื่อผู้มีแววว่าจะสามารถฝึกเข้ากองทัพส่วนพระองค์ได้ เพิ่งส่งมาให้ลูก” ว่าแล้วก็ยื่นรายชื่อถวายเสด็จพ่อ

ฝูหวงตี้รับมาเปิดผ่าน ๆ แล้วยื่นกลับมาให้

“พ่อไว้ใจเจ้า จัดการตามที่เห็นสมควรเถิด”

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”

ไท่จื่อคุกเข่าขอบพระทัยด้วยความนอบน้อมแล้ว กลับมานั่งที่เดิมเมื่อเสด็จพ่อโบกมือเบา ๆ

ในตอนนั้นเองที่ขันทีขานการมาของผู้เข้าเฝ้า

“ฝ่าบาท องค์ชายรองขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

“เชิญ”

สุรเสียงทรงอำนาจกล่าวอนุญาตการเข้าเฝ้าของพระโอรสคนรอง

“ถวายพระพรเสด็จพ่อ ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี”

“มากพิธีไปไยเจ้ารอง ลุกขึ้นมานั่งข้างพี่ชายเจ้า”

ฝูหวงตี้อารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพระโอรสมาเข้าเฝ้าตนโดยพร้อมหน้า

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” สิ้นคำก็ลุกขึ้นถวายพระพรเสด็จพี่ของตนต่อ “เสด็จพี่”

“เมื่อวานเจ้ากล่าวว่าจะกลับพรรคหยิ๋นมี่”

อิริยาบทของฝูหวงตี้ทำให้บรรยากาศภายในตำหนักที่ดูสูงค่านี้ดูผ่อนคลายและอบอุ่นขึ้น

“ขอประทานอภัยที่เปลี่ยนแผนแล้วไม่ได้กราบทูลเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ ท่านอาจารย์เพิ่งส่งจดหมายมาบอกว่าจะกลับมาเยี่ยมจวนสักสองอาทิตย์ ให้ลูกรั้งรออยู่ที่นี่ อย่าเพิ่งกลับพรรคพ่ะย่ะค่ะ”

ฝูหวงตี้มองพระโอรสที่อยู่ในวัย 8 ชันษาแต่กิริยาท่าทางมิได้ต่างจากผู้ใหญ่ ในฐานะฮ่องเต้ย่อมยินดีแต่ในฐานะบิดากลับรู้สึกว่าราชวงศ์บังคับให้เขาต้องโตเกินไป

“ดียิ่ง กุ้ยเฟยทรงบ่นคิดถึงเจ้าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ถือโอกาสอยู่กับนางให้คลายความคิดถึงบ้างก็ดี”

“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่”

ฝูเฮยหลงตอบรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำเอาไท่จื่อที่ไม่ได้หน้านิ่งเหมือนน้องชายถอนหายใจแผ่วเบา

ตั้งแต่ฝากตัวเป็นศิษย์กับรองประมุขพรรคหยิ๋นมี่ตอน 5 ชันษา ฝูเฮยหลงก็กลายเป็นคนไม่ยิ้ม ไม่ร่าเริง ผลจากการโดนท่านอาจารย์ขัดเกลาทั้งด้านวรยุทธ์และจิตใจ

“เจ้ารอง ท่านอาจารย์มีความเห็นอย่างไรกับพลังธาตุของเจ้า”

“ธาตุดินไม่มีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ ส่วนธาตุมืดท่านอาจารย์กล่าวว่าจะจัดการให้”

“การข่าวของท่านอาจารย์เจ้าช่างรวดเร็ว”

“ไม่เพียงการข่าวของท่านอาจารย์เท่านั้น ยามนี้เรื่องที่น้องรองมีพลังธาตุมืดคงปากต่อปากจนเผยแพร่ไปทั้งแคว้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ไท่จื่อพูดด้วยสีหน้าท่าทางยินดีเป็นอย่างยิ่ง ตัวเขามีพลังธาตุมิติหายาก น้องชายยังมีพลังธาตุมืดที่น่ายำเกรงอีก

“ว่าที่ฮ่องเต้มีพลังธาตุมิติ ว่าที่แม่ทัพใหญ่มีพลังธาตุมืด อนาคตของแคว้นฝู พ่อต้องฝากไว้ที่เจ้าสองคนแล้ว”

“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”

ฝูจินหลงและฝูเฮยหลงตอบรับพร้อมกัน บ่าน้อย ๆ ที่ต้องแบกรับความเป็นราชวงศ์ มีหน้าที่อันยิ่งใหญ่หนักอึ้งสร้างความกดดันให้ทั้งสองจนบรรยากาศรอบกายเปลี่ยนไป

ผู้เป็นเสด็จพ่อย่อมเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ แต่โอรสของกษัตริย์ย่อมเป็นเช่นนี้…

จะเลี้ยงแบบตามใจหาได้ไม่!

ณ จวนเสนาบดีกรมพิธีการ

“เจ็บนิ้วไปหมดเลยอาเมี่ยว เตรียมยามาประคบให้ข้าด้วยนะ”

ไช่เซียงฮวาสั่งสาวใช้คนสนิทด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ขณะที่กำลังเดินกลับเรือนหลังจากเรียนพิณร่วมกับพี่สาวน้องสาว

“ทำไมสตรียุคนี้ไม่นิยมเป่าขลุ่ยกันนะ”

เดินไปบ่นไปเสียงเบา แต่ท่วงท่ายังคงความเรียบร้อยตามแบบฉบับคุณหนูทองพันชั่ง

“ตอนไฮสกูลอุตส่าห์พ้นจากคลาสเรียนกีตาร์ได้แล้วแท้ ๆ มานี่ยังหนีไม่พ้นพวกสาย ๆ เป็นเส้น ๆ”

เมื่อเดินมาถึงเรือนส่วนตัว ซูเมี่ยวก็ประคบมือให้คุณหนู ยามเห็นนิ้วมือเล็กแดงก่ำก็รู้สึกปวดใจไม่น้อย

“แดงหมดเลยเจ้าค่ะคุณหนู อดทนอีกนิดนะเจ้าคะ บ่าวได้ยินมาว่าธาตุดินขึ้นชื่อในเรื่องความแข็งแกร่ง หากคุณหนูโคจรพลังธาตุได้แล้วจะช่วยได้มากเจ้าค่ะ”

“ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำแนะนำนะอาเมี่ยว เดี๋ยวพรุ่งนี้ท่านอาจารย์ก็คงเดินทางมาถึง เจ้าไปเตรียมขนมกับน้ำชาให้ข้าที เสร็จแล้วเจ้าก็ไปพักได้เลย ข้าจะอ่านตำราพลังธาตุดินเสียหน่อย”

“เจ้าค่ะคุณหนู”

เมื่อสาวใช้เดินออกไปแล้ว ไช่เซียงฮวาก็เดินไปหยิบตำราพลังธาตุดินทั้งกองที่ได้มาเมื่อวานนี้ มาไว้ที่โต๊ะหนังสือข้างริมหน้าต่าง

เรือนของนางติดกับสวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจวน

ฮูหยินใหญ่และคุณหนูใหญ่แพ้เกสรดอกไม้ คนที่ไม่แพ้อะไรเลยอย่างเซียงฮวาจึงได้เรือนนี้มาครอบครอง

ตำราธาตุดินกองหนาไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเซียงฮวาเท่าตำราสวรรค์หมื่นบุปผาเล่มบาง

วันแรกที่ได้รับตำรามายังไม่รู้วิธีใช้ ไม่มีเนื้อหาในตำราสักตัวจนนางต้องทดลองหลายวิธี

วิธีแรกนางลองใช้พู่กันแต้มกับมะนาวแล้วอังไฟเผื่อจะปรากฏตัวอักษร ผลคือไม่มีสิ่งใดปรากฏขึ้น

พอลองใช้พู่กันจุ่มหมึกเขียนดู เผื่อหนังสือจะโต้ตอบกลับมาอย่างในแฮร์รี่พอร์ตเตอร์บ้าง ก็กลายเป็นว่าเขียนไม่ติด ตอนนั้นนางคิดอย่างขำ ๆ ว่าต้องใช้ปากกาขนนกหรือไม่ถึงจะได้ผล

ลองมาหลายวิธีแล้วก็ยังไม่ได้ผล จนนางเผลอคิดนอกเรื่อง อยากทราบว่าดอกไม้ชนิดใดที่สามารถนำมาคลุกกับแป้งแล้วทอดได้บ้าง

ปรากฏว่า…

ตำราที่นางเปิดค้างไว้จากที่ไม่มีอักษรเลยสักตัวกลับค่อย ๆ ปรากฏตัวอักษรเรียงร้อยเป็นข้อความ

จากตำราที่บางมากกลายเป็นหนาเตอะ หน้าใดอ่านผ่านตาแล้วจำได้ขึ้นใจจะหายไปทันที

นางได้ลองตั้งคำถามเพื่อให้ตำราเป็นผู้ตอบ ทำให้นางได้รู้จักดอกไม้พร้อมทั้งสรรพคุณทางยามากมาย

ที่นางสงสัยคือ ความรู้เหล่านี้จะเอื้อประโยชน์ด้านการใช้พลังบุปผาของนางอย่างไร

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจ ประจวบกับเป็นจังหวะเดียวกับที่ซูเมี่ยวยกขนมและน้ำชามาให้พอดี

“หนักอกหนักใจอันใดหรือเจ้าคะคุณหนู”

ซูเมี่ยวถามคุณหนูด้วยความเป็นห่วง ไช่เซียงฮวา มองหน้าคนถามก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วบอกให้สาวใช้ออกไปพัก

หลังจากทานขนมเพิ่มระดับน้ำตาลให้ร่างกายแล้ว เซียงฮวาก็ค่อยมีอารมณ์หยิบตำราธาตุดินขึ้นมาอ่าน

“ธาตุดินเพื่อการดำรงชีวิตเช่นนั้นหรือ เช่นว่าปลูกผัก บำรุงหน้าดินแบบนี้หรือไม่”

มือเล็กหยิบขนมทานไปด้วยพร้อมกับไล่อ่านหน้าปกของตำราที่ตนควรจะเรียนเป็นเล่มแรก

“เล่มนี้วิถีแห่งพลังดิน เหตุใดจึงฟังดูกำลังเข้าลัทธิอันใดสักอย่าง”

เมื่อไล่ดูทีละเล่มก็เจอแต่ตำราที่เขียนไว้เพื่อให้เข้าใจถึงพลังธาตุนี้ แต่ยังไม่เจอเล่มใดที่เป็นการฝึกเพื่อเอาพลังออกมาจากร่างกายได้เลย

“ถึงว่า ทำไมต้องมีอาจารย์มาสอน แต่ก็เอาเถอะ เข้าใจวิถีก็ดีกว่าอยู่แบบสมองกลวง ๆ”

แล้ววันนั้นตั้งแต่ยามอู่ถึงยามไฮ่ เซียงฮวาก็จมอยู่กับการอ่านตำราธาตุดินทั้งวัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุปผาเยียวยาใจ   บทที่ 76

    บทที่ ๔๕ ศึกแห่งลงกา “คิดว่าแน่จริงก็เข้ามา อยากให้ดาบของข้าดื่มเลือดชั่ว ๆ ของเจ้าก็เข้ามา!” น้ำเสียงบ่งชัดถึงความไม่เป็นมิตรพร้อมกับดาบที่ชี้ไปยังฝ่ายตรงข้ามเป็นตัวจุดชนวนให้นางผู้นั้นเงื้อดาบขึ้นมาตั้งฉาก พร้อมกับที่มืออีกข้างแสดงท่าทางรวมพลังไว้ที่ฝ่ามือ “ก็เอาสิ! ดาบของข้าก็โหยหาเลือดหัวเจ

  • บุปผาเยียวยาใจ   บทที่ 75

    อาจารย์หลิวอี้บอกท่าต่อไป กวาดสายตามองทุกคู่ หากคู่ใดไม่ได้มาตรฐานตามที่นางต้องการก็จะช่วยชี้แนะ เมื่อปรับจนดีขึ้นแล้วก็ให้ทำตั้งแต่ท่าแรกให้ดูอีกครั้ง ใบหน้างดงามสมวัยพยักหน้ารับเบา ๆ จนกระทั่งกวาดตามามองเซียงฮวาแล้วเห็นไหล่สั่นจึงเดินเข้ามาถามด้วยความใส่ใจ “เซียงฮวา อาจารย์หลิวมา” เฮยหลงกล่าว

  • บุปผาเยียวยาใจ   บทที่ 74

    ดวงตาทุกคู่จับจ้องไปยังอาจารย์หลิวอี้ที่แนะนำตนเองว่าเป็นอาจารย์สอนศาสตร์แห่งวัฒนธรรมและงานบ้านงานเรือนของสตรี ทำเอาบุรุษที่มาร่วมเรียนด้วยแอบหวั่นใจว่าตนจะได้เรียนงานบ้านงานเรือนด้วยหรือไม่ “ทั้งสี่แคว้นมีธรรมเนียมคารวะที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีเรื่องยิบย่อยที่แตกต่างกันออกไปอีกหลายแขนง อย่างเช่นวันน

  • บุปผาเยียวยาใจ   บทที่ 73

    บทที่ ๔๔ คนที่สนิทใจที่สุด ศิษย์ปีหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องอาหาร มารยาทบนโต๊ะอาหารที่ทางบ้านอบรมมาว่าเลี่ยงการสนทนาบนโต๊ะอาหารถูกลืมเลือนสิ้นแล้ว เพราะศิษย์ปีหนึ่งทั้งหลายกำลังสนทนาเรื่องภารกิจของเมื่อวาน “ฟ้าผ่าในมิติที่เจ้าอยู่แล้วอย่างไรต่อ” จื่อเจี่ยนเฉิงถามอย่างตื่นเต้น แววตาแฝงความสมใจอย่

  • บุปผาเยียวยาใจ   บทที่ 72

    ถูหลงเปาเสนอความคิด ทว่าฟู่เหยียนชิงกลับส่ายหน้าปฏิเสธ “พวกเจ้าอยู่ตรงนี้เถอะ เผื่อจะมีกลเม็ดใดซ่อนไว้” สิ้นคำเขาก็เดินเข้าไปใกล้รูปปั้นเสือใช้วิชายุทธ์ปีนป่ายขึ้นไปเนื่องจากรูปปั้นไม่ได้สูงเกินไป เขาใช้เวลาไม่นานก็สามารถขึ้นไปเหยียบบนหลังเสือได้ก่อนที่จะหงายหลังลงมาในไม่กี่ลมหายใจต่อมาเมื่อเจอล

  • บุปผาเยียวยาใจ   บทที่ 71

    บทที่ ๔๓ ใครว่าขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก “กรี๊ด” เปรี้ยง! เสียงกรี๊ดของสตรีระงม หนึ่งในนั้นคือเซียงฮวาด้วย มือเรียวปิดหูตัวเองไว้ สีหน้าแตกตื่นเป็นอย่างมาก “เพิ่งเหยียบเท้าลงพื้นก็ทักทายกันด้วยเสียงฟ้าผ่าเลยหรือ แรงไปหรือไม่คุณน้า” “เซียงฮวา เป็นอันใดหรือไม่” เฮยหลงวิ่งเข้ามาหาเซียงฮวาด้วยสีหน้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status