Share

บทที่ 3

last update Last Updated: 2025-05-26 14:42:14

บทที่ ๓

เศษแก้วก็ดีเศษหน้าก็ดี

ณ ดินแดนบุปผาสวรรค์ตำหนักที่โอ่อ่าที่สุดมีร่างอรชรของสตรีนางหนึ่งกำลังใช้ดวงตาคู่งามจับจ้องไปที่ภาพของหนึ่งเทพวัยกลางคนเด็กสาวตัวน้อย

สายตาของนางนั้นไม่ได้ห่างไปจากเด็กสาวแม้แต่เพียงลมหายใจเดียว สายตาที่รักใคร่โอนโยนยิ่งกว่าบุปผาชนิดใดในดินแดนนี้ของนาง

ราวกับดอกไม้ทั้งดินแดนจะตอบรับไอละอองแห่งความสุขที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวนางได้ เห็นได้จากที่องครักษ์หญิงหน้าตำหนักสัมผัสกับกลีบดอกไม้ที่ร่วงโรยมาจากฟากฟ้า แผ่กลิ่นหอมกำจายทั่วดินแดนบุปผา

องครักษ์หญิงทั้งสองหันหน้ามาสบตากัน กล่าวเสียงกระซิบ ใบหน้าติดรอยยิ้มยินดี

“ท่านเทพบุปผากำลังมีความสุข”

“นานแล้วที่ไม่เห็นท่านเทพมีความสุขเช่นนี้”

“นั่นสิ! เรื่องดีอันใดกัน”

การสนทนาของทั้งคู่หยุดอยู่เพียงเท่านี้เมื่อเห็นแสงสว่างจากฟากฟ้ากำลังเคลื่อนตัวมาที่ตำหนักใหญ่

“คารวะท่านเทพแห่งดวงชะตา”

พวกนางทำความเคารพผู้มาใหม่โดยพร้อมเพรียงกัน ผู้มาเยือนเองก็เข้าเรื่องทันที

“ข้ามาขอพบท่านเทพบุปผา”

ไม่รอให้องครักษ์เข้าไปรายงานก่อน เทพแห่งดวงชะตาก็ก้าวเท้าเข้าไปด้านในทันที

ที่พูดว่า ‘มาขอพบ’ ก็ทำไปตามมารยาทเท่านั้น!

เทพบุปผาได้ยินเสียงอันคุ้นเคยก็วาดมือไปยังอากาศ กลีบดอกไม้สีชมพูเคลือบละอองทองก็ทำหน้าที่ตัดภาพของเด็กสาวผู้เป็นที่มาของความสุขนางออกไป

“เป็นอย่างไรบ้างเฟยหง ข้าทำดีหรือไม่”

เจ้าของนามยิ้มบาง

“ลำบากท่านแล้ว ซือมิ่ง”

“ลำบงลำบากอันใดกัน ข้ากลับรู้สึกว่าทำเพียงเท่านี้ ยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ”

“ท่านก็รู้แก่ใจดีว่าไม่ใช่เพียงเท่านี้ หวังเพียงว่าจะไม่ทำให้ท่านเดือดร้อน” กล่าวจบก็หลุบตาลงต่ำ ซ่อนความหนักใจเอาไว้

เทพแห่งดวงชะตาเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจ

“เจ้าควรจะวางใจได้แล้ว อีกเพียงชาติเดียวเท่านั้น แล้วทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”

“ขอบคุณท่านยิ่งนัก”

“มิใช่เรื่องที่เกินกำลังข้าหรอก เหลือเวลาพักของข้าอีกเพียงเล็กน้อย ข้าจะขอไปที่ที่หนึ่งก่อน”

“ที่ใดกัน”

เทพแห่งดวงชะตาตอบด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

“ตำหนักเทพผู้คุมมิติ”

เห็นทีเขาจะไปสอบถามเรื่อง…ตงหัว ผอบแล้ว!

ณ จวนเสนาบดีกรมพิธีการ

ตึก! ตึก! ตึก!

เสียงจ้ำเท้าเดินของสาวน้อยสองคนเดินตัดผ่านสวนหลักของจวนเพื่อที่จะไปให้ถึงจุดหมายเร็วขึ้น

“เร็วกว่านี้อีกเถิดอาเมี่ยว สายมากแล้ว”

ไช่เซียงฮวาหยุดขาเล็กสั้นรอคนข้างหลัง กล่าวเร่งสาวใช้คนสนิทที่ขายาวกว่าแท้ ๆ แต่กลับเดินช้ากว่า

“ขออภัยเจ้าค่ะคุณหนู”

“เอาเถอะ ๆ ข้าผิดเองที่ตื่นสาย”

ด้วยกำลังเห่อกับตำราเล่มใหม่และพลังใหม่อยู่จึงมานอนเอาตอนค่อนแจ้ง เป็นเหตุให้เช้านี้ตื่นสายกว่าทุกวัน

“หวังว่าจะมีคนที่ช้ากว่าข้านะ”

สิ้นคำก็รีบจ้ำไปยังจุดหมายปลายทาง ใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งก้านธูปก็ถึงที่หมาย เห็นพี่หญิงใหญ่และน้องหญิงเล็กประจันหน้ากันอยู่ตรงทางเข้าเรือนใหญ่พอดี

“คารวะพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ”

พรึบ!

เหมือนข้าจะมาไม่ถูกเวลา

ไช่เซียงฮวาคิดในใจเมื่อสาวน้อยทั้งสองหันควับมามองหน้านางเป็นตาเดียว

“เอ่อ...อรุณสวัสดิ์น้องสาม”

เป็นการยิ้มสวัสดีที่แห้งเหลือเกิน!

“อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะพี่รอง”

ไช่เซียงฮวายิ้มรับก่อนที่จะเดินตามหลังไช่ฮั่วฮวาที่สะบัดหน้าเข้าห้องอาหารไปก่อนใครโดยมีไช่ปิงฮวารั้งท้าย

เมื่อทั้งสามเข้ามายังห้องอาหารก็เห็นว่าผู้อาวุโสของบ้านนั่งประจำที่กันหมดแล้ว เหลือเพียงสามที่นั่งของคุณหนูประจำจวนเท่านั้นที่ยังว่างอยู่

“ชักจะเหลวไหลกันใหญ่แล้ว จะปล่อยให้ท่านปู่รอพวกเจ้าจนถึงพรุ่งนี้เลยหรือไม่”

ไช่ฝูลี่เอ่ยตำหนิบุตรสาวทั้งสามทันทีหลังจากที่พวกนางคารวะทุกคนในนี้เสร็จ ใบหน้าที่ยังคงความคมคายเรียบนิ่ง ไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ

เด็กสาวทั้งสามที่โดนตำหนิกันแต่เช้าพร้อมใจกันก้มหน้าชิดอกทันทีเมื่อท่านพ่อเริ่มดุแล้ว

“ยังไม่รีบกล่าวขออภัยอีก”

ฮูหยินใหญ่เอ่ยเร่งเร้าเสียงเข้มเพื่อที่จะได้ช่วยบุตรสาวไปในตัวด้วย

“ขออภัยเจ้าค่ะท่านปู่” สามเสียงผสาน

เสนาบดีเฒ่าไม่อยากให้เรื่องไปกันใหญ่จึงบอกปัดให้เรื่องจบ ๆ ไป

“ทานเถอะ วันนี้ยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก”

“ขอรับ/เจ้าค่ะ”

ทุกคนในตระกูลไช่ตอบรับ เริ่มลงมือรับมื้อเช้าที่พิเศษกว่าทุกวัน

มีไม่บ่อยนักที่ตระกูลไช่จะรับอาหารพร้อม ๆ กัน หากไม่มีเรื่องพิเศษก็จะทานที่เรือนส่วนตัว

วันนี้ที่รับประทานอาหารร่วมกัน ก็คงไม่พ้นเรื่องการตรวจสอบพลังธาตุของเมื่อวาน

บรรยากาศในห้องอาหารเงียบสงบ ทุกคนไม่สนทนาในเวลาอาหาร นี่คือกฎข้อหนึ่งที่ทุกคนต้องทำให้เป็นนิสัย ให้สมกับเป็นจวนของเจ้ากรมพิธีการ

ไช่ฮั่วฮวากับไช่ปิงฮวาจะทะเลาะกันหนัก ๆ ได้ก็ต่อเมื่อเสนาบดีและรองเสนาบดีไม่อยู่จวน

จานนี้ฮูหยินสาม จานนี้ก็ใช่

ไช่เซียงฮวาทานอาหารไปวิเคราะห์รสมือไป ในระหว่างที่ทานก็เหลือบไปมองคนที่ทำอาหาร สายตาของตงเฟยเฟยแทบจะไม่ละไปจากสามี

ไช่เซียงฮวาเห็นเช่นนั้นก็คิดในใจว่า…ฮูหยินสามคิดจะมัดกระเพาะท่านพ่อด้วยรสมือแล้ว

ไช่เซียงฮวาเลิกให้ความสนใจอาหารที่ทำขึ้นเพื่อเอาใจคนอื่น นางยื่นตะเกียบไปคีบอาหารอีกจาน รสชาติคุ้นเคยทำให้นางดวงตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย

พอเงยหน้ามองคนที่ทำอาหารจานนี้ก็เห็นว่านางยกยิ้มรอตนก่อนอยู่แล้ว

ไช่เซียงฮวาอาศัยจังหวะที่ตนหยิบผ้ามาซับมุมปากยกนิ้วโป้งให้จางซิ่วลี่

จางซิ่วลี่ที่เห็นบุตรสาวเลือกคีบแต่กับข้าวที่ตนเป็นคนทำก็ให้รู้สึกสุขใจแต่เช้า คีบอาหารเข้าปากด้วยใบหน้าสดชื่นแจ่มใส เจริญอาหารยิ่งนัก

ปฏิกิริยาที่ปฏิบัติต่อกันของสองแม่ลูกสร้างความเอ็นดูในใจไช่ฝูลี่ยิ่งนัก แม้ใบหน้าคมคายจะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาก็ตาม

แต่ใช่ว่าในใจจะไม่รู้สึก!

หลังจบมื้ออาหารยามเช้า เด็กสาวทั้งสามก็ถูกเรียกให้ไปพบกับนายท่านใหญ่ของตระกูลที่ห้องหนังสือ

“นี่คือตำราฝึกพลังธาตุพื้นฐาน ตระกูลเราสามารถรวบรวมเก็บไว้ในห้องหนังสือนี้ได้เท่านี้”

ไช่ซิ๋งช่านหยิบตำราฝึกพลังธาตุดิน น้ำและไฟให้หลานสาวเกือบคนละสิบเล่ม

ไช่เซียงฮวาหยิบของตนเองขึ้นมาเปิดดูทีละเล่ม ทำทีเป็นสนใจแต่แท้จริงแล้วกำลังโอดครวญ

เตรียมกระโถนไว้ให้ข้าที…อ้วกแน่!

“แต่เสียดายยิ่งที่ธาตุสายฟ้าของฮั่วเอ๋อร์หามาได้เพียงเท่านี้จริง ๆ”

“เท่านี้ก็เป็นพระคุณมากแล้วเจ้าค่ะท่านปู่”

กล่าวจบไช่ฮั่วฮวาก็ลงไปคุกเข่าขอบคุณท่านปู่เต็มพิธีการ ทำหลานสาวอีกสองคนคุกเข่ากันแทบไม่ทัน

ไช่เซียงฮวาคิดในใจ…

ข้าไม่อยากเป็นน้องแล้ว พี่ทำอะไรก็ต้องทำตาม เหตุใดข้าไม่เกิดเป็นคุณหนูใหญ่

“ตอนนี้พวกเจ้า 8 หนาวอีกเพียง 4 หนาวก็ต้องเข้าสำนักศึกษาแล้ว ปู่หวังว่าตำราพวกนี้จะช่วยเตรียมพื้นฐานให้พวกเจ้าไม่มากก็น้อย”

“เจ้าค่ะท่านปู่” ตอบรับเสียงผสาน

เมื่อเห็นว่าหลาน ๆ มีแววตาแห่งความมุ่งมั่น คนเป็นปู่ก็พยักหน้าให้อย่างพอใจ

“ส่วนอาจารย์สอนพลังธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ปู่ได้เชิญมาไว้ให้แล้ว ขาดแต่เพียงธาตุสายฟ้าเช่นเดิมที่ยังค่อนข้างหายาก แต่ปู่จะลองถามท่านอาของพวกเจ้าให้ พอจะมีผู้เยี่ยมยุทธ์คนใดมีพลังธาตุสายฟ้าหรือไม่”

“อีกไม่กี่วันท่านอาก็จะกลับมาเยี่ยมจวนแล้ว”

“เป็นเช่นนั้น แต่พวกเจ้าอย่าลืมว่าตนเป็นคุณหนูทองพันชั่ง แม้ต้องฝึกพลังธาตุด้วย แต่ศาสตร์ทั้งสี่ของสตรีก็ไม่ควรพร่อง”

“พวกเราจะไม่ทำให้ท่านปู่ผิดหวังเจ้าค่ะ"

และยังคงเป็นไช่ฮั่วฮวาคนเดิมที่ตอบรับท่านปู่

“ถึงพวกเจ้าจะเป็นสตรี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าปู่ค่อนข้างหวังกับพวกเจ้าไว้มาก”

ไช่เซียงฮวาไม่กล่าวสิ่งใดนอกจากยิ้ม หลุบตาลงต่ำเพราะไม่อยากให้ท่านปู่เห็นแววตา ในใจนางคิด…

ไม่คาดหวังเท่ากับไม่ผิดหวังนะเจ้าคะท่านปู่

ณ เรือนฮูหยินสาม

“ฮึก! ฮือ~”

“เจ้าจะโศกเศร้าเสียใจไปไย”

ตงเฟยเฟยเริ่มหงุดหงิดที่บุตรสาวร้องไห้อีกแล้ว เมื่อวานกว่านางจะปลอบใจได้ก็ใช้เวลาค่อนคืน วันนี้หลังจากกลับมาจากห้องหนังสือก็ยังร้องไห้อีก

เพราะเช่นนี้จึงถามอย่างใส่อารมณ์ไปนิดหนึ่ง!

“ฮึก! ก็ลูก ก็ลูก ฮือ~ลูกอิจฉานางจนคับอกไปหมดแล้วเจ้าค่ะ เหตุใดนางต้องได้ดีกว่าลูกไปทุกอย่าง”

ตงเฟยเฟยถอนหายใจ พยายามเอ่ยอย่างใจเย็น

“มีสองธาตุแล้วอย่างไร ท่านปู่เจ้าพูดเองมิใช่หรือว่าตำรานั้นหายาก แต่อาจารย์หายากยิ่งกว่า ใช่ว่ามีแล้วจะประสบความสำเร็จกันทุกคน แต่แย่กว่านั้นคือฝึกไม่สำเร็จเลยสักวิชา”

ไช่ปิงฮวาหยุดร้องไห้จนเหลือเพียงอาการสะอื้น

“จริงหรือเจ้าคะท่านแม่”

เห็นบุตรสาวพยายามสงบสติอารมณ์แล้วนางก็เอาน้ำเย็นเข้าลูบ ซับน้ำตาให้ปิงฮวาแผ่วเบา

“มีเพียงธาตุเดียวทุ่มเทแรงใจ ฝึกให้ได้ระดับสูง ๆ ไม่ดีกว่าหรือลูก แม่ก็มีธาตุเดียว พี่รองเจ้าก็มีธาตุเดียว”

“พี่รองผู้เอื่อยเฉื่อยนับเป็นอันใดได้เจ้าคะ แข่งกับนางไม่สนุกเลยสักนิด”

“เช่นนั้นแม่เขียนจดหมายให้ท่านตาของเจ้า ส่งคนตามหาตำราธาตุน้ำและอาจารย์มีชื่อเสียงเลื่องลือดีหรือไม่”

พูดถึงท่านตาพ่อค้าเกลือแล้วไช่ปิงฮวาพลันหงุดหงิด เพราะมีตาเป็นพ่อค้า นางถึงโดนไช่ฮั่วฮวากดให้ต่ำอยู่เช้าค่ำ

แต่เมื่อนึกถึงผลประโยชน์ นางก็กดความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ พยักหน้าตอบรับมารดา

“เจ้าค่ะท่านแม่”

“เด็กดี”

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างรู้จังหวะ

“บ่าวเองเจ้าค่ะ นายหญิง”

เสียงบ่าวคนสนิทของฮูหยินสามดังขึ้นที่หน้าห้อง

“เข้ามาได้”

ตงเฟยเฟยเร่งให้สาวใช้เข้ามาเพราะก่อนหน้านี้ได้สั่งงานนางไป ยามนี้ร้อนใจอยากทราบผลแล้ว

“เอ่อ นายท่านรองส่งคนมาบอกว่าคืนนี้นายท่านจะค้างกับ…”

“ข้าใช่หรือไม่!”

เพราะนางลงทุนทำอาหาร ตงเฟยเฟยจึงคิดว่าสามีต้องมาค้างกับตนแน่

ด้วยความที่ว่างานพิธีตรวจสอบพลังธาตุเป็นงานใหญ่ ท่านพี่ของนางที่เป็นรองเสนาบดีกรมพิธีการจึงยุ่งมาก และไม่ได้ค้างคืนกับฮูหยินคนใดมาเป็นเดือนแล้ว

งานพิธีผ่านพ้น นางเข้าครัวทำอาหารมัดใจสามีและคอยส่งสายตาให้ตอนทานอาหารตลอด

หากไม่ใช่กับข้าแล้วจะเป็นกับใคร

“เอ่อ…ฮูหยินรองเจ้าค่ะ”

ตงเฟยเฟยหน้าชา หากเปรียบใบหน้าเป็นชามกระเบื้อง ยามนี้คงร้าวและแตกดังเพล้งเป็นเศษ ๆ

“ไยจึงไม่ใช่ข้า!”

สาวใช้รีบก้มหน้าไม่กล้าสบตา

“บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ”

“ข้าไม่ได้อยากได้คำตอบจากเจ้า…ไสหัวไป!”

สาวใช้กุลีกุจอออกจากเรือน แม้แต่ไช่ปิงฮวาก็ยังกลัวมารดาจนเสียงสะอื้นหาย สตรีออกเรือนแล้วน่ากลัวที่สุดก็เรื่องนี้…ทนไม่ได้เมื่อสามีไปอยู่กับสตรีอื่น!
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุปผาเยียวยาใจ   บทที่ 76

    บทที่ ๔๕ ศึกแห่งลงกา “คิดว่าแน่จริงก็เข้ามา อยากให้ดาบของข้าดื่มเลือดชั่ว ๆ ของเจ้าก็เข้ามา!” น้ำเสียงบ่งชัดถึงความไม่เป็นมิตรพร้อมกับดาบที่ชี้ไปยังฝ่ายตรงข้ามเป็นตัวจุดชนวนให้นางผู้นั้นเงื้อดาบขึ้นมาตั้งฉาก พร้อมกับที่มืออีกข้างแสดงท่าทางรวมพลังไว้ที่ฝ่ามือ “ก็เอาสิ! ดาบของข้าก็โหยหาเลือดหัวเจ

  • บุปผาเยียวยาใจ   บทที่ 75

    อาจารย์หลิวอี้บอกท่าต่อไป กวาดสายตามองทุกคู่ หากคู่ใดไม่ได้มาตรฐานตามที่นางต้องการก็จะช่วยชี้แนะ เมื่อปรับจนดีขึ้นแล้วก็ให้ทำตั้งแต่ท่าแรกให้ดูอีกครั้ง ใบหน้างดงามสมวัยพยักหน้ารับเบา ๆ จนกระทั่งกวาดตามามองเซียงฮวาแล้วเห็นไหล่สั่นจึงเดินเข้ามาถามด้วยความใส่ใจ “เซียงฮวา อาจารย์หลิวมา” เฮยหลงกล่าว

  • บุปผาเยียวยาใจ   บทที่ 74

    ดวงตาทุกคู่จับจ้องไปยังอาจารย์หลิวอี้ที่แนะนำตนเองว่าเป็นอาจารย์สอนศาสตร์แห่งวัฒนธรรมและงานบ้านงานเรือนของสตรี ทำเอาบุรุษที่มาร่วมเรียนด้วยแอบหวั่นใจว่าตนจะได้เรียนงานบ้านงานเรือนด้วยหรือไม่ “ทั้งสี่แคว้นมีธรรมเนียมคารวะที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีเรื่องยิบย่อยที่แตกต่างกันออกไปอีกหลายแขนง อย่างเช่นวันน

  • บุปผาเยียวยาใจ   บทที่ 73

    บทที่ ๔๔ คนที่สนิทใจที่สุด ศิษย์ปีหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องอาหาร มารยาทบนโต๊ะอาหารที่ทางบ้านอบรมมาว่าเลี่ยงการสนทนาบนโต๊ะอาหารถูกลืมเลือนสิ้นแล้ว เพราะศิษย์ปีหนึ่งทั้งหลายกำลังสนทนาเรื่องภารกิจของเมื่อวาน “ฟ้าผ่าในมิติที่เจ้าอยู่แล้วอย่างไรต่อ” จื่อเจี่ยนเฉิงถามอย่างตื่นเต้น แววตาแฝงความสมใจอย่

  • บุปผาเยียวยาใจ   บทที่ 72

    ถูหลงเปาเสนอความคิด ทว่าฟู่เหยียนชิงกลับส่ายหน้าปฏิเสธ “พวกเจ้าอยู่ตรงนี้เถอะ เผื่อจะมีกลเม็ดใดซ่อนไว้” สิ้นคำเขาก็เดินเข้าไปใกล้รูปปั้นเสือใช้วิชายุทธ์ปีนป่ายขึ้นไปเนื่องจากรูปปั้นไม่ได้สูงเกินไป เขาใช้เวลาไม่นานก็สามารถขึ้นไปเหยียบบนหลังเสือได้ก่อนที่จะหงายหลังลงมาในไม่กี่ลมหายใจต่อมาเมื่อเจอล

  • บุปผาเยียวยาใจ   บทที่ 71

    บทที่ ๔๓ ใครว่าขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก “กรี๊ด” เปรี้ยง! เสียงกรี๊ดของสตรีระงม หนึ่งในนั้นคือเซียงฮวาด้วย มือเรียวปิดหูตัวเองไว้ สีหน้าแตกตื่นเป็นอย่างมาก “เพิ่งเหยียบเท้าลงพื้นก็ทักทายกันด้วยเสียงฟ้าผ่าเลยหรือ แรงไปหรือไม่คุณน้า” “เซียงฮวา เป็นอันใดหรือไม่” เฮยหลงวิ่งเข้ามาหาเซียงฮวาด้วยสีหน้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status