ซิงเยว่ยกมือขึ้นดันใบหน้าสามีออกจากเนินอกอิ่ม“ไท่หยาง หยุด!”“อันใด?”“ท่านได้ลูกชายสามคนส่วนข้าก็ได้ลูกสาวสมใจแล้ว พอก่อนได้หรือไม่? ข้ายังไม่อยากตั้งครรภ์”หลิวไท่หยางกุมมือซิงเยว่ออกจากใบหน้าจูบหนึ่งทีแล้วกล่าวว่า “ข้าปรึกษาท่านหมอแล้ว สามารถร่วมรักได้ เพียงแต่ต้องระวังขั้นตอนสุดท้าย”ซิงเยว่นิ่วหน้า “อย่างไร?”ชายหนุ่มก้มหน้าเล้าโลมซุกไซ้ “เชื่อมือข้าเถอะ”หญิงสาวยังคงไม่เข้าใจและชายเหนือร่างก็ไม่อธิบาย เพียงก้มหน้าก้มตามอบจังหวะเริงสวรรค์ให้คนเป็นภรรยาอย่างเอาแต่ใจ จังหวะเนิบนาบสลับรัวเร็วดุดันและเร่งเร้าดำเนินพร้อมการเล้าโลมลูบไล้คลอเคลียอย่างมีชั้นเชิงและช่ำชอง หลิงไท่หยางพร้อมมอบความสุขให้ภรรยาและซิงเยว่ไหนเลยจะสามารถต่อกรได้ มีแต่โอนอ่อนผ่อนตามและครวญครางระหว่างทางกิจกรรมร่วมรักก่อนถึงสวรรค์ขั้นบนสุด ชายเหนือร่างเปลี่ยนท่วงท่าหลากหลายระบายความสุขสมพร้อมความอ่อนโยนใส่ใจ ท้ายที่สุดชายหนุ่มพลันหยุดขยับ ก้มหน้าขบเม้มคล้ายสะกดกลั้นบางสิ่ง สันกรามบดแน่น ลำตัวแข็งเกร็ง พอหายซ่านก็เริ่มขยับทำต่อ ใกล้ถึงที่หมายพลันถอนกายออกมา พร้อมเสียงครางห้าวลึกที่ห่างออกไปซิงเยว่นอนทอดกายอ่อนร
บัดนี้นอกจากเป็นสามีที่ติดภรรยา หลิวไท่หยางยังเป็นบิดาที่ติดบุตรชายอีกด้วยเขาอยู่ดูแลซิงเยว่กับลูกโดยไม่ยอมไปทางใดทั้งสิ้นงานทุกอย่างหากไม่คอขาดบาดตายจริงๆ ก็ให้จิ้นสิงกับซีฮวาช่วยกันดูแลไปก่อนมอบอำนาจการตัดสินใจให้คนสนิททั้งสองเต็มที่ ตอนนี้สุขภาพภรรยาสำคัญที่สุด บุตรชายก็ต้องดูแลอย่างดี หลิวไท่หยางแยกแยะชัดเจนยิ่งกว่าใครสองเดือนต่อมาหลังจากซิงเยว่มีระดูปกติแล้ว หลิวไท่หยางยังรีบกล่อมลูกเข้านอนโดยมีแม่นมเฝ้าไม่ห่าง จากนั้นตัวเขาก็เร่งรุดกลับเข้าห้องนอนมาหาภรรยาบนเตียงนอน ซิงเยว่กำลังนอนทอดเรือนกายอรชร เผยส่วนเว้าส่วนโค้งอันยั่วยวนชัดเจนแก่สายตาสามีดวงตาคมของหลิวไท่หยางพลันลุกโชนดุจเปลวเพลิงกระแสราคะนั้นซิงเยว่กลับมิได้รับรู้อันใด เนื่องจากหลังจากทรวงอกที่คัดตึงสองเต้ากลมกลึงได้รับการดูดจากบุตรชายตัวน้อยไปจนเต็มอิ่มแล้วนางจึงได้เวลาผ่อนคลายหญิงสาวนอนหลับได้อย่างสบายใจโดยปล่อยหน้าที่กล่อมลูกให้เป็นของหลิวไท่หยางยามนี้จึงเป็นอย่างที่เห็น ซิงเยว่หลับลึกเลยทีเดียวกระนั้นหลิวไท่หยางกลับทำตัวเหมือนโจรราคะ จ้องจะขโมยเด็ดบุปผาตลอดเวลาเขาปลดเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างเร็ว ค่อยๆ ย่องขึ
“ร่างกายของข้ามีไว้เพื่อเจ้าผู้เดียว ทุกส่วนของข้าที่ไม่อนุญาตให้ใครได้ยล เพียงเจ้าเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้สำรวจ ได้ใกล้ชิดลูบไล้ ได้สัมผัสดังใจปรารถนา”หลิวไท่หยางกระซิบเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน ไหนเลยยังจะมีบุรุษดิบเถื่อนผู้คลุ้มคลั่งและหื่นกระหายเฉกเมื่อบ่าย“เกรงว่าต่อให้มีลูกสักสี่ห้าคน ข้าก็ยังคงเจ็บอยู่ดี” หญิงสาวบ่นกระเง้ากระงอดพลางอ้าปากรับเนื้อที่สามีคีบให้บุรุษอะไรใหญ่โตไม่เกรงใจอิสตรี“ข้าอยากให้เจ้ามีลูกเร็วหน่อย เพราะข้าเองก็เจ็บ เจ้าคับแน่นเกินไป”พวงแก้มหญิงสาวยิ่งแดงเรื่อยามเอ่ยอย่างขัดเขิน “เช่นนั้น ท่านก็ทำให้บ่อยสักหน่อยจึงจะดี”ซิงเยว่ไม่ปฏิเสธว่าในความเจ็บทรมานมีความสุขล้น วาบหวามหวานล้ำรู้สึกหลากหลายจนมิรู้จะบรรยายเช่นไร“เราเข้าหอกันอีก นะ” นางอ้อนสามีได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี ใช้เวลากินอาหารแค่เค่อเดียวให้รู้สึกเหมือนนานแรมปีหลังมื้ออาหารและทุกอย่างถูกสาวใช้ยกออกไป ลานศึกรอบใหม่จึงเป็นโต๊ะนั่นเองเสื้อผ้าของทั้งสองหลุดลุ่ย ซิงเยว่รีบยกแขนโอบคอยกเรียวขารัดเอวสอบแน่น กระแสเสียงอันรัญจวนชวนซาบซ่านหวิวไหวพลันก่อเกิดอีกครา เมื่อสามีตามใจภรรยา“ไท่หยาง
ท่ามกลางหิมะยามอุ้ย[3] ชายหนุ่มทิ้งงานทั้งหมด กลับจวนหลิวอย่างอุกอาจ เดินเข้าเรือนอย่างเหี้ยมหาญ โบกมือไล่สาวใช้ออกไปจนหมดไม่เหลือสักคนเวลานี้ซิงเยว่กำลังนอนหลับพักผ่อนยามกลางวัน จึงไม่ทันเตรียมตัวรับมือกับสามีผู้หน้ามืดตามัวรู้ตัวอีกทีผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่พลันถูกเปิดออก เสื้อผ้าอาภรณ์ยังถูกกระชากไปจากร่างจนเผยเนื้อนวลเปลือยเปล่า จูบของเขาทั้งร้อนแรงทั้งแฝงความดุดันคุกคามเร่งเร้าคนให้ตอบสนองอย่างไม่ผ่อนปรนอีกต่อไป“อื้อ ไท่หยาง”ซิงเยว่เอ่ยได้แค่นั้น ริมฝีปากกลับถูกบดกระหน่ำ ปลายลิ้นร้อนสอดเข้ามาอย่างไร้ปรานีจังหวะที่หลิวไท่หยางถอนริมฝีปากออกเพื่อซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่น ซิงเยว่รีบกล่าวเสียงกระเส่า“เดี๋ยวก่อน ยังสว่างอยู่เลยนะ”“ช่างความสว่างเถิดน่า” ชายหนุ่มไม่สนใจอะไรแล้ว เขาปลดสายรัดเอวของตนออกแล้วเหวี่ยงไปไกลหญิงสาวบิดตัวหมายหลบเลี่ยงริมฝีปากร้อน “แต่ข้ายังต้องเตรียมการ”หลิวไท่หยางขบเม้มเนินเนื้อนุ่มลื่นกระซิบถาม “เตรียมการอะไรอีก?”“เรากำลังจะเข้าหอครั้งแรก สมควรมีพิธีรีตอง”ชายหนุ่มแทบคลั่งแล้ว “ช่างพิธีรีตองมันเถอะ!”ร่างสูงถอนริมฝีปากร้อนร้ายออกจากซอกคอเพื่อหยัดกายเปลื้องผ้า
ถึงแม้ร่างกายจะอยากจัดการเข้าหอต่อยามรุ่งสาง หากแต่งานที่คั่งค้างก็ทำให้หลิวไท่หยางมิอาจกระทำการได้ตามหัวใจยิ่งมองคนร่วมเตียงที่ยังคงนอนนิ่งหลับตาพริ้ม พวงแก้มซับสีเรื่อเพราะฤทธิ์สุราที่ยังไม่สร่างจากเมื่อคืนก็ให้รู้สึกปลดปลงทั้งเขาและนางต่างร่ำสุราใต้แสงจันทร์จนเมามาย หลังจากนั้นมานอนบนเตียงได้อย่างไรยังไม่รู้เลยหลิวไท่หยางให้รู้สึกกลัดกลุ้มกว่าจะได้แต่งงานก็ยากเย็นแสนเข็ญ ยามนี้กว่าจะได้เข้าหอก็ยังต้องรอแล้วรออีกชายหนุ่มพลิกกายนอนตะแคงข้างหันเข้าหาภรรยา เอื้อมมือขึ้นมากระชับผ้าห่มให้อย่างใส่ใจ ปัดปอยผมนางอย่างแผ่วเบาทะนุถนอม ก้มหน้าจุมพิตละมุนละไมอยู่เช่นนั้นนานครู่ใหญ่ กระซิบข่มขวัญดุดันอย่างเคืองแค้นว่า“ซิงเอ๋อร์ วันนี้ข้าจะกลับบ้านให้เร็วที่สุดเลยคอยดู ร่างกายของเจ้าจะต้องจมเตียง หลอมรวมไปกับข้าทั้งคืน รู้หรือไม่?”คนถูกขู่ไหนเลยจะได้ยิน นางหลับสนิทไม่รู้เรื่องราวเพราะฤทธิ์เหล้าชั้นดีของตนเองนั่นแล...หลังแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างวันของทุกวัน ขณะที่ฝ่ายสามีออกไปทำงานหมุนเวียนตรวจตราทุกกิจการ ปรึกษาหารือกับตัวแทนการค้าทั้งในและนอกเมืองหลวง ฝ่ายภรรยาก็รับงานบัญชีมาทำทั้งห
ซิงเยว่ยิ้มเอ่ยเสียงหวานอีกว่า“แต่ท่านในฐานะบุตรชายคนสำคัญของสกุลหลิว ท่านคือคนกลางระหว่างข้ากับราชสำนัก ท่านไม่ควรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก่อนเกิดเรื่องล้มล้างค่ายโจรจันทราแดง ข้าไม่ปรารถนาสิ่งใด แค่อยากเข้าหอกับท่าน หวังเพียงว่าหากข้ารอดชีวิตจะมีเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านติดกายข้าไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกันสองแม่ลูก หลังจากนั้นหากท่านยังไม่แต่งหญิงอื่นเป็นภรรยา ข้าจะกลับมาหาท่านพร้อมลูกของเรา นี่คือแผนการของข้า”นั่นหมายความว่าหากหลิวไท่หยางแต่งงานกับใครไปแล้วจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง ชาตินี้ทั้งชาติย่อมไม่อาจได้เจอซิงเยว่กับลูกอีกเลยช่างเป็นแผนการที่ชั่วร้ายที่สุดในใต้หล้าหลิวไท่หยางให้รู้สึกปวดใจ “เจ้าควรบอกข้าสักคำ” “ข้าไม่กล้าบอก เพราะข้าไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดหรือไม่ หากข้าตาย ท่านจะได้ไม่โศกเศร้าเสียใจ ข้าแค่อยากให้ท่านคิดว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ การจากกันแบบเลิกราต่อให้เกลียดกันก็ยังดีว่าจากกันไปคนละภพ ตายจากทั้งที่ยังรัก ย่อมทุกข์สาหัสนัก ข้าไม่อยากให้ท่านจมปลักกับข้า การสะบั้นสัมพันธ์เลิกรา ท่านจะได้มีชีวิตใหม่ที่ดีกว่า ต่อให้ข้าต้องตาย ย่อมตายตาหลับ”“ซิงเอ๋อร์ เจ้าทำเพื่อข้าถึงเพียงนี