แชร์

ปฐมบท 1 กำราบให้สิ้น2

ผู้เขียน: LiHong
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-02 17:43:46

ห่างจากที่ซ่องสุม เหนือพสุธากลางหุบเขามรณะ ร่างระหงชุดดำคาดแดงยอมเผยตัวออกมาในที่สุด

ท่ามกลางฝุ่นดินสีดำจัดตลบฟุ้งหอบกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งโดยรอบบริเวณ แม่ทัพหนุ่มยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น ลำตัวของเขาตั้งตรงเหนือกลุ่มทหาร รอบกายแผ่ซ่านความอำมหิตผสานกลิ่นอายสังหารแห่งเทพสงครามเหนือหมู่มวล

ในระยะสายตาคมกริบท่ามกลางแสงอาทิตย์คมกล้า เขามองเห็นสตรีผู้หนึ่งยืนสงบนิ่งภายใต้แสงตะวันอยู่ตรงนั้น  มองคล้ายราชันแห่งขุนเขา ประหนึ่งปราการหินที่ก่อตัวขึ้นปกปักษ์พิทักษ์ทุกสรรพสิ่งบนผืนพนา

ร่างสูงในชุดเกราะของแม่ทัพคุมทหารแคว้นเยี่ยนยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ ในขณะที่เรียวตาคมค่อยๆ หรี่แคบลงเพื่อเพ่งพิศนาง

ภาพสะท้อนของนางให้ความรู้สึกคล้ายกำลังมองเห็นปีศาจสาวผู้ชื่นชอบคุกคามมนุษย์ ความเย็นเยียบยิ่งนานยิ่งแผ่กำจายความเย็นกระด้างคล้ายน้ำแข็งค้างเกาะกุมตรึงแน่นบนผิวหนังผู้คน

นางชี้ดาบขึ้นฟ้ากล่าววาจาท้าทายต่อเขา

“เจ้าเรียกข้าว่าผู้ร้ายต่ำช้า แต่สวรรค์ย่อมรู้ดี นรกยิ่งเห็นพ้อง ค่ายโจรจันทราแดงของข้าเหนือกว่ากองทัพทหารหลายขุมนัก”

ทว่าชายหนุ่มยังคงมองนิ่งด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

หญิงสาวเจ้าของร่างระหงผู้มีหน้ากากเงินบดบังใบหน้าจนเหลือเพียงดวงตาแวววาวปานแม่เสือค่อยๆ ลดดาบลงชี้มาที่เขา พลางแค่นเสียงหยัน

“แม้วันนี้ข้าจำต้องตายด้วยน้ำมือแม่ทัพผู้เกรียงไกรเช่นท่านก็นับว่าเป็นบุญที่ได้เกิดมา...ทว่าคงมีแต่ท่านที่ต้องก้มหน้ารับใช้ขุนนางทรราชสืบไป ช่างน่าเวทนา!”

รองแม่ทัพคนหนึ่งถลันขึ้นหน้า

“สามหาว!”

เขาผู้นี้มีนามว่าจิ้นเหอ ชักกระบี่พร้อมพุ่งทะยาน กระทั่งแม่ทัพหนุ่มผู้ถูกหยามเหยียดต้องยกฝ่ามือห้ามปรามถึงได้กลับไปยืนที่เบื้องหลังดุจเดิม

“ท่านแม่ทัพหยาง นางโจรผู้นี้...”

รองแม่ทัพจิ้นยังพูดไม่ทันจบ หยางเจี้ยนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจคราหนึ่ง อีกฝ่ายถึงได้สงบปากคำ

แม้รู้ดีถึงตื้นลึกหนาบางทว่าหยางเจี้ยนยังคงเงียบงัน ด้วยหน้าที่สำคัญค้ำคออยู่ ค่ายโจรจันทราแดงจักต้องถูกกวาดล้างให้สิ้นซากเท่านั้น!

แม่ทัพหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ “หากเจ้าพาสมุนโจรทั้งหมดเข้าสวามิภักดิ์แต่โดยดี ซากศพพวกนี้ย่อมไม่เกิดขึ้น” กล่าวพลางกวาดตามองเศษเนื้อของคนตายที่เคยมีร่างกายครบส่วนอย่างเย็นชา ใบหน้าหล่อเหลาไร้ความรู้สึกยิ่ง

“ความสามารถของเจ้าย่อมสร้างคุณประโยชน์ให้บ้านเมืองและแว่นแคว้นเยี่ยนสืบไป”

หัวหน้าค่ายโจรจันทราแดงได้ฟังพลันแค่นเสียงหยัน “หึ! มิคาดว่าท่านแม่ทัพหยางผู้เก่งกาจในการศึกจะเป็นบุรุษที่ชอบฝันเฟื่องเยี่ยงนี้ ช่างพูดจาไร้สาระนัก!”

“เจ้า!” รองแม่ทัพคนเดิมถลันขึ้นหน้าอีกคราอย่างเดือดดาล “นังโจรถ่อย!”

เรียวตางามที่พ้นหน้ากากเงินตวัดฉับ “นังโจรถ่อยอย่างข้ายังดีกว่าสวะรับใช้ขุนนางถ่อยชั่วช้าเยี่ยงพวกเจ้า!”

“สามหาวนัก! ข้าจะตัดลิ้นเจ้า!”

รองแม่ทัพชักกระบี่ทำท่าพุ่งตัวฟาดฟันอย่างไม่ยอม กลับถูกหยางเจี้ยนหันมาถลึงตาปราดหนึ่ง เขาถึงได้กัดฟันบดกรามยอมสงบลงอีกครั้ง ท่าทางคล้ายหมาป่าถูกล่ามโซ่

จังหวะนั้นหญิงสาวผู้ยืนค้ำหล้าอย่างทระนงองอาจกลับเป็นฝ่ายชิงลงมือก่อน

แมลงสารพัดชนิดถูกปลดปล่อยออกมาจนมืดดำ นางเพียงผิวปากภายใต้หน้ากากเงินเท่านั้น รอบด้านคล้ายมีหมอกควันขมุกขมัวปกคลุมโดยรอบบริเวณ อัดแน่นไปด้วยแมลงมีพิษทันที

หยางเจี้ยนหาใช่บุรุษไร้ฝีมือไม่ เขาผ่านมาหลายสมรภูมิรบ กลการศึกอีกนับไม่ถ้วน ตำแหน่งแม่ทัพบูรพาฉายาจอมกระบี่สุริยัน มิใช่ได้มาเพราะโชคช่วยแน่นอน

ชายหนุ่มยกฝ่ามือขึ้นสั่งการทันใด เหล่าทหารกล้าหลายคนฟาดฟันแมลงพิษ หลายคนกระจายตัวออกไปค้นหากลุ่มโจรที่เหลือ

ส่วนตนเองพุ่งตัวเข้าใส่หญิงสาวหัวหน้าค่ายโจรจันทราแดงผู้ยืนโดดเด่นอยู่ผู้เดียวบนเชิงเนิน

นางเองย่อมตั้งรับรออยู่แล้ว

หญิงสาวหาได้ครั่นคร้ามต่อการเผชิญหน้ากับบุรุษที่พุ่งมาหาด้วยท่าทางรุนแรงไม่ กลิ่นอายบนตัวเขาที่พลันเปลี่ยนเป็นดุร้ายปานนั้น นางก็หาได้หวาดหวั่นอันใด          

แม้ตัวคนจะแผ่ไอสังหารกระหายเลือดอย่างเข้มข้นออกมาเทียมฟ้า นางก็แค่แค่นเสียงเย็นหนึ่งคราก่อนทะยานร่างขึ้นสูงเทียมกัน

เสียงเคร้งคร้างเกิดขึ้นฉับพลัน

การปะทะกันของสุดยอดฝีมือเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วคล้ายสายฟ้าแลบแปลบปลาบ ใครที่มองทันกลับต้องรู้ซึ้งถึงคำว่าแสบตาอย่างแท้จริง

ท้องฟ้าที่สาดแสงสว่างเจิดจ้าเมื่อครู่กลับมืดครึ้มอึมครึมทันใด ดวงตะวันคล้ายถูกดวงจันทร์บดบังแทนที่อยู่ชั่วเวลาหนึ่ง

จังหวะกระบี่กระทบกันจนเกิดประกายเงินสะเก็ดไฟ หยางเจี้ยนยังไม่หยุดโน้มน้าวหญิงสาวผู้ที่เขานับถือในฝีมือ

“ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง กลับตัวกลับใจเถิด แล้วมอบตัวกับทางการ ผันตนจากฝ่ายอธรรมเสีย”

“ฝันไปเถอะ!”

ฟ้าที่มืดครึ้มกลับมาสาดแสงสว่างเจิดจรัสอีกครั้ง กำลังภายในสายหนึ่งถูกส่งมายังกระบี่จนร้อนวูบเกิดคลื่นพลังอันไร้รูปลักษณ์วาบขึ้นมาวาดเป็นเส้นแสงกรีดกลางอากาศ ยามที่หยางเจี้ยนตวัดกระบี่ออกไป

ดาบดวงเดือนในมือสตรียิ่งขยับขับเคลื่อนว่องไวปราดเปรียว คล้ายมีจันทร์เสี้ยวโค้งคมบาดลึกอ่อนไหว    ทว่ากลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าอะไร

นางลากแสงเงินเย็นเยียบผ่านแสงตะวันที่สาดส่องร้อนระอุ เกิดเป็นความเดือดพล่านตัดกันชนิดคนละขั้ว

ร่างใหญ่กับร่างเล็กประชิดประมือสลับการผละออกจากกันเพื่อเดินลมปราณขั้นสูง ก่อนกระโจนเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงอีกครั้งและอีกครั้ง

คนสองคนพุ่งทะยานฟาดฟันกันจนป่าราบทั้งแถบ เกิดเป็นหลุมใหญ่ยาวเหยียดความกว้างขนาดฝ่าเท้ามัจจุราชความลึกหลายชุ่น[1]

เศษหินทรายกระจัดกระจาย ฝุ่นกรวดปลิวว่อน ไม่ต่างจากอาวุธลับกระชากวิญญาณของเหล่าปีศาจร้าย

---

[1]  1 ชุ่น = 1 นิ้ว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 42 แค่สาวใช้ต่ำต้อย2

    สืบเนื่องจากความทรงจำที่เลือนหาย ตัวตนแท้จริงยิ่งกว่าการเป็นคุณหนูจวนซ่งนางคงเป็นใครสักคนที่มิอาจจะใช้ชีวิตภายนอกแบบไร้ทิศทางให้อยู่รอดได้“ท่านควรพักผ่อนเสียที ดึกมากแล้ว เรื่องปวดหัวเอาไว้ค่อยๆ ขบคิดแก้ไขเถิด”ซิงเยว่ว่าพลางขยับนิ้วคลึงขมับแกร่งคลายการเกร็งร่างสูงจึงค่อยๆ เข้าสู่นิทราอย่างเชื่อฟังเช้าวันรุ่งขึ้น รถม้าถูกเตรียมไว้พร้อมตามคำสั่งของผู้เป็นนาย“เพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วันต้องเดินทางอีกแล้วหรือ?” จ้าวซินเจี๋ยเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “น้ายังไม่หายคิดถึงเลย”รอยยิ้มบางเบาแตะแต้มมุมปากของหลิวไท่หยาง เขาไม่เคยโกรธเคืองแม่เลี้ยงผู้นี้ได้นานเลย“ข้าต้องติดต่อการค้ากับผู้สูงศักดิ์ต่างแคว้น จำต้องเดินทางไปเจรจาด้วยตัวเอง มิอาจหลีกเลี่ยง”หญิงวัยกลางคนพยักหน้าเข้าใจ นางกล่าวอวยพรและย้ำเตือนเรื่องความปลอดภัยอีกหลายประโยคค่อยปล่อยชายหนุ่มหมุนกายเดินห่างไปเพื่อเตรียมขึ้นรถม้าโจวซู่ฉินยืนยิ้มหวานรออยู่ที่รถม้า เมื่อหลิวไท่หยางเดินเข้าหา นางจึงเงยทักทาย ร่างสูงก้มหน้ายิ้มส่งให้ทั้งสองมีท่าทีสนิทสนมปรองดอง ทำให้ผู้มองเบาใจจ้าวซินเจี๋ยยิ้มละไมให้กับภาพนั้น ก่อนหมุนกายกลับเข้าเรือนเพื่อไปหาสาม

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 42 แค่สาวใช้ต่ำต้อย1

    หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาหลายวันแล้วบุรุษผู้กลัดกลุ้มยังคงต้องอาศัยนอนหนุนตักนุ่มนิ่มเพื่อคลายอาการเคร่งเครียดในคืนที่มืดมิดมองไม่เห็นแม้แต่เสี้ยวจันทร์ ซิงเยว่ถูกหลิวไท่หยางยึดตัวไว้ที่ตั่งตัวยาวริมหน้าต่างนางนั่ง เขานอน ศีรษะหนุนอยู่บนตักนางตลอดคืนกลิ่นหอมสบายจากร่างเนื้อนวลอบอวลคละเคล้ากับกลิ่นอายกร้าวแกร่งจากคนร่างใหญ่ ทั้งสะอาดและบริสุทธิ์ยิ่งกว่ากลิ่นอายไหนๆไม่มีเรื่องกามารมณ์มาเกี่ยวข้องแน่นอนว่าไม่อาจข้องเกี่ยวกันเชิงชู้สาวได้แม้แต่น้อย เหตุเพราะฝ่ายหนึ่งเป็นบุรุษที่มีคู่หมั้นแล้วและอีกฝ่ายยังเย่อหยิ่งถือตัวมากพอที่จะไม่ทำเรื่องผิดศีลธรรมกับผู้ชายที่มีเจ้าของหลิวไท่หยางไม่มีทางทำลายเกียรติของนางในดวงใจซิงเยว่เองก็ไม่คิดเป็นอนุใครเช่นกันแม้ว่าผู้คนจะมองพวกเขาเป็นอื่น หากแต่ข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่สองชายหญิงรู้ดีแก่ใจก็เพียงพอแล้ว“ข้าส่งคนไปตามหาผู้แซ่เนี่ยทุกสารทิศทั่วแคว้น กระทั่งจิ้นสิงยังไม่ได้รับอนุญาตให้กลับมา แต่ยังคงไร้ข่าว”หลิวไท่หยางเปรยอย่างเหนื่อยใจขณะนอนเอนกายให้ซิงเยว่คลึงหว่างคิ้วที่ขมวดแน่นระดับจอมยุทธ์เร้นกายขนาดผู้เยี่ยมยุทธ์ทัดเทียมกันยังไม่แน่ว่าจะหาต

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 41 ว่าที่ฮูหยินน้อย โจวซู่ฉิน3

    ชายหนุ่มปัดความคิดนี้ไปสิ้น เขาแน่ใจว่าไม่มีแน่ จึงหันมาสนใจคู่สนทนา“ซู่ฉิน เหตุใดสตรีเรียบร้อยอ่อนหวานเช่นเจ้าถึงได้ใจร้อนวู่วามด่วนตัดสินเยี่ยงนี้”หญิงสาวนัยน์ตาแข็งกร้าวทันที“สตรีเรียบร้อยอ่อนหวานก็มีหัวใจนะ เมื่อเจอสภาพคนรักเช่นนั้น เรี่ยวแรงมหาศาลมันก็มาเอง”เจ้าผู้แซ่เนี่ยก็ช่างกระไร ไยมิใช่อธิบายอย่างจริงจัง ไฉนโง่งมยืนให้คนรักแทงจนหมดโอกาสพูด!หลิวไท่หยางเข่นเขี้ยวในใจโจวซู่ฉินเสียงสั่น “ข้าก็เพิ่งสืบรู้ภายหลังว่าเข้าใจผิด ทุกวันนี้ยังเสียใจมิเสื่อมคลาย ท่านจะซ้ำเติมข้าเพื่ออันใด”“แล้วเรื่องแต่งงาน เจ้าต้องการประชดเขาถูกไหม”หญิงสาวส่ายหน้า “ไม่ ข้าแค่อยากรักษาตัวเองไว้ หากข้าไม่แต่งกับท่าน คงไม่พ้นแต่งให้หนึ่งในสองสกุลเซี่ยโอว คืนเข้าหอ ข้ายังจะรักษาสิ่งล้ำค่าที่สุดของสตรีได้หรือ? วันหนึ่งเมื่อได้เจอพี่เนี่ย ข้ายังจะมองเขาได้เต็มตาอีกหรือ?”หลิวไท่หยางมองโจวซู่ฉินอย่างอึ้งๆ เมื่อคาดเดาความคิดของนางได้ทั้งหมดแล้วแน่นอนว่าโจวซู่ฉินเองก็รับรู้ได้ถึงความปราดเปรื่องของสหาย นางจึงคุกเข่าลง ดวงตาหวานมีประกายวอนขอ ไม่ให้อีกฝ่ายปฏิเสธได้“ข้าใช้การแต่งงานกับท่านเพื่อรักษาความบร

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 41 ว่าที่ฮูหยินน้อย โจวซู่ฉิน2

    นางรีบเอ่ย “ไท่หยาง ท่านใจเย็นเถิด เห็นแก่ที่เราเป็นสหายมาหลายปี ทุกสิ่งที่ทำไปข้ามีเหตุผลนะ”โจวซู่ฉินพูดเสียงนุ่มนวลหวังคลายโทสะคู่สนทนา ท่วงท่ากิริยายังคงอ่อนโยนทว่าไม่กล้าเชิดหน้ามั่นใจอีกชายหนุ่มยังคงเดือดดาล “อย่าเล่นลิ้นกับข้า ”เรือนร่างกลมกลึงสะดุ้งอีกคราสีหน้าเผือดลงทันควัน นางก้มหน้าเม้มปาก กะพริบขนตาที่เปียกชื้น สลดลงทันใด ช่างเป็นภาพของโฉมสะคราญงามล่มเมืองผู้น่าสงสารที่ทำคนต้องมองแล้วมองอีกทว่าหลิวไท่หยางกลับแค่นเสียงเย็น “เจ้าคิดหรือว่าหากเป็นน้องสาวเจ้าก้าวเข้ามาข้าจะจัดการนางอย่างเด็ดขาดไม่ได้ แต่เพราะเป็นเจ้า ข้าถึงยินยอมเจรจา บอกมา เนี่ยจื่อหานคนรักของเจ้า รู้เรื่องนี้หรือไม่? มิใช่ว่าพวกเจ้าทะเลาะกันถึงได้ประชดประชันกันด้วยวิธีนี้ ข้าไม่สะดวกเล่นสนุกด้วย”ครั้นได้ยินนามนั้น โจวซู่ฉินพลันสะอึก นางมิอาจสะกดกลั้นอีกต่อไป น้ำตาร่วงหล่นดุจเม็ดมุกขาดจากสาย ท่าทางบอบบางน่าสงสารจับใจมากกว่าเดิมเรื่องที่โจวซู่ฉินแอบคบหากับเนี่ยจื่อหานไม่มีใครรู้ นอกจากหลิวไท่หยาง เนื่องจากอีกฝ่ายคือศิษย์ร่วมสำนักกับเนี่ยจื่อหานและเป็นสหายกับนางเมื่อเห็นโจวซู่ฉินร้องไห้ต่อหน้า หลิวไท่หยา

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 41 ว่าที่ฮูหยินน้อย โจวซู่ฉิน1

    เรือนหลังด้านในล้วนเป็นที่พำนักของเหล่าสตรีบุรุษคนใดไม่มีสิทธิ์ย่างกรายตามอำเภอใจทั้งสิ้น แม้แต่พี่ชายน้องชายวัยหนุ่มแน่นหรือกระทั่งบิดามาเยือน ยังต้องรั้งตัวรออยู่เรือนหน้าด้านนอกต้องเป็นผู้ที่มีฐานะพิเศษกับเจ้าของเรือนเท่านั้น ถึงจะเข้ามาได้ตามอำเภอใจ นั่นก็คือว่าที่สามีชายเดียวที่จะเข้าใกล้หญิงสาวเจ้าของเรือนได้หลิวไท่หยางยืนมองหน้าประตูชั่วครู่ ทั่วร่างยังคงแผ่ซ่านกลิ่นอายเย็นเยียบชวนขนลุกด้วยความเหน็บหนาวกระนั้นเหล่าสาวใช้กลับมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างเหม่อลอย พวงแก้มแดงก่ำ ในใจอดมิได้ที่จะวูบวาบสั่นไหว นึกกระอักกระอ่วนกับเสน่ห์เพศอันดึงดูดของเจ้านายหนุ่มพวกนางต่างถูกคัดสรรเลือกเฟ้นมาอย่างดีเยี่ยม เพื่อติดตามนายสาวมาจากจวนเดิม ทั้งรูปร่างและหน้าตาล้วนงดงามเกินฐานะ หมายช่วยเสริมความโปรดปรานและเหนี่ยวรั้งให้สามีของเจ้านายมาเยือนเรือนนี้บ่อยๆนั่นคือธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาช้านานในตระกูลใหญ่ อนุของสามีสมควรเป็นคนของภรรยาเอกแต่ดั้งเดิมให้มากเข้าไว้ เรือนหลังจึงจะไม่วุ่นวายเกินไปบุรุษหนุ่มผู้ถูกกลุ่มสตรีมองอย่างหมายมาดเพียงกวาดตามองตอบอย่างช้าๆ ก่อนโบกมือสั่งเสียงเย็นชา “พวกเจ้าออ

  • บุพเพรักแม่ทัพสุริยัน   ตอนที่ 40 ภรรยาที่มิอาจปฏิเสธ3

    เมื่ออยู่เพียงลำพังสองต่อสอง นางจึงเริ่มไกลเกลี่ย “หยางเอ๋อร์ มิใช่ว่าน้าอยากขู่เข็ญหรือบีบบังคับเจ้า เพียงแต่เมื่อก่อนน้าก็ตามใจให้เจ้าออกไปทำสิ่งที่ชอบแล้ว เจ้าอยากฝึกวรยุทธ์ ปรารถนาท่องหล้า ข้าไม่เคยขัดสักครา”นางเว้นวาจาถอนหายใจกล่าวด้วยน้ำเสียงพลิ้วแผ่วทว่ากลับเต็มไปด้วยความเฉียบขาดไม่ให้โอกาสคนโต้แย้ง “เจ้าก็รู้ว่าแคว้นเยี่ยนมีสกุลทรงอิทธิพลที่คอยจ้องกลืนกิน หมายมาดคิดกำราบเราให้ตกต่ำโดยตลอด สี่สกุล หลิว โจว เซี่ย โอว ต่างขับเคี่ยวกันและกันเสมอมา”หลิวไท่หยางนิ่งฟังมิเอ่ยวาจา แววตายังคงเย็นชาไร้ความรู้สึก สีหน้าไม่บ่งบอกความคิดใด ยากคาดเดาทุกสิ่ง เพียงปล่อยให้อีกฝ่ายกล่าวต่อ“หยางเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ ปีนี้เป็นปีที่ดีปานใด สกุลโจวคิดเชื่อมสัมพันธ์หนึ่งในสามสกุล หากเราไม่ลงมือทำอะไรเลย ปล่อยให้สกุลเซี่ยหรือสกุลโอวได้สกุลโจวไป สกุลหลิวจะรักษาอันดับหนึ่งได้หรืออย่างไร ยังจะยืนหยัดเพื่อบรรพบุรุษที่เพียรสร้างมาอย่างยากลำบากได้หรือ?”นางส่ายหน้าน้อยๆ กล่าวต่ออย่างทอดถอนใจว่า“หยางเอ๋อร์ เจ้าก็รู้ ด้วยตำแหน่งผู้สืบทอดของเจ้าและความสามาถที่มีมากกว่าน้องเล็ก ใช่ว่าเจ้าอยากปฏิเสธก็ปฏิเสธไ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status