เข้าสู่ระบบการต่อสู้ของชายหญิงเกิดขึ้นเนิ่นนาน
เสียงสั่นครืนก้องหล้า คล้ายแผ่นดินสะเทือนกึกก้อง ดังลั่นสะท้านผืนป่าสะท้อนหุบเขาอยู่เช่นนั้น
จังหวะพุ่งตัวเข้าปะทะและกรีดกระบี่ใส่กันในระยะประชิด ใบหน้าของพวกเขาแทบแนบสนิท ยังดีที่มีอาวุธคมกริบกางกั้น มิเช่นนั้นคงคล้ายกับทำสิ่งอื่นมากกว่าฆ่าฟัน
ขณะดวงตาคมสบประสานดวงตางามภายใต้หน้ากากเงินคู่นั้น หยางเจี้ยนสัมผัสได้ว่าพลังทำลายล้างของสตรีตรงหน้าสูงกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้มาก
ทว่าเสียงสตรีกลับดังลอดไรฟันอย่างเรียบง่ายแต่หนักแน่นยิ่ง
“ข้ามีหน้าที่ของข้า ท่านมีหน้าที่ของท่าน แม้เราสองไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ข้าจะติดตามท่านกลับเมืองหลวง ขอแค่วาจาสัตย์ เพียงท่านรับปากข้า”
บุรุษแค่นเสียงรับ “ได้! ว่ามา”
สตรีผละออกสะบัดดาบ ก่อนพุ่งเข้ามา กระบี่บุรุษกรีดอากาศทะยานรับรุก เกิดการปะทะราวอสนีบาตฟาด กำเนิดประกายแสงแปลบปลาบไม่จบสิ้น
“ดี! ศึกนี้หนักหนา ข้ายอมตายภายใต้เงื้อมมือท่าน แลกกับผลงานใหญ่หลวงของท่าน แต่ไม่ยอมตกอยู่ใต้อาณัติ ค่ายโจรแห่งนี้จะสิ้นสลายไปพร้อมกับชีวิตของข้า คนที่ตายล้วนตายไปถือว่าชดใช้กรรม แต่คนที่หายสาบสูญนั้น ขอแค่ท่านไม่ตามหาหรือหมายหัวพวกเขาอีก ข้าจะลดดาบในมือยอมให้ท่านบั่นคอเดี๋ยวนี้”
บุรุษเบิกตากว้าง ยังไม่ทันเอ่ยปาก นางตรงหน้ากลับลดดาบลง คมกระบี่ของเขาก็ตรงเข้าหาลำคอขาวผ่องทันที
แน่นอนว่าด้วยความเร็วปานฟ้าผ่าและความแรงของกำลังภายในอันแกร่งกล้า กระบี่พระราชทานจึงเฉือนลำคอระหงนั้นจนเลือดสาดทันใด
และภาพสุดท้ายที่หยางเจี้ยนได้เห็นจากสตรีผู้สวมหน้ากากเงินปิดบังใบหน้าก็คือดวงตาคล้ายระบายยิ้มยินดี นางยินดีปกป้องผู้คนด้วยชีวิตอันมีค่ามหาศาลของตน
ฉายาของนางคือเงาดาบจันทราฆ่าคนไม่กะพริบตา
นางมีพลังและความเร็วปานฟ้าผ่ากอปรกับฝีมือยุทธ์อันร้ายกาจยากต้านทาน
การฆ่านางย่อมมิใช่เรื่องง่าย
มีความจริงอยู่สิ่งหนึ่งว่าการเอาชนะนางนั้นแม้มิใช่ว่าไม่มีทาง เพราะอย่างไรวันนี้ค่ายโจรเถื่อนย่อมมีจุดจบ มิอาจยืนหยัดได้นานนัก
หากแต่หย่างเจี้ยนผู้ก้าวแกร่งที่สุดแห่งเมืองหลวงพลันรู้ดีแก่ใจว่ามันมิใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด
หากมิใช่เพราะมีคนบนเกาะทรยศ ร่วมมือชาวยุทธ์ฝ่ายธรรมะ สมคบคิดกับพวกขุนนางราชสำนัก มีหรือเขาจะสามารถนำทัพทางเรือมารุมล้อม มีหรือจะพาเหล่าทหารบุกทะลวงขึ้นมาถึงสถานที่ลี้ลับแห่งนี้ของนางได้
ทว่านางกลับเลือกพลีชีพเช่นนี้
เพื่อลดความสูญเสียชีวิตทั้งหลายทั้งจากคนของเขาและของนาง...
หยางเจี้ยนให้รู้สึกทึ่งนัก
ร่างระหงทิ้งตัวลงกระแทกพสุธาท่ามกลางม่านโลหิตสีชาดที่ซ่านเซ็นจากลำคอ
บุรุษหนุ่มยืนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกแสนเสียดาย
สตรีกล้าหาญอย่างนาง เป็นแม่ทัพหญิงก็ยังได้ เหตุใดต้องเลือกหนทางอันเป็นปรปักษ์กับความถูกต้อง
เพราะอันใดถึงเลือกเป็นโจรถ่อยให้ผู้คนคอยสาปแช่งดูหมิ่นกัน?
การกำราบโจรร้ายใช้เวลาจวบจนมืดค่ำ
กลางทะเลรอบหุบเขายามนี้มืดมิดเป็นสีดำสนิทแล้ว บนท้องฟ้าปรากฏจันทร์เสี้ยวทอแสงสาดส่องริบหรี่กระทบเป็นเงางดงามบนผิวน้ำ
คบเพลิงรอบด้านถูกจุดขึ้นจนสว่างจ้าไปทั่วบริเวณ
มือของหยางเจี้ยนกำแน่นเข้าด้วยกัน ดวงตาคู่คมไหววูบยากระงับ เขาก้มศีรษะ ทำให้นายทหารที่ยืนรายรอบไม่เข้าใจอารมณ์ในสายตาของเขา
ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาเงียบขรึมท่าทีสุขุมเยือกเย็น หยางเจี้ยนให้รู้สึกลำบากใจอย่างที่สุด
‘ข้ายอมตายภายใต้เงื้อมมือท่าน ค่ายโจรแห่งนี้จะสิ้นสลายไปพร้อมกับชีวิตข้า ขอแค่ท่านไม่ตามหาหมายหัวคนของข้า...’
หนึ่งศีรษะแลกร้อยชีวิตมิต้องพลีชีพ
กลีบปากบางเม้มสนิท กรามแกร่งบดแน่นเนิ่นนาน เรือนร่างสูงใหญ่ของแม่ทัพหนุ่มยืนนิ่งตรึงสายตามองภาพค่ายโจรจันทราแดงมอดไหม้จนกลายเป็นจุล
หัวใจของเขาเองก็คล้ายถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านพร้อมสตรีนางหนึ่งผู้ซึ่งกลายเป็นเพียงตำนาน
ไม่ง่ายเลยกับการได้เจอสตรีแสนพิเศษเช่นนาง
หยางเจี้ยนไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขารู้สึกพึงใจสตรีผู้นี้แม้ยังไม่เคยเห็นหน้า นางคงไม่รู้ตัวว่าดวงตาที่โผล่พ้นหน้ากากเงินคู่นั้นตรึงใจเขาเพียงใด
การประมือกับนางเพียงครั้งแรกและครั้งสุดท้ายนี้ นับว่าคุ้มค่าแล้ว...
ดาบดวงเดือนซึ่งเป็นอาวุธคู่กายของจอมยุทธ์หญิงเงาดาบจันทราปรากฏร่องรอยของหยาดโลหิตสีแดงฉานจากจอมกระบี่สุริยันฝากฝังเอาไว้เป็นการแลกเปลี่ยน
หยางเจี้ยนใช้ดาบนางกรีดนิ้วตนอย่างสงบเยือกเย็น ‘จิตวิญญาณเจ้าผสานหยดเลือดข้า ขอชาติหน้าได้ผูกวาสนา มิต้องเข่นฆ่าเฉกเช่นชาตินี้’
ก่อนเหวี่ยงเข้ากองเพลิงให้ไฟร้อนเผาไหม้พร้อมศพไร้หัวผู้เป็นเจ้าของ ส่วนศีรษะนางถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีเพื่อถวายแด่จักรพรรดิเยี่ยน หยางเจี้ยนเลือกที่จะโบกมือสั่งการถอนทัพกลับเมืองหลวงทันที
‘คนที่ตายล้วนตายไปถือว่าชดใช้กรรม แต่คนที่หายสาบสูญนั้น ข้ารับปากว่าจะไม่ตามหาหรือหมายหัวอีก...’
กู้เจิ้งจัดงานเลี้ยงอำลาเล็กๆ ให้น้องชาย ก่อนจากลาเขาตบบ่ากู้เหิงแสดงความยินดีจากใจจริง แต่เมื่อเห็นน้องชายแย้มยิ้มหน้าบานปานนั้น กู้เจิ้งก็ให้รู้สึกปลาบปลื้มระคนอิจฉาริษยาเหลือเกินกู้เหิงเหมือนเขาแทบทุกอย่าง นอกใจภรรยา ลุ่มหลงหญิงอื่น มัวเมากามารมณ์หัวปักหัวปำ อาจเรียกได้ว่ากระทำการหยาบช้าไม่ต่างกัน ทว่าอีกฝ่ายกลับยังคงมีภรรยาอยู่เคียงข้างไม่ห่างหาย ในขณะที่เขาทำร้ายจิตใจภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากจนตายจากกันไปแล้วและยามนี้ตัวเขาก็รู้สึกเหมือนกำลังได้รับผลกรรมเหตุเพราะหลินเพ่ยเริ่มมีพฤติกรรมแปรเปลี่ยนไป นางไม่เอาอกเอาใจเขาเหมือนก่อน ไม่นุ่มนวลอ่อนหวาน ไม่เชื่อฟังเหมือนวันวาน สีหน้าแววตายังฉายความเบื่อหน่ายแกมหงุดหงิดออกมาอย่างไม่เกรงใจนางยังสาวยังสวย ในขณะที่เขาแก่เฒ่าลงทุกวัน ดังนั้น จึงเป็นเหตุให้นางตัดสินใจทำอะไรต่ำช้า ใช่หรือไม่? เหมือนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยทำกับภรรยา ใช่หรือเปล่า?ความรู้สึกทรมานและทุกข์ทนยากหลุดพ้นชนิดนี้ เหมือนความรู้สึกที่เคยเกิดกับอดีตคนรักผู้ล่วงลับใช่หรือไม่?เขาเคยทำให้นางต้องเจ็บช้ำปานใด บัดนี้ได้รู้ซึ้งแล้วหลังจากยืนส่งขบวนครอบครัวของกู้เหิง กู้เจิ้งก็เพียง
การแต่งงานอันหวานชื่นของบุรุษแซ่กู้ผ่านพ้นไปเรื่องราวควรยุติสงบสุขเพราะทุกคนต่างมีคู่ครอง ทว่าซ่งเสวียนชิงกลับยังทำตัวหน้าหนาไร้ยางอายไม่เว้นวัน เขาลอบเข้าหาโม่เหลียนเกือบทุกคืนอย่างไร้มารยาท ปราศจากยางอาย แต่จนใจที่ฝีมือสู้เยี่ยนเต๋อมิได้ จากนั้นเขาเปลี่ยนแผนใหม่ โดยการใช้ฐานะญาติพี่น้องระหว่างกู้ซือหมิงกับกู้ฉีรุ่ย เดินข้ามประตูวงเดือนของจวนกู้มาหาโม่เหลียนอย่างสง่าผาเผยเสียเลยคนอื่นอาจมองเป็นการไปมาหาสู่กันฉันญาติสนิท ทว่าโม่เหลียนกับเยี่ยนเต๋อเกรงว่าเหยาจินกับกู้ซินอาจจะมิได้คิดเช่นนั้นหากแม่สามีกับน้องสามีมองสะใภ้ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป การอยู่ร่วมกันย่อมมีช่องว่างที่มองไม่เห็นแม้ปัญหายังไม่ทันเกิดและเหมือนเหยาจินกับกู้ซินจะไม่คิดเล็กคิดน้อยอันใด ทั้งยังดูเชื่อใจโม่เหลียนมาก หากแต่เยี่ยนเต๋อไม่มีทางปล่อยปละละเลยภรรยาได้ เขาเชื่อใจนางแต่ไม่มีทางไว้ใจเจ้าคนหน้าหนาอย่างโจรราคะซ่งเสวียนชิงเด็ดขาดการย้ายจวนหลังแต่งงานจึงจำต้องมีตามมาเยี่ยนเต๋อต้องการสร้างจวนใหม่อยู่อย่างผาสุกกับภรรยาและตั้งใจจะพามารดากับน้องสาวไปด้วยเรียกได้ว่าไม่คำนึงถึงธรรมเนียมปฏิบัติกันเ
หลังจากจัดการส่งซ่งเสวียนชิงกลับไปเยี่ยนเต๋อก็ใช้เวลาอยู่กับโม่เหลียนทั้งคืน ดื่มด่ำราตรีร่วมกันอย่างหวานชื่น เอ่ยตามจริง หากเป็นชายอื่นเข้ามาเห็นผู้หญิงของตนอยู่กับผู้ชายอีกคนเช่นนั้นย่อมมีปัญหารุนแรงถึงขั้นแตกหักทว่าเยี่ยนเต๋อที่รู้ทุกเรื่องราวย่อมมีแต่คำปลอบใจ ทำทุกทางให้นางสบายใจ ให้มั่นใจว่าจะมีเขาอยู่เคียงข้าง ช่วยบังลมฝนให้ทุกก้าวย่างจวบจนรุ่งสางโม่เหลียนถึงได้ผลักไสให้เยี่ยนเต๋อลอบปีนหน้าต่างกลับออกไป ก่อนที่หานเซิงจะถือดาบมาไล่ฟัน ชายหนุ่มยิ่งคึกคักฮึกเหิมรีบจัดการนางอย่างเร่าร้อนและเร่งเร้าตรงริมหน้าต่างอีกหลายกระบวนท่า ก่อนยินยอมหนีไปอย่างเร่งรีบ อันเป็นการกระทำที่ตื่นเต้นเร้าใจหาใดเปรียบชาติที่แล้วเยี่ยนเต๋อมีความคิดที่ชั่วร้ายอยู่อย่างหนึ่ง คือคิดจะลอบเข้ามาหาโม่เหลียนแบบนี้ แล้วฉุดคร่านางไปจากสามีผู้นั้นให้รู้แล้วรู้รอด ด้วยรู้ดีว่าซ่งเสวียนชิงหวาดกลัวในตัวเขาอย่างที่สุด หากเขาพาโม่เหลียนไปอย่างอุกอาจ ซ่งเสวียนชิงย่อมทำอะไรเขาไม่ได้ แต่เพราะโม่เหลียนรักใคร่อีกฝ่าย เขาจึงได้แต่ข่มใจไม่กล้าตอแยนางแต่ชาตินี้ไม่เหมือนกัน เขาไม่ต้องทำเรื่องชั่วร้าย แต่สามาร
ค่ำคืนเดือนพราว ดวงดาวระยิบระยับโม่เหลียนยืนแหงนหน้ามองฟ้าอย่างอารมณ์ดี รู้สึกว่าราตรีนี้ช่างสวยงามเสียจริง สาเหตุที่รู้สึกเช่นนี้ก็เพราะเพิ่งได้รับจดหมายจากเยี่ยนเต๋อที่บอกให้รู้ถึงการเดินทางกลับในอีกเจ็ดวันข้างหน้าหญิงสาวหมุนตัวกลับเข้าห้องนอนตรงไปที่ชั้นเสื้อผ้า หยิบชุดนั้นเลือกชุดนี้ออกมา แต่ละชุด นางสั่งสาวใช้คัดสรรมาเตรียมไว้ตั้งแต่หัวค่ำ คิดว่าควรใส่ชุดไหนออกไปต้อนรับเขาที่ประตูเมืองดี ทว่าจนแล้วจนรอดก็ยังตัดสินใจมิได้จังหวะนิ่วหน้าครุ่นคิดอย่างมีความสุข เงาดำหนึ่งพลันวูบเข้ามาจากทางใดมิทราบ จับนางกดลงบนเตียง ทั้งรวดเร็วรวบรัด ในชั่วลมหายใจเดียวนางก็ถูกพันธนาการโม่เหลียนเบิกตาจ้องมอง เห็นเป็นใบหน้าคนคุ้นเคยก็ให้ตกใจนัก เสี้ยวเวลาต่อมานางจึงโมโหอย่างที่สุด“เสวียนชิง! ท่านอุกอาจปานนี้ได้อย่างไร?”ชายหนุ่มผู้บุกรุกก้มมองนางด้วยดวงตาเจ็บร้าวและเศร้าสลด สีหน้าสำนึกผิดเต็มที่ ไม่มีเสแสร้ง“เหลียนเอ๋อร์ เจ้าควรรู้เอาไว้ว่าเรื่องข้ากับเหวินซูลี่ไม่ได้มีอะไร ข้ามิได้ชอบนาง ไม่ได้มีใจ และไม่เคยคิดอยากให้เกิดเรื่องแบบนั้น นางวางยาข้า เจ้าเชื่อข้านะ”ซ่งเสวียนชิงแก้ตัว ข
ทางฝั่งโม่เหลียน เคยมีชายกักขฬะใจหยาบคิดทำการฉุดคร่านางจริงๆ และหลายครั้งด้วย เพียงแต่เรื่องนี้มิได้ถูกแพร่งพรายจนตัวเองต้องเสื่อมเสียมัวหมอง เพราะนางจัดการเจ้าคนพวกนั้นปางตายกลับไปทุกคราหญิงสาวนึกเสียดายอยู่เรื่องหนึ่งคือไม่ทันได้เค้นถามว่าเป็นผู้ใดส่งมา เจ้าคนที่ถูกจับได้ก็ตายเสียก่อน คนผู้นั้นตกใจมีดที่จ่อคอชิงขยับมีดปาดคอตาย สุดท้ายนางก็ต้องเสียเวลาคิดวิธีทำลายศพ มิให้ตัวการใหญ่ที่แท้จริงไหวตัวกำหนดการแต่งงานจะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า รวดเร็วถูกใจจูซิ่วเหลือเกินถามว่านางละอายใจหรือไม่ที่ใช้วิธีต่ำช้าอย่างการรวบรัดบุรุษด้วยยาปลุกกำหนัดในสุรา คำตอบคือ ไม่! และการแย่งชิงบุรุษของผู้อื่นเล่า นางเคยรู้สึกผิดบ้างไหมคำตอบก็คือ ไม่เลยสักนิด!บาปกรรมที่เคยทำตัวไร้ยางอายเข้ามาแทรกกลางครอบครัวคนอื่นจนแตกพ่ายนางก็ไม่ตระหนักเช่นกันซ่งเสวียนชิงต้องเป็นของนาง ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนต่อให้เขายังรักโม่เหลียนแล้วอย่างไร นางไม่สน!ท่ามกลางท่าทีขัดขืนไม่ยินยอมพร้อมใจของกู้ซือหมิงในขณะแม่สื่อเจรจาสู่ขอ โม่เหลียนบังเอิญได้เห็น... ตรงหลังบานประตู ...เหวินซูลี่แอบยิ้มร้าย สาย
หลังจากวันนั้น เหวินซูลี่ก็แสดงออกชัดเจนยิ่งขึ้น ถึงขั้นตื่นแต่ฟ้าสางทำขนมส่งไปให้กู้ซือหมิงถึงจวนกู้ และอีกหลายครั้งยังทำทีบังเอิญพบเจอกู้ซือหมิงที่ตลาด ยิ่งกว่านั้น ทุกคราที่กู้ซือหมิงมาเยือนจวนหาน เพื่อขอพบหานจื่อหราน แต่คนที่ได้พบพานก็มักจะเป็นเหวินซูลี่โม่เหลียนที่หลบหน้าซ่งเสวียนชิงเป็นประจำจึงเห็นทั้งสองแอบพบกันแต่จะเรียกว่าแอบพบกันคงไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะเหวินซูลี่ถึงขั้นมายืนรออีกฝ่ายที่หน้าประตูจวนหาน ชนิดที่ว่าหากซ่งเสวียนชิงก้าวเท้าเข้ามา จะต้องเห็นเหวินซูลี่ก่อนบ่าวรับใช้ครั้นฝ่ายบุรุษบอกว่ามาหาใครอีกคน เหวินซูลี่ก็เพียงแค่ยิ้มหวาน แล้วบอกให้สาวใช้ไปเชิญพอเป็นพิธี จากนั้นก็พาเขาไปนั่งรับลมที่ศาลา ชักชวนสนทนาจนตะวันคล้อยโม่เหลียนไม่รู้จะต้องรู้สึกโล่งใจหรือกังวลใจดี ที่เป็นเช่นนี้เพราะนางนึกห่วงใยเหวินซูลี่อย่างยิ่ง แม้ไม่อยากออกไปพบหน้าซ่งเสวียนชิงก็จำต้องเข้าร่วมวงสนทนาเพื่อไม่ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันเพียงลำพังสองต่อสอง“หรานเอ๋อร์ มาแล้วหรือ? ปล่อยข้าให้รอเจ้าตั้งนาน ไม่น่ารักเลย” หางคิ้วโม่เหลียนกระตุกทันทีเมื่อซ่งเสวียนชิงเรียกอย่างสนิทสนมจนออกนอกห







