“พี่ใหญ่!” นางส่งเสียงเรียกพร้อมเขย่าก่อนจะรีบถอยห่างออกไปเพื่อความปลอดภัย เกิดเขาลืมตาตื่นแล้วตกใจยกมือบีบคอนาง นางไม่แย่หรือ
“...” อีกฝ่ายยังคงนิ่งไร้สติเช่นเดิม
“หรือเมื่อครู่เขาจะหนาว” นางคิดก่อนจะค่อย ๆ สาวเท้าเข้าไปใกล้อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่พอเห็นเขานิ่ง นางจึงวางใจก่อนจะทรุดตัวนั่งที่ขอบเตียงแล้วเช็ดใบหน้าที่ร้อนผ่าวให้เขา
“ข้าทำดีกับท่านเช่นนี้ เรื่องราวที่ผ่านมาให้เลิกแล้วต่อกันบ้างเถิดนะเจ้าคะ”
“...” คนป่วยก็ยังเงียบไร้การตอบรับ
“ไม่ต้องยกโทษให้ข้าก็ได้ ข้ารู้ดีว่าที่ผ่านมาตนเองร้ายกาจเพียงใด แต่สิ่งที่ข้าปรารถนาคือให้ท่านลดความโกรธแค้นที่มีในใจต่อข้าและตระกูลหมิงบ้าง” นางพูดเรื่อยเปื่อยตามลำพัง
“...”
“ประเดี๋ยวหมอก็คงมาแล้ว ท่านอย่าเพิ่งขาดใจตายก่อนนะเจ้าคะ” หรือปล่อยให้ตายไปเลยดีนะ
‘ไม่เอา ๆ ข้าไม่อยากตามไปชดใช้ให้พี่ใหญ่อีกในชาติหน้า’ นางคิดก่อนจะส่ายหน้าไปมาไล่ความคิดชั่วร้ายของตน
หมิงเจียวซือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามใบหน้า ลำคอ มือและแขนของพี่ชายต่างมารดาวนไปมาซ้ำ ๆ จนหลินถงพาท่านหมอมา
ท่านหมอใช้เวลาจับชีพจรและตรวจดูไม่นานก็ทราบถึงอาการของเขา
“พี่ใหญ่เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ”
“แค่ไข้เปลี่ยนฤดู กินยาสักสองสามเทียบก็ดีขึ้นแล้ว”
“เช่นนั้นประเดี๋ยวข้าให้สาวใช้ตามไปรับยากับท่านหมอนะเจ้าคะ”
“ไม่ต้อง ๆ ก่อนมาสาวใช้ของคุณหนูได้บอกกล่าวไว้ว่าคุณชายหมิงน่าจะเป็นไข้ ข้าเลยเตรียมยามาด้วย ช่วงนี้คนเป็นไข้เปลี่ยนฤดูมาก ข้าจึงเดาได้ไม่ยาก”
“ข้านึกว่าท่านหมอมีญาณหยั่งรู้เสียอีกเจ้าค่ะ” หมิงเจียวซือเอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
‘คุณหนูผู้นี้ดูแล้วก็เป็นแม่นางน้อยธรรมดา หาได้ร้ายกาจเช่นที่คนของคุณชายใหญ่หมิงเคยกล่าวก่อนหน้านี้’ ท่านหมอส่ายหน้าเล็กน้อยพลางคิดว่าบางทีในเรือนตระกูลใหญ่ก็คงเป็นเช่นนี้ บุตรต่างมารดาจะทะเลาะกันหรือไม่ถูกกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“แม่นางก็กล่าวเกินไป เช่นนั้นข้าจะไปสั่งสาวใช้ของท่านให้ต้มยาเทียบแรกมาให้ก่อนนะขอรับ”
“ได้เจ้าค่ะท่านหมอ ขอบคุณท่านมากนะเจ้าคะที่เสียสละเวลามา” หมิงเจียวซือกล่าวก่อนจะย่อตัวส่งท่านหมอคล้ายได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี
พอท่านหมอจากไป นางก็ใช้ผ้าชุบน้ำแล้วบิดหมาด ๆ วางบนหน้าผากของพี่ใหญ่ ก่อนจะไปนั่งที่โต๊ะซึ่งนางวางแจกันไว้ก่อนหน้านี้
‘ประเดี๋ยวก่อนกลับข้าต้องเอาแจกันไปไว้ที่เดิม’
ผ่านไปราวหนึ่งเค่อหลินถงก็ยกชามใส่ยาสีไม่น่าดูเข้ามา ก่อนจะอาสาป้อนให้คุณชายใหญ่เอง
“ไม่เป็นไร ข้าป้อนพี่ใหญ่ก็ได้ แต่เจ้าต้องช่วยข้า”
“เจ้าคะ?” สาวใช้คนสนิทมีสีหน้างุนงงกับคำของผู้เป็นนาย
หมิงเจียวซือยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าของสาวใช้ตน นางยกชามยาขึ้นเป่าสลับคนไปมาจนเริ่มอุ่นก่อนจะเอ่ยปากสั่งการ
“จับเขาอ้าปาก”
“คะ คุณหนู จะดีหรือเจ้าคะ”
“ย่อมดี การป้อนยาคนที่หลับอยู่อย่างไรมันก็ไหลกลับออกมา ดังนั้นการจับเขาอ้าปากจะทำให้เรามั่นใจว่าเขาได้กินมันไปจริง ๆ”
“แต่ว่าคุณชายใหญ่อย่างไรก็เป็นนาย...”
“เกิดเรื่องอันใดขึ้นข้ารับผิดชอบเอง ลงมือสิ”
“เจ้าค่ะ” แม้จะไม่อยากทำ แต่คุณหนูรองหมิงคือนายของตน สุดท้ายจึงต้องทำตามคำสั่งแต่โดยดี
เมื่อมีคนคอยบีบปากให้อ้าออก นางจึงกรอกยา เอ่อ...ป้อนยาได้สะดวก โดยนางใช้วิธีป้อนสองช้อนสลับกับปิดปากให้เขากลืนไปจนกว่ายาจะหมดถ้วย
“เอาชามยาไปเก็บ” หมิงเจียวซือกล่าวพลางยกมือปาดเหงื่อที่ชื้นขึ้นเล็กน้อย หากไม่เพราะหวังผล นางคงไม่ทำดีเช่นนี้หรอก
ทำตัวร้ายกาจมันง่ายกว่าทำดีตั้งมากรู้หรือไม่...
เสียงกรีดร้องโวยวายของอนุฯ ฝูห่างออกไปเรื่อย ๆ จนเงียบไป คังอ๋องจึงหันไปสั่งขันทีอาวุโสให้ไปตามชายารองเมิ่งที่เขามอบหมายให้ดูแลตำหนักแห่งนี้ ผ่านไปไม่กี่อึดใจชายารองเมิ่งก็รีบมาพบพระสวามีที่รออยู่ ก่อนจะแสดงความเคารพอย่างอ่อนช้อย “ยามนี้อนุฯ ฝูถูกย้ายไปอยู่ที่เรือนร้างเจ้าให้คนที่เชี่ยวชาญการแพทย์และเป็นวรยุทธ์สักเล็กน้อยไปคอยดูแลนางด้วย” “เพคะ” ชายารองเมิ่งคิดในใจว่า ท่านอ๋องช่างโปรดปรานสตรีเสแสร้งอย่างฝูหว่านอิ๋งจริง ๆ แม้จะโดนลงโทษก็ยังกำชับให้ดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งนางก็คงจะคิดเช่นนั้นหากไม่ได้ยินประโยคต่อมาของผู้สูงศักดิ์ “หากพวกเจ้าอยากหยอกเย้าหรือเล่นกับนางก็สามารถไปเยือนที่เรือนร้างได้ข้าอนุญาต แต่อย่าลงมือหนักเกินไป ประเด
“มันเป็นใครหรือเพคะ คนที่ลงมือกับตระกูลฝูอย่างโหดเหี้ยมเช่นนั้น” ฝูหว่านอิ๋งเสียงแข็งกร้าวด้วยความโกรธแค้นอย่างลืมตัวว่าจะต้องทำท่าทางให้น่าสงสารหวังให้สวามีมาปลอบขวัญ คังอ๋องเซี่ยอี้หานอยากจะยิ้มเยาะออกมาเสียจริง ๆ สมควรแล้วที่ตระกูลฝูถูกฆ่าล้างตระกูล สิ่งที่ฝูซื่อทำไว้ แค่ร้อยชีวิตของตระกูลฝูไม่อาจชดเชยได้ เพราะสิบสองปีที่ผ่านมาฝูซื่อเลี้ยงกลุ่มโจรเอาไว้แล้วสั่งให้บุกสังหารหลายตระกูล ทั้งที่ขัดผลประโยชน์หรือที่ร่ำรวยมีทรัพย์ เพื่อแย่งชิงทรัพย์สมบัติของตระกูลเหล่านั้นมาเลี้ยงดูกลุ่มโจรและกองกำลังลับที่องค์ชายรองจะใช้ก่อกบฏ “เจ้าอยากทราบจริง ๆ หรือ” เขาเอ่ยถามพลางย่อตัวลงก่อนจะใช้มือเชยคางของนางขึ้นเพื่อให้เงยหน้ามองเขา “เพคะ พระองค์ทรงเมตตาหม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ” 
ตอนพิเศษ เพื่อคนที่รักทั้งสอง เสียงกรีดร้องโวยวายที่หน้าห้องหนังสือทำให้คังอ๋องที่กำลังอ่านตำราพิชัยสงครามอยู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะเก็บตำราแล้วลุกขึ้นไปจัดการเรื่องราวด้านนอก ตั้งแต่รับปากหยวนลี่หมิง ชีวิตของเขาไม่เคยได้สงบสุขเลย เรือนหลังตำหนักมีเ
คนที่นั่งตัดพ้อต่อว่าตนเองว่าโง่เขลาดูเหมือนจะเป็นบุรุษเพราะเขานั่งก้มหน้านางจึงยังมองไม่เห็นหน้า รู้เพียงแค่ว่าคนผู้นี้น่าจะจมอยู่ในความทุกข์ในเป็นเวลานาน ผมเพ้าขาวโพลนไปทั้งหัวขัดแย้งกับมือและเสียงที่ไม่ได้ใกล้เคียงผู้อาวุโสเลย นอกจากผมที่ขาวโพลนจะรกรุงรังไร้การรวบเก็บที่เรียบร้อยแล้ว อาภรณ์ยังสกปรกมีรอยขาดวิ่นคล้ายไม่ใส่ใจดูแลตน “ท่านน้าข้าขอโทษที่โง่เขลาหลงเชื่อวาจาเพียงไม่กี่คำของคนชั่วช้า เนรคุณต่อผู้มีพระคุณเช่นท่าน ทั้งยังก่อบาปมากมาย ยามนี้ความจริงทุกอย่างกระจ่างแจ้ง คนผิดได้ชดใช้กรรมในสิ่งที่ตนก่อ แต่ข้ากลับสูญเสียคนที่หยิบยื่นความเมตตาให้ข้าโดยไร้ข้อแม้เช่นท่านไปด้วยมือของข้าเอง ท่านน้า ท่านคงโกรธเคืองข้ามากใช่หรือไม่ ข้ายินดีให้ท่านสาปแช่งข้า ยามนี้ข้าสำนึกให้สิ่งที่ทำไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่มีโอกาสได้ขอโทษท่านและครอบครัวของพวกท่าน” 
“อ๊า ๆ” นางได้แต่ร้องครวญครางอ่อนระทวยพร้อมคล้อยตามในสิ่งที่เขาต้องการทุกอย่าง เมื่อเรือนร่างเย้ายวนเริ่มแข็งเกร็งเขาก็ยิ่งเร่งการขยับลิ้นให้รัวเร็ว ก่อนที่นางจะเกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำหวานเอ่อล้นออกมา เป็นเช่นที่บอกว่าคืนเข้าหอมีค่าดังทองพันชั่งคุณชายหยวนไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เขาชันตัวขึ้นก่อนจะกดแท่งหยกเข้าโพรงนุ่มที่แม้จะมีน้ำหวานเอ่อล้นแต่ภายในยังคับแน่น “เจ้ารัดพี่แน่นเช่นนี้ พี่คงทนได้ไม่นาน” เขาเอ่ยพลางขยับตัวอย่างช้า ๆ ก่อนจะเริ่มเร็วขึ้นเมื่อนางปรับตัวได้ เสียงเนื้อกระทบกันยังคงดังสลับกับเสียงครางแว่วหวานทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาป่วนห้องหอ “เจียวซือ พี่รักเจ้ายิ่งน
“ย่อมไม่ปฏิเสธ” กล่าวจบเขาก็เชยคางมนให้เงยขึ้น โดยเขาซึ่งยืนนวดไหล่ให้ทางด้านหลัง ก้มใบหน้าเข้าใกล้นางก่อนจะกดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนุ่ม เกี่ยวกระหวัดพัวพันหวังปลุกเร้าความปรารถนาเพื่อค่ำคืนเข้าหอที่สุขสม เขาลิ้มชิมความหวานจนพอใจก่อนจะถอนจุมพิตออกมาด้วยกลัวว่านางจะเมื่อยคอ “รีบปลดอาภรณ์แล้วเข้ามาแช่น้ำร้อนด้วยกัน...” นางกล่าวชวนอีกครั้งยังไม่ได้จบ เขาก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า แท่งหยกที่ควรจะอยู่สงบกลับแข็งขึงพร้อมมอบความสุขให้นาง “ในถังนี้คับแคบยิ่งนัก เจ้านั่งบนตักข้าดีกว่าจะได้ไม่อึดอัดมาก” กล่าวจบเขาก็ช้อนตัวนางยกขึ้นมานั่งบนตักของตน ส่วนแท่งหยกที่แข็งขึงถูไถอยู่บริเวณสะโพกของนาง “ลี่หมิง ของท่านโดนก้นข้า”&nbs