4
ขอทำดีอยู่ห่าง ๆ (1)
ผ่านไปเกือบสามชั่วยาม ที่คุณหนูรองหมิงช่วยเปลี่ยนผ้าที่วางบนหน้าผากพี่ชายไปเรื่อย ๆ จนอีกฝ่ายไม่ได้ตัวร้อนมากเช่นในตอนแรก
เสียงสนทนาที่ดังขึ้นด้านนอกห้อง ทำให้นางทราบได้ทันทีว่าบ่าวรับใช้คนสนิทของพี่ชายต่างมารดากลับมาแล้ว
“หลินถง เรากลับกันเถิด” นางปลุกสาวใช้ที่นั่งฟุบหลับอยู่ข้าง ๆ
“คุณหนู คุณชายใหญ่ดีขึ้นแล้วหรือเจ้าคะ”
“บ่าวรับใช้ของพี่ใหญ่กลับมาแล้ว เรากลับเรือนกันเถิด”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทของนางลุกขึ้นด้วยท่าทางงัวเงีย
พรึ่บ! เมื่อประตูเปิดออกบ่าวรับใช้ทั้งสองคนที่กำลังสนทนากันก็หยุดมือทันทีเพื่อจะเข้ามาหาคุณชายของตน แต่กลับต้องตกใจเมื่อคนที่เดินออกมาเป็นสตรีร้ายกาจเช่นคุณหนูรอง
“คุณหนู! ท่านมากลั่นแกล้งคุณชายของข้าอีกแล้วใช่หรือไม่” เป็นเพ่ยตงเอ่ยถามพลางมองสตรีตรงหน้าด้วยท่าทางระวังตัว
“ข้าคิดอยู่แล้ว การกลับตัวกลับใจมันยาก” เป็นฉงซานที่ไม่ค่อยชอบหน้าสตรีผู้นี้อยู่แล้วเอ่ย
“หุบปากของพวกเจ้าซะ เป็นบ่าวเช่นไร ถึงได้ปล่อยให้นายของตนนอนตัวร้อนไข้ขึ้นอยู่ในเรือนตามลำพัง หากคุณหนูของข้าไม่มีจิตเมตตาป่านนี้คุณชายของพวกเจ้าคงได้ไปเยือนปรโลกแล้ว” เป็นหลินถงที่โมโหคนทั้งสอง ไม่รับใช้เจ้านายตนให้ดี แล้วยังมากล่าวโทษคุณหนูของนางที่สู้อุตส่าห์ลำบากคอยดูแลคุณชายที่เป็นไข้
“คุณชาย!” สิ้นเสียงฉงซานรีบวิ่งเข้าไปในห้องที่หมิงเจียวซือกับสาวใช้เพิ่งออกมา โดยมีเพ่ยตงวิ่งตามหลัง
“ประเดี๋ยวก่อน”
“คุณหนูรองปล่อยข้านะขอรับ ข้าจะรีบไปดูคุณชาย” ในสายตานาง เพ่ยตงผู้นี้เป็นบ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์และซื่อตรงมีอันใดก็แสดงออกมา ดูแล้วน่าจะสนทนาง่ายกว่าฉงซาน
“เขาตัวไม่ร้อนแล้ว ข้าให้เขากินยาไปแล้วหนึ่งเทียบ เหลืออีกสองเทียบ วางอยู่ในห้อง ท่านหมอสั่งไว้ว่าพี่ใหญ่ต้องกินให้ครบสามเทียบ แล้วเจ้าก็กำชับกับฉงซานด้วยว่าอย่าได้บอกว่าข้าเป็นคนช่วยดูแลยามที่เขาไม่ได้สติ”
“เหตุใดท่านถึงต้องการเช่นนั้น”
“ข้าอยากเป็นคนดีโดยไม่เอาหน้าไม่ได้หรืออย่างไร อ้อ! หลินถงเจ้าเข้าไปด้านในกับเพ่ยตง แล้วไปเก็บผ้าเช็ดหน้าที่ข้าใช้เมื่อครู่มาด้วย” นางกล่าวก่อนจะหันไปสั่งสาวใช้ของตนแล้วเดินออกไปรออยู่หน้าเรือน
ด้านฉงซานที่รีบร้อนเข้าไปหาคุณชายรีบเข้าไปจับชีพจรของอีกฝ่ายทันที เมื่อรู้ได้ว่าอีกฝ่ายยังปลอดภัยจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่เขาจะหยิบผ้าที่คล้ายผ้าเช็ดหน้าสีอ่อนของสตรีที่วางอยู่บนหน้าผากคุณชายขึ้นมาดู
“ขอผ้าของคุณหนูข้าคืนด้วยเจ้าค่ะ” หลินถงที่เดินเข้ามาพร้อมกับเพ่ยตงกล่าวก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้ามาโดยไม่รออีกฝ่ายอนุญาต
“หวังว่าท่านจะทำตามที่คุณหนูกล่าวเมื่อครู่นะเจ้าคะ ข้าลาก่อน” กล่าวจบสาวใช้คนสนิทของคุณหนูรองก็ออกจากห้องไป
“เมื่อครู่ที่สาวใช้คนนั้นกล่าวคืออันใด” ฉงซานถามสหาย
“คุณหนูรองกล่าวว่า อย่าได้บอกคุณชายว่านางเป็นคนดูแลจนอาการดีขึ้น นางอยากทำดีโดยไม่เอาหน้า แล้วคุณชายเป็นเช่นไรบ้าง”
“คุณชายเป็นไข้เปลี่ยนฤดู ดูเหมือนจะกินยาไปบ้างแล้ว อาการถึงกำลังดีขึ้น”
“คุณชายกินยาไปแล้วหนึ่งเทียบ คุณหนูรองให้ท่านหมอมาตรวจและจัดยาให้”
“ข้าไม่อยากคิดเลยจริง ๆ ว่าสตรีร้ายกาจผู้นั้นจะกลายเป็นคนดีเช่นนี้ หรือนางกำลังหวังผลบางอย่างจากคุณชาย”
“นางอาจจะคิดได้แล้วจริง ๆ ก็ได้ วันนั้นที่คุณชายให้ข้าไปตามดูนาง เรื่องที่นางกล่าวกับสาวใช้ว่าวิญญาณนางได้ไปรับโทษในปรโลกอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ นางจึงได้กลับตัวกลับใจเช่นนี้”
“อย่างไรข้าก็ไม่วางใจหรอก ข้าจะไปตรวจสอบยาอีกสองเทียบที่เหลือ” ฉงซานกล่าวจบก็หุนหันออกจากเรือนไป ทิ้งให้เพ่ยตงมองตามพลางส่ายหัว
วันต่อมาเรือนท้ายจวนของคุณชายใหญ่หมิงก็ได้ต้อนรับการมาอย่างเปิดเผยของคังอ๋อง ที่คนในจวนหมิงต่างพากันงุนงงว่าทั้งสองคนไปรู้จักกันได้เช่นไร ยกเว้นคุณหนูรองหมิงที่พอจะทราบอยู่บ้างไม่น้อย
“เจียวซือ เจ้าฟังที่แม่กล่าวอยู่หรือไม่” หมิงฮูหยินสะกิดไหล่บุตรสาวที่นั่งเงียบ สนทนาด้วยก็ไม่ตอบ
“ท่านแม่ว่าอันใดนะเจ้าคะ”
“แม่อยากให้เจ้าลองไปสอดส่องที่เรือนท้ายจวนให้หน่อย”
“ท่านแม่อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับพี่ใหญ่เลยเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวท่านพ่อทราบก็จะพาลโกรธเคืองท่านแม่อีก” สิ้นเสียงห้ามปรามของนาง เสียงมารดาก็เข้มขึ้นในทันทีพร้อมกับคำเรียกขานตนที่ไม่ได้อ่อนหวานเช่นเดิม
“ข้าไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับเด็กคนนั้น แต่ข้าเพียงอยากทราบว่าเขากับคังอ๋องสนิทสนมกันเพียงใด ถึงได้มาเยี่ยมเยียนถึงจวนเช่นนี้”
นัยน์ตาคมที่ฉายแววเย็นชาอยู่บ่อยครั้งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างพลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาแค่อยากปัดมือนางที่กำลังจะแตะลงบนหน้าผากให้ออกห่างโดยไม่ได้ทันออมแรงกลายเป็นใช้พลังยุทธ์ผลักนางให้ออกห่าง “คุณชาย! ข้าขอบอกเรื่องบางอย่างให้ท่านทราบ ต่อจากนี้ท่านจะทำเช่นไรก็สุดแล้วแต่ท่านขอรับ” เป็นเพ่ยตงที่เดินกลับเข้ามาพร้อมถ้วยน้ำแกงไก่ “ว่ามา” “ข้าเพียงอยากจะบอกกล่าวคุณชาย ว่าแท้จริงคนที่ดูแลคุณชายตอนที่เป็นไข้จนหมดสติหาใช่พวกข้าเช่นที่เคยรายงาน แต่เป็นคุณหนูรองหมิงที่ช่วยตามท่านหมอและดูแลคุณชายจนหายตัวร้อน เมื่อพวกข้ากลับมาถึงเรือนก็โดนนางตำหนิที่ปล่อยคุณชายไว้ตามลำพังพร้อมกำชับไม่ให้ข้ากับฉงซานบอกเรื่องนี้กับคุณชาย เพราะคุณหนูร
5 ขอทำดีอยู่ห่าง ๆ (2) หลินถงบ่นไปน้ำตาซึมไปด้วยความเป็นห่วงคุณหนูของตน โชคดีที่น้ำแกงไก่นั่นคลายความร้อนแล้ว ยามเทราดบนตัวคุณหนูจึงไม่ลวกผิวมาก เรื่องการเชิญท่านหมอมารักษาอาการบาดเจ็บที่ศีรษะของคุณหนูถูกเก็บเป็นความลับ ไม่
“แล้วข้าจะทราบได้เช่นไร ว่าระหว่างที่ข้าปลีกตัวไปสนทนากับท่านอ๋อง พวกเจ้าจะไม่แอบใส่ยาพิษในน้ำแกงเพื่อใส่ร้ายข้า” “พวกข้าจงรักภักดีกับคุณชาย ย่อมไม่ทำเรื่องเช่นนั้นขอรับ” “คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ อาจจะมีสิ่งใดบางอย่างสามารถซื้อใจพวกเจ้าได้ก็ได้ อย่างเช่นเงินทอง หรือสตรี” ก็มีถมเถไปไม่ใช่หรือที่มีคนพ่ายแพ้แก่เรื่องพวกนี้ หากไม่ถูกซื้อด้วยเงินทองจำนวนมากก็มักจะพ่ายแพ้ต่อสตรียอมตายใต้ดอกโบตั๋นแม้เป็นผีก็ยังสุขสำราญ[1] “คุณหนูรอง ท่านอย่าได้เสียเวลาต่อปากต่อคำกับฉงซานเลยขอรับ ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ไว้ใจกัน เช่นนั้นข้าจะเข้าไปพร้อมท่านเองขอรับ” เพ่ยตงเอ่ยเพราะสำหรับเขาคุณชายย่อมสำคัญที่สุด การได้กินน้ำแกงไก่บำรุงคงดีต่อคุณชายไม่น้อย “เป็นเจ้าที่จงรักภ
“นางมารผู้นั้นจะเป็นจะตายก็ไม่เกี่ยวกับข้า” กล่าวจบก็หมุนตัวหันกลับเข้าห้องของตน ด้านหมิงเจียวซือที่ถูกคังอ๋องลากตัวมาสนทนาด้วย และที่ต้องเรียกว่าลาก ก็เพราะบุรุษสูงศักดิ์ใช้นิ้วดึงรั้งอาภรณ์บริเวณแขนของนางเอาไว้ก่อนจะบังคับให้นางเดินตาม “ท่านอ๋องปล่อยหม่อมฉันก่อนดีหรือไม่เพคะ” “ปากก็บอกว่าชื่นชอบข้า พึงใจข้าแต่ดูเจ้าทำสิ แค่อยู่ใกล้ข้ายังไม่อยากทำเลย” “ท่านอ๋องคิดมากเกินไปแล้วเพคะ หม่อมฉันเพียงไม่อยากให้ผู้คนติฉินนินทาท่านอ๋องในทางเสียหาย” “ใจจริงข้าอยากใ
“ข้าไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับเด็กคนนั้น แต่ข้าเพียงอยากทราบว่าเขากับคังอ๋องสนิทสนมกันเพียงใด ถึงได้มาเยี่ยมเยียนถึงจวนเช่นนี้” “แต่ข้าไม่อยากยุ่ง” “ไปดูให้แม่หน่อยเถิดนะซือเอ๋อร์” หมิงฮูหยินเปลี่ยนมาอ้อนวอนบุตรสาวให้ใจอ่อน “ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะไปดูให้ท่าน แล้วนี่เซียวเหยาจะกลับมาเมื่อใดหรือเจ้าคะ” เพราะน้องสาวไปอยู่บ้านท่านตาในช่วงเหมันต์ นางจึงไม่ได้เจออีกฝ่ายนานแล้ว “เพิ่งให้ท่านตาส่งจดหมายมาบอกแม่ว่าขออยู่ที่เมืองจิ้นหงอีกหนึ่งเดือน” “เจ้าเด็กคนนี้ ติดใจบ้านท่านตาจนลืมพี่สาวคนนี้แล้วกระมัง” อาจจะเพราะเป็นห
4 ขอทำดีอยู่ห่าง ๆ (1) ผ่านไปเกือบสามชั่วยาม ที่คุณหนูรองหมิงช่วยเปลี่ยนผ้าที่วางบนหน้าผากพี่ชายไปเรื่อย ๆ จนอีกฝ่ายไม่ได้ตัวร้อนมากเช่นในตอนแรก เสียงสนทนาที่ดังขึ้นด้านนอกห้อง ทำให้นางทราบได้ทันทีว่าบ่าวรับใช้คนสนิทของพี่ชายต่างมารดากลับมาแล้ว “หลินถง เรากลับกันเถิด” นางปลุกสาวใช้ที่นั่งฟุบหลับอยู่ข้าง ๆ “คุณหนู คุณชายใหญ่ดีขึ้นแล้วหรือเจ้าคะ” “บ่าวรับใช้ของพี่ใหญ่กลับมาแล้ว เรากลับเรือนกันเถิด” “เจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทของนางลุกขึ้นด้วยท่าทางงัวเงีย พรึ่บ! เมื่อประตูเปิดออกบ่าวรับใช้ทั้งสองคนที่กำลังสนทนากันก็หยุดมือทันทีเพื่อจะเข้ามาหาคุณชายของตน แต่กลับต้องตกใจเมื่อคนที่เดินออกมาเป็นสตรีร้ายกาจเช่นคุณหนูรอง “คุณหนู! ท่านมากลั่นแกล้งคุณชายของข้าอีกแล้วใช่หรือไม่” เป็นเพ่ยตงเอ่ยถามพลางมองสตรีตรงหน้าด้วยท่าทางระวังตัว “ข้าคิดอย