แชร์

บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง
บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง
ผู้แต่ง: เจียงหนานเยียน

บทที่ 1

ผู้เขียน: เจียงหนานเยียน
“แม้ซือเจ๋อเยว่จะมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิง แต่ก็ต้องแต่งงานกับเยียนอ๋องซื่อจื่อที่ตายในสมรภูมิรบ ช่างน่าเวทนาเสียจริง!”

“อย่างนางนับเป็นองค์หญิงที่ใดกัน? นางก็แค่เด็กบ้านนอกที่เติบโตในสำนักเต๋า แถมยังเป็นดาวอัปมงคลอีกด้วย”

“ข้ายังได้ยินมาว่า นางเป็นเหตุให้ฮ่องเต้องค์ก่อนสิ้นพระชนม์ด้วย”

“ดาวอัปมงคลแต่งกับคนตาย ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมนัก!”

ซือเจ๋อเยว่นั่งอยู่ในเกี้ยวแต่งงานหน้าประตูวังหลวงด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ฟังเหล่าข้าราชบริพารรอบข้างวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด ริมฝีปากของนางเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ

อดีตฮ่องเต้กับฮ่องเต้เจาหมิงเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตกัน เมื่อครั้งอดีตฮ่องเต้สวรรคตอย่างกะทันหัน มีพระธิดาเพียงองค์เดียวคือซือเจ๋อเยว่ บรรดาขุนนางจึงยกย่องให้ฮ่องเต้เจาหมิงขึ้นครองบัลลังก์

เมื่อฮ่องเต้เจาหมิงขึ้นครองราชย์ พระองค์ประกาศว่าจะทรงเลี้ยงดูพระธิดาน้อยวัยสองขวบอย่างดี แต่ไม่นานนัก นางกลับล้มป่วยหนัก และใช้ข้ออ้างที่ว่าต้องพักฟื้นร่างกายเพื่อส่งนางไปยังสำนักเต๋า

พวกเขาไม่รู้เลยว่าอาการเจ็บป่วยครานั้นได้คร่าชีวิตเด็กน้อยวัยสองขวบไปแล้ว ที่อยู่ในร่างนี้คือวิญญาณของผู้ใหญ่จากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด

นางใช้ชีวิตในสำนักเต๋ามานานถึงสิบห้าปี โดยที่ไร้ผู้ใดสนใจจะไถ่ถาม

เมื่อเดือนก่อน ซือเจ๋อเยว่ได้รับจดหมายจากพระมารดาแท้ ๆ ของนาง ซึ่งก็คืออวิ๋นไท่เฟย ใจความในจดหมายบอกว่านางป่วยหนักและต้องการให้ซือเจ๋อเยว่กลับวังหลวงเพื่อมาพบกันเป็นครั้งสุดท้าย

ทว่าพอนางมากลับมา ก็พบความจริงว่าอวิ๋นไท่เฟยหาได้ล้มป่วยไม่ ที่แท้เพียงแค่หลอกลวงให้นางกลับมาเพื่อแต่งงานกับเยียนอ๋องซื่อจื่อผู้สิ้นชีพในสมรภูมิรบแทนองค์หญิงสาม

นางไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ว่าคนที่มายืนรายล้อมพูดจาเสียดสีนางอยู่หน้าประตู ล้วนเป็นคนที่อวิ๋นไท่เฟยส่งมาทำให้นางรู้สึกแย่

นี่คือการบอกนางว่า นางต่ำศักดิ์ เกิดมาก็มีแต่ความอัปมงคล คู่ควรจะแต่งงานกับคนตายเท่านั้น

นางรู้สึกรำคาญใจเล็กน้อย จึงเอื้อมมือไปหมายจะดึงผ้าคลุมหน้าออกเพื่อให้หายใจสะดวก

แต่นางเพียงขยับมือเล็กน้อย กวนมามาที่อวิ๋นไท่เฟยส่งมาให้ติดตามนางก็กล่าวด้วยสีหน้าเข้มงวดว่า “องค์หญิง โปรดระวังกิริยาด้วย”

“ตอนนี้พระองค์กลับมาสู่วังหลวงเป็นถึงองค์หญิง มิใช่เด็กสาวบ้านป่าจากสำนักเต๋าอีกต่อไป”

“การกระทำทุกอย่างของพระองค์เป็นสิ่งแทนตัวราชวงศ์ มิอาจมีข้อผิดพลาดใดๆ ได้!”

“การที่คนจากจวนเยียนอ๋องยังไม่มารับตัวเจ้าสาวเสียที คงเพราะรังเกียจองค์หญิงที่หยาบกระด้างเกินไป”

ซือเจ๋อเยว่ดึงผ้าคลุมหน้าออกอย่างแรง ดวงตาคู่งามดุจแก้วหลิวหลีจ้องตรงไปยังกวนมามา ก่อนจะเอ่ยว่า “กวนมามา ท่านเคยดูดวงหรือไม่?”

กวนมามาเห็นท่าทางของนางแล้วพลันขมวดคิ้วเตรียมจะดุด่า

นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เมื่อครู่นี้ข้าช่วยดูดวงให้ท่านแบบไม่คิดเงิน ท่านจะต้องตายในวันนี้แน่นอน”

“อีกประเดี๋ยวท่านก็ไม่ต้องไปส่งข้าที่จวนเยียนอ๋องหรอก รีบกลับไปเตรียมตัวสำหรับงานศพของตัวเองเถิด หากท่านไม่ฟังข้า ท่านจะต้องตายอย่างอนาถกลางถนนแน่”

กวนมามาตอบกลับด้วยเสียงเย็นชา “องค์หญิงอย่ามาขู่หม่อมฉันเลย ใคร ๆ ก็รู้ว่าถึงแม้พระองค์จะเติบโตที่สำนักเต๋า แต่ก็เป็นเพียงพวกไร้ค่า...”

กวนมามายังพูดไม่ทันจบ ก็รู้สึกถึงความเย็นวาบที่หลัง ราวกับมีดเล่มหนึ่งกำลังจ่ออยู่ที่คอของนาง พร้อมที่จะปลิดชีพได้ทุกเมื่อ!

นางถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว พลันรู้สึกว่าซือเจ๋อเยว่ไม่ใช่คนที่จะกลั่นแกล้งได้โดยง่าย

พอเหมาะพอดีกับที่ปลายถนนอีกฝั่งหนึ่ง มีเสียงกลองและฆ้องดังขึ้น ขบวนรับเจ้าสาวจากจวนเยียนอ๋องมาถึงแล้ว

กวนมามาที่กำลังจะหันมาดุด่าซือเจ๋อเยว่ เมื่อเห็นขบวนก็เปลี่ยนท่าที น้ำเสียงอ่อนลงอย่างไม่เต็มใจ “องค์หญิง รีบคลุมผ้าคลุมหน้ากลับไปเถิดเพคะ!”

เสียงนั้นเพิ่งจบลง ‘เจ้าบ่าว’ ที่อยู่บนหลังอาชาพันธุ์ดีตัวหนึ่ง ก็ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาทางซือเจ๋อเยว่ ร่างของเขาสูงสง่าดั่งต้นสน สง่าราศีเปล่งประกายโดยธรรมชาติ

อาภรณ์เจ้าบ่าวที่เขาสวมไม่ได้นำพาความสดใสยินดี กลับทำให้ทั้งตัวของเขาเปรียบเสมือนกระบี่ที่เพิ่งชักออกจากฝัก แผ่รังสีแห่งความเยือกเย็นและความอำมหิตออกมา

ซือเจ๋อเยว่ที่มีผ้าคลุมหน้ากั้นอยู่มองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัด แต่สามารถรับรู้ได้ถึงรัศมีอันน่าเกรงที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขา

เขากระโดดลงจากหลังม้าอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็วมาก จากมุมของซือเจ๋อเยว่ นางเห็นเพียงแค่ขาที่เรียวยาวของเขาเท่านั้น

แม้จะมีผ้าคลุมหน้าและอาภรณ์มงคลสีแดง แต่ซือเจ๋อเยว่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งและกำยำของขาทั้งสองข้างของเขา

อยากลองลูบดูสักครั้งเหลือเกิน...

ท่ามกลางเสียงดนตรีที่บรรเลงดังขึ้นรอบตัว ขุนนางผู้ทำพิธีข้างกายขานร้องตามพิธีของการรับตัวเจ้าสาว

เพียงไม่นาน ซือเจ๋อเยว่ก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้านาง กลิ่นอายเย็นชาพุ่งเข้ามาพร้อมกับความกดดันมหาศาล

เขาหยุดยืนตรงหน้าของนาง “เยียนเซียวหรานมารับเจ้าสาวแทนพี่ชายผู้ล่วงลับช้าไป ขอองค์หญิงโปรดอภัยพ่ะย่ะค่ะ”

เสียงของเขาทุ้มต่ำ เย็นชา และเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างน่าหลงใหล เป็นเสียงที่ไพเราะจับใจ ซึ่งเป็นเสียงแบบที่นางชื่นชอบที่สุด

ซือเจ๋อเยว่กระแอมไอเบา ๆ ก่อนโบกมือพลางพูดว่า “ไม่เป็นไร มาช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ขอแค่มาถึงก็พอแล้ว”

ทันทีที่สิ้นคำ เสียงเย็นชาของเยียนเซียวหรานก็ดังขึ้น “นางมิใช่องค์หญิงสาม นางคือผู้ใด?”

ซือเจ๋อเยว่แปลกใจเล็กน้อย ดูเหมือนบุรุษผู้นี้จะไม่ธรรมดา เพียงแค่ได้ยินเสียงนางพูดประโยคเดียว ก็จำได้ว่านางไม่ใช่องค์หญิงสาม

กวนมามารีบกล่าว “องค์หญิงสามล้มป่วยกะทันหันเมื่อคืนนี้ มีไข้สูงไม่ยอมลด”

“องค์หญิงเจ๋อเยว่ทราบเรื่องนี้ จึงอาสาที่จะแต่งงานแทน ซึ่งเรื่องนี้ได้แจ้งให้ฮูหยินใหญ่ทราบตั้งแต่เช้าแล้ว”

“คาดว่าตอนที่คุณชายสามออกมารับตัวเจ้าสาวคงจะพลาดข่าวนี้ไปพอดี”

เยียนเซียวหรานหัวเราะเยาะ “ทั้งเมืองหลวงล้วนรู้กันดีว่าองค์หญิงเจ๋อเยว่เติบโตในสำนักเต๋า หลังจากฮ่องเต้เจาหมิงขึ้นครองบัลลังก์ สถานะของนางก็กระอักกระอ่วนยิ่งนัก”

นางเพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวงเมื่อสามวันก่อน เรื่องที่นางอาสาแต่งเข้าจวนเยียนอ๋องนั้น แม้แต่คนโง่ยังไม่เชื่อเลย

คงพูดได้แค่ว่าฮ่องเต้เจาหมิงเพียงแค่ใช้นามขององค์หญิงสามเป็นข้ออ้างมาตั้งแต่แรก ผู้ที่ถูกหมายตัวให้แต่งเข้าจวนเยียนอ๋องมาโดยตลอดก็คือซือเจ๋อเยว่

เขากล่าวเสียงเย็นชา “ในพระราชโองการประทานสมรส ระบุว่าเป็นองค์หญิงสาม ข้าก็เพียงมารับเจ้าสาวแทนพี่ชาย เรื่องนี้ข้าต้องถามพี่ชายก่อน”

พูดจบ เขาหันไปสั่งว่า “ใครก็ได้ ไปซื้อธูปเทียนและกระดาษเงินกระดาษทองจากทางทิศตะวันออกของเมือง แล้วไปเชิญท่านอาจารย์จากวัดกุยหยวนมาทำพิธีเปิดแท่นเรียกวิญญาณของพี่ชายข้าขึ้นมา”

“ก่อนที่พี่ชายข้าจะตอบรับ ข้ามิอาจรับตัวองค์หญิงเจ๋อเยว่กลับจวนแทนพี่ชายได้”

ซือเจ๋อเยว่เก็บกดความไม่พอใจไว้เต็มอกตั้งแต่กลับมาที่วังหลวง บัดนี้ทุกคำพูดของเยียนเซียวหรานล้วนแฝงความรังเกียจอย่างชัดเจน

นางไม่ได้รังเกียจพี่ชายของเขาที่เป็นเพียงคนตายด้วยซ้ำ แต่เขากลับกล้ามารังเกียจนางหรือ?

เอาสิ ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็รังเกียจกันแล้ว เช่นนั้นก็เล่นให้ใหญ่ไปเลย

นางพูดขึ้นจากด้านข้างว่า “คุณชายสามอยากพบเยียนอ๋องซื่อจื่อหรือ? ไม่จำเป็นต้องไปถึงวัดกุยหยวนให้ยุ่งยากหรอก”

พูดจบ นางก็หยิบร่มสีดำขนาดใหญ่ที่พกติดตัวมากางออก แล้วครอบร่างของเยียนเซียวหรานเอาไว้

เขามองนางด้วยสายตาเย็นชา คิดจะก้าวถอยออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงคำครหา

ทว่าทันทีที่เขายกเท้าขึ้น ชั่วขณะนั้น ลมเย็นวูบก็พัดขึ้นรอบตัว ภายใต้ร่มคันนั้นกลับกลายเป็นอีกโลกหนึ่ง

ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังเป็นตอนเที่ยงที่แสงแดดสว่างจ้า แต่ในพริบตากลับเปลี่ยนเป็นมืดสนิทดุจยามราตรี!
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Orawan Orawan
สนุกมากกกด
goodnovel comment avatar
Nattapong Sawilo
สนุกกกกกกกกกกกกกกกกก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 381  

    เขาจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา "เป็นข้าที่ไร้เดียงสาเกินไป คิดว่าเรื่องราวระหว่างเราจะต่างออกไป" "แต่ข้ากลับลืมไปว่า เจ้าเป็นคนของสำนักเต๋า เราสองคนก็อยู่กันคนละฝ่ายตั้งแต่แรกเริ่ม" "ซือเจ๋อเยว่ ตั้งแต่นี้ไปข้าขอตัดขาดจากเจ้า หากพบกันอีก ข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอน!" เมื่อเอ่ยจบเขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งจากร่างกายแล้วขว้างออกไป สิ่งนั้นทำหน้าที่รับแรงโจมตีจากค่ายกลแทนเขา ก่อนที่ตัวเขาจะพุ่งออกจากค่ายกลราวกับดาวตกก็ไม่ปาน ซือเจ๋อเยว่รีบไล่ตามออกไป แต่ภายนอกกลับไร้เงาของไป๋จื้อเซียน นางรู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง วันนี้เขาเข้าใจนางผิด แล้วจากไปเช่นนี้ ภายภาคหน้าก็ไม่อาจล่วงรู้เลยว่าจะเกิดอันใดขึ้นอีก ยังดีที่เขาเคยสาบานต่อสวรรค์ ว่าจะไม่สังหารผู้บริสุทธิ์ อย่างน้อยสถานการณ์ก็ยังไม่เลวร้ายถึงระดับนั้น แต่เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาขาดสะบั้นในบัดนี้ ด้วยนิสัยของเขา ย่อมต้องหาหนทางสังหารนางให้ได้อย่างแน่นอน! นางคิดว่าตนเองยังคงประเมินไป๋จื้อเซียนต่ำเกินไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกจากค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาได้ เยียนเซียวหรานถามขึ้น "เมื่อครู่นี้เกิดอันใดขึ้น?" ซือเจ๋อเยว่ถอนหายใจ "ตุ๊

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 380

    ซือเจ๋อเยว่ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้นับหลังจากตั้งแต่ที่อาจารย์สามปั้นเสร็จแล้ววางไว้ที่นี่ ก็ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรนางคิดมาตลอดว่าอาจารย์สามทำเช่นนี้เพราะจะหยอกนางเล่น ไม่คิดเลยว่าจนกระทั่งวันนี้จะมีความเคลื่อนไหวแล้วที่ประตูมีเสียงของไป๋จื้อเซียนดังลอยเข้ามา “เจ้าล่อลวงข้ามาที่นี่ ก็เพราะอยากจะฆ่าข้าใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับไปมองก็เห็นไป๋จื้อเซียนยืนอยู่ที่หน้าประตู ตุ๊กตาดินเผาเหล่านั้นรวมตัวกันกลายเป็นค่ายกล จะจัดการกับเขาหลังจากที่วันนี้เขาเดินเข้ามาในสำนักเต๋า ความสามารถทุกด้านก็ถูกลดทอนลง ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้ยังเป็นตุ๊กตาที่อาจารย์สามปั้นขึ้นเองกับมืออีกด้วย ด้านในมีค่ายกลที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่งซ่อนอยู่ไป๋จื้อเซียนในเวลานี้ถูกค่ายกลนี้ขังเอาไว้ ไม่สามารถดิ้นให้หลุดได้เขาเกิดความสงสัยมาก ประกอบกับก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่อยากจะจัดการเขามาตลอด เขาจึงคิดว่านางเป็นผู้ควบคุมให้ตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้มาจัดการเขาก่อนหน้านี้ซือเจ๋อเยว่เคยคิดอยากจะจัดการเขาในสำนักเต๋าจริง ๆ แต่เป็นครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางจริง ๆเป็นเพราะร่างกายที่พิเศษเ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 379

    ความทรุดโทรมนี้เริ่มปรากฏตั้งแต่ประตูเขาที่เก่าและทรุดโทรม ยาวไปตลอดทางจนถึงกระทั่งถึงโถงใหญ่ของสำนักเต๋าด้านในก็มีเพียงรูปหล่องทองคำปรมาจารย์เต๋าที่ยังมีสภาพดีอยู่เพียงเท่านั้น อาคารอื่น ๆ ของวัดก็สามารถใช้คำว่าชำรุดทรุดโทรมมาบรรยายได้เมื่อซือเจ๋อเยว่กลับมา นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ที่เฝ้าภูเขาก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว ไม่ไปไหนแล้วใช่หรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่ได้ยินก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าอาศัยคืนเดียวก็จะไปแล้ว”ใบหน้าของนักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ก็มีสีหน้าผิดหวังปรากฏขึ้นมาทันที นางหยิบทองหนึ่งกำมือออกมาจากมิติคาถาเต๋าแล้วมอบให้เขา “ค่าอาหารของปีนี้”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ใช้สองมือรับทองคำ ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาทันที “อย่างไรเสียศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็เก่งกาจ!”สำนักเต๋าผ่านไปด้วยความยากลำบากมาก ทองคำเหล่านี้เมื่อแลกเป็นเงินก็ได้หลายพันตำลึง เพียงพอที่จะให้พวกเขามีกินได้ถึงสิ้นปีซือเจ๋อเยว่ถามเขา “พวกอาจารย์ออกจากสำนักเต๋าตั้งแต่เมื่อใด?”นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์ “ทันทีที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ออกไปจากสำนักเต๋า เจ้าสำนักพวกเขาก็ไปแล้ว”ซือเจ๋อเยว่ขมวดคิ้ว “พวกเขาได้บอกหรือไ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 378

    ซือเจ๋อเยว่เผชิญหน้ากับสายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของไป๋จื้อเซียน นางมีความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยท่าทางเช่นนี้ของเขา เกรงว่าคนที่ไม่รู้จะคิดว่าพวกเขากำลังสุมหัวกันกลั่นแกล้งเขาแต่เรื่องจริงคือเขาเกือบทำให้พวกเขาต้องติดกับดักจนตายในเวลานี้นางจำต้องกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋มาก”ไป๋จื้อเซียนมองนางด้วยสีหน้าน่าสงสารพร้อมกล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าดุข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางสูดหายใจในใจทีหนึ่ง เจ้าหมอนี่แสดงละครเก่งมาก!นางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ข้ามีนิสัยใจร้อน เวลามองอะไรก็มักจะมองแค่สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ไม่สู้คุณชายไป๋ที่มองการณ์ไกล”“คุณชายไป๋คาดการณ์เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในตอนหลังได้ตั้งแต่แรกแล้ว ข้าชื่นชมตบะอันล้ำลึกทำให้ข้านับถือจากใจจริง”“ครั้งหน้าหากยังมีเรื่องแบบเดียวกันอีก คุณชายไป๋ได้โปรดแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเสียหน่อย พวกเราจะได้ร่วมมือกันได้ดี”นางพูดจบก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย “คุณชายไป๋ช่วยพวกเราคำนวณดูหน่อยได้หรือไม่ พวกเรากลับเมืองหลวงครั้งนี้ จะล้มจวนหนิงกั๋วกงได้หรือไม่?”ไป๋จื้อเซียน “...”ถึงแม้เขาจะมีชีวิตอยู่มาหนึ่งพันปีแล้วก็ตาม เรียนรู้เพียงความสามารถฆ

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 377

    “ถึงแม้วันนี้ข้ากับชื่อปาเลี่ยจะบุกฝ่าออกมาได้ แต่ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด”“การล้อเล่นแบบนี้ อย่างไรคุณชายไป๋ช่วยลดลงหน่อยจะดีมาก”ไป๋จื้อเซียนจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาหันหน้าไปมองไป๋จื้อเซียน โดยไม่ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อยชื่อปาเลี่ยที่อยู่ข้าง ๆ พูดไกล่เกลี่ย “ครั้งนี้พวกข้าไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ช่างเถอะ”ความโกรธที่ไป๋จื้อเซียนมีอยู่มากมายไม่มีที่ระบาย ยกมือขึ้นแล้วสะบัดทำให้ชื่อปาเลี่ยลอยกระเด็นออกไปชื่อปาเลี่ย “!!!!!”หากวันหลังเขายังกล้าสอดเรื่องของพวกเขาอีก เขาก็คือก็คือไอ้ลูกหมา!เขากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ร้องโอ๊ยออกมาทีหนึ่งซือเจ๋อเยว่รีบยื่นมือออกไปประคองชื่อปาเลี่ย “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”ชื่อปาเลี่ยกุมหน้าอกกล่าว “ข้าเจ็บหน้าอกนิดหน่อย”ในระหว่างที่พูดเขารู้สึกผิดปกติบริเวณหน้าอก ยื่นมือออกไปแล้วล้วง ไม่คิดเลยว่าจะควักสมุดบันทึกเล็ก ๆ เล่มหนึ่งออกมาจากข้างใน “นี่มันอะไรกัน?”หลังจากซือเจ๋อเยว่รับมาก็เปิดสมุดบันทึกเล่มเล็ก พบว่าเป็นสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้ายฉบับนั้นที่เยียนอ๋องซื่อจื่อกล่าวไว้นางทั้งตกใจทั้งดีใจ “นี่คือสำเนาคำสั่งเคลื่อนย้าย!”เยียนเซียวหรา

  • บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง   บทที่ 376

    ซือเจ๋อเยว่รีบกล่าว “ข้าไม่เป็นอะไร”นางพูดจบก็กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”เยียนเซียวหรานยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่เป็นอะไร”เขาพูดจบก็ประสานมือคำนับไป๋จื้อเซียนกล่าว “ขอบคุณคุณชายไป๋ที่พาองค์หญิงออกมาได้อย่างปลอดภัย ทำให้ข้าไม่ต้องเป็นพะวงที่จะบุกฝ่ากองทัพออกมา”สีหน้าของไป๋จื้อเซียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องนี้เขาวางแผนทำร้ายเยียนเซียวหราน เยียนเซียวหรานขอบคุณเขาจึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมากยังมีท่าทีของซือเจ๋อเยว่อีก ในดวงตาของนางมีเพียงเยียนเซียวหรานเท่านั้น ไม่มีเขาเลยแม้แต่น้อยความรู้สึกแบบนี้ทำให้ไป๋จื้อเซียนไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งเขารู้สึกไม่พอใจ จึงอยากจะทำร้ายชื่อปาเลี่ยอีกครั้งดวงตาของเขากวาดมองไปยังชื่อปาเลี่ย ชื่อปาเลี่ยได้หลบไปอยู่ที่ด้านหลังของซือเจ๋อเยว่อย่างรวดเร็ว “คุณชายไป๋จะทำร้ายข้า องค์หญิงช่วยด้วย!”ซือเจ๋อเยว่รู้ว่าไป๋จื้อเซียนมีนิสัยขี้โมโห เขาติดตามอยู่ข้าง ๆ พวกเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลา ไม่รู้ว่าจะเบิดขึ้นเมื่อไหร่เพียงแต่หากปล่อยเขาไป วันข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะก่อเหตุวุ่นวายอะไรขึ้นอีกนางคิดว่า อย่างไรเสียก็ต้องคิดหาว

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status