ทั้งสามยังคงนั่งดื่มกันอยู่ที่เดิม พร้อมกับพูดคุยกันอยู่ที่เดิม และเหมือนฝันหญิงสาว เพียงคนเดียวที่อยู่ภายในห้อง ยังคงเป็นผู้ฟังที่ดี ไม่ออกความคิดเห็นใดๆ เอาแต่คอยชงเหล้าให้กับสามีของเธอ
“กูหมายถึง พิพิมมาฝึกงานที่โรงพยาบาล ซึ่งกูเป็นคนดูแลอยู่ตอนนี้ แล้วเธอก็ยังเป็นนักศึกษาทุนของพ่อกูเอง แถมพักอยู่ที่คอนโดเดียวกันกับปั้นหยาอีกด้วย” ทินกรบอกออกไปตามความจริง เพราะเขาไม่คิดที่จะปิดบังเพื่อนอยู่แล้ว
“แบบนี้ ยิ่งพิสูจน์ง่ายเลยเพื่อน ว่าน้องเขามีแฟนหรือไม่มี” คามินเริ่มคิดอะไรขึ้นมาออก พร้อมกับสายตาที่มีเล่ห์เหลี่ยม
“แต่กูได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ เรียกชื่อผู้ชายน่ะเว้ย” ทินกรพูดบอก เพราะเขาได้ยินเธอเรียกพี่เธอร์ แถมยังพูดครับ บอกคิดถึงอีก
“แค่ได้ยิน แล้วมึงเห็นกับตาหรือยัง” คามินสาดคำถามกลับทันที
“ยัง กูแค่ไปส่งเธอที่คอนโด ไม่ได้ขึ้นไป เพราะกลัวจะเห็นอะไรไม่ดีเข้า เผลอๆเธออาจจะอยู่กับแฟนก็ได้ใครจะไปรู้” ทินกรเอ่ยบอกออกไปตามตรง ตามที่เขาคิด
“ถ้ากูแนะนำวิธีที่กูคิดไว้ มึงจะทำตามที่กูบอกไหมเพื่อน” คามินเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ ถามทินกรกลับไปอย่างอยากรู้คำตอบทันที
“วิธีอะไรของมึง” ทินกรหน้ามาถามเพื่อความอยากรู้
“ง่ายนิดเดียว น้องเขาจากมึงไปตั้ง 5 ปีใช่ไหม มึงก็ลองพิสูจน์ด้วยตัวมึงเองสิ จิ้มไปเลยเพื่อน มึงเป็นหมอ มึงก็น่าจะรู้น่ะ ว่าผู้หญิงที่มีแฟน กับไม่มีแฟนมันต่างกันยังไง” คามินเอ่ยบอกวิธีของเขาออกมา
“...” ทินกรนิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไรออกมา เพราะยังไม่กล้ารับปาก และคล้อยตามกับคำพูดของคามิน พร้อมกับคิดตาม
“ลองเอาวิธีนี้กลับไปคิดดูน่ะ จะทำตามหรือไม่ทำตาม มันก็เป็นเรื่องของมึง แต่ถ้ามึงคิดที่จะทำจริงๆ ก็อย่าลืมเซฟตัวเองด้วยล่ะ เผื่อมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา” คามินพูดออกมาอย่างเป็นห่วงเพื่อน เพราะกลัวจะผิดพลาด
“ทำไมกูต้องป้องกันกับเมียตัวเองด้วยว่ะ” ทินกรตอบกลับมาทันที เมื่อคามินบอกให้เขาป้องกันกับพิพิม
“แหม่...ยอมเรียกคนที่มีซัมติงเมื่อ 5 ปีก่อน ว่าเมีย อย่าบอกน่ะ ว่ามึงกับน้องเขาสดกัน” คามินหันมาพูดแซวทันที พร้อมกับถามขึ้นมา
“อื้ม...ปล่อยในด้วย ไม่อย่างนั้นไม่กล้าเรียกเมียหรอก” ทินกรพยักหน้ารับ พร้อมกับพูดโอ้อวดขึ้นอย่างภูมิใจ
เพราะพวกเขาเคยพูดกันเอาไว้เมื่อสมัยตอนเรียนด้วยกันใหม่ หากว่าผู้หญิงคนไหนที่พวกเขายอมมีอะไรด้วย แบบไม่ได้ป้องกัน พวกเขาจะตามจีบเอาผู้หญิงคนนั้นมาเป็นแม่ของลูกให้ได้ ซึ่งเป็นความคิดที่เด็กมากๆเลยก็ว่าได้ แต่เพื่อนของเขามันก็ทำได้จริงๆ จนครองคู่กันมาจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังเหลือแต่เขานี้แหล่ะ ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้
รุ่งเช้า
ณ โรงพยาบาลโยธินนารัตน์
พิพิมและปั้นหยา ไปส่งอาเธอร์ไว้ที่โรงเรียนก่อน ปั้นหยาจึงขับรถมาส่งพิพิมต่อที่โรงพยาบาล แล้วตัวเองจึงแวะไปที่ร้าน ซึ่งเธอทำแบรนด์เกี่ยวกับเสื้อผ้าเป็นของตัวเองอยู่
“หยาไม่เข้าไปหาพ่อ กับพี่ชายบ้างหน่อยเหรอ” พิพิมเอ่ยถามเมื่อถึงรงพยาบาลแล้ว หญิงสาวจะออกไปทันที
“ไม่ดีกว่า พิมก็รู้นี้ว่าหยาไม่ชอบโรงพยาบาล และอีกอย่าง หยาไม่อยากเจอหน้าไอ้พี่ชายบ้าของหยาด้วย” ปั้นหยาเอ่ยบอกเหตุผล เพราะตั้งที่เธอโตมา เธอไม่ค่อยถูกชะตากันกับทินกร เพราะพี่ชายชอบเอาใจพิพิมมากกว่าเธอที่เป็นน้องสาว เธอจึงงอนพี่ชาย
“งั้นพิมไปแล้วน่ะ” หญิงสาวเอ่ยลา พร้อมกับเปิดประตูรถลง
“ไว้หยาจะไปรับพี่เธอร์ตอนเลิกเรียนมาไว้ที่ร้านรอพิมเลิกงานน่ะ” ปั้นหยาลดกระจกรถลงมาพูดบอกกับพิพิมที่ยืนอยู่หน้าตึก
“ขอบคุณหยามากน่ะ”
รถของปั้นหยาแล่นออกไปจากตรงนั้นแล้ว พิพิมจึงเดินเข้าไปภายด้านในตึก โดยไม่ได้สนใจอะไร และไม่ได้คิดสนอะไรทั้งนั้น
“พิพิม” เสียงเอ่ยเรียกชื่อของเธอดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“...” หญิงสาวหยุดเดินทันที แล้วหันหลังกลับไปตามเสียงช้าๆ
“ใครมาส่ง” เสียงเข้มของทินกรถามขึ้น พร้อมกับจ้องมองหน้า เขารู้อยู่แล้วแหล่ะ ว่าเป็นรถของปั้นหยาน้องสาวของเขาเอง แค่อยากถามดูเพื่อความมั่นใจ ว่าหญิงสาวจะกล้าตอบความจริงกับเขาไหม
“พี่ก็ไม่น่าถามน่ะ” พิพิมตอบออกไปแบบไม่ได้มองหน้า เขาก็น่าจะรู้อยู่แล้ว แต่ถามทำไม เพื่ออะไร
“คนสำคัญที่อยู่ด้วยกันสิน่ะ” น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ
“ค่ะ สำคัญมากเลยค่ะ เป็นทุกอย่างสำหรับพิม และก็เป็นโลกทั้งใบของพิมเลยก็ว่าได้” หญิงสาวเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชันทันที
“...” หมอหนุ่มนิ่งเงียบทันที เมื่อหญิงสาวสวนกลับมาแบบนี้
“พิมขอตัวน่ะค่ะ” หญิงสาวไม่ต่อความยาว รีบขอตัวเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
เมื่อถึงเวลาทำงาน ทั้งสองต่างไม่พูดอะไรกันเลย จะมีแต่นุชนารถ พยาบาลสวยที่คอยถามไถ่หมอหนุ่มอยู่ตลอด และพยายามกีดขวางทุกครั้งที่ หมอหนุ่มเข้าใกล้กับพิพิม
แม้แต่เวลาพักกลางวัน ทั้งคู่ก็ไม่ยอมปริปากพูดคุยกัน จนกระทั่งหมอโปรดที่เดินถือข้าวกล่อง ที่ภรรยาทำมาให้ทุกวัน ยื่นให้แก่หญิงสาวไปชุดหนึ่ง เพราะหมอโปรดจะได้มาสองชุดทุกวัน เพราะภรรยาทำมาเผื่อลูกชาย แต่รายนั้นไม่เคยทานเลย
เมื่อเห็นว่าวันก่อน หญิงสาวคงจะอึดอัดไม่น้อย ที่เข้าไปทานร่วมกันที่ห้องกระจกทึบ แถมทานร่วมกันข้างนอกก็ไม่ได้อีก เพราะหญิงสาวตกเป็นเป้าสายตาตลอด
หญิงสาวจึงเดินออกไปหาที่นั่งทานคนเดียวเงียบๆ โดยกำลังจะเดินไปสวนข้างๆกับตึก
“มากับพี่” ร่างสูงที่เดินตามมา คว้าแขนของหญิงสาวไว้ แล้วพาเดินออกไปยังลานจอดรถทันที
“จะพาพิมไปไหน นี่มันเวลาพักกลางวันน่ะ พิมจะกินข้าว” หญิงสาวร้องเอะอะโวยวายขึ้นมาทันที พร้อมกับพยายามแกะมือของทินกรออก
“ก็จะพาไปกินข้าวอยู่นี้ไง...” เสียงนุ่มพูดขึ้นมา พร้อมกับเปิดประตูรถ ให้หญิงสาว
“แต่พิมจะกินที่นี่”
“นั่งอยู่เฉยๆ...ไม่อย่างนั้นพี่จะทำอย่างอื่นแทน พาไปกินข้าวน่ะ” ร่างสูงพูดขึ้นมาพร้อมกับจ้องหน้านิ่ง
หญิงสาวเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็ยอมนั่งอยู่เฉยๆ แบบไม่พูด ไม่จาอะไรอีกเลย จนกระทั่งหมอหนุ่มพาขับรถออกไปข้างนอก
บทพิสูจน์ทั้งสามยังคงนั่งดื่มกันอยู่ที่เดิม พร้อมกับพูดคุยกันอยู่ที่เดิม และเหมือนฝันหญิงสาว เพียงคนเดียวที่อยู่ภายในห้อง ยังคงเป็นผู้ฟังที่ดี ไม่ออกความคิดเห็นใดๆ เอาแต่คอยชงเหล้าให้กับสามีของเธอ“กูหมายถึง พิพิมมาฝึกงานที่โรงพยาบาล ซึ่งกูเป็นคนดูแลอยู่ตอนนี้ แล้วเธอก็ยังเป็นนักศึกษาทุนของพ่อกูเอง แถมพักอยู่ที่คอนโดเดียวกันกับปั้นหยาอีกด้วย” ทินกรบอกออกไปตามความจริง เพราะเขาไม่คิดที่จะปิดบังเพื่อนอยู่แล้ว“แบบนี้ ยิ่งพิสูจน์ง่ายเลยเพื่อน ว่าน้องเขามีแฟนหรือไม่มี” คามินเริ่มคิดอะไรขึ้นมาออก พร้อมกับสายตาที่มีเล่ห์เหลี่ยม“แต่กูได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ เรียกชื่อผู้ชายน่ะเว้ย” ทินกรพูดบอก เพราะเขาได้ยินเธอเรียกพี่เธอร์ แถมยังพูดครับ บอกคิดถึงอีก“แค่ได้ยิน แล้วมึงเห็นกับตาหรือยัง” คามินสาดคำถามกลับทันที“ยัง กูแค่ไปส่งเธอที่คอนโด ไม่ได้ขึ้นไป เพราะกลัวจะเห็นอะไรไม่ดีเข้า เผลอๆเธออาจจะอยู่กับแฟนก็ได้ใครจะไปรู้” ทินกรเอ่ยบอกออกไปตามตรง ตามที่เขาคิด“ถ้ากูแนะนำวิธีที่กูคิดไว้ มึงจะทำตามที่กูบอกไหมเพื่อน” คามินเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ ถามทินกรกลับไปอย่างอยากรู้คำตอบทันที“วิธีอะไรของมึง” ทินกรหน้
ความเจ็บปวดที่ได้รับกลับมาที่ปัจจุบัน“โดนขนาดนั้น...ทำไมถึงลุกหนีพี่ไปได้อีก” เสียงนุ่มเอ่ยถาม พร้อมกับจ้องมองหน้าอย่างต้องการคำตอบ“...” หญิงสาวไม่ตอบอะไรออกมา ได้แต่ก้มหน้าหนี ไม่กล้าสบตากับหมอหนุ่ม“รู้ไหมว่าพี่รู้สึกยังไง...ตอนตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอพิม พี่รู้สึกว่าตัวเองโดนฟันแล้วถูกทิ้งยังไงก็ไม่รู้” เสียงนุ่มพูดออกมาอีกครั้ง“นี้พี่จำได้ทุกอย่างเลยจริงเหรอ...” หญิงสาวถามขึ้น เพราะเธอยังสงสัยว่า เขาเมา แต่ทำไมเขาจำทุกอย่างได้หมดเลย“พี่ก็บอกแล้วไง...ว่าหายเมาแล้ว ตอนเสียบแล้วเจ็บนั้นแหล่ะ” หมอหนุ่มย้ำคำพูดออกมาอีกครั้ง และกระซิบที่ข้างหูของหญิงสาวในประโยคหลัง“พี่ทีม...ถอยออกไปเลยน่ะ” หญิงสาวตาลุกวาว แล้วรีบดันร่างสูงออกห่างจากตัวเธอตอนนี้ เพราะเธอเริ่มหน้าแดงขึ้นมา เมื่อหมอหนุ่มพูดถึงเรื่องนี้ออกมาอย่างไม่อาย“แค่รหัสเข้าห้องก็พอจะทำให้พิมรู้อะไรขึ้นมาบ้างแล้ว ใช่ไหม” ร่างสูงไม่พูดเปล่า รีบจับร่างของหญิงสาวให้นอนราบไปกับที่นอนทันที“ว้าย...พี่จะทำอะไร” หญิงสาวที่ตกใจ อยู่ตอนนี้ร้องออกมาทันที เมื่อร่างสูงขึ้นมาคร่อมเธอเอาไว้“เรามาทบทวนความหลังหน่อยไหม...” ร่างสูงจ้องมองด้วยแววตา
อดีตและความทรงจำที่ดี NCย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน 14/02/2019ณ โรงเรียนมัธยมของเอกชน“พิม...” เสียงเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาว เมือเห็นว่าหญิงสาวเดินออกมาด้านนอกเพื่อที่จะกลับบ้านไปฉลองวันจบการศึกษาพอดีและวันนี้ ก็เป็นวันที่ชายหนุ่มพึ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ หลังจากที่พ่อส่งตัวให้ไปเรียนแพทย์เฉพาะทาง แต่วันนี้เจ้าแอบบินกลับมาเพื่อที่จะมาแสดงความยินดีกับหญิงสาวแทน“พี่ทีม...มาตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะ” หญิงสาวถามขึ้นอย่างดีใจที่ได้เห็นชายหนุ่ม“พี่พึ่งจะลงจากเครื่องมา...ก็แวะมารับเรานี้แหล่ะ ไปกันได้แล้ว ทุกคนรออยู่ที่ร้านแล้ว” เสียงนุ่มเอ่ยบอก“...” หญิงสาวไม่รอช้ารีบขึ้นรถของชายหนุ่มไปทันที“อยากกินไร...วันนี้ป๋าเลี้ยงไม่อั้น” เสียงนุ่มเอ่ยบอกเมื่อเข้ามาถึงที่ร้าน“วันนี้พิมจะกินให้พุงกาง...อ้วนเป็นหมูไปเลย” พิพิมพูดขึ้นมา พร้อมกับทำตาลุกว่าเมื่อเห็นอาหารตรงหน้าที่มาเสิร์ฟเมื่อภาคินน้องชายของพิพิมขอตัวกลับไปก่อน เพราะไม่ค่อยชอบทานอะไรพวกนี้ แต่ที่จริงแล้วคือข้ออ้างอีกตาม คงจะแอบหนีไปเล่นเกมตามประสาผู้ชายนั้นแหล่ะส่วนปั้นหยา ก็นัดฉลองกันกับเพื่อนในชั้นเรียนต่อ จึงทิ้งให้พิพิมอยู่กับพี่ชายของเธอแ
วันแห่งความทรงจำที่ดีพิพิมรีบคว้าเอาแฟ้มไปอย่างเร่งรีบ แล้วเดินตามทินกรออกไปทันที ทั้งกึ่งวิ่งกึ่งเดิน เพื่อให้ทันกับหมอหนุ่ม ที่ก้าวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าลิฟต์แล้ว ต่างกับเธอที่ทั้งก้าวเท้าสับๆ แทบไม่ทัน“...” หญิงสาวได้แต่หอบเหนื่อย เมื่อเข้ามาภายในลิฟต์ และมีอาการเท้าสั่นเพียงเล็กน้อย เพราะรีบตามทินกรมากไปหน่อยมือหน้าของหมอหนุ่มยื่นออกไปคว้า เอาแฟ้มที่พิพิมกอดไว้แนบอกกลับมาเป็นฝ่ายถือเสียเอง เพราะเห็นหญิงสาวมัวแต่ยืนหอบอยู่ติ๊ง!เมื่อลิฟต์เลื่อนขึ้นมาถึงยังชั้นเป้าหมาย พิพิมได้แต่ยืนนิ่งและไม่ยอมก้าวขาออกจากลิฟต์ ตามร่างสูงไป เพราะตอนนี้ขาเกิดเป็นตะคริวขึ้นมาเสียดื้อๆ จึงได้แต่ยืนนิ่งๆ เพื่อเก็บอาการเอาไว้ และไม่กล้าที่จะขยับเพราะกลัวจะล้มเอาทางด้านหมอหนุ่ม เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมก้าวออกมาจากลิฟต์ จึงได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ แล้วเดินกลับเข้าไปที่ลิฟต์คืน และไม่พูดอะไรอุ้มหญิงสาวขึ้นมาในท่าเจ้าสาวทันที เขาก็พอจะทราบอยู่บ้างว่าหญิงสาวเป็นอะไร หากให้เดาถ้ารองเท้าไม่กัด ก็คงจะเหน็บชาที่ขา“หึ...ยังเป็นเหมือนเดิมเลยน่ะ นิสัยไม่เคยเปลี่ยน” หมอหนุ่มเค้นหัวเราะออกมา พร้อมกับส่ายหน้าเ
ถูกกลั่นแกล้งพิพิมที่ได้เวลาพักกลางวัน หญิงสาวก็เดินมายังโรงอาหารของทางโรงพยาบาล เพื่อที่จะได้หาอะทานเหมือนบุคลากรท่านอื่นๆ ขณะที่เธอเดินเข้ายังโรงอาหาร ก็มีทุกสายตาจ้องมองมาที่เธอตั้งมากมาย จนเธอต้องทนฝืนเดินไปสั่งอาหาร“ใช้บัตรนี้ครับ” เสียงเข้มของหมอหนุ่มเอ่ยขึ้น พร้อมกับยื่นบัตรที่ใช้สำหรับใช้ในการสั่งอาหารของรงพยาบาลแห่งนี้ เพราะเมื่อเขาเดินตามหญิงสาวมาตั้งแต่แรก จึงมั่นใจแล้วว่า เธอไม่มีบัตรแน่นอน เพราะเธอพึ่งจะมาที่นี่เป็นวันแรก จึงใช้บัตรเขาแทนและรับจานข้าวของหญิงสาวมา“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวมองหน้าร่างสูง แล้วรับจานข้าวกลับมาจากมือของหมอหนุ่มที่ยื่นมาให้ แล้วก็เดินออกหาที่นั่งทานแบบเงียบๆทินกรเมื่อเห็นหญิงสาวเดินออกไปแล้ว จึงได้เดินไปสั่งน้ำมาให้แก่หญิงสาว เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่ได้น้ำดื่ม แล้วร่างสูงก็เดินไปหาหญิงสาว ที่นั่งทานข้าวเงียบๆทันที“เดี๋ยวค่ะ...จะพาพิมไปไหน” หญิงสาวเอ่ยถาม แล้วทหน้าอย่างไม่เข้าใจทันที ที่จู่ๆ ทินกรก็มาคว้ามือของเธอแล้วพาเดินออกไป“...” ชายหนุ่มไม่พูดอะไรตอบ แต่กลับจูงมือของหญิงสาวให้เดินตามเขาไป“จะพาพิมไปไหนค่ะ พิมยังทานข้าวไม่เสร็จเลยน่ะ” หญิ
เผชิญหน้า“พิพิม!...”“...” หญิงสาวตาค้างทันที ที่ได้เจอกับชายหนุ่มอีกครั้ง ยืนตัวแข็งจนทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน“นี้ ทำหน้าตกใจกัน อย่าบอกน่ะว่า...ไม่เคยติดต่อกันเลย...” หมอโปรดถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองต่างตกใจ ที่ได้เจอหน้ากันและกัน“...” ทินกรได้แต่พยักหน้ารับ และจ้องมองไปที่ใบหน้าหวานของพิพิม อย่างไม่อยากล่ะสายตาเลยแม้แต่น้อย และมีคำถามในใจอยู่มากมายที่อยากจะถาม“ถ้าอย่างนั่น...ก็คุยกันไปน่ะ เดี๋ยวลุงจะออกไปหาอะไรดื่มข้างนอกเสียหน่อย” หมอโปรดพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ต่างอยากมีคำถามต่อกัน“หายไปไหนมาตั้ง 5 ปี” ทินกรยิงคำถามใส่ทันที เมื่ออยู่กันตามลำพัง และเห็นว่าพ่อเดินออกไปจากห้องนี้แล้ว“พะ พิมก็ไปเรียนต่อยังไงล่ะค่ะ...” พิพิมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก กล้าๆกลัวๆ และไม่กล้าสบตากับชายหนุ่มตรงหน้า“แค่เรียนเหรอ...” เสียงนุ่มของทินกรเอ่ยถาม แล้วย่างก้าวเข้าไปใกลๆหาหญิงสาวทันที“...” พิพิมถอยออกห่างเล็กน้อย และไม่ได้เอ่ยตอบอะไร แถมยังหลบสายตาของร่างสูงตรงหน้าอีก เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอธิบายจากตรงไหนก่อน“แล้วทำไม...ไม่ส่งข่าวใครๆบ้างเลย เล่นหายไปดื้อๆแ