Share

บทที่ 3

ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง หลิงอี้หรานจ้องมองเขาอยู่เงียบ ๆ ในตอนนั้นความเหงาที่เธอเคยรู้สึกเมื่อใดก็ตามที่เธอเพิ่งกลับมาที่อะพาร์ตเมนต์ดูเหมือนจะหายไป อาจเป็นเพราะมีคนอื่นอยู่ในห้องกระมัง?

หลังจากที่เขากินเสร็จ หลิงอี้หรานก็ทำความสะอาดจาน “ฉันมักจะนอนโดยเปิดไฟฉันหวังว่าคุณจะไม่รังเกียจนะคะ” เธอกล่าว นับตั้งแต่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเธอก็ติดนิสัยชอบเปิดไฟขณะนอนหลับ

“ไม่เป็นไร”

หลิงอี้หรานนอนลงบนเตียงในขณะที่เขานอนบนฟูกที่เธอปูไว้ที่พื้น

เธอหลับตาลงและพยายามอย่างมากที่จะหลับ เธอไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นเมื่อใด แต่ในบางช่วงเวลาเธอเริ่มพบว่ามันน่ากลัวจริง ๆ ที่จะข่มตาให้หลับลง

เพราะเมื่อเธอหลับลงคราใด เธอมักจะฝันถึงช่วงเวลาที่อยู่ในคุก เธอจะถูกทุบตีทำให้อับอายและถูกทารุณกรรม... และทุกนิ้วยังคงรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการถูกหักและเล็บที่ถูกถอด …

หลายครั้งที่เธอคิดว่าเธอจะตายในคุก

อย่างไรก็ตามช่างน่าแปลกที่เธอนอนหลับจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นในคืนนั้น และฝันร้ายประจำของเธอก็ไม่มาเยือน

หลิงอี้หรานมองร่างที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความงุนงง

มันเป็นเพราะเขางั้นเหรอ? เป็นเพราะเธอไม่ได้อยู่คนเดียวในห้องนี้อีกต่อไปและมีอีกคนอยู่กับเธอ?

ก่อนที่เธอจะรู้ตัว เธอลุกจากเตียงและค่อย ๆ นั่งยอง ๆ แล้ววางมือลงบนแก้มของเขา มือของเธอรู้สึกอบอุ่น

เขาเป็นคนจริงไม่ใช่สิ่งที่มาจากจินตนาการของเธอ เมื่อคืนเธอพาผู้ชายคนหนึ่งมาอะพาร์ตเมนต์ของเธอจริง ๆ

เมื่อเธอรู้สึกตัวก็พบว่าเขาตื่นแล้ว ดวงตาอันงดงามของเขาจับจ้องที่เธอ

“ขอโทษค่ะ” ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที “ ฉัน... ฉันแค่ ... นั่น... ถ้าคุณไม่มีที่จะไปคุณก็อยู่ที่นี่ได้”

เธอพูดอย่างรีบร้อน แต่หลังจากพูดไปแล้วเธอก็รู้สึกโล่งใจ

ใบหน้าสีแดงของเธอสะท้อนให้เห็นในรูม่านตาดำสนิทดั่งหินออบซิเดียนของเขาและร่องรอยของความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

“ถ้าคุณไม่ต้องการก็ทำเป็นว่าฉันไม่ได้พูดอะไร” เธอกล่าวเสริมพลางกัดริมฝีปากของเธอ

ในที่สุดริมฝีปากบางของเขาก็เปิดออกอย่างช้า ๆ "เธออยากให้ฉันอยู่ที่นี่เหรอ?" เสียงของเขาชัดเจนเหมือนดั่งน้ำใสฤดูในฤดูหนาว และยิ่งแจ่มชัดในห้องที่เงียบสงัดนี้

ถ้าผู้ชายคนอื่นพูดแบบนี้มันคงฟังดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจีบเธออยู่ แต่เมื่อคำพูดนั้นมาจากปากเขา มันเหมือนกับว่าเขาแค่ถามคำถามง่าย ๆ ว่า "อยาก" หรือ "ไม่อยาก" ไม่มีความคลุมเคลือในคำพูดของเขาและแม้แต่ดวงตาของเขาก็สงบ

หลิงอี้หรานเม้มริมฝีปากของเธอ "ใช่ค่ะ ฉันอยากให้อยู่"

เขาจ้องมองเธอและรอยยิ้มก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากบางของเขา "ตกลง”

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขายิ้ม แม้ว่ามันจะบางเบามาก... แต่ก็ดูสวยงามอย่างยิ่งสำหรับเธอ

หลิงอี้หรานไปทำงานและทิ้งเงิน 200 บาท ไว้ให้กับเขาเพื่อที่จะซื้ออาหารกินเอง

เมื่อชายหนุ่มออกจากอะพาร์ตเมนต์มีคนรอเขาอยู่ข้างนอกแล้ว หลังจากที่เห็นชายคนนี้ออกมาพวกเขาก็ทักทายเขาอย่างเคารพ "นายน้อยอี้"

“ไปกันเถอะ” อี้จิ่นหลี ตอบอย่างเเผ่วเบา

รถเมอเซเดส-เบนซ์สีดำคันหนึ่งจอดอยู่ตรงหน้าเขา อี้จิ่นหลีเข้าไปนั่งและมองเงิน 200 บาทในมือของเขา เป็นเวลาหลายปีแล้วที่มีคนให้เงินเขาแบบนี้และมันก็เป็นเงินแค่ 200 บาท

"นายน้อยอี้ครับ ผู้หญิงที่อยู่กับนายน้อยเมื่อคืนนี้เป็นคนงานรับจ้างของศูนย์บริการสุขาภิบาล เธอเริ่มเช่าที่อยู่อาศัยปัจจุบันของเธอที่นี่เมื่อเดือนที่แแล้ว และเพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเมื่อสองเดือนก่อน"

ในฐานะเลขาส่วนตัวของอี้จิ่นหลี เกาฉงหมิงเริ่มรายงานข้อมูลทั้งหมดที่พบทันทีที่พวกเขาขึ้นรถมา

“ออกจากเรือนจำเหรอ?”

“ใช่ครับ เธอชื่อหลิงอี้หราน เธอเคยเป็นเเฟนเก่าของเซียวจื่อฉีแห่งตระกูลเซียวครับ เธอถูกตัดสินว่าเมาเเละขับและทำให้คุณห่าวเหมยยวี่ตายเมื่อสามปีก่อน เธอถูกตัดสินจำคุกสามปีและใบอนุญาตทนายของเธอก็ถูกเพิกถอน"

เกาฉงหมิงกล่าวขณะที่เขาสังเกตการแสดงออกของเจ้านายอย่างระมัดระวัง

“หลิงอี้หราน…” อี้จิ่นหลี พึมพำชื่อนี้เบา ๆ ริมฝีปากบางของเขาโค้งเป็นรอยยิ้มขี้เล่นขณะที่เขาพูดว่า "ดี น่าสนใจ”

ตอนที่เขาตัดสินใจจะยอมแต่งงานกับตระกูลห่าว หลัก ๆ เป็นเพราะห่าวเหมยยวี่นั้นยืนกรานว่าจะแต่งงานกับเขา และเธอก็เป็นคู่ที่เหมาะสม หากว่าเขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงสักคน ห่าวเหมยยวี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดี

แต่เขาไม่คาดคิดว่าห่าวเหมยยวี่จะจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์

ถ้าหากว่าหลินอี้หรานรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างห่าวเหมยยวี่กับเขา เธอจะทำหน้าแบบไหนกันนะ?

คิดดูแล้วนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีผู้หญิงจับมือเขาและพาเขาเข้าบ้าน เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาเล็กน้อยแต่มุ่งมั่นว่าเธอชอบเขา

“ฉงหมิง นายคิดว่าผู้หญิงแบบไหนที่เหมาะกับฉัน?” อี้จิ่นหลีถามออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย

“อะไรนะครับ?” ในครู่หนึ่งที่เกาฉงหมิงอึ้งไปไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร “ผมคิดว่านั่นขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการผู้หญิงแบบไหนนะครับนายน้อยอี้”

อี้จิ่นหลียักไหล่ “ส่งข้อมูลของหลิงอี้หรานให้ฉันที่โต๊ะทำงานด้วย”

“ได้เลยครับ” เกาฉงหมิงกล่าว นายน้อยอี้จู่ ๆ ก็ให้ความสนใจหลิงอี้หรานขึ้นมางั้นเหรอ?

เมื่อหลิงอี้หรานเลิกงาน เธอได้รับโทรศัพท์จากพ่อของเธอสั่งให้กลับบ้าน เขาบอกว่าไหน ๆ เธอก็ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำมาแล้ว เธอควรที่จะไปจุดธูปไหว้เเม่ของเธอที่เสียไป

อี้หรานรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะตั้งแต่ที่เธอออกมาจากคุก ครอบครัวของเธอก็ยิ่งอยากที่จะทำตัวห่างเหินกับเธอ ตลอดสามปีพวกเขาไม่เคยไปเยี่ยมเธอในคุกเลย เหมือนกับว่าเธอไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวอีกต่อไป

แม่แท้ ๆ ของเธอเสียชีวิตไปตอนเธอเด็กมากอายุได้สามขวบ สามเดือนต่อมาพ่อของเธอได้แต่งงานใหม่และแม่เลี้ยงของเธอก็ได้ให้กำเนิดลูกสาวอีกคนหนึ่งชื่อหลิงลั่วอิน ตั้งแต่ตอนที่เป็นเด็กหลิงอี้หรานรู้ดีว่าพ่อกับเเม่เลี้ยงของเธอนั้นลำเอียงรักน้องสาวมากกว่า เธอจึงตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อให้ตัวเธอเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดและเธอก็ได้ผลการเรียนดีมาโดยตลอด

ตลอดตอนเป็นเด็กจนวัยรุ่นไม่เคยมีใครต้องกังวลเรื่องการเรียนของเธอ ในที่สุดพ่อของเธอก็เริ่มอวดคนอื่น ๆ ว่าเขามีลูกสาวที่เรียนเก่ง เมื่อเธอและเซียวจื่อฉีเริ่มคบหากัน สถานะในบ้านของเธอก็อยู่ในจุดสูงสุด

พ่อของเธอเห็นเธอเป็นหน้าเป็นตาและแม่เลี้ยงของเธอก็ห่วงใยความเป็นอยู่ของเธอ แม้แต่น้องสาวของเธอก็พยายามจะพูดจาเยินยอเอาอกเอาใจ เธอรู้ว่าทั้งหมดเป็นเพราะสายสัมพันธ์ของเซียวจื่อฉี เขาเป็นทายาทของเซียวกรุ๊ป

ในเวลานั้นเธอยังคงอดไม่ได้ที่จะโหยหาความรักในครอบครัว แต่หลังจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เธอก็ตระหนักว่าทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา

ตอนนี้ที่บ้านตระกูลหลิง หลิงอี้หรานนั่งฟังฟางซุ่ยเอ๋อบอกว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่หลิงลั่วอิน จะเข้าสู่วงการบันเทิงและเธอต้องรู้จักคนกว้างขวางหากจะได้รับบทบาทที่ดี

“อี้หราน เธอเองก็รู้ว่าครอบครัวของเราไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก แต่ตอนนี้น้องสาวของเธอต้องการเงิน เอาเป็นว่า... เธอให้เรายืมเงินก่อนและเมื่อน้องสาวของเธอกลายเป็นดาราใหญ่ในอนาคตแล้วหาเงินได้เยอะ เราจะคืนให้ดีไหม? " ฟางซุ่ยเอ๋อกล่าวอย่างจริงจัง

“ฉันไม่มีเงินเลย” หลิงอี้หรานตอบอย่างรวบรัด

สีหน้าของฟางซุ่ยเอ๋อเปลี่ยนไปเป็นแข็งทื่อ แต่เเล้วเธอก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยและพูดว่า “เธอไม่มีเงิน แต่เซียวจื่อฉีมีเงินนี่ใช่ไหม? เธอเคยคบกับเขาแต่ทันทีที่เธอเกิดเรื่องเขาก็เลิกกับเธอ เขาควรจะจ่ายชดใช้ให้บ้างไม่ใช่เหรอ?”

“น้าฟาง ทั้งน้า พ่อแล้วก็ลั่วอินก็ทำตัวห่างเหินกับฉันทันทีที่ฉันเกิดเรื่องไม่ใช่เหรอ?” อี้หรานตอบ

หลิงกวอจื้อพ่อของเธอพูดอย่างเกรี้ยวโกรธ "อะไร ตกลงว่านี่แกมาเพื่อรื้อฟื้นเรื่องเก่า ๆ เหรอ?ถ้าตอนนั้นแกไม่ได้ฆ่าคนตาย น้องสาวของแกคงจะได้รับเลือกให้เป็นดารานำไปนานแล้วและคงกลายเป็นดาราใหญ่ไปแล้ว!"

หลิงอี้หรานยิ้มอย่างเหน็บแนม เธอรู้ว่าที่หลิงลั่วอินได้รับเลือกให้เป็นนักแสดงนำเป็นเพราะเซียว กรุ๊ปเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนของซีรีส์ทางทีวีและเซียวจื่อฉีได้บอกให้หลิงลั่วอินเป็นดาราตัวนำต่างหาก เมื่อเธอเลิกกับเซียวจื่อฉี บทบาทดารานำของหลิงลั่วอินก็ลอยหายวับไปในอากาศเป็นธรรมดา

“พี่สาว พี่ยังแค้นที่พวกเราไม่ช่วยพี่ตอนที่อยู่ในคุกเหรอ?” หลิงลั่วอินถามอย่างแผ่วเบา

“ในตอนนั้นพี่ทำให้ตระกูลห่าวและอี้จิ่นหลีขุ่นเคือง! แม้แต่ตระกูลเซียวจนสั่งให้เซียวจื่อฉีเลิกกับพี่ทันที แล้วครอบครัวของเราจะไปทำอะไรได้ล่ะ? ในตอนนั้นถ้าพวกเรายืนอยู่ข้างพี่และช่วยเรื่องคดี ทั้งครอบครัวของเราอาจทำให้ตระกูลห่าวและอี้จินหลี่ขุ่นเคือง ครอบครัวธรรมดา ๆ แบบเราจะทนรับโทสะแล้วการกดดันของพวกเขาได้อย่างไร?” หบิงลั่วอินอธิบาย

“เธอพูดถูก” หลิงอี้หรานยิ้มอย่างอ่อนโยนและมองตรงไปที่หลิงลั่วอิน “แต่ในเมื่อเธอยืนอยู่ข้างฉันไม่ได้ในช่วงที่ฉันตกต่ำที่สุดแล้วทำไมฉันต้องมาเสียเงินสักแดงช่วยให้เธอได้ดิบได้ดีด้วย?”

Kaugnay na kabanata

Pinakabagong kabanata

DMCA.com Protection Status