“เพราะว่า…” เธอกลืนหมั่นโถวที่เหลือ รสชาติของหมั่นโถวเหล่านี้ไม่ได้ดีมากนัก เมื่อก่อนเธออาจจะไม่ชอบมัน แต่ตอนนี้รสชาติเป็นรอง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอคือการทำให้อิ่มท้อง"เราเป็นคนประเภทเดียวกันใช่ไหม? เราทั้งคู่ถูกสังคมทอดทิ้ง ดิ้นรนอยู่อย่างชนชั้นล่าง ไม่มีใครต้องการคนอย่างเราและไม่มีใครเห็นค่า แต่อย่างน้อยเราก็ต่างทำให้อีกฝ่ายอบอุ่นใจได้ ฉันเป็นห่วงคุณและคุณก็เป็นห่วงฉันได้ด้วยใช่ไหม? " เธอยิ้มอ่อนโยนให้เขา รอยยิ้มนั้นปนเปทั้งความหวัง ความปรารถนาและความกระวนกระวาย“อย่างนั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าเราจะเป็นคนประเภทเดียวกันจริง ๆ แหละนะ...” เขาพึมพำ สายตาของเขาดุจดั่งนักล่าที่กำลังจ้องมองสัตว์ตัวเล็ก ๆ ซึ่งตกหลุมพรางของเขา บางทีชีวิตอาจน่าเบื่อเกินไปสำหรับเขาเพราะเขาสามารถคว้าทุกสิ่งที่ต้องการได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ดีดนิ้ว แต่ตอนนี้การละเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้เริ่มทำให้เขาสนใจขึ้นมาแล้ว"พี่สาว" เขาพูดคำที่เธอหวังจะได้ยินออกมาเบา ๆในชั่วพริบตานั้นรอยยิ้มของเธอก็สดใสเหมือนดั่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว…หลังอาหารค่ำหลิงอี้หรานพาอี้จิ่นหลีไปตลาดกลางคืนกับเธอเพื่อที่จะซื้อเสื้อผ้าชุด
หลิงอี้หรานตอบ “ฉันไม่ต้องการให้คุณมายกย่อง”ภายใต้ฤทธิ์ของเหล้า ผู้ช่วยผู้กำกับเหอพุ่งเข้าใส่หลิงอี้หรานและตบหน้าของเธออย่างจัง “ถ้าฉันอยากให้ดื่ม เธอก็ต้องดื่ม เธอก็แค่คนไร้ค่ายังจะมีอะไรมาอวดเบ่งอีก”เขาหยิบขวดไวน์แน่นและกรอกเข้าปากของเธอ หลิงอี้หรานพยายามผลักเขาออกไป แต่ชายคนนี้แรงมากกว่าเธอ แถมหลิงลั่วอินก็ยังช่วยเขาด้วยผู้ช่วยผู้กำกับเหอพอใจที่หลิงลั่วอินเข้ามาช่วยและกล่าวว่า "ลั่วอิน คุณยังฉลาดนะ ผมจะคุยกับผู้กำกับและให้คุณได้บทมากขึ้น"หลิงลั่วอินเล่นตามน้ำ “ขอบคุณผู้ช่วยผู้กำกับเหอค่ะ พี่สาวของฉันไม่ฉลาดไปหน่อย ดังนั้นโปรดเข้าใจด้วยนะคะ”หลิงอี้หรานไม่รู้ว่าเธอถูกบังคับให้ดื่มไวน์ไปมากแค่ไหน เธอคอไม่แข็งดังนั้นเธอเริ่มรู้สึกเมามากขึ้นเรื่อย ๆ เธอพยายามดิ้นรนควบคุมสติ “ฉัน… ฉันอยากกลับ…”“ได้สิ ฉันจะพาเธอกลับเดี๋ยวนี้ล่ะ” ผู้ช่วยผู้กำกับเหอประคองหลิงอี้หราน ผู้หญิงตรงหน้าของเขานั้นอาจจะไม่ได้สวยตราตรึงมากเเต่เมื่อเขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นเเฟนกับเซียวจื่อฉีเขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นและไม่อยากพลาดโอกาสทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของผู้ช่วยผู้กำกับเหอก็ดังขึ้น
"เปล่า ไม่ได้ทำอะไร" เขาพูด นึกถึงว่าหลังจากที่เขาอุ้มเธอกลับไปที่อะพาร์ตเมนต์ ตอนที่เขาจะวางเธอลงบนเตียงทันใดนั้นเธอก็ผลักเขาลงบนเตียง ในขณะนั้นเขารู้สึกแปลกใจว่าทำไมเขาถึงประมาทขนาดนี้ ถ้าเป็นคนที่ต้องการฆ่าเขา เขาก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เขาระวังตัวมาตลอด เขาเผลอตัวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ?แต่ก่อนที่เขาจะทันทำอะไร เธอก็เอามือแตะใบหน้าของเขาและปัดผมม้าหนา ๆ บนหน้าผากของเขาออกไปและสัมผัสดวงตาของเขาด้วยปลายนิ้วของเธอ“ดวงตาของนายสวยมากเลย… ฉันชอบ… มันดูใสมาก…” เธอพึมพำพูดกับตัวเอง"ใสเหรอ?" เขาหัวเราะเบา ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนใช้คำว่า ‘ใส’ มาอธิบายตาของเขา “หมายถึงว่ามันดูใสบริสุทธิ์เหรอ?”"มันเหมือนกับว่า... มันไม่เคยแปดเปื้อนจากบาปใด ๆ... มันใสบริสุทธิ์มาก... " เธอพูดอย่างเมามาย “ จินไม่ต้องกลัว... ฉันจะ... ปกป้องนายเอง...”หลังจากพูดอย่างนั้นเธอก็ฟุบลงบนหน้าอกของเขาและหลับไปเขาพูดว่า "พี่สาว พี่ไม่ได้ทำอะไรเลย พี่แค่หลับไป"เมื่อได้ยินเช่นนี้เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกสายตาของเขามองตรงส่วนที่บวมแดงบนแก้มของเธอ “หน้าเจ็บหรือเปล่า?”เธอชะงักแล้วพูดว่า "ไม่เป็นไร" นี่ค
จนถึงตอนนี้เวลา 3 ทุ่มกว่าก็ยังไม่เห็นกลับมา หลิงอี้หรานเริ่มกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่เขาไม่มีโทรศัพท์มือถือเธอจึงไม่สามารถโทรติดต่อเขาได้เธอออกจากห้องแล้วไปที่ทางเข้าเขตที่พัก เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อหวังว่าจะได้พบร่างสูงที่เธอรอหลังจากที่รู้สิกว่านานเหลือเกิน ในที่สุดเธอก็เห็นร่างที่คุ้นเคยเดินมาหาเธอ“จิน!” เธอเรียกและรู้สึกโล่งใจอย่างเห็นได้ชัดอี้จิ่นหลีมองเธอที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขาและอดไม่ได้ที่จะสะดุ้งตกใจเล็กน้อย เธอหายใจหอบและแก้มก็แดงก่ำจากความหนาว แต่ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอกระจ่างสดใส“ดีจัง ในที่สุดนายก็กลับมาแล้ว” เธอกล่าว“พี่สาว พี่... รออยู่เหรอ?” เขาถามและสัมผัสแก้มของเธอเบา ๆ และความเย็นจากแก้มเธอทำให้ปลายนิ้วของเขาจั๊กจี้ ดูเหมือนว่าเธอจะรออยู่ข้างนอกมานานแล้ว"ใช่ ฉันกังวลมากเพราะดึกแล้วนายยังไม่กลับมา นายกลับมาอย่างปลอดภัยฉันก็โล่งใจแล้ว" เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มเขาตากระตุก เธอเป็นห่วงจินไม่ใช่อี้จิ่นหลีทายาทของอี้กรุ๊ป หากเธอรู้ว่าเขาคืออี้จิ่นหลีในอนาคตเธอจะยังคงเป็นห่วงเขาอยู่ไหมนะเขายกมุมปากขึ้นพร้อมพูดว่า "ฉันแจกใบปลิวเสร็จช้าไปหน่อย มือของพี่เย็นแล้วฉันจ
"ถ้านายไม่ได้ทำเรื่องผิดกฎหมาย ทำไมฉันจะต้องผิดหวังล่ะ?" เธอถามขณะใส่ถุงเท้าและรองเท้าอีกครั้ง จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะสี่เหลี่ยมเล็ก ๆเขายิ้มและมองเธอเดินไป ดวงตาของเขาหม่นลงและเขากระซิบกับตัวเองว่า "ก็ดีพี่สาว ฉันหวังว่าเธอจะไม่ผิดหวังในอนาคต"—ตั้งแต่คืนนั้นที่คลับ หลิงลั่วอินก็รู้สึกวิตกกังวลอยู่ตลอด เพราะท่าทางของผู้ช่วยผู้กำกับเหอในวันนั้นแปลกชอบกลและในวันต่อมาผู้ช่วยผู้กำกับเหอก็ไม่ปรากฏตัวที่กองถ่ายอีกเลย สองวันต่อมาขนาดผู้กำกับยังโดนเปลี่ยนตัวสำหรับเหตุผลของการเปลี่ยนผู้กำกับดูเหมือนไม่มีใครในทีมงานภาพยนตร์ที่สามารถอธิบายได้ แต่หลิงลั่วอินรู้สึกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้ช่วยผู้กำกับ หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับหลิงอี้หรานไม่กี่วันต่อมาเมื่อเธอได้ยินว่าผู้ช่วยผู้กำกับเหอบาดเจ็บต้องเข้าโรงพยาบาลและดูเหมือนว่ามือขวาของเขาจะบาดเจ็บจนไม่สามารถใช้การได้ไปตลอดชีวิต เธอก็ตกตะลึงงัน มือขวาของเขา... ถ้าเธอจำไม่ผิดนั่นคือมือที่เขาใช้ตบหลิงอี้หรานคืนนั้น หลิงลั่วอินตื่นตระหนก นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?ท่าทางแปลก ๆ หลังจากผู้ช่วยผู้กำกับเหอรับสายโทรศัพท์ในคืนนั้น
"ตราบใดที่นายไม่ทำสิ่งผิดกฎหมายทำไมฉันจะต้องผิดหวัง?" เธอถามขณะใส่ถุงเท้าและรองเท้าอีกครั้ง จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะสี่เหลี่ยมเล็ก ๆเขายิ้มและมองเธอกลับไป ดวงตาของเขาเป็นประกายและเขากระซิบกับตัวเองว่า "ก็ดี พี่สาว ฉันหวังเป็นอย่างยื่งว่าเธอจะไม่ผิดหวังในอนาคต"—ตั้งแต่คืนนั้นที่คลับ หลิง ลั่วอิน รู้สึกวิตกกังวล อย่างไรก็ตามการแสดงออกของผู้ช่วยผู้กำกับเหอในวันนั้นเป็นเรื่องแปลก ๆ ชอบกลและในวันต่อมาผู้ช่วยผู้กำกับเหอก็ไม่ปรากฏตัวในที่ทำงานอีกเลย หลังจากนั้นอีกวันผู้กำกับก็ถูกเปลี่ยนไปสำหรับเหตุผลดูเหมือนไม่มีใครในทีมงานภาพยนตร์ที่สามารถอธิบายได้ อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางประการ หลิง ลั่วอิน รู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงของผู้กำกับภาพยนตร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ช่วยผู้กำกับ เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้นเธอก็เริ่มกลัวว่ามันจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับหลิง อี้หรานสำหรับเรื่องเหตุผลแล้ว ไม่มีใครในทีมงานภาพยนตร์ที่จะสามารถอธิบายมันได้เลย อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง หลิง ลั่วอิน รู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงของผู้กำกับภาพยนตร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ช่วยผู้กำกับเหอ เมื่อเธอนึกถึงเรื่องนี้มากข
หลิงกว๋อจื้อ ฟางซุ่ยเอ๋อและหลินลั่วอินมองหน้ากันฟางซุ่ยเอ๋อยากจะด่าอีกแต่จู่ ๆ หลิงกว๋อจื้อก็ห้ามไว้ "เอาเถอะ บางทีหมอนั่นอาจออกจากคุกมาเหมือนกัน! ในคุกมีคนอยู่ทุกประเภท ใครจะรู้ว่าทำไมเขาถึงได้ติดคุก"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟางซุ่ยเอ๋อก็ลังเลแล้วพูดว่า "แล้วพวกเราจะปล่อยมันไปแบบนั้นเหรอ?"หลิงกว๋อจื้อลังเลอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า "รอดูก่อนเถอะ ถ้าผู้ช่วยผู้กำกับเหอจะเอาเรื่องลั่วอิน เราก็ค่อยคิดหาทาง" เขาไม่มีความกล้าที่จะเผชิญชายคนนั้นอีกหลิงลั่วอินขมวดคิ้ว ชายคนเมื่อกี้เคยอยู่ในคุกจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ แม้ว่าดวงตาของชายคนนั้นถูกปิดไว้ด้วยผมหน้าม้า แต่เธอก็ยังสังเกตเห็นได้ว่าเขาดูดี…อีกอย่างเธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นดูคุ้น ๆ เหมือนกับว่าเธอเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อนหรือชายคนนี้อยู่ในแวดวงบันเทิงด้วย?ในห้องเช่า หลิงอี้หรานมองอี้จิ่นหลีและพูดว่า "ขอบใจนะ" ถ้าจินไม่กลับมาเธอคงจะถูกพ่อของเธอทุบตีไปแล้วเมื่อกี้นี้ "ฉันก็แค่ช่วยพี่สาว ไม่มีอะไรต้องขอบคุณหรอก นั่นเป็นเรื่องที่ฉันควรทำอยู่แล้ว" เขาพูดพร้อมมองไปที่ข้อเท้าของเธอ "มันยังไม่หายดีเลยนะ ฉันจะทาน้ำมันไพลให้พี่เอง"ในขณะที่เขาพู
ย้อนกลับไปตอนนั้นในคุกหลิงอี้หรานตัวคนเดียว ถ้าเหลียนอีไม่มาเยี่ยมเธอบ่อย ๆ เพื่อให้กำลังใจเธอและวิ่งเต้นเรื่องคดีเพื่อเธอ หลิงอี้หรานอาจไม่ได้ออกจากคุกมาแบบมีชีวิตก็เป็นได้เหลียนอีเป็นคนที่คอยให้การดูแลสนับสนุนเธอตลอดสามปีที่ผ่านมาฟางช่วยชีวิตเหรอ? ดวงตาของอี้จิ่นหลีเปล่งประกาย ชินเหลียนอีดูเหมือนจะมีตำแหน่งพิเศษในหัวใจของหลิงอี้หราน อี้จิ่นหลีถาม "แล้วพี่ไม่คิดเหรอว่ามันเป็นเรื่องตลกที่เห็นคน ๆ หนึ่งเป็นฟางช่วยชีวิต? หากวันหนึ่งถ้าฟางช่วยชีวิตทอดทิ้งพี่ไปแล้วพี่จะไม่รู้สึกสิ้นหวังเหรอ?”“เหลียนอีไม่มีวันทำแบบนั้นแน่นอน” เธอพูดอย่างมั่นใจ ดวงตาเธอฉายแววเชื่อมั่นอี้จิ่นหลีไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกไม่สบายใจ เขาไม่ชอบที่หลิงอี้หรานเชื่อใจคนอื่นเหมือนเธอจะทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อคน ๆ นั้น…หลายวันต่อมาปริมาณงานของหลิงอี้หรานก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากเจ้าหน้าที่บริหารจากศูนย์บริการสุขาภิบาลจะเข้ามาตรวจสอบ ในบางครั้งเธออาจจะต้องทำงานล่วงเวลา โชคดีที่เมื่อเธอกลับบ้านมา จินจะเตรียมอาหารเย็นไว้รอเธอและนั่นทำให้หัวใจของเธออบอุ่นขึ้น เธอเคยบอกจินว่าให้เขากินข้าวเย็นไปก่อนถ้าเธอกลับบ้านด