Share

บทที่ 4

หลิงลั่วอินหน้าซีดเผือดและหลิงกว๋อจื้อก็ตบหน้าหลิงอี้หรานฉาดใหญ่

"แกกำลังพูดเรื่องอะไร? แกขับรถชนคนตายแล้วติดคุก เพราะเรื่องนี้ทั้งครอบครัวของเราต้องอับอายเพราะแก แกมันไร้อนาคตไปแล้ว แกต้องการทำลายอนาคตของน้องสาวด้วยหรือไง?” หลิงกว๋อจื้อด่า

แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจลูกสาว เมื่อเขานึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ครอบครัวของเขาอยู่ในระดับเดียวกับตระกูลเซียว เขามีหน้ามีตามาก แต่ตอนนี้เขาเสียความนับถือพวกนั้นไปหมดแล้ว

แก้มของหลิงอี้หรานเจ็บมากและเหมือนถูกไฟเผา แต่การแสดงออกของเธอยังคงสงบราวกับว่าเธอไม่สนใจเลย

“เดิมทีฉันแค่อยากจะมาจุดธูปให้แม่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันไม่จำเป็นต้องมาจุดที่นี่แล้ว ฉันจะไม่เหยียบเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้อีกแล้ว” หลิงอี้หรานบอก

หลังจากพูดจบหลิงอี้หรานก็หันกลับและเดินออกจากที่ที่เคยเป็นบ้านของเธอ ที่นี่ไม่ใช่ ‘บ้าน’ ของเธออีกต่อไปแล้ว

เมื่อหลิงอี้หรานกลับมาถึงอะพาร์ตเมนต์ของเธอ สถานที่นั้นช่างมืดมิดและไม่มีไฟเปิดใด ๆ เมื่อเธอเปิดไฟเธอก็ได้รับการต้อนรับด้วยความเงียบงัน

ห้องขนาดสิบตารางเมตรนี้ เเค่เพียงมองแวบเดียวเธอก็สามารถบอกได้ทันทีว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง จินจากไปแล้วเหรอ? จู่ ๆ หัวใจของเธอก็รู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อย ในที่สุดแล้วก็เหลือเพียงเเค่เธอคนเดียว

หลิงอี้หรานหัวเราะด้วยความขมขื่น ขณะที่เธอกำลังจะหันหลังกลับเพื่อปิดประตู เธอก็เห็นร่างหนึ่งเดินมาหาเธออย่างช้า ๆ เธอชะงัก

นั่นคือจิน!

เขายังคงสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ ชุดเมื่อวาน ในขณะที่เขาถุงใบหนึ่งไว้ในมือ ผมหน้าม้าเกือบปกคลุมส่วนบนใบหน้าของเขาทำให้ยากต่อการที่คนอื่นจะมองหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน แต่เธอรู้ว่าภายใต้ผมหน้าม้านั้นเป็นใบหน้าที่สามารถครองใจใครหลาย ๆ คนได้

คนเเบบนี้… เขาเป็นคนไร้บ้านจริง ๆ หรือ?

ที่จริงเธอก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย เธอรู้ว่าการตัดสินใจหุนหันพลันแล่นพาเขาเข้ามาบ้านแบบนี้อาจจะเป็นอันตราย แต่เธอก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไว้ได้

เพราะยังไงมนุษย์ก็เป็นสัตว์สังคม

"ฉันกลับมาแล้ว" เสียงที่เย็นชาและเฉยเมยดังขึ้น เเต่ก็ฟังดูเหมือนเป็นเสียงที่ไพเราะที่สุด

ลำคอของเธอก็รู้สึกตีบตันและคำพูดของเธอก็ติดอยู่ในลำคอ “ฉัน… ฉันคิดว่าคุณจะไม่กลับมาแล้วซะอีก”

เขาจ้องมองเธอ “ฉันแค่ออกไปซื้อของ”

เธอเบี่ยงตัวไปด้านหนึ่ง ให้เขาเข้ามาในห้องและปิดประตู จากนั้นเธอก็เห็นซาลาเปาสีขาวสองลูกในถุงที่เขาถืออยู่

เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนและรู้สึกว่าน้ำหนักที่กดทับบนบ่าผ่อนคลายลง

“เดี๋ยวเราค่อยกินข้าวกัน เเต่ก่อนอื่นฉัน… ต้องจุดธูปให้แม่ฉันก่อน วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของท่าน” หลิงอี้หรานกล่าว เธอหยิบเทียนสีแดงและธูปที่ซื้อมาระหว่างทางกลับบ้านออกมาวางบนแท่นเล็ก ๆ

มีกรอบรูปตั้งอยู่ มันเป็นภาพถ่ายขาวดำของผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงในรูปถ่ายอายุประมาณ 30 ปี เธอดูอ่อนโยนและงดงาม

เธอจุดเทียนและธูปก่อนถือธูปไว้ในมือแล้วโค้งคำนับรูปนั้นสามครั้งด้วยความเคารพ

“แม่คะ ตอนนี้หนูเริ่มชีวิตใหม่แล้ว หนูมีชีวิตที่ดี หนูมีงานทำพร้อมที่จะเลี้ยงปากท้องตัวเองได้ แม่วางใจได้เลยนะคะ และในอนาคตหนูจะมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น…”

อี้จินหลี่ยืนอยู่ข้าง ๆ และมองผู้หญิงตรงหน้าของเขา เธอมีรอยยิ้มบนริมฝีปาก อย่างไรก็ตามดวงตารูปอัลมอนต์ของเธอดูมีน้ำตา แสงสลัวของเทียนและโคมไฟผสมเข้าด้วยกันทำให้แสงละมุนกระทบใบหน้าของเธอ

เธอมีคิ้วโก่ง จมูกเล็ก และริมฝีปากชมพู เธอไม่ได้ดูแย่แต่อี้จิ่นหลี เคยเห็นผู้หญิงสวย ๆ มามากจนไม่ได้ประทับใจใครง่าย ๆ ในตอนนั้นห่าวเหมยยวี่ คู่หมั้นของเขาก็เป็นคนสวยหาตัวจับยากเช่นกัน สำหรับอี้จิ่นหลี รูปลักษณ์ของหลิงอี้หรานเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ

เขาได้เห็นข้อมูลของเธอและรู้ว่าวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของเเม่เธอ เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่เพิ่งออกจากคุกและทำงานกวาดถนน แต่เธอก็ยังบอกว่าเธอทำได้ดี?

"นอกจากนี้หนูยังมีคนอยู่ด้วย" เธอพูดเบา ๆ จากนั้นเธอก็หันหน้าไปมองเขาด้วยดวงตากลมของเธอ ภายใต้แสงเทียนเธอดูสงบนิ่งและพึงพอใจ ราวกับว่าการที่มีเขาอยู่เป็นแหล่งความสุขของเธอ จากนั้นเธอก็หันกลับไปมองที่รูป

“หนูสบายดีมากค่ะแม่ แม่สามารถพักผ่อนอย่างสบายใจได้แล้วนะคะ”

หลังจากกล่าวจบแล้วเธอก็คำนับอีกสามครั้งด้วยความเคารพจากนั้นเธอก็ปักธูปลงกระถาง จากนั้นเธอก็ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ และมองไปที่ภาพถ่ายภายในกรอบนั้น

หลังจากผ่านไป 15 นาทีธูปก็ไหม้หมด หลิงอี้หรานเป่าเทียนให้ดับแล้วพูดกับอี้จิ่นหลีว่า "เอาล่ะฉันจะทำความสะอาดและทำซุปมะเชือเทศกับไข่ กินข้าวเย็นด้วยกันนะ"

“แน่นอน” เขาตอบรับ

เธอรีบเก็บข้าวของขึ้นก่อนจะหยิบไข่และมะเขือเทศออกจากตู้เย็นแล้วทำไข่กับซุปมะเขือเทศ อย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็เริ่มทานอาหารเย็นพร้อมกับหมั่นโถวเป็นเครื่องเคียง

"โอ้ ใช่สิ จิน ที่ผ่านมาคุณทำงานอะไรเหรอ?" หลิง อี้หราน ถามขณะที่เธอกิน

“ฉันทำงานทุกอย่าง ถ้ามีงานให้ทำฉันก็จะทำ ถ้าไม่มีฉันก็แค่หาที่พักผ่อน” เขากล่าว

พักผ่อน? เธอสงสัยว่าการ "พักผ่อน" ของเขาหมายถึงการนั่งข้างถนนอย่างไร้ชีวิตชีวาเหมือนเมื่อวานอย่างนั้นหรือ? เขาคงต้องได้รับความทุกข์ทรมานมากในอดีต ไม่อย่างนั้นเขาจะออกมานั่งข้างถนนทำไมในคืนฤดูหนาว?

“แล้วคุณอายุเท่าไรเหรอ?” เธอถามอีกครั้ง

“27” เขาตอบ

“เราอายุเท่ากันเลย” เธอกล่าวด้วยความประหลาดใจ “คุณเกิดในเดือนไหน?”

“พฤศจิกายน”

“ของฉันเดือนกรกฎาคม ฉันแก่กว่าไม่กี่เดือน” หลิงอี้หรานกล่าว “คุณไม่มีครอบครัว ฉันก็ไม่มีเหมือนกัน ทำไมคุณเรียกฉันเป็นพี่สาวล่ะ ฉันก็จะฏิบัติกับคุณเหมือนน้องชายของฉันเหมือนกันดีไหม?”

"พี่สาวเหรอ?" เขาหัวเราะเบา ๆ ไม่เคยมีใครกล้าเป็นพี่สาวของเขามาก่อน แต่ผู้หญิงคนนี้ยังกล้าจะบอกว่าตัวเองจะเป็นพี่สาวของเขา ถ้าเธอรู้ว่าเขาเป็นใครเธอจะยังกล้าพูดแบบนั้นอีกไหม? แต่อาจจะเพราะการที่เธอไม่รู้นี่แหละที่ทำให้น่าสนใจ

“ไม่ได้เหรอ?” ดวงตาของเธอหม่นลง

เมื่อแม่ของเธอจากไปตอนที่เธอเพิ่งอายุได้เพียง 3 ขวบ เธอรู้แค่ว่าแม่ของเธอแท้งโดยบังเอิญและเสียชีวิต ส่วนทารกที่อยู่ในท้องได้ทราบข่าวจากผู้เฒ่าผู้แก่และญาติของครอบครัวว่ามีอายุได้ 6 เดือนแล้วเป็นเด็กผู้ชาย แต่น่าเสียดายที่เขามีชีวิตอยู่ได้เพียง 10 นาทีหลังจากถูกนำตัวออกมาเท่านั้น ถ้าเด็กคนนั้นรอดชีวิตมาได้เขาคงเป็นน้องชายของเธอและบางทีเธออาจจะไม่เหงาเหมือนตอนนี้

“แน่ใจนะว่าอยากเป็นพี่สาวของฉัน” จู่ ๆ เสียงของเขาก็ดังขึ้น

เธอเงยหน้าขึ้นและมองดวงตาที่สวยงามและแววตาที่มีเสน่ห์อันเย้ายวนของเขาอยู่ด้านหลังผมม้าของเขา แววตาของเขาชัดเจนแต่ก็เหมือนมีหมอกปกปิดอยู่

“อื้ม” เธอตอบ

"แต่ฉันไม่มีบ้านหรืออันที่จริงก็คือไม่มีงานทำด้วย ลำพังตัวเองยังหาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำไมเธอถึงอยากเป็นพี่สาวของฉันล่ะ?" เขาถาม

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status