Share

บทที่ 4

Penulis: ต้นไผ่น้อย
หลิงลั่วอินหน้าซีดเผือดและหลิงกว๋อจื้อก็ตบหน้าหลิงอี้หรานฉาดใหญ่

"แกกำลังพูดเรื่องอะไร? แกขับรถชนคนตายแล้วติดคุก เพราะเรื่องนี้ทั้งครอบครัวของเราต้องอับอายเพราะแก แกมันไร้อนาคตไปแล้ว แกต้องการทำลายอนาคตของน้องสาวด้วยหรือไง?” หลิงกว๋อจื้อด่า

แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจลูกสาว เมื่อเขานึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ครอบครัวของเขาอยู่ในระดับเดียวกับตระกูลเซียว เขามีหน้ามีตามาก แต่ตอนนี้เขาเสียความนับถือพวกนั้นไปหมดแล้ว

แก้มของหลิงอี้หรานเจ็บมากและเหมือนถูกไฟเผา แต่การแสดงออกของเธอยังคงสงบราวกับว่าเธอไม่สนใจเลย

“เดิมทีฉันแค่อยากจะมาจุดธูปให้แม่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันไม่จำเป็นต้องมาจุดที่นี่แล้ว ฉันจะไม่เหยียบเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้อีกแล้ว” หลิงอี้หรานบอก

หลังจากพูดจบหลิงอี้หรานก็หันกลับและเดินออกจากที่ที่เคยเป็นบ้านของเธอ ที่นี่ไม่ใช่ ‘บ้าน’ ของเธออีกต่อไปแล้ว

เมื่อหลิงอี้หรานกลับมาถึงอะพาร์ตเมนต์ของเธอ สถานที่นั้นช่างมืดมิดและไม่มีไฟเปิดใด ๆ เมื่อเธอเปิดไฟเธอก็ได้รับการต้อนรับด้วยความเงียบงัน

ห้องขนาดสิบตารางเมตรนี้ เเค่เพียงมองแวบเดียวเธอก็สามารถบอกได้ทันทีว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง จินจากไปแล้วเหรอ? จู่ ๆ หัวใจของเธอก็รู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อย ในที่สุดแล้วก็เหลือเพียงเเค่เธอคนเดียว

หลิงอี้หรานหัวเราะด้วยความขมขื่น ขณะที่เธอกำลังจะหันหลังกลับเพื่อปิดประตู เธอก็เห็นร่างหนึ่งเดินมาหาเธออย่างช้า ๆ เธอชะงัก

นั่นคือจิน!

เขายังคงสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ ชุดเมื่อวาน ในขณะที่เขาถุงใบหนึ่งไว้ในมือ ผมหน้าม้าเกือบปกคลุมส่วนบนใบหน้าของเขาทำให้ยากต่อการที่คนอื่นจะมองหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน แต่เธอรู้ว่าภายใต้ผมหน้าม้านั้นเป็นใบหน้าที่สามารถครองใจใครหลาย ๆ คนได้

คนเเบบนี้… เขาเป็นคนไร้บ้านจริง ๆ หรือ?

ที่จริงเธอก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย เธอรู้ว่าการตัดสินใจหุนหันพลันแล่นพาเขาเข้ามาบ้านแบบนี้อาจจะเป็นอันตราย แต่เธอก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไว้ได้

เพราะยังไงมนุษย์ก็เป็นสัตว์สังคม

"ฉันกลับมาแล้ว" เสียงที่เย็นชาและเฉยเมยดังขึ้น เเต่ก็ฟังดูเหมือนเป็นเสียงที่ไพเราะที่สุด

ลำคอของเธอก็รู้สึกตีบตันและคำพูดของเธอก็ติดอยู่ในลำคอ “ฉัน… ฉันคิดว่าคุณจะไม่กลับมาแล้วซะอีก”

เขาจ้องมองเธอ “ฉันแค่ออกไปซื้อของ”

เธอเบี่ยงตัวไปด้านหนึ่ง ให้เขาเข้ามาในห้องและปิดประตู จากนั้นเธอก็เห็นซาลาเปาสีขาวสองลูกในถุงที่เขาถืออยู่

เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนและรู้สึกว่าน้ำหนักที่กดทับบนบ่าผ่อนคลายลง

“เดี๋ยวเราค่อยกินข้าวกัน เเต่ก่อนอื่นฉัน… ต้องจุดธูปให้แม่ฉันก่อน วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของท่าน” หลิงอี้หรานกล่าว เธอหยิบเทียนสีแดงและธูปที่ซื้อมาระหว่างทางกลับบ้านออกมาวางบนแท่นเล็ก ๆ

มีกรอบรูปตั้งอยู่ มันเป็นภาพถ่ายขาวดำของผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงในรูปถ่ายอายุประมาณ 30 ปี เธอดูอ่อนโยนและงดงาม

เธอจุดเทียนและธูปก่อนถือธูปไว้ในมือแล้วโค้งคำนับรูปนั้นสามครั้งด้วยความเคารพ

“แม่คะ ตอนนี้หนูเริ่มชีวิตใหม่แล้ว หนูมีชีวิตที่ดี หนูมีงานทำพร้อมที่จะเลี้ยงปากท้องตัวเองได้ แม่วางใจได้เลยนะคะ และในอนาคตหนูจะมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น…”

อี้จินหลี่ยืนอยู่ข้าง ๆ และมองผู้หญิงตรงหน้าของเขา เธอมีรอยยิ้มบนริมฝีปาก อย่างไรก็ตามดวงตารูปอัลมอนต์ของเธอดูมีน้ำตา แสงสลัวของเทียนและโคมไฟผสมเข้าด้วยกันทำให้แสงละมุนกระทบใบหน้าของเธอ

เธอมีคิ้วโก่ง จมูกเล็ก และริมฝีปากชมพู เธอไม่ได้ดูแย่แต่อี้จิ่นหลี เคยเห็นผู้หญิงสวย ๆ มามากจนไม่ได้ประทับใจใครง่าย ๆ ในตอนนั้นห่าวเหมยยวี่ คู่หมั้นของเขาก็เป็นคนสวยหาตัวจับยากเช่นกัน สำหรับอี้จิ่นหลี รูปลักษณ์ของหลิงอี้หรานเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ

เขาได้เห็นข้อมูลของเธอและรู้ว่าวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของเเม่เธอ เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่เพิ่งออกจากคุกและทำงานกวาดถนน แต่เธอก็ยังบอกว่าเธอทำได้ดี?

"นอกจากนี้หนูยังมีคนอยู่ด้วย" เธอพูดเบา ๆ จากนั้นเธอก็หันหน้าไปมองเขาด้วยดวงตากลมของเธอ ภายใต้แสงเทียนเธอดูสงบนิ่งและพึงพอใจ ราวกับว่าการที่มีเขาอยู่เป็นแหล่งความสุขของเธอ จากนั้นเธอก็หันกลับไปมองที่รูป

“หนูสบายดีมากค่ะแม่ แม่สามารถพักผ่อนอย่างสบายใจได้แล้วนะคะ”

หลังจากกล่าวจบแล้วเธอก็คำนับอีกสามครั้งด้วยความเคารพจากนั้นเธอก็ปักธูปลงกระถาง จากนั้นเธอก็ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ และมองไปที่ภาพถ่ายภายในกรอบนั้น

หลังจากผ่านไป 15 นาทีธูปก็ไหม้หมด หลิงอี้หรานเป่าเทียนให้ดับแล้วพูดกับอี้จิ่นหลีว่า "เอาล่ะฉันจะทำความสะอาดและทำซุปมะเชือเทศกับไข่ กินข้าวเย็นด้วยกันนะ"

“แน่นอน” เขาตอบรับ

เธอรีบเก็บข้าวของขึ้นก่อนจะหยิบไข่และมะเขือเทศออกจากตู้เย็นแล้วทำไข่กับซุปมะเขือเทศ อย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็เริ่มทานอาหารเย็นพร้อมกับหมั่นโถวเป็นเครื่องเคียง

"โอ้ ใช่สิ จิน ที่ผ่านมาคุณทำงานอะไรเหรอ?" หลิง อี้หราน ถามขณะที่เธอกิน

“ฉันทำงานทุกอย่าง ถ้ามีงานให้ทำฉันก็จะทำ ถ้าไม่มีฉันก็แค่หาที่พักผ่อน” เขากล่าว

พักผ่อน? เธอสงสัยว่าการ "พักผ่อน" ของเขาหมายถึงการนั่งข้างถนนอย่างไร้ชีวิตชีวาเหมือนเมื่อวานอย่างนั้นหรือ? เขาคงต้องได้รับความทุกข์ทรมานมากในอดีต ไม่อย่างนั้นเขาจะออกมานั่งข้างถนนทำไมในคืนฤดูหนาว?

“แล้วคุณอายุเท่าไรเหรอ?” เธอถามอีกครั้ง

“27” เขาตอบ

“เราอายุเท่ากันเลย” เธอกล่าวด้วยความประหลาดใจ “คุณเกิดในเดือนไหน?”

“พฤศจิกายน”

“ของฉันเดือนกรกฎาคม ฉันแก่กว่าไม่กี่เดือน” หลิงอี้หรานกล่าว “คุณไม่มีครอบครัว ฉันก็ไม่มีเหมือนกัน ทำไมคุณเรียกฉันเป็นพี่สาวล่ะ ฉันก็จะฏิบัติกับคุณเหมือนน้องชายของฉันเหมือนกันดีไหม?”

"พี่สาวเหรอ?" เขาหัวเราะเบา ๆ ไม่เคยมีใครกล้าเป็นพี่สาวของเขามาก่อน แต่ผู้หญิงคนนี้ยังกล้าจะบอกว่าตัวเองจะเป็นพี่สาวของเขา ถ้าเธอรู้ว่าเขาเป็นใครเธอจะยังกล้าพูดแบบนั้นอีกไหม? แต่อาจจะเพราะการที่เธอไม่รู้นี่แหละที่ทำให้น่าสนใจ

“ไม่ได้เหรอ?” ดวงตาของเธอหม่นลง

เมื่อแม่ของเธอจากไปตอนที่เธอเพิ่งอายุได้เพียง 3 ขวบ เธอรู้แค่ว่าแม่ของเธอแท้งโดยบังเอิญและเสียชีวิต ส่วนทารกที่อยู่ในท้องได้ทราบข่าวจากผู้เฒ่าผู้แก่และญาติของครอบครัวว่ามีอายุได้ 6 เดือนแล้วเป็นเด็กผู้ชาย แต่น่าเสียดายที่เขามีชีวิตอยู่ได้เพียง 10 นาทีหลังจากถูกนำตัวออกมาเท่านั้น ถ้าเด็กคนนั้นรอดชีวิตมาได้เขาคงเป็นน้องชายของเธอและบางทีเธออาจจะไม่เหงาเหมือนตอนนี้

“แน่ใจนะว่าอยากเป็นพี่สาวของฉัน” จู่ ๆ เสียงของเขาก็ดังขึ้น

เธอเงยหน้าขึ้นและมองดวงตาที่สวยงามและแววตาที่มีเสน่ห์อันเย้ายวนของเขาอยู่ด้านหลังผมม้าของเขา แววตาของเขาชัดเจนแต่ก็เหมือนมีหมอกปกปิดอยู่

“อื้ม” เธอตอบ

"แต่ฉันไม่มีบ้านหรืออันที่จริงก็คือไม่มีงานทำด้วย ลำพังตัวเองยังหาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำไมเธอถึงอยากเป็นพี่สาวของฉันล่ะ?" เขาถาม

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • บ่วงรักนักโทษสาว   บทที่ 424

    เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร

  • บ่วงรักนักโทษสาว   บทที่ 423

    และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั

  • บ่วงรักนักโทษสาว   บทที่ 422

    “แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ

  • บ่วงรักนักโทษสาว   บทที่ 421

    ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม

  • บ่วงรักนักโทษสาว   บทที่ 420

    “ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู

  • บ่วงรักนักโทษสาว   บทที่ 419

    จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status