เจเรมี่รู้สึกอึดอัดใจเมื่อเขารับรู้ถึงการถากถางและดูถูกในสายตาของมาเดลีนเขาเม้มริมฝีปาก ขณะจ้องมองเข้าไปในดวงตาของมาเดลีน“เพราะงั้น มันจะดีมากถ้าคุณจะหยุดตามราวีฉัน คุณวิทแมน ฉันไม่อยากถูกปฏิบัติเหมือนคนที่ตายไปแล้วอีก” มาเดลีนปฏิเสธเขาอย่างไม่แยแส“มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”เจเรมี่ขยับริมฝีปากเพื่อพูดหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาจ้องมองไปที่เธอ ก่อนที่เขาจะก้มศีรษะเพื่อโน้มตัวเข้าใกล้เธอ“ผมสัญญากับคุณ มันจะไม่เกิดขึ้นอีก”มาเดลีนหัวเราะเบา ๆ “วันก่อนคุณยอมรับไหมว่าคุณทำการทดสอบฉัน คุณวิทแมน?”เจเรมี่ยังคงเงียบภายใต้น้ำเสียงที่อยากรู้อยากเห็นของเธอบางทีอาจจะเป็นเช่นนั้น ในขณะที่คนทั้งโลกรู้สึกถึงความรักที่มาเดลีนมีต่อเจเรมี่ แต่เจเรมี่เป็นคนเดียวที่รู้ว่าตัวเขาเองได้ตอบแทนความรักให้เธอกลับเช่นกันความจริงก็คือเจเรมี่เสียสติไปแล้วเมื่อวันก่อน เขาไม่ได้ทดสอบเธออะไรทั้งนั้น ไม่เลย เขาเพ้อฝันไปว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ...แต่นั่น คือทั้งหมดที่เป็นอยู่ คือเรื่องเหลือเชื่อตอนนี้ เขาตื่นมีสติแล้วเขาจะไม่เพ้อฝันให้ผู้หญิงตรงหน้าเป็นคนที่อยู่ในใจของเขาอีกเเล้วมาเดลีนใช้ความเงียบขอ
มาเดลีนตวัดสายตาไปที่พนักงานของร้านและเมเรดิธผู้หยิ่งผยอง มาเดลีนดึงบัตรออกมาอย่างไม่ให้ความสนใจมันมากนักและโยนมันไปที่หน้าของผู้ช่วยร้านที่ขู่ว่าจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย “หยิบขึ้นมาดูสิ แล้วบอกทีว่าฉันได้รับอนุญาตให้ใส่ชุดแบบนี้ได้หรือไม่”ด้วยอารมณ์ที่แปรปรวนของมาเดลีน พนักงานร้านรีบหยิบนามบัตรขึ้นมา ด้วยความตกใจเมื่ออ่านข้อความที่อยู่ในนั้น การแสดงออกของเธอเปลี่ยนเป็นเขินอายทันที เธอหน้าแดงขณะที่เธอโค้งคำนับและขอโทษมาเดลีน“ฉันขอโทษค่ะ ฉันขอโทษจริง ๆ! ฉันไม่รู้ว่าคุณคือคุณควินน์! ฉันขอโทษ จริง ๆ! โปรดยกโทษให้ฉันเถอะนะคะ!”เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมงาน พนักงานขายคนอื่น ๆ ต่างเข้ามาดูนามบัตรที่มาเดลีนโยนลงไปท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไปทันทีในขณะที่พวกเขาเริ่มขอโทษมาเดลีนเมเรดิธตกตะลึงเมื่อเห็นพนักงานในร้านต่างพากันขอโทษมาเดลีนอย่างกะทันหัน และปฏิบัติกับเธอด้วยความเคารพ“พวกเธอทำอะไร? ทำไมถึงสุภาพกับเธอจัง?” เมเรดิธกลอกตาด้วยความไม่เห็นด้วย “มีอะไรน่าตกใจเกี่ยวกับนามบัตรของผู้หญิงคนนี้หรือไงกัน?”เมเรดิธยิ้มเยาะขณะที่เธอเอื้อมมือไปหยิบและอ่านนามบัตรที่อยู่ในมือของพนั
เมเรดิธเดินทางไปที่บ้านมอนต์โกเมอรีด้วยความโกรธที่ท่วมท้น เมื่อเธอกลับมาถึง แม่บ้านได้รินชาให้เธอหนึ่งถ้วยและนำขนมมาให้เธอ“เป็นอะไรไปคะ คุณเมเรดิธ? ทานผลไม้จานนี้เพื่อไล่ความโกรธสักหน่อยเถอะค่ะ” แม่บ้านมองเธออย่างยิ้ม ๆ“เธอเป็นใครมายุ่งเรื่องของฉัน?” เมเรดิธกลอกตาอย่างไม่พอใจ “แม่ของฉันอยู่ที่ไหน?”เสียงรถแล่นเข้ามาจากประตูหลัง หลังจากที่เธอเอ่ยถาม แม่บ้านได้มองไปที่ประตู “ฉันคิดว่าคุณหญิงกลับมาแล้ว”เมื่อนั้น เมเรดิธลุกขึ้นยืนทันที “บอกแม่ทีว่าฉันอยู่ในห้องเมื่อแม่ถามหา”เมื่อออกคำสั่งแล้ว เธอคว้ากระเป๋าและรีบวิ่งขึ้นบันไดไปแม่บ้านรับรู้และมองร่างที่เดินออกไปของเมเรดิธด้วยความเกลียดชังที่มีในดวงตาของเธอ“แกเป็นคนฆ่าบริทนีย์ทางอ้อม เมเรดิธ ครอว์ฟอร์ด! บริทย์คงจะยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเรียบง่ายหากเพียงลูกสาวคนโตอย่างแกไม่ปรากฏตัวและขโมยเอาทุกสิ่งของเธอไปในทันที!”หลังจากพูดจบ เธอรู้สึกได้ว่าเอโลอิสกำลังใกล้เข้ามามากขึ้นทุกที“เมเรดิธอยู่ไหน ไดอาน่า? เธอกลับมาบ้านหรือยัง?” เสียงของเอโลอิสลอยมาในขณะที่แม่บ้านชราอยู่ตรงหน้าเอโลอิส เธอแสดงกริยาไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ในแง่ขอ
วันครบรอบ 50 ปีของตระกูลวิทแมนมาถึงในพริบตามาเดลีนทำสปาให้ตัวเองอย่างเอื่อยเฉื่อยก่อนที่จะทิ้งตัวแรง ๆ หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อเริ่มแต่งหน้าหลังจากนั้น เธอสวมชุดที่เมเรดิธทำได้เพียงแค่อยากเป็นเจ้าของ ก่อนหยิบกระเป๋าสะพายที่เป็นงานออกแบบของเธอเอง เพื่อขึ้นรถไปยังโรงแรมระดับหกดาวที่หรูหราแห่งแรกของเกลนเดลโคมไฟบนท้องถนนสว่างไสวเป็นแถวตามเส้นทางเมื่อยามค่ำคืนที่มีความมืดครอบคลุม หากมองไปที่เงาสะท้อนในหน้าต่างในรถ ริมฝีปากสีแดงของเธอถูกวาดให้ยิ้มเล็กน้อยขณะที่ยกมือขึ้นมาจัดทรงลูกผมที่อยู่รอบหน้าผากความงามของรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ดึงดูดจากริมฝีปากของมาเดลีนสะท้อนอยู่ในกระจกมองหลัง ทำให้คนขับรถสะดุดตาเกือบจะไม่หยุดรถขณะไฟแดงเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผู้หญิงที่สวยงามเช่นนี้ในขณะนั้น ทางเข้าหลักของโรงแรมระดับหกดาวเต็มไปด้วยผู้คนแล้วผู้สื่อข่าวที่มาร่วมงานต่างแย่งชิงกันเพื่อมาหาประสบการณ์โดยตรงจากงานที่หรูหราเช่นนี้ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากหยุดเก็บของชำร่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ในงานแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับคำเชิญต่างเข้ามาในโรงแรมเพื่อมายังชั้นของห้องโถงที่จัดงานเฉลิมฉลองเป็นภาพที่โดดเด่นมากสำหร
สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่มาเดลีนตั้งแต่ตอนที่เธอลงจากรถ ...ด้านในของโรงแรม เจเรมี่ขมวดคิ้ว แววตาเย็นชาของเขาเป็นประกายเมื่อเขาพบว่าตัวเองรู้สึกหงุดหงิดมากที่มาเดลีนไม่รับสายทันใดนั้น เขารู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังดึงที่ขากางเกงของเขาเจเรมี่มองลงไป เผชิญกับสีหน้าเฉยเมยของแจ็คสัน“พี่สาววีล่าอยู่ที่ไหนครับ? เธอยังไม่มาที่นี่อีกเหรอ?” แจ็คสันรอคอยการมาของมาเดลีนเป็นอย่างมากเจเรมี่รู้สึกว่าหัวใจของเขาพองโตขณะจ้องมองลูกชายของเขาสายตาของแจ็คสันมักจะทำให้เขานึกถึงสิ่งที่เขาเคยทำไว้เขาเคยทำลายขี้เถ้าของลูกสาวของตัวเองและมาเดลีนอย่างไรหัวใจของเขาเต้นรัวกับความมัวหมองทุกครั้งที่ความทรงจำเกี่ยวกับคำพูดสุดท้ายของมาเดลีน ย้อนมาในตอนที่เธอกระชากคอเสื้อของเขาถูกฉายซ้ำ ๆ ในหัวของเขา“แจ็ค”เสียงของเมเรดิธดังขึ้นมือที่จับกางเกงของเจเรมี่แน่นขึ้นเช่นเดียวกับแสงในดวงตาของเขาที่หายไป เขาปล่อยมือและรีบหลีกหนี แต่จะถูกเมเรดิธรั้งไว้ในที่สุด “ลูกจะไปไหน แจ็ค?”ด้วยรอยยิ้มจอบปลอมที่ฉาบอยู่บนใบหน้าของเธอ เมเรดิธจับข้อมือเล็กของแจ็คสันแน่นแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เจเรมี่อย่างอ่อนโยน“แม่ของคุณบอกให้เ
ดวงตาของมาเดลีนกลายเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งในปฏิกิริยาที่ตกใจของเจเรมี่ “เป็นอะไรไป เจเรมี่? ฉันไง… มาเดลีน” “... ”มาเดลีน!ชื่อนี้ดังทะลุทะลวงเข้าไปในหัวใจของเจเรมี่ราวกับมีดปลายแหลม ทิ่มหยุดลมหายใจเข้าออกของเขามาเดลีนยิ้มเหนือมุมริมฝีปากของเธออย่างสวยงามเมื่อมองไปที่สายตาที่เขม็งของเจเรมี่ เธอโน้มตัวเข้าไปใกล้เขา “เป็นอะไรไป คุณวิทแมน? ฉันคิดว่าคุณเป็นคนบอกให้มาฉันมาร่วมงานฉลองครบรอบในฐานะภรรยาเก่าของคุณไม่ใช่หรือไง?”เสียงที่นุ่มนวลของเธอทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจเขาถักถอแข่งกันเหมือนตาข่ายแต่เมื่อได้ยินคำตอบของเธอ เจเรมี่ก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาค่อย ๆ สงบลง ‘เป็นอย่างนั้นเองเหรอ ฮ่ะ?’หากมองไปที่รูปลักษณ์เธอที่สวยงาม เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาจมอยู่ในความเหงาท้ายที่สุดแล้ว เจเรมี่พยายามเก็บอารมณ์นั้นไว้กับตัวเอง อย่างรวดเร็วแต่แน่นอนว่า เขาตอบกลับด้วยการยิ้มเยาะอย่างอบอุ่นและเย้ายวน “คุณมาถึงซักที”มาเดลีนยิ้ม “ใช่ ฉันมาแล้ว”เมเรดิธไม่สามารถทนมองได้อีกต่อไป เธอโกรธที่มีระยะห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นระหว่างมาเดลีนและเจเรมี่ขณะที่ทั้งสองคุยกัน“คุณมาแแล้ว คุณควินน์”เธ
มาเดลีนยิ้มอย่างสบาย ๆ “คุณเห็นมันด้วยสองตาของคุณเองหรือไง คุณหญิงมอนต์โกเมอรี? อะไรที่ทำให้คุณแน่ใจว่า มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด เป็นผู้หญิงไร้ยางอายที่คุณกล่าวหาว่าเธอเป็น?”“แน่นอน ฉันมั่นใจ! ฉันเห็นมันด้วยตาตัวเองว่า มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด ไร้ยางอายและไร้ความปราณีแค่ไหน! ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เธอทำร้ายลูกสาวและหลานชายที่มีค่าของฉัน ความตายเป็นการลงโทษที่เบาที่สุดสำหรับผู้หญิงอย่างนั้น!”เอโลอิสขบกรามแน่นพ่นคำพูดออกมาทุกคำพูดถูกเคลือบลงไปด้วยความเกลียดชังและความรังเกียจที่เธอมีให้มาเดลีน ราวกับว่าความตายไม่เพียงพอที่จะบรรเทาความเกลียดชังในใจของเธอได้เลยวินาทีต่อมา มาเดลีนได้ยินคำเยาะเย้ยจากเอโลอิส“แม้ว่าเธอจะมีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับ มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด แต่บอกไว้เลยนะ วีล่า ฉันหวังว่าเธอจะละเว้นจากการทำตัวไร้ยางอายเหมือนผู้หญิงคนนั้น!”ด้วยการวางท่าที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่เหนือกว่า เอโลอิสเดินหนีมาเดลีนก่อนจะเดินกลับไปที่เมเรดิธคู่ ‘แม่ ลูก’ จับมือกัน ดูใกล้ชิดกันกว่าที่เคยมาเดลีนเม้มริมฝีปากของเธอเบา ๆ ขณะที่เธอจ้องมองไปที่สายตาที่น่ารังเกียจ‘โอ้ แม่‘คุณแม่สุดที่รัก‘ฉันสงสัยว่าคุณจะทำ
ใบหน้าของแทนเนอร์ซีดลงขณะที่เขาชี้นิ้วไปยังทิศทางที่มาเดลีนกำลังล้างมืออยู่ ด้วยความตกใจ เขาคลานขึ้นจากพื้นโดยใช้มือเกาะกำแพงด้วยความแข็งแกร่งของผู้ชายนั้นแรงทั้งหมดที่จะพยุงขึ้นกับกลายเป็นดูเหมือนว่าแรงทั้งหมดของเขาจะหายไปจากการทรงตัวที่จะยืนนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าร่วมในงานเฉลิมฉลองกับคนชั้นสูงเช่นนี้ เป็นเหตุผล ทำให้เขาเมาในปริมาณที่มากเพื่อกอบโกยประโยชน์จากงานนี้อย่างเต็มที่ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ รอยยิ้มอันน่าหลงใหลของมาเดลีนลอยอยู่ในม่านตาเขา ใบหน้าของเธอเป็นภาพซ้อนกันขณะที่ร่างนั้นเริ่มขยับเข้ามาใกล้เขา เขาหายใจไม่ออก!ความกลัวเกินกว่าที่จะสบตาเธอได้ เขาเริ่มพูดติดอ่างปนพึมพำ“มา มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด! ทำไมเธอไม่ปล่อยผมไป? คนที่เธอต้องจัดการคือเมเรดิธ! ไม่ใช่ผม!”เมื่อมองดูแทนเนอร์ตัวสั่นด้วยความกลัวต่อหน้าเธอ มาเดลีนก้าวไปพร้อมกับรองเท้าส้นสูงที่กระทบกันกับพื้นพร้อมเผยรอยยิ้มบนริมฝีปากที่โค้งงอของเธอ“คุณกำลังถามฉันว่าทำไมวิญญาณของมาเดลีนถึงตามหลอกหลอนคุณ? ฉันแน่ใจว่าคุณรู้ว่าทำไม?”“อ้ากก!” แทนเนอร์พุ่งเข้าไปในห้องน้ำชาย อย่างหวาดผวา “ผมไม่รู้! ผมไม่รู้อะไรเลย! ไปหาเมเร