Beranda / รักโบราณ / บ่าวหญิงของศิษย์รัก / บทที่ 9 : นางเริ่มสงสัยว่าจะคุมข้าไม่ได้

Share

บทที่ 9 : นางเริ่มสงสัยว่าจะคุมข้าไม่ได้

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-18 17:32:37

ค่ำคืนนั้น โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นไม่ได้เงียบสงบดังเคย แม้ดวงโคมจะถูกจุดสว่างไสว และเสียงหัวเราะในห้องโถงจะยังแว่วดังอย่างเป็นมิตร แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ห้าคนที่นั่งอยู่โต๊ะมุมตะวันตก กลับเริ่มส่งเสียงดังเกินความเหมาะสม

ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่ม สวมเสื้อคลุมเปิดอก เผยรอยสักพยัคฆ์คำรามที่ไหล่ข้างหนึ่ง เขาโบกจอกสุราเสียงดัง แล้วตะโกนลั่น

“ของข้ามาแล้ว ใครจะกล้าแย่งไปบ้าง ไม่มีล่ะสิ ข้านี่แหละหนึ่งในใต้หล้า!” เขาตบโต๊ะดังปังด้วยฝ่ามือหนักแน่น จนขวดสุราที่เฉินอี้เพิ่งนำมาวางสั่นไหว หกเลอะโต๊ะไปเกือบครึ่ง

“คุณชาย โปรดเบาเสียงด้วยขอรับ… ร้านของเรามีกฎไม่ให้ส่งเสียงดังรบกวนแขกท่านอื่น” เฉินอี้ค้อมศีรษะ กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ ทว่าหนักแน่นและชัดเจน

“ข้าจ่ายเงินแล้ว จะกิน จะตะโกน จะเต้น จะปล้ำคน ก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเจ้ารึ?” ชายคนนั้นหรี่ตามองเขา ก่อนจะยิ้มเยาะ

เขาง้างมือหมายจะตบเฉินอี้เล่น ทว่าเฉินอี้เพียงก้าวเท้า ขยับเพียงนิดเดียวเท่านั้น ร่างของเขาก็กลับเบี่ยงหลบการฟาดมืออย่างนุ่มนวล ไม่ใช่การโยกหลบธรรมดา แต่เป็นการก้าวเฉียงเบา ๆ ไปข้างหน้าแล้วหมุนตัวเพียงครึ่งรอบ ตามที่ได้ลองฝึกซ้อมจากคำแนะนำ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terbaru

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 10 : นางเริ่มคิดว่าข้าอาจจะถูก

    ค่ำคืนในโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นเงียบสงบอีกครั้ง หลังเหตุการณ์ความวุ่นวายผ่านไป ลูกค้าหลายคนพากันไปนอนพักตามแต่ละห้อง สายลมยามค่ำพัดเบา ๆ ผ่านม่านผ้าไหมสีฟ้าอ่อนของหน้าต่างห้องพักส่วนตัวเจ้าของโรงเตี๊ยมที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคาร กลิ่นหอมของดอกไม้และเครื่องหอมราคาแพง ยังลอยอบอวลอยู่ในอากาศซูหรงยืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องน้ำชา เส้นผมยาวถูกรวบเป็นมวยด้วยปิ่นหยก ร่างบางห่มคลุมด้วยเสื้อคลุมบางสีแดงตัวโปรด นางยังดูสง่างามเหมือนกับทุกครั้ง ทว่าในยามนี้ ขณะใช้ตะเกียบคีบใบชาหอมใส่ลงในปั้นชา มือเรียวกลับสั่นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัวนางรู้ดี ว่าร่างนางกำลังสั่นด้วยความกังวลจากภายในใจ ไม่ใช่เพียงเรื่องของอาจารย์ลั่วชิงที่นางผนึกเอาไว้ในร่างเด็กสาวไร้พิษภัยที่ไม่รู้ว่าผนึกจะเสื่อมลงเมื่อใดเท่านั้น แต่ยังมีอีกเรื่องที่ทำเอานางกังวลไม่แพ้กัน นั่นคือเรื่องของชายผู้ร่วมเตียงกับนางอยู่ทุกคืนนั่นอวี้ไป๋เฉิน สามีที่ทำเอานางเป็นกังวลอยู่ตอนนี้ กำลังนั่งอ่านบทกวีอยู่ลำพังบนเก้าอี้ของโต๊ะอ่านหนังสือ ราวกับไม่ทุกข์ร้อนกับอะไรทั้งสิ้น ทั้งที่เพิ่งถูกคุกคามไปเมื่อวานแท้ ๆ“เจ้าดูสงบจังนะ” ซูหรงเอ่ยกับคู่สนทนา โดยไม่หันกลับไปม

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 9 : นางเริ่มสงสัยว่าจะคุมข้าไม่ได้

    ค่ำคืนนั้น โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นไม่ได้เงียบสงบดังเคย แม้ดวงโคมจะถูกจุดสว่างไสว และเสียงหัวเราะในห้องโถงจะยังแว่วดังอย่างเป็นมิตร แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ห้าคนที่นั่งอยู่โต๊ะมุมตะวันตก กลับเริ่มส่งเสียงดังเกินความเหมาะสมชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่ม สวมเสื้อคลุมเปิดอก เผยรอยสักพยัคฆ์คำรามที่ไหล่ข้างหนึ่ง เขาโบกจอกสุราเสียงดัง แล้วตะโกนลั่น“ของข้ามาแล้ว ใครจะกล้าแย่งไปบ้าง ไม่มีล่ะสิ ข้านี่แหละหนึ่งในใต้หล้า!” เขาตบโต๊ะดังปังด้วยฝ่ามือหนักแน่น จนขวดสุราที่เฉินอี้เพิ่งนำมาวางสั่นไหว หกเลอะโต๊ะไปเกือบครึ่ง“คุณชาย โปรดเบาเสียงด้วยขอรับ… ร้านของเรามีกฎไม่ให้ส่งเสียงดังรบกวนแขกท่านอื่น” เฉินอี้ค้อมศีรษะ กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ ทว่าหนักแน่นและชัดเจน“ข้าจ่ายเงินแล้ว จะกิน จะตะโกน จะเต้น จะปล้ำคน ก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเจ้ารึ?” ชายคนนั้นหรี่ตามองเขา ก่อนจะยิ้มเยาะเขาง้างมือหมายจะตบเฉินอี้เล่น ทว่าเฉินอี้เพียงก้าวเท้า ขยับเพียงนิดเดียวเท่านั้น ร่างของเขาก็กลับเบี่ยงหลบการฟาดมืออย่างนุ่มนวล ไม่ใช่การโยกหลบธรรมดา แต่เป็นการก้าวเฉียงเบา ๆ ไปข้างหน้าแล้วหมุนตัวเพียงครึ่งรอบ ตามที่ได้ลองฝึกซ้อมจากคำแนะนำ

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 8 : นางไม่รู้หรอกว่าข้ายังไม่สิ้นลาย

    แสงอาทิตย์ยามสายส่องผ่านช่องไม้ระแนงของรั้วหลังโรงเตี๊ยม ตกกระทบลานดินซึ่งแห้งสะอาด เสี่ยวซุ่ยนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ หลังจากทำงานซักผ้าช่วงเช้าเสร็จ ดวงตากลมโตของนางทอดมองเฉินอี้ที่กำลังกวาดใบไม้ด้วยท่าทีจริงจังเขาขยับไม้กวาดอย่างมั่นคง ร่างกายของเขายังคงบาดเจ็บที่ช่วงไหล่ ทำให้ยกของได้ไม่ถนัดนัก แม้ซูหรงจะปฐมพยาบาลด้วยโอสถขนานเอกของตำหนักเซียนให้แล้วก็จริง แต่ก็ต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกสักพัก ถึงกระนั้นเขาก็ดึงดันจะทำงานต่อ อวี้ไป๋เฉินจึงได้มอบหมายให้เขาทำงานที่ไม่ต้องยกของ คืองานกวาดลานแทนนางเห็นสภาพบาดเจ็บของเขาก็รู้สึกอนาถใจที่ตัวเองไร้พลัง และสงสารที่คนจิตใจอารีเช่นเขา กลับไม่มีวิชายุทธ์ใดที่พอป้องกันตัวได้เลย ถึงกระนั้นลั่วชิงในร่างเสี่ยวซุ่ยก็รู้ดีว่าตนไม่สามารถเอ่ยอะไรตรง ๆ ออกมาเพื่อเป็นการชี้แนะให้เขาพัฒนาฝีมือได้ ไม่ว่าจะเป็นการพูดถึงวิชายุทธ์หรือแสดงตัวตนที่แท้จริง ล้วนถูกยันต์ผนึกไว้หมดสิ้น คำพูดของนางในตอนนี้ทำได้เพียงเจรจาอย่างเด็กสาวไร้การศึกษาที่พูดคุยตามประสาเท่านั้นแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น… ก็ใช่ว่าจะสอนใครไม่ได้เสียทีเดียว นางใช้เวลาครุ่นคิดทั้งคืนแล้วว่าจะช่วยเหลือเขาอย่าง

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 7: นางเกรี้ยวกราดที่โรงเตี๊ยมถูกบุกรุก

    ค่ำวันนั้น โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นถูกแต่งแต้มด้วยแสงโคมแดงและกลิ่นอาหารหอมฉุย และบริเวณที่กลิ่นอาหารอบอวลมากที่สุดก็เห็นจะเป็นโต๊ะสำหรับรับรองแขกพิเศษของโรงเตี๊ยมในคืนนี้เสี่ยวซุ่ยในชุดผ้าฝ้ายสะอาดเรียบร้อย เดินถือถาดอาหารเดินวนไปมา คอยเติมชาให้ผู้คน แม้จะยังเก้ ๆ กัง ๆ แต่ก็ไม่ทำถ้วยตก นางรู้สึกปลาบปลื้มกับพัฒนาการในการคุมร่างกายของตัวเองที่ทำได้ดีขึ้น แม้แต่เพียงเล็กน้อยก็ตามขณะทำงาน นางก็ลอบชำเลืองไปยังห้องรับรองหลัก ก็พบว่าแขกในคืนนั้นคือชายฉกรรจ์สี่คนที่แต่งกายคล้ายจอมยุทธ์ต่างสำนัก เสื้อลมผ้าหนา ปักสัญลักษณ์ประหลาดบนอกเสื้อ และแต่ละคนมีสีหน้าเคร่งขรึมเกินกว่าผู้มาเยี่ยมเยียนโดยไมตรี ในโต๊ะเดียวกันนั้น อวี้ไป๋เฉินนั่งอยู่หัวโต๊ะเพื่อเผชิญหน้ากับแขกทั้งสี่ เสี่ยวซุ่ยเพิ่งได้พบหน้าเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เขามีเส้นผมสีดำสนิทราวขนนกอีกา ปล่อยยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าเรียวงามได้รูป ผิวราวกับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในร่มมาเนิ่นนาน ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน ๆ คิ้วของเขาเรียวยาว ดวงตาสีน้ำตาลก็เรียวเฉียงชี้ขึ้นเล็กน้อย จมูกของเขาโด่ง รับกับใบหน้าทั้งหมดอย่างน่าพึงพอใจ เสื้อผ้าของเขาเป็นช

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 6 : นางกลั่นแกล้งข้า!

    แสงแดดยามเช้าที่สาดทอลงมาในโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นวันนี้ ดูแทบไม่ต่างจากทุกวัน แต่สำหรับเสี่ยวซุ่ยแล้ว เช้านี้มีบางอย่างผิดปกติ เพราะทันทีที่นางเดินมาถึงลานซักผ้าใต้ร่มไม้หลังโรงเตี๊ยม ก็พบกับซูหรง ในชุดเสื้อผ้าสีแดงสด กำลังยืนกอดอก รออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนจะสงบนิ่ง แต่สายตานั้นแฝงความน่าหวาดหวั่นใจบางอย่าง ทำเอาร่างกายที่ถูกทำให้มีอาการอย่างเด็กสาวทั่วไปต้องอดสั่นน้อย ๆ ไม่ได้“เสี่ยวซุ่ย วันนี้เจ้าจะต้องทำงานเพิ่ม” ซูหรงเอ่ยขึ้น ด้วยท่าทีทรงอำนาจ “เริ่มจากไปซักผ้าปูโต๊ะทั้งหมดในร้าน ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอนด้วย ข้าเตรียมไว้ให้แล้ว เจ้าต้องทำคนเดียวนะ วันนี้คนอื่นน่าจะยุ่ง ๆ กับการเตรียมตัวต้อนรับแขกพิเศษ เห็นว่าสหายเก่าของท่านอวี้ไป๋เฉินจะมาเยี่ยมเยือน”เสี่ยวซุ่ยชะงักเล็กน้อย นางรู้ดีว่านี่ไม่ใช่หน้าที่ปกติของสาวใช้ฝึกหัดทั่วไป งานเหล่านี้รวมทุกอย่างแล้ว ต้องใช้แรงกายมาก และใช้เวลาทั้งวัน หากไม่ใช่เพราะซูหรงตั้งใจสั่งเอง สาวใช้ฝึกหัดไม่น่าจะได้ทำด้วยซ้ำ“เจ้าค่ะ ข้าจะทำให้เสร็จ…” เด็กสาวพยักหน้าเบา ๆ สีหน้าเจือความลังเล แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ทำได้แต่เพียงรับคำสั่งเท่านั้น“เช่นนั

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 5 : นางทำให้ข้าจำต้องเริ่มใหม่

    เช้าวันใหม่ในโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นเริ่มต้นด้วยเสียงเก็บถาด ล้างหม้อ และกลิ่นหอมของข้าวร้อนผสมกลิ่นซุปสมุนไพรอ่อน ๆ ดังลอยปะปนกับเสียงฝีเท้าของบ่าวหญิงชายที่เดินขวักไขว่ เสี่ยวซุ่ยในชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าหม่น เดินอยู่ท่ามกลางนั้นอย่างเงียบ ๆ มือขาวนวลของนางถือตะกร้าผักแนบอก ท่าทางไม่ต่างจากสาวใช้คนอื่น ทว่าในแววตายังเจือร่องรอยของความอึดอัดบางประการเมื่อเดินเข้าไปในห้องครัว นางเห็นพี่หลินกำลังสั่งให้สาวใช้อีกคนปอกขิง เตรียมพริกแห้ง และล้างชามดินเผา“เสี่ยวซุ่ย” พี่หลินเรียกเสียงนิ่งตามเคย “วันนี้เจ้าช่วยต้มถั่วเขียวในหม้อใหญ่นั่น ข้าจะทำข้าวต้มถั่วเป็นมื้อเช้า”“เจ้าค่ะ” เสี่ยวซุ่ยตอบเรียบ ก่อนจะเดินไปที่หม้อขนาดใหญ่ ตั้งน้ำ ตวงถั่วตามที่คิดว่าเคยเห็นคนทำมาก่อน ทว่าขณะจะจุดไฟ นางกลับจ้องไม้ฟืนอยู่นานอย่างประหลาด“ไม่น่าจะยาก...” เซียนอายุนับพันในร่างเด็กสาวคิดในใจ ก่อนจะพยายามจุดไฟโดยใช้หินเหล็กและฟืนแบบชาวบ้าน แต่หลังพยายามอยู่ครู่ใหญ่ เปลวไฟกลับยังไม่ติดดีนัก ควันกลับฟุ้งขึ้นเต็มหน้า และเมื่อนางพยายามเติมถั่วในน้ำต้ม ก็พลาดทำตกกระเด็นครึ่งถุงจนกลิ้งเต็มพื้นหิน“อ๊ะ…” นางอุทานเบา ๆ พลางก้มลงเก็บ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status